สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
ขนมหวานไทย

แจกสูตรขนม บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน รสชาติหวาน เนื้อมะพร้าวกรุบกรอบ

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักขนม บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน แน่นอน เพราะเป็นขนมโบราณที่มีรสชาติหวาน หอม เนื้อมะพร้าวกรุบกรอบหนึบหนับอร่อยกำลังดี แถมยังสามารถหาซื้อทานได้ง่ายตามตลาดนัดหรือตามร้านขนมหวานไทยๆ ที่มีขายอยู่ทั่วไป ที่สำคัญยังเป็นขนมไทยโบราณที่กำลังมาแรงมาก และคนต่อคิวซื้อแน่นร้านจนต้องแจกบัตรคิวกันเลยทีเดียว สำหรับขนมชนิดนี้มีหลากหลายสูตร ไม่ว่าจะเป็นสูตรโบราณ มะพร้าวอ่อน บ้าบินโบราณผงมันม่วง เป็นต้น แต่วันนี้เราจะมาทำสูตรบ้าบิ่น มะพร้าวอ่อนกรุบกรอบ รสชาติหวานละมุน เนื้อขนมหนึบหนับกำลังดี

ขั้นตอนการทำขนม บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน เนื้อนุ่มหนึบหนับ หวานกำลังดี 

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

สำหรับใครที่ชอบทานขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน และอยากลองทำทานเองในครอบครัวในช่วงวันหยุดยาว วันนี้เราจะมาแชร์สูตรบ้าบิ่นกรอบนอกนุ่มใน รสชาติหวานหอม อัดแน่นด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนกรุบกรอบเคี้ยวเพลิน นอกจากนี้เรายังมีวิธีการทำที่ง่ายๆ ไม่ยากอย่างคิดมาให้ได้ลองทำตามได้ เหมาะสำหรับคนที่กำลังเรียนทำขนมครั้งแรกอีกด้วย หรือถ้าใครอยากลองทำขนมบ้าบิ่นขายตามตลาดนัดก็สามารถลองทำสูตร และวิธีทำตามที่เรานำมาแชร์ได้เลย รับรองไม่ผิดหวัง

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน
  1. แป้งข้าวเหนียวดำ 50 กรัม
  2. แป้งข้าวเหนียวขาว 300 กรัม
  3. เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำเปล่า 150 กรัม
  5. หัวกะทิ 200 กรัม
  6. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  7. มะพร้าวขูดขาว 300 กรัม
  8. เนื้อมะพร้าวอ่อน 300 กรัม

ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อนจะมีส่วนผสมไม่มากนัก ดังนั้นใครที่ยังกังวลว่าขนมสูตรบ้าบิ่นโบราณมะพร้าวอ่อนทำยาก ขั้นตอนเยอะเกินไป ต้องบอกเลยว่าวิธีทำขนมชนิดนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ว่าแล้วเราไปลงมือทำพร้อมๆ กันเลย 

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน
  1. มาเริ่มแป้งกันเลย โดยนำแป้งข้าวเหนียวดำ และแป้งข้าวเหนียวขาวมาใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นผสมให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลทราย เกลือป่น ไข่ไก่ น้ำเปล่า เสร็จแล้วใช้มือคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนกว่าน้ำตาลจะละลายหมด เมื่อน้ำตาลละลายหมดแล้วให้ใส่น้ำกะทิ ผงฟู และเนื้อมะพร้าวขูด ใช้มือขยำแรงๆ ให้น้ำกะทิในเนื้อมะพร้าวออกมา ตามด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง นำแป้งขนมไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้แป้งเชตตัวดี 
  2. ต่อมาให้ตั้งกะทะ ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย เปิดไฟอ่อนๆ พอให้กะทิร้อน จากนั้นนำแป้งออกจากตู้เย็น ตักใส่กระทะเกลื่ยให้แป้งมีความหนาที่เสมอกัน ปิดฝารอให้ขนมเริ่มส่งกลิ่นหอมแล้วกลับด้านปิดฝาอีกครั้ง เมื่อขนมสุกเกรียมเรียบร้อยให้ตักพักไว้บนตะแกรง ตัดขนมเป็นชิ้นๆ ขนาดตามใจชอบ พร้อมทานได้
บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

สำหรับบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อนที่ทำเสร็จแล้วจะมีสีม่วงใสของแป้ง เนื้อนุ่มหนึบหนับ และมีกลิ่นหอมกะทิสด พร้อมทั้งรสชาติขนมไทยบ้าบิ่นหวานละมุนอร่อยเพลิดเพลินสุดๆ และหากทานคู่กับเครื่องดื่มจำพวกชาจะยิ่งเพิ่มความอร่อยมากขึ้น หรือจะทานคู่กับกาแฟสักแก้วในวันว่างๆ พร้อมกับเสียงเพลงอันไพเราะละมุนละไมผ่อนคลายมากเลยทีเดียว 

แชร์ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน สูตรใบเตย หอมกลิ่นงา แสนอร่อย

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน หนึ่งในเมนูขนมไทยโบราณที่มีรสชาติอร่อย และมีเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ยังมีหนึ่งสูตรที่อยากแนะนำนั่นก็คือ ขนมบ้าบิ่นใบเตยมะพร้าวอ่อน รสชาติอร่อย เนื้อมะพร้าวกรุบกรอบ โรยด้วยงาขาวแสนอร่อย สำหรับสูตรขนมไทยบ้าบิ่นใบเตยสามารถใช้สูตรมะพร้าวอ่อนบ้าบิ่นเมนูขนมไทยดั้งเดิมได้เลย แต่ไม่ใส่แป้งข้าวเหนียวดำ เพียงแค่นี้ก็สามารถทำขนมบ้าบิ่นใบเตยใส่มะพร้าวอ่อนได้ง่ายๆ แถมอร่อยด้วยนะ

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
ขนมหวานไทย

เปิดเมนูขนมหวานโบราณน่าทาน สูตร ขนมตะลุ่ม เนื้อสังขยา หวานฉ่ำ ชื่นใจ

ขนมตะลุ่ม

สำหรับ ขนมตะลุ่ม ในสมัยก่อนคนไทยจะนิยมทำแค่เฉพาะงานเทศกาล อาทิ งานบุญ งานแต่ง หรืองานบวชเท่านั้น เพราะขนมชนิดนี้ต้องทำอย่างประณีต และใช้คนทำจำนวนมาก อีกทั้งจะต้องทำอย่างบรรจงที่สุด เนื่องจากขนม ตะลุ่มเป็นขนมชาววังที่แตกต่างจากขนมอื่นๆ ทั่วไป แต่ในปัจจุบันขนมชนิดนี้สามารถหาซื้อทานได้ในร้านขนมหวานแถวภาคกลาง หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวในเขตภาคกลางเท่านั้น เนื่องจากขนมชนิดนี้ค่อนข้างหาทานได้ยากมาก สำหรับคนที่กำลังหาเมนูขนมหวานทำง่ายๆ แต่ไม่รู้ว่าจะทำขนมชนิดไหนดี ขอแนะนำสูตรขนมตะลุ่มชาววังทำง่าย ไม่ยุ่งยาก มาให้ได้ลองทำตามกัน

วิธีทำ ขนมตะลุ่ม ฉบับมือใหม่ ทำง่ายๆ รสชาติอร่อยแบบชาววัง 

ขนมตะลุ่ม

ขนม ตะลุ่ม ถือว่าเป็นชาววังที่มีรสชาติหวานฉ่ำ หอมกลิ่นสังขยา ที่มาพร้อมกับเนื้อแป้งนุ่มนิ่มอร่อยจนหยุดทานไม่ได้ สำหรับคนที่สงสัยว่าขนมตะลุ่ม ต่างจาก ขนมถ้วย อย่างไร ต้องบอกเลยว่าหน้าขนมถ้วยตะไลเป็นกะทิ ในส่วนหน้าขนมตะลุ่มเป็นสังขยานั่นเอง นอกจากนี้วิธีทำขนมก็แตกต่างกันอีกด้วย ดังนั้นถ้าอยากลองทำขนมตะลุ่มจะต้องเตรียมส่วนผสมของหน้าสังขยา โดยมีวัตถุดิบดังนี้

  1. ไข่เป็ด 5 ฟอง
  2. หัวกะทิ 150 กรัม
  3. ใบเตย 5 ใบ
  4. น้ำตาละพร้าว 200 กรัม
ขนมตะลุ่ม

ส่วนผสม และวัตถุดิบของแป้งขนมที่ต้องเตรียม

  1. แป้งท้าวยายม่อม 50 กรัม
  2. กะทิ 30 กรัม
  3. เกลือ ¼ ช้อนชา
  4. น้ำปูนใส 10 กรัม
  5. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม

เมื่อได้เตรียมส่วนผสมของขนมตะลุ่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อมาจะเป็นในส่วนของวิธีทำขนมตะลุ่มตามฉบับมือใหม่ แต่เป็นสูตรชาววังอย่างง่ายที่มาพร้อมกับรสชาติ หวานฉ่ำของหน้าสังขยาที่อร่อยโดนใจคนชอบขนมไทยแน่นอน 

ขนมตะลุ่ม
  1. เริ่มแรกมาเตรียมแป้งกันก่อน โดยนำแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม หางกะทิ น้ำเปล่า เกลือ และน้ำปูนใส มาผสมในภาชนะที่เตรียมไว้ เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้ว พักไว้ก่อน
  2. ต่อมาเราจะมาทำหน้าสังขยา โดยให้ใส่ไข่เป็ด น้ำตาลมะพร้าว หัวกะทิ และใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป หลังจากนั้นใช้มือขยำส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง 
  3. นำหม้อนึ่งใส่น้ำแล้วนำไปตั้งเตาให้เรียบร้อย เปิดไฟแรง เมื่อน้ำเดือดให้ใส่ส่วนผสมที่เป็นแป้งลงไปในถ้วยตะไลประมาณครึ่งถ้วยปิดฝา นึ่งไว้ประมาณ 5 นาที เมื่อแป้งสุกแล้วให้ใส่หน้าสังขยาลงไปในถ้วยตะไล และทำการนึ่งต่อประมาณ 15 นาที
  4. หลังจากที่ครบกำหนดเวลานึ่งแล้วให้ทำการยกหม้อออกมาจากเตา พักไว้ให้เย็นก่อนนำไปเสิร์ฟ โดยสามารถเสิร์ฟได้ทั้งถ้วย หรือจะแคะขนมออกมาจัดวางไว้บนจานให้สวยงามก็ได้ตามใจชอบ
ขนมตะลุ่ม

หลังจากที่ได้ลองทำขนมตะลุ่มไปเรียบร้อยแล้วจะเห็นว่าวิธีทำขนมตะลุ่มโบราณชาววังนั้นไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งยังใช้เวลาในการทำขนมไทยโบราณไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าขนมชนิดนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมไทยที่มีขั้นตอนการทำที่ง่าย และใช้เวลาเพียงน้อยนิด เหมาะสำหรับคนมือใหม่ฝึกทำขนมทานเองสุดๆ นอกจากนี้รสชาติขนมหวาน หอมละมุน นุ่มลิ้นทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ 

แนะนำขนมตะลุ่ม สูตรใบเตย รสชาติอร่อย หอมกลิ่นใบเตย

ขนมตะลุ่ม

สำหรับคนที่ชอบขนมกลิ่นใบเตย ต้องไม่พลาดกับขนมตะลุ่ม สูตรใบเตย เป็นสูตรขนมไทยที่มีรสชาติหวาน หอมกลิ่นใบเตยตัดกับกลิ่นสังขยาได้อย่างลงตัว เรีกยได้ว่า ขนมตะลุ่มคือ ขนมแสนอร่อยหาซื้อยาก แต่มีขั้นตอนการทำที่ง่ายๆ คล้ายกับสูตรดั้งเดิม เพียงใส่น้ำใบเตยลงไปผสมกับส่วนผสมที่เป็นแป้ง จากนั้นนำมานึ่งให้สุก และใส่ส่วนผสมที่เป็นหน้าสังขยาลงไปนึ่งต่อจนขนมสุก พักไว้ให้เย็นเป็นอันเสร็จสิ้น เพียงแค่นี้ก็จะได้ขนมตะลุ่มสูตรใบเตยเมนูขนมไทยโบราณที่มีรสชาติอร่อย เนื้อขนมนุ่มละลายในปากทานได้ตลอดวัน

อ่านบทความอื่นๆ: 

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
ขนมหวานไทย

เปิดเมนูขนมหวานโบราณน่าทาน สูตร ขนมตะลุ่ม เนื้อสังขยา หวานฉ่ำ ชื่นใจ

ขนมตะลุ่ม

สำหรับ ขนมตะลุ่ม ในสมัยก่อนคนไทยจะนิยมทำแค่เฉพาะงานเทศกาล อาทิ งานบุญ งานแต่ง หรืองานบวชเท่านั้น เพราะขนมชนิดนี้ต้องทำอย่างประณีต และใช้คนทำจำนวนมาก อีกทั้งจะต้องทำอย่างบรรจงที่สุด เนื่องจากขนม ตะลุ่มเป็นขนมชาววังที่แตกต่างจากขนมอื่นๆ ทั่วไป แต่ในปัจจุบันขนมชนิดนี้สามารถหาซื้อทานได้ในร้านขนมหวานแถวภาคกลาง หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวในเขตภาคกลางเท่านั้น เนื่องจากขนมชนิดนี้ค่อนข้างหาทานได้ยากมาก สำหรับคนที่กำลังหาเมนูขนมหวานทำง่ายๆ แต่ไม่รู้ว่าจะทำขนมชนิดไหนดี ขอแนะนำสูตรขนมตะลุ่มชาววังทำง่าย ไม่ยุ่งยาก มาให้ได้ลองทำตามกัน

วิธีทำ ขนมตะลุ่ม ฉบับมือใหม่ ทำง่ายๆ รสชาติอร่อยแบบชาววัง 

ขนมตะลุ่ม

ขนม ตะลุ่ม ถือว่าเป็นชาววังที่มีรสชาติหวานฉ่ำ หอมกลิ่นสังขยา ที่มาพร้อมกับเนื้อแป้งนุ่มนิ่มอร่อยจนหยุดทานไม่ได้ สำหรับคนที่สงสัยว่าขนมตะลุ่ม ต่างจาก ขนมถ้วย อย่างไร ต้องบอกเลยว่าหน้าขนมถ้วยตะไลเป็นกะทิ ในส่วนหน้าขนมตะลุ่มเป็นสังขยานั่นเอง นอกจากนี้วิธีทำขนมก็แตกต่างกันอีกด้วย ดังนั้นถ้าอยากลองทำขนมตะลุ่มจะต้องเตรียมส่วนผสมของหน้าสังขยา โดยมีวัตถุดิบดังนี้

  1. ไข่เป็ด 5 ฟอง
  2. หัวกะทิ 150 กรัม
  3. ใบเตย 5 ใบ
  4. น้ำตาละพร้าว 200 กรัม

ส่วนผสม และวัตถุดิบของแป้งขนมที่ต้องเตรียม

ขนมตะลุ่ม
  1. แป้งท้าวยายม่อม 50 กรัม
  2. กะทิ 30 กรัม
  3. เกลือ ¼ ช้อนชา
  4. น้ำปูนใส 10 กรัม
  5. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม

เมื่อได้เตรียมส่วนผสมของขนมตะลุ่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อมาจะเป็นในส่วนของวิธีทำขนมตะลุ่มตามฉบับมือใหม่ แต่เป็นสูตรชาววังอย่างง่ายที่มาพร้อมกับรสชาติ หวานฉ่ำของหน้าสังขยาที่อร่อยโดนใจคนชอบขนมไทยแน่นอน 

ขนมตะลุ่ม
  1. เริ่มแรกมาเตรียมแป้งกันก่อน โดยนำแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม หางกะทิ น้ำเปล่า เกลือ และน้ำปูนใส มาผสมในภาชนะที่เตรียมไว้ เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้ว พักไว้ก่อน
  2. ต่อมาเราจะมาทำหน้าสังขยา โดยให้ใส่ไข่เป็ด น้ำตาลมะพร้าว หัวกะทิ และใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป หลังจากนั้นใช้มือขยำส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง 
  3. นำหม้อนึ่งใส่น้ำแล้วนำไปตั้งเตาให้เรียบร้อย เปิดไฟแรง เมื่อน้ำเดือดให้ใส่ส่วนผสมที่เป็นแป้งลงไปในถ้วยตะไลประมาณครึ่งถ้วยปิดฝา นึ่งไว้ประมาณ 5 นาที เมื่อแป้งสุกแล้วให้ใส่หน้าสังขยาลงไปในถ้วยตะไล และทำการนึ่งต่อประมาณ 15 นาที
  4. หลังจากที่ครบกำหนดเวลานึ่งแล้วให้ทำการยกหม้อออกมาจากเตา พักไว้ให้เย็นก่อนนำไปเสิร์ฟ โดยสามารถเสิร์ฟได้ทั้งถ้วย หรือจะแคะขนมออกมาจัดวางไว้บนจานให้สวยงามก็ได้ตามใจชอบ
ขนมตะลุ่ม

หลังจากที่ได้ลองทำขนมตะลุ่มไปเรียบร้อยแล้วจะเห็นว่าวิธีทำขนมตะลุ่มโบราณชาววังนั้นไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งยังใช้เวลาในการทำขนมไทยโบราณไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าขนมชนิดนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมไทยที่มีขั้นตอนการทำที่ง่าย และใช้เวลาเพียงน้อยนิด เหมาะสำหรับคนมือใหม่ฝึกทำขนมทานเองสุดๆ นอกจากนี้รสชาติขนมหวาน หอมละมุน นุ่มลิ้นทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ 

แนะนำขนมตะลุ่ม สูตรใบเตย รสชาติอร่อย หอมกลิ่นใบเตย

ขนมตะลุ่ม

สำหรับคนที่ชอบขนมกลิ่นใบเตย ต้องไม่พลาดกับขนมตะลุ่ม สูตรใบเตย เป็นสูตรขนมไทยที่มีรสชาติหวาน หอมกลิ่นใบเตยตัดกับกลิ่นสังขยาได้อย่างลงตัว เรีกยได้ว่า ขนมตะลุ่มคือ ขนมแสนอร่อยหาซื้อยาก แต่มีขั้นตอนการทำที่ง่ายๆ คล้ายกับสูตรดั้งเดิม เพียงใส่น้ำใบเตยลงไปผสมกับส่วนผสมที่เป็นแป้ง จากนั้นนำมานึ่งให้สุก และใส่ส่วนผสมที่เป็นหน้าสังขยาลงไปนึ่งต่อจนขนมสุก พักไว้ให้เย็นเป็นอันเสร็จสิ้น เพียงแค่นี้ก็จะได้ขนมตะลุ่มสูตรใบเตยเมนูขนมไทยโบราณที่มีรสชาติอร่อย เนื้อขนมนุ่มละลายในปากทานได้ตลอดวัน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
ขนมหวานไทย

แนะนำขนมโบราณ ขนมถ้วย เมนูแสนหวาน เนื้อนุ่ม หวาน มัน

ขนมถ้วย

หากพูดถึงขนมหวานที่สามารถหาซื้อทานได้ง่ายต้องยกให้ ขนมถ้วย เพราะเป็นขนมที่คนไทยชอบทานมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นขนมไทยโบราณที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน และคาดว่าจะนิยมไปตลอดกาล นอกจากนี้ขนมถ้วยโบราณยังสามารถทำทานได้ด้วยตัวเอง แถมขั้นตอนต่างๆ ยังไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องเตรียมวัตถุดิบเยอะแยะมากมายก็สามารถทำทานได้ที่บ้าน แถมรสชาติอร่อยด้วย 

ชวนเข้าครัวไทย สอนทำ ขนมถ้วย หวาน มัน ทำง่าย อร่อยสไตล์ชาววัง

ขนมถ้วย

หากใครกำลังหาขนมแสนอร่อยทาน แต่ไม่รู้ว่าจะทานขนมอะไรดี ขอแนะนำขนมถ้วย ขนมหวานสุดคลาสสิกที่มีหาซื้อได้ง่าย รสชาติขนมยังอร่อยไม่จำเจ อีกทั้งเนื้อแป้งนุ่มสุดๆ แต่ถ้าหากอยากลองทำทานด้วยตัวเอง วันนี้เรามีสูตรขนมถ้วยโบราณที่มีรสชาติหวาน มัน เค็ม อร่อยสุดๆ แถมทำออกมาแล้วน่าทานแน่นอน ที่สำคัญวิธีทำขนมถ้วย ง่าย ๆ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมายก็สามารถทำขนมทานเองได้ที่บ้าน แถมไม่ต้องไปหาซื้อทานให้เสียเวลาอีกด้วย 

วัตถุดิบ และส่วนผสมของแป้งที่เตรียม

  1. แป้งมัน 150 กรัม
  2. แป้งข้าวจ้าว 250 กรัม
  3. น้ำตาลปิ๊ป 250 กรัม
  4. น้ำเปล่า 400 กรัม
  5. ใบเตย 2 ถ้วยตวง
  6. กะทิ 200 กรัม
ขนมถ้วย

ส่วนผสม และวัตถุดิบของหน้าขนม

  1. หัวกะทิ 900 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 50 กรัม
  4. เกลือ 2 ช้อนชา

ขนมถ้วยเป็นขนมประเภทนึ่งที่มีเนื้อแป้งนุ่ม หวาน อร่อยฟินทุกคำ ดังนั้นคนที่ไม่ชอบขนมทอดสามารถลองทำขนมไทยชนิดนี้ทานได้ รับรองว่าอร่อยถูกใจแน่นอน และในลำดับต่อมาเราจะมาดูขั้นตอนการทำขนมหวานง่ายกัน

ขนมถ้วย
  1. เริ่มต้นด้วยการนำใบเตยมาล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ นำไปใส่ในเครื่องปั่นใส่น้ำเล็กน้อย ปั่นให้ละเอียด นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อเอาน้ำใบเตยไปใช้ต่อไป
  2. ขั้นตอนต่อมา เราจะนำแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน ใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นใส่น้ำปิ๊ปลงไป ใช้มันขยำให้เข้ากัน เทน้ำใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป ผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำมากรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อให้น้ำแป้งเนื้อเนียน 
  3. หลังจากที่เตรียมส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อมาจะเป็นการเตรียมหม้อใส่น้ำนพไปตั้งเตา ใช้ไฟแรง และขนมถ้วยเปล่าๆ มานึ่งรอประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นใส่น้ำแป้งขนมลงไปให้เต็มถ้วย ทำการนึ่งต่อไปประมาณ 10 นาที
  4. ในระหว่างที่รอขนมสุก เรามาทำหน้าขนมโดยการนำ แป้งมัน หัวกะทิ เกลือ น้ำตาล และน้ำเปล่า คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใช้ตะแกรงกรองน้ำกะทิอีกครั้ง
  5. นำน้ำราดกะทิมาหยอดใส่ในขนมถ้วยที่กำลังนึ่งอยู่ จากนั้นรอประมาณ 5 นาที เสร็จแล้ว ยกออกจากเตา และรอให้ขนมเย็นสักพัก แล้วค่อยนำออกมาใส่จานพร้อมทาน
ขนมถ้วย

เป็นอย่างไรบ้างกับขนมถ้วยชาววังที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน แถมรสชาติหวาน มัน เค็ม อร่อยกำลังดี และข้อดีของการทำขนมทานเองคือ ได้ทานขนมรสชาติตามที่เราต้องการ และยังได้ทานขนมสดใหม่ อีกทั้งวิธีทำขนมถ้วยก็ทำได้ไม่ยากอีกด้วย สำหรับคนที่อยากลองทำเมนูขนมไทยๆ ขายตามท้องตลาดก็สามารถทำตามสูตรขนมไทยที่เรานำมาแชร์ได้ รับรองกำไรปังแน่นอน 

สูตรลับ ขนมถ้วย ชาววัง เนื้อนุ่มนิ่ม ทานง่าย อร่อยด้วย 

ขนมถ้วย

ขนม ถ้วย ขึ้นชื่อว่าเป็นเมนูขนมไทยโบราณชาววังที่สามารถทำทานได้ทั้งครอบครัว แถมยังสามารถทำได้ในปริมาณที่ต้องการอีกด้วย สำหรับเคล็ดลับในการทำขนมถ้วยให้นุ่มนั้น ในขั้นตอนผสมแป้งจะต้องนำแป้งมาร่อนก่อนแล้วค่อยนำไปผสมกับส่วนผสมอื่นๆ เพราะจะทำให้ขนมมีเนื้อเนียนสวยน่าทาน 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
ขนมหวานไทย

สูตร ข้าวเหนียวมะม่วง เนื้อหวานฉ่ำ รสชาติอร่อย อิ่มท้องนาน

ข้าวเหนียวมะม่วง

ขนมหวานถือว่าเป็นเมนูที่ต้องจัดเตรียมคู่กับอาหารคาวในสำรับเสมอ เพราะคนไทยนิยมทานอาหารคาว และตบท้ายด้วยของหวาน ซึ่งขนมหวานจะต้องเป็นขนมที่สามารถหาซื้อง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก สำหรับขนมที่ได้รับความนิยมทุกบ้านเลยก็คือ ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นขนมไทย รสชาติหวาน มัน เค็ม ที่มาพร้อมกับข้าวเหนียวนุ่ม หอมกลิ่นกะทิสดได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเป็นขนมไทยโบราณที่ทำง่ายๆ เพียงแค่มีมะม่วง และข้าวเหนียวก็สามารถทำทานได้ที่บ้านพร้อมทานได้ทั้งครอบครัว

เผยขั้นตอนการทำ ข้าวเหนียวมะม่วง อย่างง่าย รสชาติอร่อย 

ข้าวเหนียวมะม่วง

สำหรับคนชอบทานข้าวเหนียวมะม่วงเป็นประจำ และอยากลองทำทานเอง วันนี้เรามีสูตร ข้าวเหนียวมะม่วง รสชาติหวานฉ่ำ เนื้อมะม่วงเน้นๆ ที่มาพร้อมกับข้าวนุ่มนิ่มละมุนละไมมาฝากทุกคนได้ลองทำตามกันได้ นอกจากนี้วิธี ทํา ข้าวเหนียว มะม่วงง่ายๆ คนที่ไม่เคยทำขนมก็สามารถทำได้ อีกทั้งส่วนผสมในการทำขนมก็มีน้อยนิดดังนี้

ข้าวเหนียวมะม่วง
  1. ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 1 กิโลกรัม
  2. หัวกะทิ 5 ถ้วยตวง
  3. เกลือ ½ ช้อนชา
  4. น้ำตาลทรายขาว 3 ถ้วยตวง
  5. มะม่วงสุก 3 ลูก
  6. ถั่วเหลือง ½ ถ้วยตวง
  7. ใบเตย 5 ใบ

เมื่อเตรียมวัตถุดิบ และส่วนผสมของข้าวเหนียวมะม่วงเรียบร้อยแล้วจะเห็นว่าใช้วัตถุดิบเพียงนิดเดียว และไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมายก็สามาถทําข้าวเหนียวมะม่วง ง่ายๆ มือใหม่ทำได้สบายมาก โดยมีขั้นตอนดังนี้

ข้าวเหนียวมะม่วง
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรกกันเลย นำข้าวเหนียวมาล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นนำไปแช่น้ำทั้งไว้ประมาณ 1 คืน เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วให้นำข้าวเหนียวมานึ่ง โดยการวางผ้าข้าวบางไว้บนหม้อนึ่ง จากนั้นใส่ใบเตย และข้าวเหนี่ยวลงไป นำไปนึ่งให้สุกใช้เวลาประมาณ 30 นาที
  2. ขั้นตอนต่อมาให้นำหัวกะทิมาผสมกับเกลือ น้ำตาลทรายผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ จนละลาย เสร็จแล้วให้นำไปผสมกับข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้ว ให้ทิ้งไว้สักประมาณ 30 นาที เพื่อให้น้ำกะทิซึมเข้าไปในข้าวเหนียวมูน
  3. ในลำดับต่อมาจะเป็นการทำน้ำราดกะทิ โดยการนำหัวกะทิ น้ำตาลทราย เกลือ และแป้งมัน นำไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ จนกว่าน้ำกะทิจะเดือด เสร็จแล้วให้ยกหม้อออกจากเตา พักไว้ก่อน
  4. นำมะม่วงมาล้างทำความสะอาด เสร็จแล้วปอกเปลือกออก นำมาสับในแนวยาว ตักข้าวเหนียวมูนใส่จานที่เตรียมไว้ จากนั้นใส่มะม่วงสุกลงไป ตามด้วยน้ำราดกะทิสด โรยหน้าด้วยถั่วเหลือง พร้อมเสิร์ฟ
ข้าวเหนียวมะม่วง

สำหรับมะม่วงที่ใช้ในการทำข้าวเหนียวมะม่วงจะใช้มะม่วงน้ำดอกไม้ เพราะมีรสชาติหวานหอม เมื่อทานคู่กับข้าวเหนียวมูนจะได้รสชาติของขนมที่อร่อย หวานฉ่ำสุดๆ ไปเลย อีกทั้งยังได้กลิ่นหอมของกะทิสดละมุนละไมมากขึ้นเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นเมนูขนมไทยโบราณที่อร่อย และอิ่มท้องนาน แถมยังทำเองได้ ไม่ต้องไปซื้อร้านก็สามารถทำได้ทานข้าว เหนียวมะม่วงแสนอร่อยถูกปาก และสามารถทานได้แบบไม่อั้นอีกด้วย

เปิดเคล็ด (ไม่) ลับ ข้าวเหนียว มะม่วง ข้าวนุ่ม อร่อยโดนใจ

ข้าวเหนียวมะม่วง

วันนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับการทำข้าวเหนียวมะม่วง หนึ่งในเมนูขนมไทยให้น่าทาน โดยเริ่มจากขั้นตอนการทำข้าวเหนียว เมื่อนึ่งข้าวเหนียวสุกแล้ว พักไว้ 15 นาที หรือให้ข้าวเหนียวอุ่นๆ แล้วค่อยนำมาทำข้าวเหนียวมูน เพราะหากนำมาทำทันทีจะทำให้ข้าวเหนียวมูนนิ่มเกินไป และอีกหนึ่งเทคนิคการทำข้าวเหนียวมูนให้ใช้ไม้พายกวนจะทำให้เมล็ดข้าวไม่หัก จากนั้นตะล่อมอย่างเบามือ และทยอยเทน้ำกะทิมูนทีละน้อย เพื่อให้น้ำกะทิค่อยๆ ซึมเข้าสู่ข้าวเหนียวนั่นเอง 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/ 

Categories
ขนมหวานไทย

บัวลอย หลากสีสัน โดนใจ ขนมนุ่ม ๆ มัน ๆ กินอร่อย

บัวลอย

เมนูขนมไทย ที่เราจะมาบอกต่อสูตรความอร่อยก็คือ บัวลอย สูตรเด็ดทำขายได้ สูตรนี้บอก วิธีทำแป้งบัวลอยให้เหนียวนุ่ม ทำแบบไหน ต้องลอง

ส่วนผสมในการทำ บัวลอย

บัวลอย

บัว ลอย ขนมไทยที่มีส่วนผสมของน้ำกะทิเป็นหลัก เป็นขนมไทยที่ทำง่าย แต่อร่อย อีกทั้งยังนำมาดัดแปลง ทำเป็นขนมสีต่าง ๆ ดังที่กำลังจะรีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำขนมดู เชื่อว่า ถ้าทำด้วยตัวเองแล้ว มัดใจใครได้ไม่ยาก

วัตถุดิบในการทำบัวลอย

บัวลอย
  1. แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
  2. แป้งมัน 10 กรัม
  3. สีผสมอาหาร อย่างละ 4 หยด (สีม่วง / สีฟ้า/ สีเขียว / สีเหลือง / สีแดง)
  4. น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ 8 ช้อนโต๊ะ 
  5. กะทิ 4 ถ้วย (หางกะทิ 2 ถ้วย + หัวกะทิ 2 ถ้วย)
  6. น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
  7. น้ำตาลทราย 80 กรัม
  8. เกลือป่น 1/4 ช้อนโต๊ะ
  9. มะพร้าวอ่อนหั่นชิ้นพอคำ 50 กรัม
  10. ไข่ไก่ 2 ฟอง

วิธีทำ

บัวลอย

ขั้นตอนที่ 1 เป็นขั้นตอนการเตรียมแป้งบัวลอย นำแป้งข้าวเหนียวกับแป้งมันมาผสมในชามผสม ตามด้วยสีผสมอาหาร จากนั้นเทน้ำลงไป คราวละ 1 ชต. ระหว่างนั้น ทำการนวดแป้งไปด้วย ใส่น้ำจนกระทั่งครบ 8 ชต.สังเกตุดู ก็จะพบว่า แป้งมีความเนียนละเอียดและไม่เหลว จากนั้นหาผ้าขาวหรือนำฟิล์มมาแร็ปปิดไว้ เตรียมแป้งทำบัวลอยสีอื่นต่อไป

ขั้นตอนที่ 2 หลังจากผสมและนวดแป้งจนครบทุกสีแล้วนำแป้งมาปั่นเป็นก้อนกลม ๆ ประมาณ 1 ซม. รอน้ำในหม้อต้มเดือดก่อน หยอดแป้งลงไปในหม้อ รอจนแป้งลอยขึ้นมา จากนั้นช้อนแป้งขึ้นมาจากหม้อ พักไว้ในน้ำเย็น อันเป็นวิธีง่าย ๆ ในการทำ บัว ลอย วิธีทำง่าย ๆ

บัวลอย

ขั้นตอนที่ 3 เตรียมหม้อสำหรับต้มน้ำกะทิ จากนั้นตั้งบนเตา เทหางกะทิในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือ น้ำตาลปี๊บ ขั้นตอนนี้ให้ใช้ไฟกลาง คนส่วนผสมทั้งหมดที่เตรียมไว้ให้เข้ากัน ตอกไข่ใส่กะทิ รอไข่สุก ช้อนขึ้นมาจากหม้อ เตรียมไว้ใส่บัวลอย เป็นสูตรบัวลอย ที่มีส่วนผสมของไข่ต้ม

ขั้นตอนที่ 4 ภายหลังตักไข่ขึ้นมาจากกะทิ ให้เทหัวกะทิที่เหลือลงในหม้อที่ได้ต้มหางกะทิไว้แล้ว คนส่วนผสมดังกล่าวให้เข้ากัน ใส่บัวลอยและมะพร้าวอ่อน ต้มต่อ 10 นาที ทั้งนี้เพื่อให้ความหวานและมันที่มาจากกะทิซึมเข้าไปในเนื้อขนม ครบ 10 นาทีเมื่อไหร่ ตักใส่ถ้วย ท็อปด้วยไข่ต้ม และเนื้อมะพร้าว ก็สามารถรับประทานได้แล้ว

บัวลอย

Trick: ช่วงที่กำลังปั้นแป้ง ขนาดแป้งที่นำมาปั้นไม่ควรเกิน 1 ซม. เพราะถ้าขนาดแป้งเกินกว่านั้น เวลาต้ม ตัวขนมจะขยายตัวจนใหญ่เกินไป ทำให้ดูไม่น่ารับประทาน

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมหวานไทย

ขนมตาล สีเหลืองสวย นุ่มและฟู อร่อยจัง

ขนมตาล

ขนมไทยโบราณ ขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อน ขนมตาล ขนมพื้นบ้านแสนอร่อย ลูกตาลสุกทำอะไรได้บ้าง วันนี้มีคำตอบ นำมาทำขนมดังนี้

ส่วนผสมในการทำ ขนมตาล

ขนมตาล

ขนม ตาล เป็นเมนูขนมไทยสีเหลือง ที่มีเนื้อขนมค่อนข้างฟูนุ่ม กินง่าย เคี้ยวกับมะพร้าวขูดโรยเกลือนิด ๆ ออกรสเค็มปะแล่มตัดหวานจากเนื้อขนม เป็นรสชาติที่ค่อนข้างอร่อยและลงตัวยิ่งนัก อีกทั้งยังใช้ผลตาลสุกเพียงไม่กี่ผล ก็สามารถนำมาทำขนมได้แล้ว ถ้าถามว่า ระหว่างเบเกอรี่กับขนมดังกล่าว แบบไหนอร่อย กว่ากัน อยู่ที่ความชอบ จะขนมแบบไหนก็อร่อยทั้งนั้น ถ้าทำกินเอง

วัตถุดิบในการเตรียมเนื้อลูกตาลที่สุกแล้วทำยังไง

  • ลูกตาลสุก 2 ลูกพร้อมน้ำสะอาดสำหรับล้างเนื้อตาล
  • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
ขนมตาล

วัตถุดิบในการทำหน้ามะพร้าว

  • แป้งข้าวเจ้า 300 กรัม
  • เนื้อตาลยี 200 กรัม
  • หัวกะทิ 600 กรัม 
  • ยีสต์ 2 ช้อนชา
  • ผงฟู 1+1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทรายขาว 300 กรัม
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูดเส้น ปริมาณตามชอบ

วิธีทำ

ขั้นตอนที่ 1 นำลูกตาล 2 ผลไปล้างให้สะอาด เอาเฉพาะเนื้อตาลใส ๆ ใส่ไว้ในชาม ซึ่งจะเป็นวัตถุดิบในการทำขนมตาล

ขนมตาล

ขั้นตอนที่ 2 ใช้น้ำเกลือล้างเนื้อตาล เพราะเกลือสามารถลดความขมของเนื้อตาลได้ จากนั้นคั้นโดยใช้มือ แล้วยีเนื้อตาลออกมาให้มากที่สุด นำเนื้อตาลไปกรองกับตะแกรง จากนั้นนำมาใส่ในชามอีกใบเพื่อลดความเฝื่อนของ เนื้อลูกตาลสุก

ขั้นตอนที่ 3 ภายหลังวิธียีลูกตาล เรียบร้อยแล้วจนถึงขั้นนำเนื้อตาลมากรองด้วยตะแกรง ก็ยังคงต้อง เทใส่ผ้าขาวบาง 2 ชั้นที่รองด้วยตะแกรงตามด้วยนำชามผสมมารองอีกครั้ง รวบผ้าเข้าหากัน มัดไว้ ทิ้งระยะเวลาประมาณ 1 คืน เพื่อให้น้ำที่อยู่ในเนื้อตาล ไหลออกให้มากที่สุด รอกระทั่งครบเวลา นำเนื้อตาลมาเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่มีฝาปิด

ขั้นตอนที่ 4 ใส่หัวกะทิลงในหม้อตามด้วยเกลือป่น น้ำตาลทราย ขั้นตอนนี้ใช้ไฟอ่อนเท่านั้น รอจนส่วนผสมละลายแล้วปิดเตา พักไว้ให้เย็น

ขนมตาล

ขั้นตอนที่ 5 นำยีสต์และแป้งข้าวเจ้าผสมกัน ใส่เนื้อตาลที่ยีแล้วลงไปคลุกให้ได้ลักษณะคล้ายเม็ดทราย ใช้น้ำกะทินวด ต้องค่อย ๆ เท นวดจนแป้งเนียนและจับตัวเป็นก้อน และนำน้ำกะทิที่เหลือ ละลายแป้งจนเหนียวข้นกระทั่งน้ำกะทิหมดจริง ๆ แล้วนำฟิล์มใสสำหรับแร็ปอาหารมาห่อชามผสมไว้ พักไว้ตรงบริเวณที่มีแดดจัด 3 ชม.

ขั้นตอนที่ 6 เมื่อครบ 3 ชั่วโมง ร่อนผงฟูลงไป คนให้เข้ากัน พักไว้ 10 นาที ตักใส่ถ้วยตะไลแล้วนำไปนึ่งได้เลย ซึ่งก่อนจะนึ่งให้นำพิมพ์ใบตองไปนึ่งก่อน 1 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งติดกับใบตอง จากนั้นถึงหยอดแป้ง แล้วนำไปนึ่ง ใช้เวลานึ่งประมาณ 20 นาที ยกลงจากเตา โรยมะพร้าวทึนทึกขูดฝอยลงบนหน้าขนม แล้วยกเสริ์ฟเพื่อรับประทานได้เลย

ขนมตาล

ขนมตาลเป็นการนำผลลูกตาลสดมาทำขนมสูตรเด็ดให้สมาชิกในครอบครัว รวมถึงเพื่อนและคนรักได้ลองกินขนมอร่อยที่นำผลตาลสุกมาทำขนม ไม่แน่ ถ้าทำขนมตาลเก่ง ๆ สามารถต่อยอดนำมาสร้างอาชีพ ขายขนมได้

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมหวานไทย

พาย้อนรอยการทำขนมไทย แกะสูตรง่าย ๆ กับเมนูขนมช่อม่วง 

ขนมช่อม่วง

หากจะพูดถึงขนมที่มีรสชาติและหน้าตาที่ชวนเย้ายวนน้ำลายสอ ก็คงหนีไม่พ้นขนมไทยบ้านเราเอง เพราะทั้งรสชาติ หน้าตาที่ทำออกมานั้นล้วนแสดงถึงความใส่ใจ ความพิถีพิถันในทุกกรรมวิธีที่ทำออกมานั่นเองและในบทความนี้ เราพาท่านผู้อ่านทุกท่านมาย้อนรอยแกะสูตร ขนมช่อม่วง หนึ่งในขนมไทยที่ได้รับความนิยมกัน สามารถทำได้อย่างไรนั้น มาดูกันเลย

สูตรการทำ ขนมช่อม่วง ทำง่ายไม่ยาก อ่านจบทำขายได้เลย

ขนมช่อม่วง

ก่อนอื่นเรามารู้จักกับลักษณะพิเศษของ ขนม ช่อม่วง กันก่อนดีกว่า แน่นอนว่าขนมนี้เป็นขนมไทย ที่มีลักษณะคล้ายดอกไม้บานรายล้อมด้วยกลีบอันเป็นสีม่วงฉ่ำ พร้อมเครื่องเคียงเป็นผักสีเขียวเพิ่มรสชาติอันจัดจ้านหน่อย ๆ ด้วยพริกสดครึ่งซีก เป็นไงกันบ้างมาถึงแค่นี้ดู ๆ แล้วน้ำลายสอกันไหมเอ่ย? เอาล่ะ ต่อไปเรามาดูสูตรการทำกันเลย

สิ่งที่ต้องเตรียมมีดังนี้

ขนมช่อม่วง

– แป้งมัน ขนาด 10 กรัม
– แป้งข้าวเหนียว ขนาด 10 กรัม
– แป้งข้าวเจ้า ขนาด 40 กรัม
– แป้งท้าวยายม่อม ขนาด 10 กรัม
– น้ำมันพืช ขนาด 15 กรัม
– น้ำดอกอัญชัน ขนาด 150 กรัม
– น้ำตาลทราย ขนาด 20 กรัม
– อกไก่สับละเอียด ปริมาณ 1 ถ้วย
– ถั่วลิสงคั่ว ปริมาณ 1/2 ถ้วย
– หอมใหญ่สับละเอียด ปริมาณ 1/2 ถ้วย
– กระเทียม ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
– รากผักชี ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
– พริกไทยป่น ปริมาณ 2 ช้อนชา
– น้ำตาลทราย ปริมาณ 1/2 ถ้วย
– เกลือ ปริมาณ 2 ช้อนชา
– น้ำมันพืชใช้เพียงปริมาณเล็กน้อย

เมื่อเตรียมของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มทำกันเลย

ขนมช่อม่วง
  • มาเริ่มทำไส้ของช่อม่วงก่อน โดยการนำราก กระเทียม ผักชี และพริกไทย ที่เตรียมไว้มาโขลกให้เข้ากัน จากนั้นำไปผัดจนมีกลิ่นหอม
  • นำหอมใหญ่ที่สับละเอียดจากที่เตรียมไว้นั้นใส่ลงไปผัดให้พอสุก แล้วใส่ไก่สับผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลทราย แล้ววางพักไว้ก่อน
  • มากวนแป้งเพื่อทำขนมช่อม่วงต่อ โดยการแป้งมาผสมกับน้ำดอกอัญชันให้มีสีก่อน
ขนมช่อม่วง

  • นำแป้งที่ได้เป็นสีจากน้ำอัญชันมาใส่กระทะ ตั้งไฟให้อ่อนแล้วคนไปในทิศทางเดียวกัน สังเกตเนื้อแป้งว่ามีการจับกันเป็นก้อนหรือยัง หากจับเป็นก้อนแล้วพักไว้ก่อน
  • โรยด้วยแป้งมันเล็กน้อย นวดให้เนียนเข้ากันแล้วทิ้งไว้
  • แป้งที่กวนจนได้ที่แล้วมาห่อกับไส้ที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ จับจีบให้สวยงาม แล้วนำไปนึ่ง
  • เมื่อสุกแล้วนำม่วางใส่ภาชนะ ตกแต่งด้วยเครื่องเคียงส่วนอื่น ๆ ก็จะได้ขนมช่อม่วงหน้าตาน่าทานแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมหวานไทย

สังขยาชาไทย หวานอร่อย เนื้อเนียนนุ่ม ใครกิน ติดใจกันทุกคน

สังขยาชาไทย

สังขยาชาไทย เมนูของหวานแสนอร่อย ละมุนลิ้น หอมกลิ่นชาไทย ใครอยากลองทำ สังขยาชาไทยง่าย ๆ วันนี้เรามีวิธีทำมาให้คุณ ทำตามทำไม่ยาก

สังขยาชาไทย ส่วนผสมในการทำ

สังขยาชาไทยเปลี่ยนจากสังขยาใบเตยมาเป็นสังขยาแบบชาไทย เกิดจาก ความต้องการที่จะเปลี่ยนรสชาติสังขยาใบเตยมาเป็นสังขยาแบบชาไทย เพราะการเตรียมใบเตยรวมถึงการคั้นใบเตย พบว่ามีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากกว่าการนำชาไทยมาทำสังขยา อีกทั้งกลิ่นหอมจากชาไทย ช่วยเปลี่ยนรสชาติสังขยาในแบบเดิม ๆ ให้น่าลิ้มลองมากขึ้น

สังขยาชาไทย

ชาไทยที่จะนำมาทำสังขยา ถ้าเป็นสูตรของทางภาคใต้ นิยมนำชาซีลอนมาทำสังขยา ทั้งนี้เพราะ กลิ่นชาซีลอนค่อนข้างหอม อีกทั้ง สียังสวยอีกด้วย ก็ยิ่งทำให้สังขยาน่ารับประทานมากขึ้น 

วัตถุดิบ

  • น้ำชาไทย50ml.
  • กะทิ (ใช้ขวดเล็ก1ชวดพอดี)250ml.
  • น้ำตาลทราย1/3 ถ้วยตวง
  • แป้งข้าวโพด1/3 ถ้วยตวง
  • นมข้นหวาน1/3 ถ้วยตวง
  • ไข่ไก่เบอร์1 (เอาแต่ไข่แดง)4 ฟอง
  • เกลือป่น 

วิธีทำ

สังขยาชาไทย

ขั้นนอนที่ 1 ง่าย ๆ เลย ให้นำชาไทยมาต้ม เพื่อเอากลิ่นหอม ๆ ออกมาจากชาไทยก่อน จากนั้น ทิ้งไว้ให้เย็น เพื่อเตรียมทำสังขยาชาไทย ในขั้นตอนต่อไป

ชั้นตอนที่ 2 น้ำตาลทราย นมข้นหวาน กะทิ ไข่แดง และเกลือป่น นำมาเทรวมกัน คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน กระทั่งน้ำตาลทรายละลายจนหมด พักไว้ จะเห็นได้ว่า สังขยาชาไทย ราคา ไม่ได้สูงนัก อีกทั้งยังอร่อยอีกด้วย

สังขยาชาไทย

ขั้นตอนที่ 3 นำแป้งข้าวโพด ค่อย ๆ เทใส่ลงไป ให้ตีจนแป้งละลาย อย่าให้จับตัวเป็นก้อนเป็นอันขาด นำชาไทยที่เราเตรียมไว้ เทลงไป ตีจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน ถ้าจะให้เนื้อเนียนละเอียด ควรนำไปกรอง 2 รอบ แล้วถึงนำขึ้นตั้งเตา

ขั้นตอนที่ 4 เอาผ้าขาวมารองก้นชามไว้ก่อน จากนั้นนำมาวางในหม้อ เราเรียกขั้นตอนนี้ว่า การตุ๋น เคล็ดลับในการทำให้อร่อย เหมือน สังขยาชาไทยครัวคุณต๋อย ต้องหมั่นคนส่วนผสมดังกล่าวตลอดเวลา ทั้งนี้เพราะ การคนส่วนผสมช่วยทำให้ไม่จับตัวเป็นก้อน และอีกหนึ่งเทคนิค ตอนที่เริ่มตุ๋นสังขยา ให้ดำเนินการหรี่ไฟ 

ขั้นตอนที่ 5 คนต่อไปเรื่อย ๆ กระทั่งแป้งข้าวโพดสุก แล้วยกลงจากเตาได้เลย ขั้นตอนนี้ ยังคงต้องคนต่อเพื่อให้สังขยาคลายความร้อน

สังขยาชาไทย

ขั้นตอนสุดท้าย เทสังขยาใส่ชาม กินคู่กับขนมปังนึ่งหรือขนมปังกรอบ

สังขยา ชาไทย ของกินเล่นแบบไทย ๆ อร่อยหอมชาไทย ไม่ต้องง้อขนมเบเกอรีทำให้ของกินเล่นเมนูนี้ ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะเตรียมทำกินเองเพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น ก็อร่อยแล้ว 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมหวานไทย

ลูกชุบ เมนูขนมฉบับไทยโบราณ สีสันสุดคัลเลอร์ฟูล

ลูกชุบ

เมนูขนมอย่าง ลูกชุบ เมื่อพูดถึงก็คงไม่มีใครไม่รู้จักเพราะไม่ว่าจะไปเดินตลาดหรือห้างสรรพสินค้าก็ต้องมีร้านตั้งเรียงรายอยู่มากมาย ขนมชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นขนมที่โด่งดังมาตั้งแต่สมัยโบราณเลยทีเดียวใครที่ยังไม่เคยลองชิมถือว่าพลาดมาก รสชาติค่อนข้างหอมหวานมันแถมสีสันของรูปลักษณ์ยังสวยสดใสหลากหลายไปด้วยผลไม้นานาชนิดน่ารับประทาน

ลูกชุบ

เมนูขนมชนิดนี้มีส่วนประกอบหลักเป็นถั่วเขียวกวนและใช้ฝีมืออย่างมากในการลงมือทำแต่ละชิ้น ต้นกำเนิดของขนมชนิดนี้คือประเทศโปรตุเกสใช้เมล็ดอัลมอนด์มาบดให้ละเอียดแล้วนำไปกวน แต่ทางประเทศไทยวัตถุดิบอย่างอัลมอนด์หาได้ค่อนข้างยากและมีราคาแพงจึงนำถั่วเขียวมาทำเป็นส่วนผสมหลักแทนได้ทั้งรสชาติอร่อยแถมราคายังถูกลงอีกด้วย

ลูกชุบ เมนูขนมชื่อดังเต็มไปด้วยวัตถุดิบไทยอย่างมากมาย

เมื่อพูดถึงวัตถุดิบของเมนูชนิดนี้หลาย ๆ คนอาจจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นการนำเมล็ดถั่วเขียวไปปั่นแล้วนำมากวนตามลำดับ ถูกต้องแล้วค่ะตามประวัติลูกชุบแล้วเมนูนี้มีส่วนประกอบหลักคือถั่วเขียนไม่มีเปลือก สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดหรือห้างสรรพสินค้าทั่ว ๆ ไปแถมราคายังค่อนข้างถูกเอามาก ๆ 

ลูกชุบ

การจะทำลูกชุบให้อร่อยได้ต้องพึ่งพาปัจจัยในหลาย ๆ อย่าง ตั้งแต่กระบวนการนึ่งถั่วเขียวไปจนถึงการปั้นออกมาให้เกิดรูปร่างที่สวยงามน่ารับประทาน การนำถั่วไปนึ่งต้องคอยเช็คอย่างสม่ำเสมอว่าเมล็ดถั่วสุกดีแล้วหรือไม่เพราะถ้าหากสุกไม่ทั่วกันเนื้อสัมผัสของขนมจะแข็งกระด้างไม่อร่อย

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในวิธีทำลูกชุบก็คือการเลือกใช้สีผสมอาหาร ถ้าหากใครมีสีผสมอาหารที่สกัดมาจากธรรมชาติก็จะดีมาก ๆ หรือหากใครไม่มีก็ต้องเลือกสรรสีผสมอาหารที่ได้คุณภาพเพราะสีที่ราคาถูกหน่อยเมื่อกินเข้าไปนานาอาจจะไปสะสมอยู่ในร่างกายทำให้ไม่ปลอดภัยได้

ขั้นตอนการรังสรรค์ลูกชุบให้เหมือนฉบับไทยโบราณ

เมนูขนมหวานไทยชนิดนี้แต่ละที่ก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันออกไป ถึงแม้ว่ากระบวนการทำและวัตถุดิบจะไม่ได้เยอะอะไรมากมายแต่ก็ต่างมีเคล็ดลับที่ไม่เหมือนกัน จากที่เราได้ทำการศึกษาเรื่องขนมไทยมาอย่างยาวนาน วันนี้เราจึงนำสูตรที่คิดว่าอร่อยกลมกล่อมมากที่สุดมาฝากทุกคนกันค่ะ หากใครกำลังมองหากิจกรรมยามว่างหรือกำลังจะหารายได้เสริมเมนูนี้ก็เหมาะมาก ๆ เช่นเดียวกัน ถ้าพร้อมแล้วตามไปชมกันเลยค่ะ

ลูกชุบ

ส่วนผสมหลัก

  1. ถั่วเขียวกะเทาะเปลือก 500 กรัม
  2. หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทราย 310 กรัม
  4. สีผสมอาหาร (สีใดยี่ห้อใดก็ได้ตามชอบ)
  5. ผงวุ้น

วิธีการทำ

ลูกชุบ
  1. ตั้งหม้อซึ้งแล้วรองด้วยผ้าขาวบางในชั้นที่มีรู เมื่อน้ำเดือดได้ที่แล้วให้นำเมล็ดถั่วเขียววางกระจายให้ทั่วซึ้ง หมั่นคอยเช็คอยู่บ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ถั่วเขียวดิบหรือเละจนเกินไป
  2. เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้วให้นำไปใส่โถปั่นพร้อมกับหัวกะทิและน้ำตาลทราย ปั่นจนทุกอย่างเข้ากันเป็นอย่างดีและเนื้อเนียนละเอียดไม่มีถั่วเขียวเป็นเมล็ดปะปนอยู่
  3. นำส่วนผสมที่ปั่นละเอียดแล้วเทใส่ลงในกระทะเพื่อกวน กวนจนสามารถปั้นถั่วเขียวเป็นลูกได้ เมื่อเสร็จแล้วให้นำขึ้นมาพักเอาไว้โดยให้ผ้าขาวบางคลุม
  4. นำสีผสมอาหารที่เตรียมไว้มาผสมกับน้ำ โดยแยกสีละถ้วย จะทำไปรูปแบบไหนก็ใช้สีตามที่ชอบได้เลยค่ะ
  5. ทำการปั้นถั่วกวนให้ออกมาเป็นรูปแบบตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ ผัก หรือสัตว์ต่าง ๆ ก็จัดเลยค่ะ
  6. เมื่อทำการปั้นเรียบร้อยแล้วของหวานไทยชนิดนี้ค่อนข้างที่จะประณีตก็ตรงที่การทาสีลงไปให้เหมือนของจริง ให้ทำการทาสีสัก 2-3 รอบเพื่อให้สีสันสวยงาม
  7. ตั้งน้ำให้เดือดแล้วนำผงวุ้นใส่ลงไปคนจนกว่าผงวุ้นจะละลาย แล้วนำถั่วกวนที่ทาสีเอาไว้มาจุ่ม แล้วนำไปผึ่งลมจนแห้ง ทำซ้ำแบบนี้ 2-3 รอบเช่นเดียวกันเพื่อความน่ารับประทาน

เมนูขนมแบบไทยโบราณจะกินกี่ครั้งก็ยังคงความอร่อย

ลูกชุบ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับวิธีการทำขนมลูกชุบวัตถุดิบน้อยแถมวิธีทำก็ไม่ยุ่งยากเลยใช่ไหมคะ หากว่าใครกำลังหาอาชีพเสริมสามารถนำสูตรนี้ไปประยุกต์ใช้ได้เลยนะคะจะขายที่ตลาดก็เวิร์คหรือจะขายในโลกออนไลน์ก็เลิศไม่แพ้กัน ขนมชนิดนี้จะทำกินอีกกี่ครั้งก็ยังคงความอร่อยอยู่ตลอดเลยล่ะค่ะ

อ่านบทความอื่นๆ: