เค้กกล้วยหอม จะทำขนมให้นุ่มฟูและหอม ทำอย่างไร วันนี้ นำเสนอ เค้กกล้วยหอมสูตรนุ่มฟู ทำแล้ว ดีต่อใจแถมยังทำตามกันได้ไม่ยุ่งยากอีกด้วย
ส่วนผสมในการทำ เค้กกล้วยหอม
เค้ก กล้วยหอม ส่วนผสมหลักในการทำ ได้แก่กล้วยหอมหง่อม ๆ ที่รับประทานไม่หมด แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเลยนำกล้วยหอมมาทำขนมเค้กสูตรอร่อย ที่ใช้วิธีการทำไม่ยากเลย บ้านไหนที่ไม่มีเตาอบ สามารถนำขนมดังกล่าวมานึ่งในลังถึง ก็จะได้ขนมเค้กอร่อย ๆ มากินในช่วงพักเบรคแล้ว
กล้วยหอม เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ กล้วยหอมเพียง 1 ผล สามารถเพิ่มพลังให้กับนักกีฬา ทำให้กล้วยชนิดนี้ เป็นกล้วยที่นักกีฬาชอบรับประทาน ดังนั้น การนำกล้วยหอมมาแปรรูปทำขนม ถึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริงอีกทั้งยังอร่อยอีกด้วย
วัตถุดิบในการทำเค้กกล้วยหอม
- กล้วยหอมสุกบด 200 กรัม (ประมาณ 3 ลูก ขนาดกลาง)
- น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 180 กรัม ( ประมาณ 12 ช้อนโต๊ะ)
- แป้งเค้ก 200 กรัม ( ประมาณ 29 ช้อนโต๊ะ)
- ผงฟู 1+1/2 ช้อนชา
- เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- น้ำมันพืช 1 ถ้วย
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- ท็อปปิ้งตามชอบ เช่น ลูกเกด อัลมอนด์ส
วิธีทำ
ขั้นตอนที่ 1 ต้องใช้กล้วยที่สุกงอมเท่านั้น จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด แล้วค่อยบีบน้ำมะนาวลงไป ต้องคนส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วพักกล้วยในชามผสมไว้ หันมาตีไข่ใส่โถปั่นกับน้ำตาลทรายที่เตรียมไว้ ใช้เวลาตีประมาณ 8 นาที จนไข่ขึ้นฟู จะทำให้เค้กกล้วยหอม ฟูน่ากินตอนอบ
ขั้นตอนที่ 2 ในการทำ เค้กกล้วยหอมสูตรนุ่ม ให้นำแป้งเค้ก ผงฟู เกลือ และเบกกิ้งโซดา นำมาผสมรวมกัน
ขั้นตอนที่ 3 ร่อนส่วนผสมดังกล่าวลงบนเบทเทอร์ที่อยู่ในโถปั่น ใช้หัวตะกร้อตีส่วนผสมดังกล่าวให้เข้ากันจนไม่เหลือความขาวของแป้งเค้ก เติมกลิ่นวานิลลา รวมถึงน้ำมัน ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง
ขั้นตอนที่ 4 กระทั่งส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี ใส่กล้วยหอมบดลงไป ตีส่วนผสมต่อ เมื่อทุกอย่างเข้ากันดีแล้ว ตักใส่พิมพ์จีบเบอร์ ให้เลือกพิมพ์จีบเบอร์ 3219 นำท็อปเปอร์มาโรยตามชอบ
ขั้นตอนที่ 5 นำเข้าเตาอบ ใช้อุณหภูมิประมาณ 200 องศาเซลเซียส โดยใช้เวลาอบประมาณ 25-30 นาที
ขั้นตอนสุดท้าย นำขนมออกมาจากเตาได้เลย หรือลองใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มไปที่ตัวขนม ถ้าของเหลวไม่ติดไม้จิ้มฟัน ก็ถือว่าสุกแล้ว
เพียงแค่กล้วยหอมงอม ๆ ไม่กี่ผล ก็สามารถนำมาครีเอทเมนูขนมดังกล่าวได้แล้ว เพราะฉะนั้น เค้กกล้วยหอมถึงเป็นอีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจ ใครใครก็ยอากลองทำกินเอง
อ่านบทความอื่นๆ: