สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
อาหารนานาชาติ

พิซซ่าโฮมเมด สไตล์อิตาเลียน เครื่องแน่นทำง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก

พิซซ่าโฮมเมด

หากพูดถึงเมนูพิซซ่า หลายคนคงจะนึกถึง พิซซ่า สไตล์อิตาเลียน เนื่องจากพิซซ่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี สมัยก่อนพิซซ่าถูกยกให้เป็นอาหารสำหรับคนยากจน เพราะมันถูกขายตามท้องถนน พร้อมท็อปปิ้งหลากหลาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปเมนูพิซซ่าได้ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง พร้อมกับผู้คนทั่วโลกต่างรอคอยที่จะไปลิ้มลองรสชาติพิซซ่า สไตล์อิตาเลียนแท้ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเนเปิลส์ ปัจจุบันพิซซ่า ได้รับความนิยมอย่างมากจากทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย สังเกตได้จากร้านพิซซ่าอิตาเลียนหลาย ๆ ร้านในไทยที่ขายดีอย่างมาก ถึงแม้มันจะมีราคาที่สูงด้วยเช่นกัน แต่สำหรับใครที่อยากจะทพิซซ่า สไตล์อิตาเลียนกินเองที่บ้านกับครอบครัว ในบทความนี้เราก็มีสูตรวิธีการทำพิซซ่าโฮมเมด สไตล์อิตาเลียน เครื่องแน่น รสชาติอร่อยอย่างกับนั่งเครื่องบินไปกินถึงเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลีมาแนะนำทุกคนค่ะ

ส่วนผสมของเมนู พิซซ่าโฮมเมด สไตล์อิตาเลียน

เมนู พิซซ่า โฮมเมด สไตล์อิตาเลียน เป็นเมนู อาหารนานาชาติ ที่คนไทยหลายคนชื่นชอบกันเป็นจำนวนมาก แต่จะให้เสียเงินไปกินถึงประเทศอิตาลีก็ดูจะยุ่งยากเกินไป ดังนั้นวันนี้เราจึงมีสูตรวิธีการทำพิซซ่าโฮมเมด สไตล์อิตาเลียน เครื่องแน่น มาฝากทุกคน ซึ่งเมนูนี้มีส่วนผสมที่หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือสั่งกับทางร้านออนไลน์ที่มีส่วนผสมขายค่ะ แต่ก่อนที่เราจะไปดูขั้นตอนและวิธีการทำเมนูพิซซ่าโฮมเมด สไตล์อิตาเลียน เรามาเตรียมส่วนผสมทั้งหมดกันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งส่วนผสมทั้งหมด มีดังนี้

ส่วนผสมสำหรับทำแป้งพิซซ่า สไตล์อิตาเลียน

  1. แป้งอเนกประสงค์ไม่ฟอกขาว 2½ ถ้วย (300 กรัม)
  2. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  3. ยีสต์แห้งชนิดแอคทีฟ ½ ช้อนชา หรือยีสต์สำเร็จรูป saf-instant ¾ ช้อนชา 
  4. เกลือเพชรคริสตัล kosher เล็กน้อย
  5. น้ำอุ่น (105 ° F ถึง 115 ° F) 7 ออนซ์ 
  6. น้ำมันมะกอก Extra Virgin Olive Oil 1 ช้อนโต๊ะ
  7. แป้งเซมะลีเนอร์และแป้งอเนกประสงค์ สำหรับโรยหน้าพิซซ่า

ส่วนผสมสำหรับทำซอสพิซซ่า สไตล์อิตาเลียน

  1. มะเขือเทศกระป๋องบดหรือมะเขือเทศบด 1 ถ้วย (แนะนำมะเขือเทศ CIRIO Peeled Tomatoes กระป๋อง)
  2. กระเทียมสดขูดหรือกด 2-3 กลีบ
  3. น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น 1 ช้อนชา 
  4. เกลือโคเชอร์ 2-3 หยิบมือ หรือตามความชอบ
  5. พริกไทยดำสดป่น ¼ ช้อนชา

ส่วนผสมท็อปปิ้งโรยหน้าพิซซ่า 

  1. ปาร์มีจาโนเรจจาโน หรือชีสขูดละเอียด 2-3 ช้อนโต๊ะ หรือตามความชอบ
  2. มอสซาเรลล่าชีส 7 ออนซ์ หั่นเป็นลูกเต๋าขนาด ½ นิ้ว
  3. ใบโหระพาสดใบใหญ่ 5-6 ใบ สำหรับตกแต่ง หรือใส่ตามความชอบ
  4. พริกป่นละเอียดใส่ตามความชอบ
พิซซ่าโฮมเมด

ขั้นตอนและวิธีการทำพิซซ่า สไตล์อิตาเลียน

จากส่วนผสมข้างต้น เราจะเห็นว่าเมนู พิซซ่า สไตล์อิตาเลียนมีส่วนผสมทั้งหมด 3 ส่วน นั่นหมายความว่าคุณต้องทำทั้งหมด 3 วิธี คือ วิธีทำแป้งพิซซ่า วิธีทำซอสพิซซ่า และวิธีโรย หน้าพิซซ่า โดยมีขั้นตอนและวิธีทำ ดังนี้

วิธีทำแป้งพิซซ่า สไตล์อิตาเลียน 

  1. นำแป้งอเนกประสงค์, น้ำตาล, ยีสต์และเกลือผสมลงไปในชามขนาดกลาง จากนั้นเติมน้ำอุ่นและน้ำมันมะกอก แล้วคนส่วนผสมทั้งหมดด้วยช้อนไม้จนแป้งเริ่มเข้ากัน
  2. โรยแป้งอเนกประสงค์ลงบนเคาน์เตอร์สำหรับนวดแป้ง จากนั้นนั้นแป้งที่ผสมไว้ลงไปนวดเป็นเวลา 3 นาที แป้งควรจะเหนียวเล็กน้อย แต่ไม่ควรติดบนเคาน์เตอร์ เมื่อเวลาครบแล้ว แป้งควรจะเรียบ ยืดหยุ่นเล็กน้อย จากนั้นใส่น้ำมันมะกอกลงในชามผสมขนาดใหญ่เล็กน้อย แล้วใส่แป้งที่นวดแล้วลงไปในชาม
  3. ปิดชามด้วยผ้า หรือพลาสติกแรป แล้วปล่อยให้แป้งโดขึ้นพูในอุณหภูมิห้องครัวที่อบอุ่นไม่ควรเย็นเกินไปเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจนกว่าแป้งจะมีขนาดใหม่เป็นสองเท่า 
  4. เปิดเตาอบไว้ที่ 550 ° F ( 285 องศาเซลเซียส) เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง 

วิธีทำซอสพิซซ่า พร้อมนำแป้งเข้าเตาอบ

  1. ขณะที่เตากำลังอุ่นให้เตรียมส่วนผสม ผัดมะเขือเทศบด กระเทียมสับ น้ำมันมะกอก พริกไทยและเกลือ ใส่ลงไปในชามขนาดเล็ก 

วิธีโรยหน้าพิซซ่า พร้อมนำแป้งเข้าเตาอบ

  1. แยกแป้งออกเป็นสองส่วนขนาดเท่ากัน วางแป้งโดบนจานขนาดใหญ่หรือบนเคาน์เตอร์ที่โรยแป้งไว้ แล้วคลุมด้วยพลาสติกแรป จากนั้นพักแป้งไว้ 5-10 นาที
  2. จากนั้นโรยแป้งอเนกประสงค์บนแป้งโดเล็กน้อย แล้วใช้มือทั้งสองข้างค่อย ๆ ยืดแป้งพิซซ่าหนึ่งก้อนให้เป็นวงกลมขนาดประมาณ 10 นิ้ว ถ้าแป้งเด้งกลับหรือยืดหยุ่นเกินไป ให้พักแป้งต่ออีก 5 นาที ขอบแป้งอาจหนาขึ้นเล็กน้อย แต่ตรงกลางแป้งต้องบาง
  3. โรยหรือทาแป้งเบา ๆ ด้วยน้ำมันมะกอก จากนั้นใช้ช้อนขนาดใหญ่ตักซอสพิซซ่าประมาณ ½ ถ้วยตวงลงบนแป้งพิซซ่า เว้นขอบขนาด ½ นิ้วหรือ ¾ นิ้วไว้ทุกด้าน แล้วใช้หลังช้อนเกลี่ยให้ทั่วแผ่น และโรยชีสขูดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะลงบนซอสพิซซ่า ตามด้วยใส่มอสซาเรลล่าชีส แล้วเกลี่ยให้ทั่วพิซซ่า จากนั้นใช้มือฉีกใบโหระพา โรยใบโหระพาให้ทั่วแผ่นพิซซ่า นำแผ่นพิซซ่าไปใส่เตาอบที่อุ่นไว้ จากนั้นใช้เวลาอบ 7-8 นาที หรือจนกว่าชีสจะเดือดปุด ๆ และขอบของพิซซ่าเป็นสีน้ำตาลเล็กน้อย
  4. นำพิซซ่าออกจากเตาอบ จัดใส่ถาดอาหารขนาดถึงพิซซ่า พร้อมเสิร์ฟทันที
Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

ufabetฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
อาหารนานาชาติ

ปาเอญ่า (Paella) ข้าวอบสเปนแสนอร่อย กลิ่นหอมชวนลิ้มลอง

ปาเอญ่า

ถ้าหากพูดถึงประเทศสเปน หลายคนคงจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงาม แหล่งรวมมรดกทางวัฒนธรรมอันน่าตื่นตา และอาหารรสชาติอร่อยสไตล์ยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ ถึงแม้อาหารสเปนอาจไม่คุ้นหู หรือคุ้นปากชาวไทยเหมือนกับอาหารอิตาเลียน แต่หากคุณมีโอกาสได้ลิ้มลองอาหารสเปนเราขอแนะนำ ปาเอญ่า (Paella) หรือข้าวอบสเปน อาหารขึ้นชื่อประจำชาติของประเทศสเปนที่คนไทยมักเรียกว่าข้าวผัดสเปน แต่จริง ๆ แล้วเมนูนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเอาข้าวไปผัดในกระทะเลย ความจริงมันคือการนำเอาข้าวที่หุงสุกแล้วมาผสมกับเนื้อสัตว์และน้ำสต็อกในกระทะแบนใบใหญ่แล้วทำการอบต่างหาก 

สิ่งที่ทำให้เมนูปาเอญ่าน่าลิ้มลองคือ เมนูนี้อัดแน่นไปด้วยเครื่องซีฟู้ดเน้น ๆ แถมยังมีรสชาติเข้มข้นสุด ๆ และหน้าตาสวยงามชวนน่ารับประทาน ที่สำคัญเมนูปาเอญ่าน่า เป็นการผสมผสาน 3 วัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน นั่นคือ วัฒนธรรมสเปน วัฒนธรรมโรมัน และวัฒนธรรมอาหรับ จึงไม่แปลกที่นักชิมทั่วโลกต่างรอต่อแถวเพื่อลิ้มลองรสชาติสักครั้ง แต่สำหรับใครที่ไม่อยากเสียเงินนั่งเครื่องบินไปถึงประเทศสเปน ในบทความนี้เราก็มีขั้นตอนและวิธีการเมนูปาเอญ่า (Paella) หรือข้าวอบสเปนให้อร่อยไม่แพ้สูตรต้นตำรับมาฝากทุกคน รับรองเลยว่าสูตรนี้จะต้องถูกปากคุณและคนในครอบครัวแน่นอน

ส่วนผสมของเมนู ปาเอญ่า (Paella) หรือข้าวอบสเปนแสนอร่อย

เมนู ปาเอญ่า (Paella) หรือ ข้าวอบสเปน เป็นเมนู อาหารนานาชาติ ที่หลายคนอยากลิ้มลองรสชาติดูสักครั้ง ปาเอญ่ามีลักษณะเป็นข้าวที่ติดอยู่ก้นกระทะ เป็นข้าวที่กรอบเกรียมแต่ไม่ได้ไหม้ ให้ความรู้สึกกรุบกรอบ กลิ่นหอม รสชาติอร่อย เมนูปาเอญ่าสูตรดั้งเดิมมักใส่เนื้อไก่ หรือเนื้อกระต่าย บางครั้งก็ใส่ซีฟู้ด ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณไปพบกับขั้นตอนการทำเมนูปาเอญ่า ซีฟู้ด ซึ่งสูตรนี้เราเอามาจากช่อง YouTube ที่มีชื่อว่า CentralFood TV แต่ก่อนจะไปดูขั้นตอนและวิธีการ เรามาดู ส่วนผสม ทั้งหมดของเมนูปาเอญ่า กันก่อนเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำเมนูปาเอญ่า (Paella)

  1. กุ้งขาว / หอยแมลงภู่ / ปลาหมึก ตามความชอบ
  2. น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา
  3. หอมใหญ่สับ ¼ ลูก 
  4. ข้าวสาร 1 ถ้วย 
  5. ใบไทม์ 2-3 ต้น
  6. กระเทียมบุบ 1 กลีบ 
  7. มะเขือเทศสับ ½ ถ้วย 
  8. เกลือ เล็กน้อย
  9. พริกไทยป่น ตามความชอบ
  10. น้ำสต๊อกไก่ 1 ถ้วย 
  11. หญ้าฝรั่น 
  12. ถั่วลันเตาเขียว ½ ถ้วย 
  13. พริกหยวกแดงหั่นเส้น ตามความชอบ
ปาเอญ่า

ขั้นตอนและวิธีการทำเมนูปาเอญ่า (Paella)

หลังจากที่เราได้จัดเตรียมส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเรามาดูขั้นตอนและวิธีทำเมนู ปาเอญ่า (Paella) หรือที่คนไทยมักเรียกว่า ข้าวผัดสเปน กันต่อเลยค่ะ ซึ่งความจริงแล้วเมนูปาเอญ่าไม่ได้มีการผัดเหมือนข้าวผัดบ้านเราสักเท่าไร ส่วนใหม่นิยมไปในทางหมกมากกว่า คือต้มข้าวกับน้ำซุปจนสุกระดับหนึ่งก่อน แล้วค่อยปิดฝาปล่อยให้ข้าวระอุ กลิ่นหอม แล้วยกมารับประทานทั้งกระทะ แต่จะมีขั้นตอนและวิธีทำอย่างไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

ขั้นตอนและวิธีการทำเมนูปาเอญ่า (Paella)

  1. เริ่มต้นด้วยการเตรียมน้ำสต๊อก แล้วใส่หญ้าฝรั่นลงไป
  2. นำส่วนผสมซีฟู้ด หอยแมลงภู่ กุ้ง และปลาหมึกหั่นแว่น ไปย่างจนสุก จากนั้นนำไปพักไว้ก่อน
  3. ตั้งกระทะให้ร้อน แล้วใส่น้ำมันมะกอกลงไป จากนั้นตามด้วยลันเตาเขียว แล้วผัดใส่เครื่องปรุงรส เกลือ พริกไทย แล้วเอาขึ้นมาพักไว้ 
  4. นำพริกหยวกแดงหั่นเส้นไปผัดจนสุก แล้วพักไว้เช่นกัน
  5. ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอก และใส่ผัดหอมใหญ่หั่นเต๋าลงไปผัดจนนิ่ม
  6. จากนั้นใส่กระเทียมทุบ ใบไทม์ และมะเขือเทศสับ ลงไปผัดให้เข้ากัน
  7. ใส่ข้าวลงไปในกระทะ แล้วผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เคลือบข้าว แล้วปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยป่น
  8. เติมน้ำ 9. ต๊อกที่ผสมกับหญ้าฝรั่นลงไปกระทะไฟใช้อ่อน จากนั้นปิดฝากระทะทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จนข้าวระอุ กลิ่นหอมออกมา
  9. พอข้าวสุก ตักใส่กระทะทรงแบน จากนั้นใส่เครื่องซีฟู้ด ถั่วลันเตาเขียว และพริกหยวกแดงหั่นเส้น ที่เตรียมไว้ แล้วตกแต่งด้วยใบไทม์สด เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเมนูปาเอญ่า (Paella) หรือข้าวอบสเปนที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้ ขอบอกเลยว่าเมนูจานเด็ดนี้นอกจากจะรสชาติอร่อย กลิ่นหอมน่าลิ้มลองแล้ว ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมาย พร้อมทั้งอัดแน่นไปด้วยข้าวและซีฟู้ดเน้น ๆ เราเชื่อว่าเมนูจานนี้จะต้องถูกอกถูกใจชาวไทยค่ะ

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

ufabetฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
ขนมเบเกอรี่

ชีสพายผลไม้รวม เมนูขนมหวานสุดคิ้วท์ เนื้อเนียนฉ่ำผลไม้รวม

ชีสพายผลไม้รวม

เอาใจคนที่ชื่นชอบกินชีสพายด้วยเมนูขนมหวานสุดคิ้วท์ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยผลไม้สดอย่างเมนู ชีสพายผลไม้รวม เป็นหนึ่งในขนมหวานที่หาซื้อทานได้ง่ายตามร้านขายขนมเบเกอรี่ หรือร้านคาเฟ่ทั่วไป ซึ่งชีสพายมีรสชาติที่อร่อยลงตัว ผสมผสานกับรสเปรี้ยวอมหวานของผลไม้รวม ทำให้ชีสพายผลไม้รวมไม่หวานเลี่ยนเกินไป แถมยังกรุบกรอบด้วยแครกเกอร์บดข้างล่าง จึงไม่แปลกที่เมนูขนมหวานชีสพายผลไม้รวมจะได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่น สำหรับใครที่ไม่อยากเดินทางไปกินถึงที่ร้านขายขนมเบเกอรี่ ในบทความนี้เราก็มีสูตรขั้นตอนการทำเมนูขนมหวานชีสพายผลไม้รวมมาแนะนำทุกคน ขอบอกเลยว่าสูตรนี้อร่อยครบรสไม่หวานเกินไป และอมเปรี้ยวหน่อย ๆ ได้กลิ่นหอมของชีสกับผลไม้สด ใครได้กินก็ต้องติดใจแน่นอนค่ะ

ส่วนผสมของเมนู ชีสพายผลไม้รวม เนื้อเนียนฉ่ำ ได้กลิ่นหอมของผลไม้รวม

เมนูขนมหวาน ชีสพายผลไม้รวม เป็นหนึ่งในเมนู ขนมเบเกอรี่ ยอดฮิตที่ไม่ว่าคุณจะไปร้านขายขนมเบเกอรี่ หรือร้านคาเฟ่คุณก็จะเห็นเมนูชีสพายวางขายอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์อย่างแน่นอน ซึ่งเมนูชีสพายผลไม้รวมจะมี ส่วนผสม ที่แตกต่างจากชีทเค้ก เนื่องจากชีสพายส่วนผสมของครีมชีสที่ไม่ผ่านการอบด้วยความร้อน และคงตัวได้ด้วยเจลาติน โดยทั่วไปเรามักจะนำชีสพายมาผสมผสานกับแยมผลไม้สำเร็จรูป และผลไม้สด ซึ่งก่อนที่เราจะไปดูขั้นตอนและวิธีทำชีสพายผลไม้รวม เรามาเริ่มต้นจัดเตรียมส่วนผสมกันก่อนดีกว่าค่ะ โดยส่วนผสมทั้งหมดมีดังต่อไปนี้

ส่วนผสมสำหรับทำเมนูขนมหวานชีสพายผลไม้รวม

  1. แครกเกอร์ 100 กรัม
  2. เนยจืดละลาย 160 กรัม
  3. ครีมชีส 200 กรัม
  4. นมข้นหวาน 45 มิลลิลิตร
  5. วิปปิงครีม 45 มิลลิลิตร 
  6. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 110 มิลลิลิตร 
  7. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  8. ซอสสตรอว์เบอร์รี่ 100 กรัม
  9. เจลลาตินผง 1 ช้อนโต๊ะ
  10. ผลไม้สดสำหรับตกแต่งตามความชอบ (สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และกีวี)
ชีสพายผลไม้รวม

ขั้นตอนและวิธีทำเมนูชีสพายผลไม้รวม

หลังจากที่เราเตรียมส่วนผสมทั้งหมดสำหรับทำ ชีสพายผลไม้รวม เรียบร้อยแล้ว เรามาดูขั้นตอนและวิธีทำเมนูชีสพายผลไม้รวมกันต่อเลยค่ะ ซึ่งสูตรการทำชีสพายผลไม้รวมที่เรานำมาแนะนำในวันนี้เป็นสูตรพิเศษที่มี วิธีทำ ที่ง่ายมาก ๆ เนื่องจากสูตรนี้เรา ไม่ใช้เตาอบ ก็สามารถทำเมนูขนมหวานชีสพายผลไม้รวม แสนอร่อยได้แล้ว ถึงแม้คุณจะไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการทำขนมมาก่อน คุณก็สามารถทำตามขั้นตอนที่เราแนะนำได้ โดยขั้นตอนและวิธีการทำชีสพายผลไม้รวม มีดังนี้

ขั้นตอนและวิธีทำเมนูชีสพายผลไม้รวม

  1. เริ่มต้นด้วยการทำฐาน โดยการนำแครกเกอร์มาปั่นให้พอหยาบ จากนั้นเทเนยจืดละลายลงไป แล้วปั่นอีกสักครู่พอให้เนยจืดละลายคลุกเคล้าจนทั่ว หรือจนกว่าส่วนผสมทั้ง 2 อย่างรวมเป็นเนื้อเดียวกันจนละเอียด
  2. จากนั้นนำมาใส่ในแม่พิมพ์ แล้วใช้ช้อนกดให้แน่น จากนั้นนำไปแช่เย็นให้มันเซตตัว ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
  3. ต่อมาเป็นการทำครีมชีส โดยการเตรียมชามผสมแล้วนำครีมชีสมาตีให้พออ่อนตัว จากนั้นนำนมข้นหวาน วิปปิงครีม โยเกิร์ตรสธรรมชาติ น้ำเลมอน และผิวเลมอนมาผสมรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกแบ่งปริมาณ ⅔ จากครีมชีสทั้งหมด และส่วนที่สองคือครีมชีสส่วนที่เหลือทั้งหมด
  4. นำครีมชีสส่วนแรกมาเทลงบนฐานพายที่แช่เย็นไว้ (ข้อ 2) แล้วนำไปแช่เย็นอีกครั้งให้เซตตัว
  5. นำครีมชีสส่วนที่สองมาผสมกับซอสสตรอว์เบอร์รี่แล้วตีให้เข้ากัน 
  6. จากนั้นเทครีมชีสซอสสตรอว์เบอร์รี่ลงไปด้านบนชีสพายให้เต็ม แล้วนำไปแช่เย็นอีกครั้งให้เซตตัว ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
  7. ตกแต่งชีสพายผลไม้รวม เมื่อครีมชีสซอสสตรอว์เบอร์รี่เซตตัวดีแล้วให้นำมาตกแต่งด้านบนด้วยผลไม้สด (สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และกีวี) เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เมนูขนมหวานชีสพายผลไม้รวม เนื้อเนียนฉ่ำผลไม้รวม ไว้รับประทานกันแล้วค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเมนูขนมหวานชีสพายผลไม้รวม สูตรง่าย ๆ ไม่ต้องใช้เตาอบ อร่อยกรุบกรอบด้วยแครกเกอร์บด มาพร้อมกับรสชาติหวามอมเปรี้ยวจากส่วนผสมของซอสสตรอว์เบอร์รี่และผมไม้สด แถมยังได้กลิ่นอายตะวันตกจากครีมชีส ทำให้เมนูขนมเบเกอรี่นี้หวานกลมกล่อมสมบูรณ์แบบ ใครได้ลิ้มลองก็ต้องตกหลุมรักเมนูชีสพายผลไม้รวมสูตรนี้แน่นอนค่ะ

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

ufabetฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
ขนมเบเกอรี่

คัพเค้กเรดเวลเวต คัพเค้กเนื้อสีแดงกำมะหยี่ หน้าบัตเตอร์ครีม เนียนนุ่ม ฟู อร่อยเกินห้ามใจ 

คัพเค้กเรดเวลเวต

เค้กเรดเวลเวตเป็นขนมเค้กยอดฮิตที่หลายคนชื่นชอบ โดยทั่วไปแล้วเค้กเรดเวลเวตจะมีลักษณะเป็นเค้กสีแดงเข้ม สีแดงอ่อน และสีน้ำตาลแดง แต่วันนี้จะพิเศษหน่อย เพราะเราจะไม่ทำเค้กเรดเวลเวต แต่จะทำ คัพเค้กเรดเวลเวต คัพเค้กเนื้อสีแดงกำมะหยี่ เนียนนุ่ม ฟู และที่สำคัญนี่ไม่ใช่คัพเค้กเรดเวลเวตธรรมดา แต่เป็นคัพเค้กเรดเวลเวตหน้าบัตเตอร์ครีม

ในปัจจุบันคัพเค้กเรดเวลเวต เป็นอีกหนึ่งคัพเค้กที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ร้านเค้ก หรือร้านคาเฟ่หลายร้านต้องมีเมนูคัพเค้กเรดเวลเวตเป็นหนึ่งในเมนูแนะนำแน่นอนค่ะ แต่สำหรับใครที่อยากลองทำคัพเค้กเรดเวลเวตเองที่บ้าน คุณสามารถติดตามดูวิธีทำได้ในบทความนี้ ซึ่งเราจะเผยวัตถุดิบที่ใช้ทำและขั้นตอนวิธีทำคัพเค้กเรดเวลเวตยังไงให้เนียนนุ่ม ฟู อร่อยถูกปากทุกคน พร้อมกับสูตรการทำบัตเตอร์ครีมสำหรับตกแต่งหน้าคัพเค้ก ขอบอกเลยว่าสูตรนี้ทำง่ายมาก ๆ คนที่ไม่เคยประสบการณ์ทำเค้กก็สามารถทำตามได้

ส่วนผสมของเมนู คัพเค้กเรดเวลเวต หน้าบัตเตอร์ครีม เนียนนุ่ม ฟู

เมนู คัพเค้กเรดเวลเวต เป็นเมนู ขนมเบเกอรี่ ที่ถูกดัดแปลงมากจากเมนู เค้กเรดเวลเวต ซึ่งหาซื้อทานได้ตามร้านเค้ก หรือร้านคาเฟ่ทั่วไป เมื่อก่อน ส่วนผสม หลักของเค้กเรดเวลเวตที่ขาดไม่ได้เลย คือ ผงโกโก้และน้ำส้มสายชู เพราะวัตถุดิบทั้งสองอย่างนี้เมื่อนำมาผสมกัน จะทำให้เกิดการทำปฏิกิริยาสารแอนโธไซยานิน ส่งผลให้เนื้อเค้กกลายเป็นสีแดงอย่างที่เราเห็น แต่ในปัจจุบันผงโกโก้จะไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำส้มสายชู เพราะผงโกโก้ในปัจจุบันมีการปรับแต่งไปจากสมัยปี 1900 ดังนั้นสำหรับเมนูคัพเค้กเรดเวลเวตเราจะใช้สีผสมอาหารสีแดงแทน เพื่อเพิ่มสีแดงในเนื้อคัพเค้ก แต่ก่อนที่เราจะไปดูขั้นตอนและวิธีการทำคัพเค้กเรดเวลเวตเรามีเตรียมส่วนผสมกันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งสูตรนี้เรามีส่วนผสมทั้งหมด ดังนี้

ส่วนผสมสำหรับทำคัพเค้กเรดเวลเวต

  1. มาร์การีน สูตรเพิ่มกลิ่นเนยสด ตราเบสท์ฟู้ดส์ 100 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 80 กรัม
  3. เบกกิ้งโซดา ½ ช้อนชา
  4. แป้งเค้ก 80 กรัม
  5. ผงโกโก้ 8 กรัม
  6. ไข่ไก่เบอร์สอง 1 ฟอง
  7. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  8. สีผสมอาหารสีแดง 1-2 ช้อนชา
  9. บัตเตอร์มิลค์ 76 กรัม

ส่วนผสมสำหรับทำบัตเตอร์ครีม

  1. น้ำตาลทราย 250 กรัม
  2. ไข่ขาว 50 กรัม
  3. เกลือ 2 กรัม
  4. น้ำสะอาด 20 กรัม
  5. เนยจืด 150 กรัม
  6. มาร์การีน สูตรเพิ่มกลิ่นเนยสด ตราเบสท์ฟู้ดส์ 150 กรัม
คัพเค้กเรดเวลเวต

ขั้นตอนและวิธีทำคัพเค้กเรดเวลเวต

หลังจากที่เราเตรียมส่วนผสมทั้งหมดสำหรับทำ คัพเค้กเรดเวลเวต เรียบร้อยแล้ว เรามาดูขั้นตอนและ วิธีทำ คัพเค้กเรดเวลเวตกันต่อเลยค่ะ ซึ่งวิธีทำที่เรานำมาแนะนำในวันนี้มีขั้นตอนการทำที่ง่ายมาก ๆ และมี รสชาติ อร่อยไม่แพ้ใครแน่นอนค่ะ ส่วนใครที่ไม่มีพื้นฐานการทำคัพเค้กก็สามารถทำตามได้นะคะ โดยขั้นตอนการทำมีทั้งหมด ดังนี้

ขั้นตอนและวิธีทำคัพเค้กเรดเวลเวต

  1. เริ่มต้นด้วยการเตรียมชามผสมใส่มาร์การีน สูตรเพิ่มกลิ่นเนยสด ตราเบสท์ฟู้ดส์ กับน้ำตาล แล้วตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นทยอยใส่ไข่ กลิ่นวานิลลา และสีผสมอาหารสีแดงลงไปผสมให้เข้ากัน
  2. เตรียมชามผสมแล้วร่อนแป้ง เบกกิ้งโซดา และผงโกโก้ ผสมเข้าด้วยกัน
  3. จากนั้นเตรียมชามผสมอีกใบ แล้วทยอยใส่แป้งที่เตรียมไว้ (ข้อ 3) สลับกับบัตเตอร์มิลค์ ลงในชามผสม โดยเริ่มจากการใส่แป้งก่อน ตามด้วยบัตเตอร์มิลค์ แล้วก็จบด้วยแป้ง ใช้เครื่องตีไข่ไฟฟ้าตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี แล้วจึงหยุดเครื่อง
  4. ใช้พายยางปาดส่วนผสมที่อยู่ในชามผสม และตะล่อมให้ทั่วกัน จากนั้นนำส่วนผสมไปหยอดใส่ถ้วยคัพเค้กที่เตรียมไว้
  5. จากนั้นนำคัพเค้กเรดเวลเวตเข้าเตาอบที่ไฟ 180 องศาเซลเซียส โดยใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที 
  6.  เมื่อคัพเค้กเรดเวลเวตสุกแล้ว ให้นำออกมาจากเตาอบ แล้วพักไว้ให้เย็น แล้วจึงนำไปตกแต่งได้

ขั้นตอนและวิธีทำบัตเตอร์ครีม

  1. เริ่มต้นด้วยการผสมไข่ขาว กับเกลือ ในชามผสม พร้อมใช้หัวตีตะกร้อ ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  2. จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำเปล่ากับน้ำตาลจนน้ำตาลละลาย หรือจนถึงอุณหภูมิ 118 องศาเซลเซียส
  3. ทำเมอแร็งก์ โดยการเปิดเครื่องตีไข่ไฟฟ้าใช้ความเร็วสูงตีส่วนผสม (ข้อ 1) และค่อย ๆ เทน้ำเชื่อมให้เป็นสายเล็ก ๆ ลงไปผสมจนหมด
  4. จากนั้นใช้เครื่องตีไข่ไฟฟ้าตีต่อ จนอุณหภูมิของเมอแร็งก์อุ่นลง แล้วเปลี่ยนหัวตี เป็นใบพัด แล้วตีต่อด้วยความเร็วปานกลาง ระหว่างนั้นก็ทยอยใส่ เนยจืดกับมาร์การีนลงไป และตีต่อจนบัตเตอร์ครีมฟูขาวเนียน 
  5. นำได้บัตเตอร์ครีมไปใส่ถุงบีบครีม แล้วนำเป็นบีบตกแต่งบนหน้าคัพเค้กเรดเวลเวต เพียงเท่านี้คุณก็จะได้คัพเค้กเรดเวลเวตหน้าบัตเตอร์ครีม เนียนนุ่ม ฟู แสนอร่อย
Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

ufabetฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
ขนมหวานไทย

ขนมเบื้อง ขนมไทยโบราณ สูตรแป้งกรอบนาน ทานเล่นเพลิน ๆ

ขนมเบื้อง

หากพูดถึงขนมไทยที่หาซื้อได้ง่ายตามรถเข็นแถวบ้านหลายคนคงนึกถึง ขนมเบื้อง ขนมไทยโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน และด้วยความที่ขนมเบื้องมีรสชาติอร่อยหวานมัน เคี้ยวกรุบกรอบ จึงได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่น โดยขนมเบื้องมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ซึ่งเชื่อว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยมีรูปร่างเป็นแผ่นแป้งกรอบ ๆ ใส่ไส้ที่มีทั้งหวานและเค็มให้เลือก พร้อมกับใส่ไส้ครีม เพื่อเพิ่มรสชาติหวานมันอีกด้วย และด้วยความที่มันมีลักษณะเป็นแผ่นแป้งกรอบ หากเก็บไว้นานอาจทำให้แป้งไม่กรอบได้ จึงควรที่จะรับประทานตอนทำเสร็จใหม่ ๆ แต่สำหรับใครที่อยากทำเก็บไว้ทานนาน ๆ ในบทความนี้เราก็มีสูตรวิธีทำขนมเบื้องยังไงให้แป้งกรอบเก็บไว้ทานได้นานมาแนะนำทุกคน จะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง มาติดตามกันเลยค่ะ

ส่วนผสมของ ขนมเบื้อง สูตรแผ่นแป้งกรอบนาน ทานเพลิน

เราจะทำ ขนมเบื้อง ยังไงให้เก็บไว้ทานได้นาน ๆ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าขนมเบื้องเป็น ขนมหวานไทย ที่มี ส่วนผสมหลัก คือ แป้งข้าวเจ้า ไข่แดง น้ำปูนใส และน้ำตาลปี๊บ เมื่อขนมเบื้องสุกมันก็จะกรอบอร่อย แต่หากมันสัมผัสอากาศเป็นเวลานานแผ่นแป้งก็จะไม่กรอบเหมือนตอนทำเสร็จใหม่ ๆ แต่โชคดีที่วันนี้เรามีสูตรการทำขนมเบื้องยังไงให้ แป้งกรอบนาน มาแนะนำทุกคน และสูตรนี้เป็นสูตรขนมเบื้องไส้หวาน (ฝอยทอง) โดยเรานำสูตรนี้มาจากช่อง YouTube ที่มีชื่อว่า เจ้หน่อง Thai style แต่ก่อนที่เราจะไปดูขั้นตอนและวิธีการทำขนมเบื้อง เรามาจัดเตรียมส่วนผสมทั้งหมดกันก่อนดีกว่าค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำไส้เค็ม

  1. มะพร้าวขูดเส้น 450 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 275 กรัม
  3. พริกไทยขาว 1 ช้อนชา
  4. พริกไทยดำ 1 ช้อนชา
  5. กระเทียม 25 กรัม
  6. หอมแดง 2 หัว
  7. ใบมะกรูด 10 ใบ
  8. รากผักชี หรือก้านผักชี 25 กรัม
  9. น้ำเปล่า 100 มล.
  10. เกลือป่น 1.5 ช้อนชา
  11. สีผสมอาหาร สีแดงและสีเหลือง

ส่วนผสมสำหรับทำครีม

  1. ไข่ขาว 200 กรัม
  2. น้ำตาลปี๊บ 500 กรัม

ส่วนผสมสำหรับทำแผ่นแป้งขนมเบื้อง

  1. แป้งสาลี 200 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 1 กิโลกรัม
  3. แป้งถั่วเขียว 100 กรัม
  4. น้ำปูนใส 1,300 มิลลิลิตร
  5. ไข่แดงจากไข่เป็ด 3 ฟอง
  6. ไข่แดงจากไข่ไก่ 4 ฟอง
  7. น้ำตาลทราย 600 กรัม
  8. ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ
ขนมเบื้อง

ขั้นตอนและวิธีการทำขนมเบื้อง

หลังจากที่เราได้เตรียมส่วนผสมสำหรับทำ ขนมเบื้อง เรียบร้อยแล้ว ต่อไปเรามาดูขั้นตอนและ วิธีทำ ขนมเบื้องกันต่อเลยค่ะ ซึ่งสูตรนี้อาจจะมีขั้นตอนที่ค่อนข้างเยอะ แต่รับรองได้เลยว่าสูตรขนมเบื้องนี้รสชาติอร่อยหวานมัน เคี้ยวกรุบกรอบ อีกทั้งยังเก็บไว้ทานเล่นเพลิน ๆ ได้อีกนานเลยค่ะ 

วิธีทำไส้เค็ม

  1. เริ่มต้นด้วยการทำน้ำเชื่อม โดยการต้มน้ำเปล่ากับน้ำตาลทราย แล้วเคี่ยวให้ข้น 
  2. นำหอมแดง รากผักชี และกระเทียม มาตำให้ละเอียด แล้วนำลงไปผัดในน้ำเชื่อม ตามด้วยเกลือป่นและสีผสมอาหารสีแดง สีเหลือง
  3. จากนั้นจึงใส่มะพร้าวขูดเส้น ลงไปผัดให้เข้ากัน จนกระทั่งแห้งไร้ความชุ่มของน้ำตาล
  4. เติมพริกไทยป่นและก้านผักชีส่วนที่เหลือ แล้วผัดให้เข้ากัน
  5. ปิดท้ายด้วยการโรยพริกไทยดำป่นและใบมะกรูดเส้นฝอย แล้วผัดต่ออีกแป๊บเดียว จากนั้นปิดเตาตักไส้เค็มใส่ชามแล้วพักไว้ให้เย็น

วิธีทำครีม

  1. เตรียมชามผสมแล้วนำไข่ขาวกับน้ำตาลปี๊บลงไปผสม
  2. จากนั้นตีด้วยเครื่องตีไข่ไฟฟ้าความแรงสุด จนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะเป็นครีมขาว ๆ ตั้งยอด นั่นจึงถือว่าใช้ได้แล้ว

วิธีทำขนมเบื้อง

  1. เริ่มต้นด้วยการร่อนแป้งแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า และแป้งถั่วเขียว สลับกันไปใส่ลงในชามผสม จากนั้นสลับใส่น้ำตาลทราย และผงโกโก้ ลงในชามผสมอีกครั้ง
  2. จากนั้นให้ใส่ไข่แดงจากไข่เป็ดและไข่ไก่ ลงไปในส่วนผสม (ข้อ 1) ทันที แล้วเริ่มเปิดเครื่องตีด้วยแรงตีต่ำสุดก่อน ระหว่างนั้นก็ทยอยใส่น้ำปูนใสลงไปทีละเล็กน้อย
  3. เมื่อทยอยใส่น้ำปูนใสหมดแล้ว จึงเริ่มเปิดเครื่องตีด้วยแรงตีแรงสุด และตีจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน จากนั้นให้พักแป้งก่อนนำมาใช้งาน
  4. เปิดเตาขนมเบื้อง เมื่อเตาเริ่มร้อนให้ละเลงแป้ง เป็นรูปวงรีลงบนเตาได้เลย
  5. เมื่อแป้งเริ่มสุก ให้แต้มครีมลงไปบนแผ่นแป้งทันที
  6. จากนั้นให้โรยไส้เค็มลงไปบนขนมเบื้องทันที เพราะเนื้อครีมกับไส้จะได้ยึดติดกัน หากใส่ไส้ตอนครีมเริ่มแห้งจะทำให้ไส้และครีมไม่ติดกัน 
  7. เมื่อได้ขนมเบื้องที่ต้องการแล้วก็ให้เตรียมวอร์มเตาอบ เพื่อนำขนมเบื้องไปอบไล่ความชื้นของครีม โดยเปิดไฟอบเพียง 250 F ใช้เวลาอบเพียง 5-7 นาที เพียงเท่านั้นคุณก็จะได้ขนมเบื้องไส้เค็มพร้อมรับประทาน
Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

ufabetฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
ขนมหวานไทย

ขนมบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบ ขนมไทยสุดน่ารัก รสชาติอร่อยหวานมัน

ขนมบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบ

ถ้าหากพูดขนมไทยที่มีวัตถุดิบหลักเป็นน้ำกะทิหลายคนคงจะนึกถึงขนมบัวลอยน้ำกะทิ ซึ่งเป็นขนมไทยที่อยู่คู่ครัวไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่ครั้งโบราณ บัวลอยทำมาจากแป้งโดยการนำแป้งมาปั้นเป็นลูกกลม ๆ แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาการปั้นให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ ที่น่ารัก และชวนน่ารับประทานมากขึ้น ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณไปพบกับวิธีทำ ขนมบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบ ขนมบัวลอยไทยดั้งเดิมที่พิเศษสุดด้วยการปั้นลูกบัวลอยให้เป็นรูปทรงของดอกกุหลาบโดยมีน้ำตาลและกะทิเป็นส่วนผสมทำให้เป็นอีกหนึ่งขนมไทยแบบดั้งเดิมที่แปลกใหม่ น่าลิ้มลองที่สุดในตอนนี้ 

ในปัจจุบันขนมบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบได้ถูกนำมาเป็นขนมหวานเตรียมรับแขกในงานบุญต่าง ๆ ไม่ว่าเป็นการทำบุญเลี้ยงพระ งานมงคล และงานพิธีการ ด้วยความที่ขนมบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบมีวิธีทำและวัตถุดิบการทำที่กลมกลืน พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหวานมัน สีสันสวยงาม กลิ่นหอม รูปทรงชวนรับประทาน จึงไม่แปลกที่ขนมไทยชนิดนี้จะได้รับความนิยมอย่างมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ส่วนผสมของ ขนมบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบ รสชาติอร่อยหวานมัน

เมนู ขนมบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบ เป็นอีกหนึ่ง ขนมหวานไทย ยอดฮิตที่อยู่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่อดีตและได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้พิเศษหน่อย เพราะเราจะแปลงร่างลูกบัวลอยกลม ๆ ให้มีรูปร่างเป็น ดอกกุหลาบ ที่มีสีสันสวยงามชวนรับประทาน ทานคู่กับน้ำกะทิ รสชาติอร่อยหวานมัน หอมกลิ่นใบเตยสด โดยสูตรที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้เป็นสูตรจากช่อง YouTube ที่มีชื่อว่า KookKik’s Diary แต่ก่อนที่เราจะไปดูขั้นตอนและวิธีทำขนมบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบ เรามาเตรียม ส่วนผสมทั้งหมดก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งส่วนผสมทั้งหมดมีดังนี้

ส่วนผสมสำหรับทำแป้งบัวลอย

  1. แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง
  2. แป้งมัน ½ ถ้วยตวง
  3. น้ำกะทิอุ่น ๆ 1 ถ้วยตวง (นำไปต้ม หรือเข้าไมโครเวฟก็ได้ค่ะ) 
  4. สีผสมอาหารตามชอบ (เราใช้ 5 สี สีชมพู, สีฟ้า, สีม่วง, สีส้ม และสีเขียว)
  5. แป้งนวลสำหรับโรยถาดเล็กน้อย

ส่วนผสมสำหรับทำน้ำกะทิราดบัวลอย

  1. น้ำกะทิ 3 ถ้วยตวง
  2. น้ำตาลทราย 7 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลโตนด 2 ช้อนโต๊ะ
  4. เกลือป่น 1-2 ช้อนชา (แนะนำให้ลองใส่ 1 ช้อนชาแล้วชิมก่อน ถ้ายังไม่ถูกปากค่อยเพิ่มค่ะะ)
  5. ใบเตยสด (มัดเป็นกำ) 5-6 ใบ

ขั้นตอนและวิธีทำขนมบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบ

หลังจากที่เราได้เตรียมส่วนผสมสำหรับทำ ขนมบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบ เรียบร้อยแล้ว ต่อไปเรามาดูขั้นตอนและ วิธีทำ ขนมไทยบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบกันต่อเลยค่ะ ซึ่งขั้นตอนการทำค่อนข้างที่จะพิถีพิถันเล็กน้อย แต่เราเชื่อว่าคุณจะสามารถทำตามได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอนค่ะ โดยขั้นตอนการทำมีดังนี้

ขนมบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบ

ขั้นตอนและวิธีทำขนมบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบ

  1. เริ่มต้นด้วยการทำแป้งบัวลอย โดยใส่แป้งข้าวเหนียว และแป้งมัน ลงไปในชามผสม แล้วค่อย ๆ ใช้มือผสมเข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ ใส่น้ำกะทิอุ่นลงไปทีละเล็กน้อย แล้วใช้มือผสมแป้งและน้ำกะทิให้เข้ากัน หรือจนกว่าแป้งจะเริ่มจับกันเป็นก้อนแฉะเล็กน้อย 
  2. เริ่มนวดแป้งจนได้เนื้อขนมที่นุ่ม ปั้นเป็นก้อนกลมได้ ไม่เหลวไป (ถ้าปั้นแล้วแป้งแตก ให้ใส่กะทิลงไปเพิ่ม หรือถ้าปั้นไม่ได้เพราะเหลวไป ให้ใส่แป้งข้าวเหนียวเพิ่ม)
  3. จากนั้นแบ่งแป้งเป็น 5 ก้อนเท่า ๆ กัน แล้วผสมสีลงไปในแต่ละก้อน
  4. เริ่มทำดอกกุหลาบ โดยปั้นแป้งเป็นลูกกลมขนาด 1.5-2 ซม. จากนั้นใช้แหนบหนีบช่อม่วง จุ่มปลายด้วยแป้งนวลเล็กน้อย แล้วนำมาหนีบทำกลีบกุหลาบ โดยเริ่มจากกลีบล่าง 5 กลีบเท่า ๆ กัน จากนั้นหนีบกลับสับหว่างไล่เป็นชั้นไปเรื่อย ๆ ทำจนหมดครบทุกสี โดยทั่วไปเราสามารถปั้นลูกบัวลอยเป็นรูปต่าง ๆ ได้ตามความชอบและขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน เช่น บัวลอยดอกเดซี่ บัวลอยรูปหัวใจ เป็นต้น
  5. เมื่อทำกุหลาบเสร็จแล้วให้นำไปวางไว้บนถาดที่โรยแป้งนวลแล้ว เพื่อไม่ให้แป้งติดถาด และคลุมด้วยผ้าขาวบางหรือแรป อย่าให้โดนอากาศมาก 
  6. เริ่มต้มบัวลอย โดยตั้งน้ำด้วยไฟกลางจนน้ำเดือด แล้วจึงค่อย ๆ ใส่บัวลอยดอกกุหลาบลงไปต้มจนสุก (สังเกตเมื่อบัวลอยสุก จะลอยขึ้นมา) รอให้บัวลอยลอยขึ้นมาสักพักเพื่อให้สุกถึงข้างใน แล้วจึงตักขึ้นมาแช่ในชามน้ำเย็น เพื่อให้เซ็ตตัว ตัว จากนั้นพักไว้ในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ
  7. เริ่มทำน้ำกะทิราดบัวลอย โดยใส่กะทิ น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ และเกลือ ลงในหม้อต้ม แล้วยกขึ้นตั้งไฟกลางคนจนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะละลายเข้ากัน
  8. เมื่อส่วนผสมละลายเข้ากันหมดแล้ว ให้นำใบเตยสด (มัดเป็นกำ) ใส่ลงไปในหม้อต้ม จากนั้นหมั่นคนระหว่างต้มอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้กะทิจับกันเป็นก้อนหรือแตกมัน
  9. เมื่อกะทิเริ่มเดือดปุด ๆ ให้ยกลงได้เลย 
  10. จัดบัวลอยลงในชาม ราดด้วยน้ำกะทิ เพียงเท่านั้นคุณก็จะได้ขนมบัวลอยน้ำกะทิกุหลาบ รสชาติอร่อยหวานมัน รูปทรงสวยงามสีสันสดใสชวนรับประทาน
Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

ufabetฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
อาหารไทย

กะเพราหมูสับ เมนูอาหารง่าย ๆ รสชาติอร่อยถูกปากคนไทย

กะเพราหมูสับ

อาหารไทยส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมเป็นสมุนไพรและมีรสชาติที่จัดจ้าน เนื่องจากสมุนไพรไทยมีกลิ่นหอมและรสชาติที่จัดจ้าน แตกต่างกว่าสมุนไพรชาติอื่น ๆ แถมยังมีสรรพคุณทางยาช่วยรักษาโรคได้หลายชนิด เมนู กะเพราหมูสับ ก็เป็นอีกหนึ่งอีกเมนูอาหารที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทยหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ใบกะเพรา พริก กระเทียม เมื่อนำมาปรุงกับเครื่องปรุงและเนื้อสัตว์อย่าง หมูสับ ยิ่งทำให้เมนูนี้น่าลิ้มลองมากขึ้น ซึ่งผัดกะเพราหมูสับ เป็นอาหารยอดนิยมรสชาติอร่อย จัดจ้าน และสามารถหาทานได้ง่าย ๆ ตามร้านอาหารตามสั่งทั่วไทย แต่หากคุณอยากทำกินเองที่บ้านกับครอบครัว เมนูนี้ก็ทำกินเองได้ ๆ เลยค่ะ ซึ่งในบทความนี้เราจะพาคุณไปพบกับวิธีทำกะเพราหมูสับ รสชาติอร่อย กลิ่นหอมน่าลิ้มลอง

ส่วนผสมของเมนู กะเพราหมูสับ รสชาติอร่อย กลิ่นหอม

เมนู กะเพราหมูสับ เป็นเมนู อาหารไทย ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่ง ส่วนผสม หลักส่วนใหญ่จะเป็นใบกะเพรา พริก กระเทียม และเนื้อหมูสับ ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด ผัดกะเพราหมูสับนิยมทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ ไข่ดาวเยิ้ม ๆ เป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตที่หอมกลิ่นใบกะเพรา ซึ่งสูตรที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้เป็นสูตรอาหารจากช่อง YouTube ที่มีชื่อว่า Mai’s Kitchen เป็นวิธีการทำเมนูกะเพราหมูสับที่สามารถทำตามได้ง่าย ๆ แต่ก่อนที่จะไปดูขั้นตอนและวิธีการทำ เรามาดูส่วนผสมทำหมดกันก่อนเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำเมนูผัดกะเพราหมูสับ

  1. หมูสับ 2 ขีด
  2. กระเทียมไทย 1-2 หัว (หรือตามความต้องการ)
  3. พริกแดง 9 เม็ด
  4. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
  7. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  9. ซีอิ๊วดำ ½ ช้อนชา
  10. ใบกะเพรา 1-2 กำมือ 
กะเพราหมูสับ

ขั้นตอนและวิธีการทำเมนูกะเพราหมูสับ

มีคนไทยหลายคนให้การยอมรับว่าเมนู กะเพราหมูสับ เป็นเมนูอาหารไทยที่ อร่อยที่สุดในโลก และมี วิธีทำ ที่ค่อนข้างง่าย ไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญใช้เวลาในการทำไม่นาน นี่จึงเป็นที่มาของคำว่า อาหารจานด่วนยอดฮิต หลังจากที่คุณได้รู้แล้วว่าส่วนผสมทั้งหมดของเมนูกะเพราหมูสับอีกอะไรบ้าง ต่อไปเรามาดูขั้นตอนและวิธีการทำเมนูกะเพราหมูสับกันต่อเลยค่ะ

ขั้นตอนและวิธีการทำเมนูกะเพราหมูสับ

  1. เริ่มต้นทำความสะอาดวัตถุดิบ โดยนำใบกะเพรา พริก กระเทียม ไปล้างด้วยน้ำสะอาด
  2. จากนั้นนำกระเทียมกับพริกมาโขลกให้พอหยาบ หรือละเอียดตามความชอบ
  3. ตั้งกระทะใช้ไฟเกือบแรง แล้วใส่น้ำมันเล็กน้อย จากนั้นพอน้ำมันเริ่มร้อนให้ใส่กระเทียมพริกที่โขลกลงไป แล้วผัดจนหอม แต่ระวังอย่าให้กระเทียมไหม้ จากนั้นใส่หมูสับลงไปผัดและยีหมูที่ติดกันออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วใส่น้ำเปล่าตามลงไป
  4. จากนั้นใส่เครื่องปรุงที่เหลือ น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และซีอิ๊วดำ เพื่อเพิ่มความสวยงาม แล้วผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  5. เร่งไฟแรง ใส่ใบกะเพราลงไปในกระทะ แล้วปิดไฟทันที หรือจนกว่าใบกะเพราจะมีสีสวย ไม่คล้ำ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ผัดกะเพราหมูสับ พร้อมทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ ไข่ดาวสักฟอง 

เคล็ดลับเพิ่มความอร่อยให้แก่เมนูผัดกะเพราหมูสับ

  1. ถ้าใช้กระเทียมไทย จะหอมกว่ากระเทียมจีน
  2. ถ้าอยากเพิ่มความเผ็ด ให้เพิ่มพริกขี้หนูลงไป แล้วตำให้แหลก ยิ่งแหลกยิ่งเผ็ด
  3. กระเทียมที่ใช้ไม่ต้องแกะเปลือกหมด เพราะเมื่อนำไปผัดแล้วกลิ่นจะหอมมาก
  4. ถ้าหาใบกะเพราบ้านใบเล็ก ๆ หรือกะเพราแดงได้จะดีมากเลย เพราะมันมีกลิ่นหอมกว่ากะเพราใบใหญ่ที่ซื้อจากตลาด
  5. กะเพราที่เด็ดมาจากต้น หรือซื้อมาแล้วให้รีบใช้ หากเก็บไว้นานกลิ่นหอมจะหายหมด
  6. หากชอบผัดกะเพราแบบน้ำขลุกขลิก ให้เติมน้ำเปล่าลงไปได้อีก หรือหากชอบผัดกะเพราแห้งๆ แนะนำให้ผัดจนแห้ง หรือใช้สูตรแค่น้ำปลากับน้ำตาลทราย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสูตรการทำเมนูผัดกะเพราหมูสับที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้ นอกจากผัดกะเพราหมูสับจะรสชาติอร่อย จัดจ้าน กลิ่นหอม และมีขั้นตอนการทำที่ค่อนข้างง่ายแล้ว ผัดกะเพราหมูสับยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เนื่องจากใบกะเพราเป็นสมุนไพรรสเผ็ดร้อน มีสรรพคุณทางยาช่วยขับลม แก้ปวดท้อง แก้จุกเสียดแก้คลื่นเหียนอาเจียน มีเบต้า – แคโรทีน และวิตามินซี ส่วนเนื้อหมูมี โปรตีน พริก ต้านอนุมูลอิสระ และกระเทียม ต่อต้านการเจริญเติบโตของแบคทีเรียบางชนิดที่ก่อมะเร็งได้

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
อาหารไทย

กะเพราหมูกรอบ อาหารจานด่วนรสเลิศ อร่อยครบรส

กะเพราหมูกรอบ

หากพูดถึงอาหารสิ้นคิดหลายคนคงจะนึกถึงเมนูผัดกะเพรา ไม่ใช่ว่ามันเป็นอาหารที่ไม่อร่อยนะ แต่มันเป็นอาหารที่ร้านอาหารตามสั่งทุกร้านต้องมี หากใครจะสั่งอาหารแต่นึกไม่ออกว่าจะสั่งเมนูอะไร หลายคนก็มักจะเลือกสั่งผัดกะเพรา โดยผัดกะเพรามีหลายชื่อเรียกขึ้นอยู่กับเนื้อสัตว์ที่ใส่ เช่น กะเพราหมูกรอบ กะเพราหมู กะเพราหมูไก่ กะเพราทะเล เป็นต้น ซึ่งผัดกะเพราหมูกรอบ ถือเป็นอาหารจานเดียวของไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมากจานหนึ่ง และสามารถหากินได้ง่าย ๆ ในร้านอาหารตามสั่ง แต่สำหรับใครที่ไม่อย่าเดินทางไปกินที่ร้านอาหาร ในบทความนี้เราก็มีวิธีการทำกะเพราหมูกรอบ รสเลิศ พร้อมสูตรการทำหมูกรอบที่กัดเข้าไปแล้วหมูกรอบ ชุ่มฉ่ำ น่ารับประทาน เหมือนได้เข้าไปกินในร้านอาหารจริง ๆ แถมวิธีทำก็ทำตามได้ง่ายมาก ๆ 

ส่วนผสมของเมนู กะเพราหมูกรอบ สูตรหมูกรอบชุ่มฉ่ำละลายในปาก

ต้องยอมรับเลยว่าในปัจจุบันเมนู กะเพราหมูกรอบ ถือเป็นเมนู อาหารไทย ที่หลายคนชื่นชอบ เป็นเมนูร้านอาหารริมทางที่พบโดยทั่วไปในประเทศไทย ซึ่งเมนูผัดกะเพราทำได้เองง่าย ๆ แต่วิธีทำหมูกรอบให้อร่อยจะต้องใช้เวลาเล็กน้อย เพราะมันมีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยากทั้งการเอาหมูสามชั้นไปต้ม ตากแดด สุดท้ายต้องนำไปทอด แต่หากคุณอยากลองทำเมนูกะเพราหมูกรอบทานเองที่บ้าน โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาทำหมูกรอบนานก็สามารถทำตามสูตรที่เรานำมาแนะนำได้ ซึ่งสูตรนี้เราได้มาจากเสือหิว channel แต่ก่อนจะไปดูขั้นตอนการทำกะเพราหมูกรอบ เรามาดู ส่วนผสม กันก่อนดีกว่าค่ะ

ส่วนผสมสำหรับเมนูกะเพราหมูกรอบ

  1. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
  4. ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
  5. ซอสปรุงรสฝาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
  6. พริกจินดาสีแดง 20 เม็ด (หรือเพิ่มความเผ็ดได้ตามความชอบ)
  7. กระเทียม ไทย 10 กลีบ
  8. ใบกะเพรา 3-4 ต้น

ส่วนผสมสำหรับทำหมูกรอบ

  1. หมูสามชั้น 500 กรัม
  2. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  3. แป้งทอดกรอบ 2-3 ช้อนโต๊ะ
  4. พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
กะเพราหมูกรอบ

ขั้นตอนวิธีการทำเมนูกะเพราหมูกรอบ พร้อมการทำหมูกรอบยังไงให้อร่อย

หลายคนมักกินเมนู กะเพราหมูกรอบ กับข้าวสวยร้อน ๆ คู่กับ ไข่ดาว เยิ้ม ๆ แต่หัวใจหลักของเมนูนี้จริง ๆ คือหมูกรอบ และนี่คือ วิธีทำผัดกะเพราหมูกรอบ พร้อมกับขั้นตอนการทำหมูกรอบยังไงให้อร่อยเหมือนร้านอาหารตามสั่งที่คุณชื่นชอบ

ขั้นตอนและวิธีการทำหมูกรอบ

  1. เริ่มต้นด้วยการล้างทำความสะอาดหมูสามชั้น พริกจินดาสีแดง ใบกะเพราให้เรียบร้อยก่อน
  2. นำหมูสามชั้นมาคลุกด้วยแป้งทอดกรอบ แล้วปรุงรสชาติด้วยน้ำปลา พริกไทยป่น และตามด้วยแป้งทอดกรอบ จากนั้นนวดส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ถ้าแป้งทอดกรอบแห้งไปเติมน้ำเย็นจัดลงไปเล็กน้อยให้พอแป้งเคลือบที่ตัวหมูสามชั้น
  3. ขั้นตอนเตรียมทอดหมูสามชั้น โดยการตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป รอให้น้ำมันร้อนจัดแล้วจึงค่อย ๆ ใส่หมูสามชั้น (ข้อ 1) ลงไปทอด โปรดใช้ไฟกลางในการทอด และทอดจนกว่าหมูสามชั้นจะสุกเป็นสีเหลืองครบทุกด้าน หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำมาพักไว้ให้หายร้อน แล้วหั่นเป็นชิ้นประมาณ 1 นิ้ว

ขั้นตอนและวิธีการทำเมนูกะเพราหมูกรอบ

  1. เตรียมพริกจินดาสีแดงกับกระเทียมโขลกรวมกัน ให้โขลกพอหยาบไม่ต้องละเอียดมาก
  2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ รอจนน้ำมันร้อนแล้วใส่พริกจินดาสีแดงกับกระเทียมที่โขลกไว้ลงไปผัดในกระทะ แล้วผัดให้มีกลิ่นหอมฉุนได้ยิ่งดี แต่ระวังไหม้ จากนั้นใส่น้ำล้างครกลงไปเล็กน้อย
  3. จากนั้นปรุงรสชาติด้วย ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำปลา และน้ำตาลทราย แล้วชิมรสชาติตามที่เราต้องการ เมื่อได้รสชาติตามที่ต้องการแล้ว ให้ใส่หมูกรอบที่เตรียมไว้ลงไปผัด จนกว่าส่วนผสมทั้งหมดกับหมูกรอบจะเข้ากัน จากนั้นตบท้ายด้วยการใส่ใบกะเพราลงไปผัดให้ใบกะเพราพอสลบก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ตักใส่จานพร้อมทานกับข้าวสวยร้อน ๆ คู่กับไข่ดาวเยิ้ม ๆ

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะสำหรับเมนูกะเพราหมูกรอบ ขอบอกเลยว่าสูตรนี้ง่ายมาก ๆ สามารถทำตามกินเองได้ที่บ้าน รสชาติอร่อย ได้กลิ่นหอมของพริกและใบกะเพราที่นำลงไปผัด และที่สำคัญใช้เวลาทำไม่นาน นอกจากนี้หากใครไม่ชอบกลิ่นฉุนของพริกจินดาสีแดง เราแนะนำให้ลองใช้เป็นพริกขี้หนูแห้งแทนก็ได้ค่ะ

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา วอเลท