สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
ขนมหวานไทย

ขนมตาล สีเหลืองสวย นุ่มและฟู อร่อยจัง

ขนมตาล

ขนมไทยโบราณ ขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อน ขนมตาล ขนมพื้นบ้านแสนอร่อย ลูกตาลสุกทำอะไรได้บ้าง วันนี้มีคำตอบ นำมาทำขนมดังนี้

ส่วนผสมในการทำ ขนมตาล

ขนมตาล

ขนม ตาล เป็นเมนูขนมไทยสีเหลือง ที่มีเนื้อขนมค่อนข้างฟูนุ่ม กินง่าย เคี้ยวกับมะพร้าวขูดโรยเกลือนิด ๆ ออกรสเค็มปะแล่มตัดหวานจากเนื้อขนม เป็นรสชาติที่ค่อนข้างอร่อยและลงตัวยิ่งนัก อีกทั้งยังใช้ผลตาลสุกเพียงไม่กี่ผล ก็สามารถนำมาทำขนมได้แล้ว ถ้าถามว่า ระหว่างเบเกอรี่กับขนมดังกล่าว แบบไหนอร่อย กว่ากัน อยู่ที่ความชอบ จะขนมแบบไหนก็อร่อยทั้งนั้น ถ้าทำกินเอง

วัตถุดิบในการเตรียมเนื้อลูกตาลที่สุกแล้วทำยังไง

  • ลูกตาลสุก 2 ลูกพร้อมน้ำสะอาดสำหรับล้างเนื้อตาล
  • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
ขนมตาล

วัตถุดิบในการทำหน้ามะพร้าว

  • แป้งข้าวเจ้า 300 กรัม
  • เนื้อตาลยี 200 กรัม
  • หัวกะทิ 600 กรัม 
  • ยีสต์ 2 ช้อนชา
  • ผงฟู 1+1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทรายขาว 300 กรัม
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูดเส้น ปริมาณตามชอบ

วิธีทำ

ขั้นตอนที่ 1 นำลูกตาล 2 ผลไปล้างให้สะอาด เอาเฉพาะเนื้อตาลใส ๆ ใส่ไว้ในชาม ซึ่งจะเป็นวัตถุดิบในการทำขนมตาล

ขนมตาล

ขั้นตอนที่ 2 ใช้น้ำเกลือล้างเนื้อตาล เพราะเกลือสามารถลดความขมของเนื้อตาลได้ จากนั้นคั้นโดยใช้มือ แล้วยีเนื้อตาลออกมาให้มากที่สุด นำเนื้อตาลไปกรองกับตะแกรง จากนั้นนำมาใส่ในชามอีกใบเพื่อลดความเฝื่อนของ เนื้อลูกตาลสุก

ขั้นตอนที่ 3 ภายหลังวิธียีลูกตาล เรียบร้อยแล้วจนถึงขั้นนำเนื้อตาลมากรองด้วยตะแกรง ก็ยังคงต้อง เทใส่ผ้าขาวบาง 2 ชั้นที่รองด้วยตะแกรงตามด้วยนำชามผสมมารองอีกครั้ง รวบผ้าเข้าหากัน มัดไว้ ทิ้งระยะเวลาประมาณ 1 คืน เพื่อให้น้ำที่อยู่ในเนื้อตาล ไหลออกให้มากที่สุด รอกระทั่งครบเวลา นำเนื้อตาลมาเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่มีฝาปิด

ขั้นตอนที่ 4 ใส่หัวกะทิลงในหม้อตามด้วยเกลือป่น น้ำตาลทราย ขั้นตอนนี้ใช้ไฟอ่อนเท่านั้น รอจนส่วนผสมละลายแล้วปิดเตา พักไว้ให้เย็น

ขนมตาล

ขั้นตอนที่ 5 นำยีสต์และแป้งข้าวเจ้าผสมกัน ใส่เนื้อตาลที่ยีแล้วลงไปคลุกให้ได้ลักษณะคล้ายเม็ดทราย ใช้น้ำกะทินวด ต้องค่อย ๆ เท นวดจนแป้งเนียนและจับตัวเป็นก้อน และนำน้ำกะทิที่เหลือ ละลายแป้งจนเหนียวข้นกระทั่งน้ำกะทิหมดจริง ๆ แล้วนำฟิล์มใสสำหรับแร็ปอาหารมาห่อชามผสมไว้ พักไว้ตรงบริเวณที่มีแดดจัด 3 ชม.

ขั้นตอนที่ 6 เมื่อครบ 3 ชั่วโมง ร่อนผงฟูลงไป คนให้เข้ากัน พักไว้ 10 นาที ตักใส่ถ้วยตะไลแล้วนำไปนึ่งได้เลย ซึ่งก่อนจะนึ่งให้นำพิมพ์ใบตองไปนึ่งก่อน 1 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งติดกับใบตอง จากนั้นถึงหยอดแป้ง แล้วนำไปนึ่ง ใช้เวลานึ่งประมาณ 20 นาที ยกลงจากเตา โรยมะพร้าวทึนทึกขูดฝอยลงบนหน้าขนม แล้วยกเสริ์ฟเพื่อรับประทานได้เลย

ขนมตาล

ขนมตาลเป็นการนำผลลูกตาลสดมาทำขนมสูตรเด็ดให้สมาชิกในครอบครัว รวมถึงเพื่อนและคนรักได้ลองกินขนมอร่อยที่นำผลตาลสุกมาทำขนม ไม่แน่ ถ้าทำขนมตาลเก่ง ๆ สามารถต่อยอดนำมาสร้างอาชีพ ขายขนมได้

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

ขนมเข่ง เหนียวนุ่ม หวานไม่มาก แต่อร่อย

ขนมเข่ง

ขนมเข่ง เป็นการนำแป้งมาผ่านกระบวนการนึ่งบนเตา เพื่อให้แป้งมีความนุ่มและยืด นอกจากนี้ขนมเข่งยังเป็นขนมมงคลที่ใช้ในเทศกาลของคนจีนอีกด้วย

ส่วนผสมในการทำ ขนมเข่ง

ขนมเข่ง

ขนม เข่ง เป็นขนมที่ถูกทำขึ้นมาเพื่อนำมาไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ ตามความเชื่อแต่โบราณว่า ไหว้แล้ว จะโชคดี บังเกิดโชคลาภ จะมั่งมีศรีสุข เพราะหนึ่งในเทพเจ้าที่จะบันดาลให้สิ่งที่หวังนั้น เกิดขึ้นได้จริงเสมอ เราเรียกเทพองค์นั้นว่า เทพแห่งโชคลาภ หรือ ไฉ่ซิ่งเอี้ย 

ขนมเข่ง

ขนมชนิดนี้ เป็นชื่อขนมเนื่องในวันตรุษจีน ภาษาจีนกลางเรียกขนมชนิดนี้ว่า “เหนียนเกา” หรือขนมเค้กเหนียว เหตุที่ตั้งชื่อขนมชนิดนี้ว่า ขนมเข่ง เพราะการออกเสียงชื่อขนม ออกเสียง 2 พยางค์ ที่ตรงกับคำอวยพรว่า “เหนียนเหนียนเกาซิง” ที่แปลว่า “ขอให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นทุกปี” ทำให้ขนมดังกล่าวใช้ชื่อนี้มาตลอด เพื่อให้สอดรับกับเทศกาล เมื่อนำมามอบให้แก่กัน รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเฮง ๆ จริง ๆ 

วัตถุดิบในการทำขนมเข่ง

ขนมเข่ง
  1. แป้งข้าวเหนียว200 กรัม
  2. น้ำตาลทราย160 กรัม
  3. น้ำเปล่า180 – 200 กรัม
  4. กระทงใบตองสด
  5. น้ำมันพืชสำหรับทากระทง
  6. สีผสมอาหารสีแดง
  7. ดอกครอบจักรวาล

วิธีทำ

ขั้นตอนที่ 1 แป้งกับน้ำตาล นำมาผสมให้เข้ากันก่อน โดยใช้วิธีค่อย ๆ รินน้ำ แล้วนวดแป้งจนเนียนนุ่ม แล้วถึงจะนำมาทำขนมเข่งได้

ขั้นตอนที่ 2 หลังจากมั่นใจว่า แป้งเนียนนุ่มแล้วจริง ๆ ก็ต้องทยอยใส่น้ำลงไปในแป้งอีกครั้ง เหตุผลในการนำน้ำมาใส่แป้ง ทำขึ้นเพื่อคลายแป้งโดยเฉพาะ ซึ่งก็จะมีวิธีการเช็คความพร้อมของแป้ง ในการนำแป้งมาทำขนมว่า พร้อมทำหรือยัง ? เพราะถ้าตัวแป้งมีความพร้อมแล้วจริง ๆ โดยดูว่า แป้งได้ไหลผ่านนิ้วที่กางออกหรือเปล่า ? ถ้าตรวจพบว่า แป้งไหลผ่านง่ามนิ้วจริง ๆ ก็ให้พักแป้งไว้ในชามผสม ปิดฝา แล้วนำไปพักไว้ภายในตู้เย็น 1 คืน

ขนมเข่ง

ขั้นตอนที่ 3 ขั้นตอนนี้ ให้เตรียมใบตอง เช็ดและทำความสะอาด จากนั้น นำกระทงมาเย็บ เอาไว้เป็นภาชนะสำหรับหยอดแป้งทำขนม

ขั้นตอนที่ 4 นำลังถึงสำหรับนึ่งขนมวางบนกะทะ เปิดไฟ แล้วรอจนน้ำเดือด วางกระทงที่หยอดแป้งทำขนมเข่งลงในลังถึง หรี่เป็นไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน จากนั้นจัดการนึ่งขนม โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ขั้นตอนที่ 5 เมื่อนึ่งขนมจนสุกแล้ว ให้นำขนมขึ้นมาจากเตาได้เลย รอจนความร้อนคลายตัว ตกแต่งหน้าขนมด้วยดอกจักรวาลสีแดง จากนั้น นำไปไหว้เจ้าได้เลย

ขนมเข่ง

ขนมเข่งเป็นขนมสำหรับนำมาเซ่นไหว้เทพเจ้าเนื่องในวันตรุษจีนตามความเชื่อของชาวจีนเชื้อสายไทย ทำให้สูตรทำขนมมีทั้งสูตรทั่ว ๆ ไป และขนมสูตรโบราณ โดยสูตรขนมที่ให้ไปนี้ เป็นสูตรโบราณ ถ้าทำตามขั้นตอนดังกล่าวที่บอกไป สีขนมที่ได้มานั้น เหลืองสวยงาม และดูน่ารับประทาน

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารสุขภาพ

เกี๊ยวน้ำ กินกับน้ำซุปหอม ๆ อร่อยเด็ด มัดใจคนที่บ้าน

เกี๊ยวน้ำ

เกี๊ยวน้ำ เมนูง่าย ๆ กินกับน้ำซุปร้อน ๆ คล่องคอ และอร่อยกว่เกี๊ยวน้ำ 7-11 อยากรู้ รสชาติเป็นยังไง ต้องติดตาม

ส่วนผสมในการทำเกี๊ยวน้ำ

เกี๊ยวน้ำ

เกี๊ยว น้ำ ไม่จำเป็นต้องซื้อจากร้านสะดวกซื้อ หรือซื้อจากร้านอาหาร เพราะทั้งเนื้อหมูและเนื้อกุ้ง ต้นทุน ราคาค่อนข้างสูง มีหรือราคาเกี๊ยวน้ำจะถูก เพราะฉะนั้น ถ้าอยากประหยัดและลดต้นทุน อีกทั้งใช้เวลาทำไม่นาน เพราะเตรียมส่วนผสมน้อย วันนี้ ลองมาทำเกี๊ยวน้ำกันดีกว่า เพราะการทำอาหารเมนูนี้ ง่ายนิดเดียวจริง ๆ 

วัตถุดิบ เกี๊ยวน้ำ

เกี๊ยวน้ำ
  1. แผ่นเกี๊ยว 20 แผ่น 
  2. กุ้งสับ 100 กรัม
  3. หมูสับ 100 กรัม 
  4. กระเทียม 1 กลีบ 
  5. พริกไทยขาวเม็ด 1 ช้อนชา 
  6. รากผักชี 3 ราก 
  7. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ 
  8. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ 
  9. ไข่ไก่ 1 ฟอง 
  10. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ 
  11. น้ำซุปกระดูกหมู 1 ลิตร 
  12. ต้นหอมซอย ตามชอบ 
  13. ผักกวางตุ้ง ตามชอบ 
  14. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

เกี๊ยวน้ำ

ขั้นตอนที่ 1 พริกไทยควรเลือกเป็นพริกไทยขาวเม็ด นำมาโขลกรวมกับรากผักชี และกระเทียม จนละเอียด เพระส่วนผสมดังกล่าว ช่วยทำให้ เกี๊ยวน้ำ มีรสชาติที่ดีขึ้นมาได้

ขั้นตอนที่ 2 นำกุ้งและหมูมาสับให้ละเอียด หรือจะใช้เครื่องบดกุ้ง บดหมูก็ได้ นำกุ้งใส่ในชามผสม ตามด้วยหมูบด กระเทียม รากผักชี พริกไทยหรือที่เราเรียกว่าสามเกลอที่โขลกแล้ว นำมาผสมรวมกัน ตามด้วย น้ำตาล ซอสปรุงรส น้ำมันงา ซอสหอยนางรม และไข่ไก่ คนให้เข้ากัน โดยยังไม่ต้องไปตั้งคำถามว่า เกี๊ยวน้ำกี่แคล

เกี๊ยวน้ำ

ขั้นตอนที่ 3 ตักไส้ที่ผสมแล้ว นำมาวางลงบนแผ่นเกี๊ยวที่เตรียมไว้ ตักไส้ขึ้นมาประมาณ 1 ช้อนชา จากนั้นจัดการห่อให้สวยงาม โดยมีเทคนิคง่าย ๆ นั่นก็คือ นำน้ำเปล่ามาทาตรงขอบของแผ่นเกี๊ยว วิธีนี้จะทำให้ แผ่นเกี๊ยวห่อติดกันแน่น อีกทั้งเวลาต้ม ก็จะไม่แตกอีกด้วยอันเป็นอีกหนึ่งเกี๊ยวน้ำสูตร ที่น่าลองทำดู

ขั้นตอนที่ 5 รอน้ำเดือดจัด จากนั้นนำเกี๊ยวไปต้ม พอสุก ตักใส่ชาม

ขั้นตอนที่ 6 เทน้ำซุปกระดูกหมูลงในหม้อ จากนั้นใช้ไฟกลาง รอกระทั่งน้ำซุปเดือด

เกี๊ยวน้ำ

ขั้นตอนที่ 7 ใช้ผักกวางตุ้ง ต้มจนผักกวางตุ้งสุก นำมาเทใส่ชามที่ใส่เกี๊ยว โรยต้นหอมที่นำมาซอยแล้ว เสริ์ฟและรับประทานได้เลย

เห็นหรือยัง การทำเกี๊ยวน้ำนั้นไม่ยากเลย ขอเพียงเตรียมส่วนผสมให้พร้อม รวมถึงเรียนรู้เทคนิคในการห่อเกี๊ยว เพียงเท่านี้ เราก็จะได้เกี๊ยวแสนอร่อยมาซดร้อน ๆ แล้ว อีกทั้งเมนูนี้ ยังเหมาะสมกับเด็ก ๆ อีกด้วย เพราะกินง่าย รสชาติไม่จัด 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมหวานไทย

พาย้อนรอยการทำขนมไทย แกะสูตรง่าย ๆ กับเมนูขนมช่อม่วง 

ขนมช่อม่วง

หากจะพูดถึงขนมที่มีรสชาติและหน้าตาที่ชวนเย้ายวนน้ำลายสอ ก็คงหนีไม่พ้นขนมไทยบ้านเราเอง เพราะทั้งรสชาติ หน้าตาที่ทำออกมานั้นล้วนแสดงถึงความใส่ใจ ความพิถีพิถันในทุกกรรมวิธีที่ทำออกมานั่นเองและในบทความนี้ เราพาท่านผู้อ่านทุกท่านมาย้อนรอยแกะสูตร ขนมช่อม่วง หนึ่งในขนมไทยที่ได้รับความนิยมกัน สามารถทำได้อย่างไรนั้น มาดูกันเลย

สูตรการทำ ขนมช่อม่วง ทำง่ายไม่ยาก อ่านจบทำขายได้เลย

ขนมช่อม่วง

ก่อนอื่นเรามารู้จักกับลักษณะพิเศษของ ขนม ช่อม่วง กันก่อนดีกว่า แน่นอนว่าขนมนี้เป็นขนมไทย ที่มีลักษณะคล้ายดอกไม้บานรายล้อมด้วยกลีบอันเป็นสีม่วงฉ่ำ พร้อมเครื่องเคียงเป็นผักสีเขียวเพิ่มรสชาติอันจัดจ้านหน่อย ๆ ด้วยพริกสดครึ่งซีก เป็นไงกันบ้างมาถึงแค่นี้ดู ๆ แล้วน้ำลายสอกันไหมเอ่ย? เอาล่ะ ต่อไปเรามาดูสูตรการทำกันเลย

สิ่งที่ต้องเตรียมมีดังนี้

ขนมช่อม่วง

– แป้งมัน ขนาด 10 กรัม
– แป้งข้าวเหนียว ขนาด 10 กรัม
– แป้งข้าวเจ้า ขนาด 40 กรัม
– แป้งท้าวยายม่อม ขนาด 10 กรัม
– น้ำมันพืช ขนาด 15 กรัม
– น้ำดอกอัญชัน ขนาด 150 กรัม
– น้ำตาลทราย ขนาด 20 กรัม
– อกไก่สับละเอียด ปริมาณ 1 ถ้วย
– ถั่วลิสงคั่ว ปริมาณ 1/2 ถ้วย
– หอมใหญ่สับละเอียด ปริมาณ 1/2 ถ้วย
– กระเทียม ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
– รากผักชี ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
– พริกไทยป่น ปริมาณ 2 ช้อนชา
– น้ำตาลทราย ปริมาณ 1/2 ถ้วย
– เกลือ ปริมาณ 2 ช้อนชา
– น้ำมันพืชใช้เพียงปริมาณเล็กน้อย

เมื่อเตรียมของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มทำกันเลย

ขนมช่อม่วง
  • มาเริ่มทำไส้ของช่อม่วงก่อน โดยการนำราก กระเทียม ผักชี และพริกไทย ที่เตรียมไว้มาโขลกให้เข้ากัน จากนั้นำไปผัดจนมีกลิ่นหอม
  • นำหอมใหญ่ที่สับละเอียดจากที่เตรียมไว้นั้นใส่ลงไปผัดให้พอสุก แล้วใส่ไก่สับผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลทราย แล้ววางพักไว้ก่อน
  • มากวนแป้งเพื่อทำขนมช่อม่วงต่อ โดยการแป้งมาผสมกับน้ำดอกอัญชันให้มีสีก่อน
ขนมช่อม่วง

  • นำแป้งที่ได้เป็นสีจากน้ำอัญชันมาใส่กระทะ ตั้งไฟให้อ่อนแล้วคนไปในทิศทางเดียวกัน สังเกตเนื้อแป้งว่ามีการจับกันเป็นก้อนหรือยัง หากจับเป็นก้อนแล้วพักไว้ก่อน
  • โรยด้วยแป้งมันเล็กน้อย นวดให้เนียนเข้ากันแล้วทิ้งไว้
  • แป้งที่กวนจนได้ที่แล้วมาห่อกับไส้ที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ จับจีบให้สวยงาม แล้วนำไปนึ่ง
  • เมื่อสุกแล้วนำม่วางใส่ภาชนะ ตกแต่งด้วยเครื่องเคียงส่วนอื่น ๆ ก็จะได้ขนมช่อม่วงหน้าตาน่าทานแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารสุขภาพ

ผัดผัก รวมมิตร จานเดียวเอาอยู่ คุณค่าทางสารอาหารครบ

ผัดผัก รวมมิตร

ผัดผัก รวมมิตร เมนูเพื่อสุขภาพ อร่อยและควบคุมน้ำหนักได้ ผัดผักรวมมิตรใส่อะไรบ้าง วันนี้มีเคล็ดลับดี ๆ มาบอก

ส่วนผสมในการทำ ผัดผัก รวมมิตร

ผัดผัก รวมมิตร

วัตถุประสงค์ของการทำเมนู ผัดผักรวมมิตร นี้เกิดมาจาก ความต้องการที่จะนำผักเหลือในตู้เย็น นำมาผัดรวมกัน เช่น แครอท ข้าวโพดอ่อน บล็อคโคลี ถั่วลันเตา และหน่อไม้ฝรั่ง มาผัดรวมกัน ในส่วนของเนื้อสัตว์ เลือกได้ตามชอบ จะเป็นผัดผักรวมกุ้ง หรือ ผัดผักรวมมิตรหมูสับ เราก็จะได้เมนูจานเด็ดมารับประทานแล้ว อีกทั้งยังไม่อ้วน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก รวมถึง ผู้ที่สนใจดูแลใส่ใจร่างกาย ดังนั้น วันนี้ แอดมิน จะขอนำเสนอสูตรผัดผักรวมแสนอร่อย มานำเสนอให้กับเพื่อน ๆ ทุกคน

ผัดผักรวมมิตรมีวัตถุดิบอะไรบ้าง

ผัดผัก รวมมิตร
  • บล็อคโคลีครึ่งหัว
  • กะหล่ำปลีครึ่งหัวเล็ก
  • มะเขือเทศ1 ลูก
  • แครอท 1/2หัวเล็ก
  • หมูหั่นชิ้น2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย1/2 ช้อนชา
  • ซอสหอยนางรม2 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว1/2 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า1 ช้อนโต๊ะ
  • กะเทียมสับ

วิธีทำ

ผัดผัก รวมมิตร

ขั้นตอนที่ 1 นำบล็อคโคลีและแครอทไปลวกในน้ำที่กำลังเดือดปุด ๆ จากนั้น ลองสังเกตุดูว่าสีของผัก สดขึ้นแล้วหรือยัง ถ้าพบว่า สีของผักที่เราลวกนั้น เปลี่ยนเป็นสีสดแล้ว ให้ นำขึ้นมาพักเพื่อสะเด็ดน้ำ เตรียมทำผัดผักรวมมิตร ขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนที่ 2 ใส่น้ำมันพืชลงในกะทะ ขั้นตอนนี้ใช้ไฟกลางเท่านั้น จากนั้นนำกระเทียมที่เราเตรียมไว้ ลงไปทอดในกะทะ รอจนกระเทียมที่เจียวออกมานั้นเป็นสีเหลืองทองและมีกลิ่นหอม จากนั้นถึงเข้าสู่ขั้นตอนทำผัดผักรวม 5 ชนิด หรือเท่าที่เราสามารถเตรียมได้

ผัดผัก รวมมิตร

ขั้นตอนที่ 3 ใส่บล็อคโคลี แครอท กะหล่ำปลี และมะเขือเทศ ลงไปผัด หรือถ้าบ้านไหนมีเห็ด สามารถเติมเห็ดลงไปได้ ก็จะกลายเป็นผัดผักรวมมิตร 5 อย่าง ระหว่างกำลังผัด วิธีผัดผักให้อร่อย ต้องใส่น้ำลงไปในผักที่เรากำลังจะผัดให้น้ำดูขลุกขลิก 

ขั้นตอนที่ 4 ใส่หมูหั่นชิ้นลงไปผัด เลือกเป็นหมูสับก็ได้ สำหรับหมูหั่นชิ้น อาจนำไปลวกก่อนก็ได้ ผัดกระทั่งหมูสุก ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย น้ำตาลทราย และซีอิ๊วขาว ผัดและคลุกส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟ ตักผัดผักใส่ในจาน เตรียมรับประทานได้เลย

ผัดผัก รวมมิตร

วิธีกินผัดผักรวมมิตรให้อร่อย ควรต้องกินคู่กับทอดมัน ต้มส้มปลาทู กินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ เข้ากันดีเหลือเกิน อิ่ม อร่อย ได้ประโยชน์ขนาดนี้ ไม่ต้องซื้อกินที่ร้านอาหารตามสั่งอีกต่อไปแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

ปูดองน้ำปลา วิธีทำง่ายมาก ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะ

ปูดองน้ำปลา

ปูดองน้ำปลา ปูไข่ ไข่แน่น ๆ สีเหลือง ๆ อร่อยซี๊ดซ๊าด สูตรปูไข่ดองแบบไทย ทำเองได้ง่าย ๆ รับรองได้เลยว่าใครทำตามก็ต้องติดใจกับสูตรเด็ดของเรา

ส่วนผสมในการทำ ปูดองน้ำปลา

ปูดองน้ำปลา

ปูดอง น้ำปลา นอกแซลมอนดองน้ำปลาที่เคยเป็นกระแสอยู่สักพักจนถึงตอนนี้ รวมถึงกุ้งดองน้ำปลา ดูเหมือน ปูไข่ ก็สามารถนำมาดองได้รสชาติที่อร่อยด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้เมนูอาหารทะเลเมนูนี้ สร้างสีสันบนโต๊ะอาหารได้อย่างค่อนข้างมากมาย เพราะบางครั้ง การรับประทานแต่เมนูผัดผักและแกงกะทิ รวมถึง ของทอดอื่น ๆ อาจทำให้เรารู้สึกเลี่ยนได้ ลองเปลี่ยนมาเป็นเมนูปูไข่ดอง รับรอง อยากกลับมากินข้าวที่บ้านทุกวัน

ปูดองน้ำปลา วัตถุดิบ

ปูดองน้ำปลา

ส่วนผสมสำหรับ 1 สูตร

  1. ปูไข่2 ตัว
  2. น้ำเปล่า4 ถ้วยตวง
  3. น้ำปลา1 ถ้วยตวง
  4. น้ำตาลทราย1/2 ถ้วยตวง
ปูดองน้ำปลา

น้ำจิ้มซีฟูด

  1. พริกขี้หนูสวน 2 ช้อนโต๊ะ
  2. กระเทียมไทย 3 ช้อนโต๊ะ
  3. รากผักชีหั่น 3 ราก
  4. เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
  5. น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำมะนาว 7 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลมะพร้าว

วิธีทำ

ปูดองน้ำปลา

ขั้นตอนที่ 1 นำปูไข่ที่เราซื้อ มาทำความสะอาด ต้องขัดคราบโคลนออกให้หมด อย่าให้เหลือ เพราะอาจทำให้ท้องเสียได้ จากนั้นแกะกระดองปูออก โดยมีข้อแม้ว่า ห้ามทำไข่ปูหลุดออกมาจากกระดองเป็นอันขาด เดี๋ยวจะไม่เข้ากับความเป็นปูไข่ดองอันเป็นอีกหนึ่งสูตรในการทำปูดองน้ำปลา

ขั้นตอนที่ 2 เทน้ำสะอาดลงในหม้อก่อน แล้วถึงเทน้ำปลา รวมถึงน้ำตาลลงในหม้อ ต้มให้ส่วนผสมทั้งหมด โดยเฉพาะน้ำตาลละลายเข้ากันดี สูตรนี้เหมือน วิธีทำปูไข่ดองครัวคุณต๋อย

ปูดองน้ำปลา

ขั้นตอนที่ 3 รอน้ำดองเย็น เราถึงนำปูไข่มาดอง โดยดองทิ้งไว้ภายในตู้เย็น 1 คืน 

ขั้นตอนที่ 4 นำพริกขี้หนูสด ๆ จากสวน มาซอย รสเผ็ดเอาตามที่ชอบ รวมถึงกระเทียมนำมาหั่น จากนั้นโรยทั้งกระเทียมและพริกลงในปู่ไข่ที่ดองไว้ มาถึงขั้นตอนนี้ ก็ถือว่าเสร็จเตรียมรับประทานได้เลย

ปูดองน้ำปลา

สำหรับน้ำจิ้ม ให้นำส่วนผสมทั้งหมด อันได้แก่ พริกขี้หนูสวน กระเทียมไทย รากผักชี เกลือ น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาล นำมาปั่นรวมกัน เวลารับประทานปูไข่ดองน้ำปลา ถ้าจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟูด จะอร่อยมาก ๆ แซ่บ เด็ดจริง ๆ

ปูดอง น้ำปลา จะกินอย่างไรให้อร่อย ต้องนำน้ำจิ้มซีฟู้ดมาคลุกกับข้าว ตอนกำลังร้อน ๆ พร้อมหยิบปูไข่ขึ้นมาดูด และตักไข่ปูขึ้นมากิน แค่นี้ก็อร่อยแล้ว ไม่ต้องเตรียมสำรับอย่างอื่นเพิ่ม อีกทั้งยังกินได้นานหลายวัน ขอเพียงเก็บเอาไว้ในตู้เย็น ใครที่เบื่ออาหารรสชาติเดิม ๆ ลองเปลี่ยนมากินข้าวคลุกน้ำจิ้มซีฟู้ด กับปูไข่ดองสักครั้ง ชีวิตจะมีรสชาติขึ้นมาทันที

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

ปลา ราดพริก ฟูกรอบ น้ำราดแซ่บ ๆ กินกับเมนูไหนก็ได้

ปลาราดพริก

ปลา ราดพริก 3 รส อาหารไทยที่รสชาติครบเครื่อง ทั้ง เปรี้ยว เผ็ด หวาน วันนี้เรามีสูตรทอดอย่างไรให้ฟูกรอบ เนื้อปลาแน่น ๆ ไม่อยากพลาดก็มาดูกันเลย

ปลา ราดพริก ส่วนผสมในการทำ

ปลาราดพริก

ปลา ราด พริก ใครที่เบื่อเมนูทอดเดิม ๆ เช่น ปลาทอด ปลานึ่ง ลองเปลี่ยนมาเป็น การทำน้ำราดแซ่บ ๆ ราดลงบนตัวปลา เราก็จะได้เมนูอาหารเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเมนู โดยวันนี้ ปลาที่จะนำมาทำเมนูดังกล่าว จะเป็นปลานิลที่เรารู้จักอีกทั้งยังเป็นปลาที่หาซื้อง่ายมาก ไม่มีตลาดไหน ไม่ขายปลานิล อีกทั้ง ปลานิลยังมีหลายขนาดอีกด้วย ใครต้องการกินเนื้อปลาเยอะ ๆ ให้เลือกตัวใหญ่เข้าไว้ แต่ต้องเพิ่มในส่วนของวัตถุดิบที่จะนำมาทำเมนูดังกล่าว ซึ่งการเลือกปลานิล ต้องเลือกปลาสด โดยดูว่า ตายังใสหรือเปล่า ? รวมถึงเหงือกต้องแดง กดไปที่พุงปลา แล้วไม่ยุบ ก็ถือได้ว่า นำมาทำปลานิลสำหรับราดซอสได้แล้ว

ปลาราดพริก

ปลาราดพริก วัตถุดิบ

  • ปลา 1 ตัว
  • กระเทียม 40 กรัม
  • พริกแดงจินดา 50 กรัม
  • พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด
  • ผักชี 2 ต้น
  • น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 6 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

ปลาราดพริก

ขั้นตอนที่ 1 พริกแดงจินดานำมาหั่นเป็นเส้นยาวเอาไว้บางส่วน ที่เหลือ เตรียมนำไปปั่นร่วมกับวัตถุดิบอื่น ๆ ที่จะนำมาทำปลาราดพริก

ขั้นตอนที่ 2 ผักชี หั่นเอาเฉพาะก้านและใบสวย ๆ สำหรับแต่งหน้า ในส่วนของราก ใส่ลงไปในโถปั่น ให้ปั่นรวมกับพริกแดงจินดา และกระเทียม จากนั้นปั่นจนละเอียดเพื่อเอาไว้ราด เนื้อปลาราดพริก

ชั้นตอนที่ 3 ปลา ต้องล้างให้สะอาด ผึ่งลม สะเด็ดน้ำให้แห้ง จากนั้นนำตัวปลามาบั้ง

ขั้นตอนที่ 4 เกลือมาทาทั่วตัวปลาเพียงเล็กน้อย จากนั้น ตั้งกะทะ รอกระทั่งน้ำมันร้อนจัด นำปลานิลที่ทาเกลือแล้วไปทอดประมาณ 6 นาที โดยไม่ลืมกลับตัวปลา เพื่อมาทอดอีกด้านในเวลา 6 นาทีเท่าเดิม เมื่อพบว่า ปลาเหลืองทั้ง 2 ฝั่งแล้ว ก็ให้ตักขึ้นมาจากกะทะ

ขั้นตอนที่ 5 นำ 3 เกลอที่เราเตรียมไว้ ไปผัดในกะทะ ผัดจนกระทั่งได้กลิ่นหอม ในส่วนของการปรุงรส นำเครื่องปรุงที่เราได้เตรียมไว้ เช่น น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาล น้ำเปล่า ผัดส่วนผสมทั้งหมดจนละลายเข้ากันดี 

ขั้นตอนสุดท้าย ตักน้ำราดขึ้นมาจากกะทะ ราดลงบนตัวปลา แล้วตกแต่งด้วยผักชีกับพริกจินดาที่เราหั่นเป็นริ้วยาวมาจัดวาง เพื่อทำให้ปลาราดพริกดูน่ารับประทานมากขึ้น

ปลาราดพริก

การเลือกปลาที่จะนำมาทำเมนูนี้ สามารถเปลี่ยนเป็นปลาอื่น ๆ ได้ เช่น ปลาทับทิม รวมถึง ปลากะพง ก็เป็นปลาที่นำมาทำเมนูราดพริกได้ ซึ่ง การรับประทานปลา ถือได้ว่า มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นโปรตีนอย่างดีที่กินแล้วไม่อ้วน สายไดเอทควรรับประทานเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งกินคู่กับเมนูไหนก็ได้ เพราะเมนูนี้ มีความเปรี้ยว หวาน เผ็ด รวมอยู่ในจานนี้อยู่แล้ว จะกินกับต้มจืดและข้าวสวยร้อน ๆ เป็นอะไรที่เข้ากันเหลือเกิน

อ่านบทความอื่นๆ: