วันว่างๆสบายๆอยากชวนเพื่อนๆมาทำเมนู เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม กันดีกว่าค่ะ รับรองว่าสูตรนี้เพื่อนๆสามารถทำตามกันได้ง่ายๆแน่นอนค่ะนอกจากจะได้รับความอร่อยแล้วยังสามารถนำไปเป็นอาชีพเสริมเล็กๆน้อยๆได้อีกด้วยนะคะ เรามาเริ่มทำกันเลยดีกว่าค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม

• แป้งสาลีอเนกประสงค์280 กรัม
• ผงโกโก้110 กรัม
• น้ำตาลทรายและน้ำตาลทรายแดงอย่างละ220 กรัม
• ผงฟู2 ช้อนชา
• เบกกิ้งโซดา1½ ช้อนชา
• นมสด250 มิลลิลิตร
• น้ำมันรำข้าว125 มิลลิลิตร
• ไข่ไก่2 ฟอง
• กลิ่นวานิลลา2 ช้อนชา
• น้ำร้อน250 มิลลิลิตร

สำหรับตัวหน้านิ่ม

• ผงวุ้น1 ช้อนชา
• นมข้นจืด200+150 กรัม
• น้ำตาลทราย100 กรัม
• น้ำตาลทรายแดง100 กรัม
• ผงโกโก้สีอ่อน50 กรัม
• แป้งข้าวโพด40 กรัม
• เนย120 กรัม

วิธีทำ

1. เปิดเตาอบที่ 180 องศาเซลเซียส เตรียมพิมพ์เค้กขนาด 9 นิ้ว สองพิมพ์ ทาเนย และรองด้วยกระดาษไขที่ก้นพิมพ์ ร่อนแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือใส่ลงในโถผสม ใส่น้ำตาลทรายทั้งสองตามลงไป ใช้หัวตีตะกร้อตีให้ส่วนผสมกระจายผสมกันทั่วดี
2. ผสมผงโกโก้กับน้ำร้อน คนให้เข้ากันจนมีลักษณะเป็นซอสข้นๆ ใส่นมสด น้ำมัน ไข่ไก่ และวานิลลาตามลงไป ผสมให้เข้านั้น นำส่วนผสมผงโกโก้ใส่ลงในโถผสมใหญ่ ตีให้เข้ากันดี
3. แบ่งส่วนผสมใส่พิมพ์ให้เท่าๆ กัน นำเข้าอบเป็นเวลา 25 นาที พักให้เย็นลงใช้มีดปาดผิวหน้าให้เรียบ
4. ทำส่วนผสมของช็อกโกแลตหน้านิ่ม โดยนำผงวุ้น ผสมกับน้ำตาลทราย เพื่อให้ผงวุ้นกระจายตัวดี ใส่น้ำตาลทรายแดง ผงโกโก้สีอ่อน น้ำสะอาด 250 มิลลิลิตร และนมข้นจืด200 กรัม นำไปตั้งไฟให้เดือดดี คนให้ส่วนประกอบไม่เป็นก้อน
5. นำนมข้นจืดส่วนที่เหลือ150 กรัม ผสมกับแป้งข้าวโพดคนให้ละลายดี ค่อยๆ ใส่ลงในส่วนประกอบหน้าช็อกโกแลต คนให้ข้นขึ้น หั่นเนยเป็นก้อนเล็ก ใส่ลงไปทีละก้อน คนไปด้วย ใส่เนยจนหมด หน้าช็อกโกแลตควรมีลักษณะที่สีเข้ม และเงานำหน้าช็อกโกแลตที่ได้ไปหล่อด้วยน้ำเย็นเพื่อให้เย็นตัวลง
6. วางเค้กบนตะแกรง ราดหน้าช็อกโกแลตลงบนเค้กชิ้นแรก พักพอให้เย็นลง วางเค้กอีกชิ้นตามลงไป นำหน้าช็อกโกแลตที่เหลือ ราดลงบนตัวเค้ก เคาะตะแกรงเบาๆ เพื่อให้เคลือบทั่วดี พักให้อยู่ตัวที่อุณหภูมิห้อง หรือในตู้เย็น หั่น เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม เป็นชิ้นตามต้องการ

ชิฟฟ่อนฝอยทอง หรือเรียกง่ายๆว่า เค้กฝอยทองหลังๆมานี้เป็นกระแสหนักมากเรียกได้ว่าหลายๆท่านต้องเคยเห็นหน้าเจ้าเค้กตัวนี้กันแน่นอน วันนี้เราเลยมีสูตรเด็ดและวิธีการทำมาบอกเพื่อนๆกันค่ะ ว่าแล้วเราก็ไปเริ่มทำกันเลยค่ะ

ส่วนผสมชิฟฟ่อนฝอยทอง

• แป้งเค้ก 60 กรัม
• ฝอยทอง 100 กรัม
• ไข่ไก่ 3 ฟอง (แยกไข่ขาวกับไข่แดง)
• ผงฟู 1/4 ช้อนชา
• แป้งข้าวโพด 48 กรัม
• ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
• กะทิ 48 มิลลิลิตร
• นมสดรสจืด 40 มิลลิลิตร
• น้ำตาลไอซิ่ง แบ่งเป็น 2 ส่วน 20 กรัม และ 60 กรัม

วิธีทำชิฟฟ่อนฝอยทอง

            1.ขั้นตอนแรกเตรียมแม่พิมพ์ขนมเค้ก ขนาดตามความต้องการ กรุพิมพ์ชั้นแรกด้วยขนมฝอยทอง กดให้แน่น แล้วนำไปพักไว้ในตู้เย็นเพื่อให้ขนมเซ็ตตัว

            2.ร่อนแป้งเค้กกับผงฟูวางรอไว้ จากนั้นก็ไปผสมไข่แดงกับแป้งข้าวโพดแยกอีกหนึ่งชามผสมใส่กะทิ นมสด และน้ำตาลไอซิ่งลงไป ตีจนกว่าจะเข้ากันหลังจากนั้นทยอยใส่แป้งที่ร่อนไว้ลงไป ตีให้เข้ากันจนเทแป้งหมด

            3.ตีไข่ขาว น้ำตาลไอซิ่ง และครีมออฟทาร์ทาร์ ตีจนขึ้นฟูใช้พายตักส่วนผสมของไข่ขาวใส่ลงไปในส่วนผสมของแป้ง ค่อยตะล่อมให้ส่วนผสมเข้ากัน

            4.จากนั้นก็นำแม่พิมพ์ที่ใส่ฝอยทองลงไปแล้วออกมา ตักส่วนผสมลงไปในแม่พิมพ์ แล้วจึงนำไปนึ่ง ใช้เวลา 20 นาที จากนั้นก็นำออกมาให้หายร้อนเล็กน้อย แกะออกจากพิมพ์ แล้วก็ตัด ชิฟฟ่อนฝอยทองเป็นชิ้น ใส่จานเสิร์ฟ

เอาใจสายหวานซ่อนเปรี้ยวด้วยเมนู เค้กเรดเวลเวท กันดีกว่าค่ะ หรือเค้กสีแดงที่เห็นทั่วไปตามร้านกาแฟ ทำไม่ยากและแม่บ้านมือใหม่สามารถทำได้ เรามาเริ่มทำกันเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำเค้กเรดเวลเวท

• ไข่ไก่ 3 ฟอง
• น้ำตาลทราย 95 กรัม
• เกลือ ¼ ช้อนชา
• นมสด 75 กรัม
• สารเสริม SP 15 กรัม
• แป้งเค้ก 100 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา + เบกกิ้งโซดา ปลายช้อนนิดๆ
• เนยสด (จืด) 80 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• น้ำส้มสายชูแบบหมัก 1 ช้อนชา
• สีแดงผสมอาหาร 4 ช้อนชา

ขั้นตอนการทำ

            1.เตรียมพิมพ์วงกลม ปูกระดาษไข  วอร์มเตาอบ 180 องศาเซลเซียส  ไฟบนและล่าง  ไม่เปิดพัดลมกระจายความร้อนไข่ไก่  น้ำตาล  เกลือ  นม  และสารเสริม SP ใส่ชามผสม  ใช้หัวตีตะกร้อคนให้เข้ากันและให้ SP กระจายตัวไม่เป็นก้อน
            2.เปิดเครื่องตีจากความเร็วต่ำไล่ไปความเร็วสูง  ตีจนส่วนผสมขึ้นฟูได้ปริมาตร  ได้ส่วนผสมเป็นครีมข้นใช้พายยางตักส่วนผสมดูแล้วไม่หยด

            3.ใส่แป้ง เ และผงฟู  เปิดเครื่องตีความเร็วต่ำ  ตีให้ส่วนผสมเข้ากัน  จับเวลา 1 นาที  ส่วนผสมจะยุบตัวลงเล็กน้อยและอาจจะยังไม่เข้ากันดีปาดอ่างเอาแป้งและส่วนผสมด้านข้างลงมา  ปรับเครื่องตีเป็นความเร็วกลาง  จับเวลาตี 5 นาที  ปาดอ่าง  ใส่กลิ่นวานิลลา  + สีแดง ปรับเครื่องตีเป็นความเร็วต่ำเพื่อลดฟองอากาศใหญ่   จับเวลาตี 1 นาที

            4.นำเนยสดไปละลาย  อุณหภูมิของเนยต้องอุ่นไปทางร้อน   ทยอยใส่เนยลงในส่วนผสม เปิดเครื่องตีความเร็วต่ำ  ใส่เนยสามช้อนปาดอ่างหนึ่งครั้งเพื่อช่วยให้เนยกับไข่เข้ากันดี   แน่ใจว่าส่วนของไข่และเนยเข้ากันดีแล้วเทส่วนผสมใส่พิมพ์ที่เตรียม นำเค้กเข้าอบระยะเวลาประมาณ 25-30 นาที
            5.เช็คสุกของเค้กโดยการใช้นิ้วมือสัมผัสเบา ๆ ที่ผิวหน้าเค้ก  ผิวหน้าเค้กสปริงตัวกลับนิ้วมือดี  ไม่ทิ้งรอยบุ๋ม  หรือจะใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มตรงกลางเนื้อเค้กแล้วไม้สะอาดก็ใช้ได้เช่นกัน
            6.จากนั้นนำมาแต่งตัวด้วย ครีมชีสฟรอสติ้งนะคะ สูตรที่แป้งใช้คือ ครีมชีส 200 g + เนย 100 g +น้ำตาลไอซ์ซิ่งที่ร่อนแล้ว 100 gเตรียมของแล้วมาตีชีสกับเนยให้ฟูแล้วทยอยใส่น้ำตาลลงไปคะ ค่อยๆใส่นะคะเดี๋ยวละลายยากเวลาเคี้ยวจะเป็นทรายๆ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เค้กเรดเวลเวท

พูดถึงโดนัทแล้วเชื่อว่าเป็นของโปรดเพื่อนๆหลายคน ด้วยความหอมนุ่มและทานง่ายทำให้เจ้าโดนัทเป็นที่นิยมกันสุดๆเลยค่ะ แต่หลายคนคงคิดว่าทำยากหรือเปล่านะวันนี้เรามาเปิดสูตร โดนัทพอนเดอริง แสนอร่อยของเรากันค่ะ รับรองว่ารสชาติอร่อยไม่แพ้เจ้าดังแน่นอน ว่าแล้วเราไปเริ่มทำกันเลยดีกว่าค่ะ

ส่วนผสมสำหรับการทำ โดนัทพอนเดอริง

• แป้งเค้ก 110 กรัม
• แป้งมันสำปะหลัง 90 กรัม
• ผงฟู 7 กรัม
• น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
• เกลือป่นนิดหน่อย
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• เต้าหู้อ่อน 100 กรัม
• ช็อกโกแลต Sprinkles
• น้ำมันพืช

ขั้นตอนและวิธีการทำโดนัทพอนเดอริง

1. ขั้นตอนแรกสำหรับการทำสูตรโดนัท เริ่มจากการนำแป้งเค้ก แป้งมัน ผงฟู น้ำตาล และเกลือ ผสมให้เข้ากัน ใส่ไข่ไก่ นวดพอเข้ากัน แนะนำให้ร่อนแป้งก่อนนะคะเนื้อแป้งจะได้ละเอียดแถมทานง่ายสุดๆค่ะ  ตามด้วยเต้าหู้อ่อน นวดจนเข้ากันดีจับตัวเป็นก้อน ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดตามต้องการ จำนวน 8 ลูก วางติดกันเป็นวงกลมรองด้วยกระดาษไข
2. ต่อมาตั้งน้ำมันให้ร้อนต้องร้อนเท่านั้นนะคะ นำแป้งโดนัทลงไปทอด กระดาษไขที่ติดกับตัวโดนัทจะค่อย ๆ หลุดออกจากแป้งเอง นำกระดาษไขขึ้นมาแล้วทอดแป้งจนสุก
3. ตกแต่งด้วยหน้า โดนัทพอนเดอริง ด้วยช็อกโกแลต Sprinkles ตามชอบ หรือเพื่อนๆอาจตกแต่งหน้าอย่างอื่นตามชอบได้เลยนะคะ

สวัสดีจ้าาา กลับมาพบกับเราอีกเช่นเคยแต่เชื่อได้เลยว่าทุก ๆ เมนูที่เราเตรียมมา เราได้คัดเลือกมาเป็นอย่างดีแล้ว อย่างวันนี้ที่เราเตียมเบเกอรี่แสนอร่อยโดยไม่ง้อเตาอบ คือเมนู โอริโอ้ชีสเค้ก นั่นเองจ้า ถ้าอยากรู้ขั้นตอนการทำกันแล้วก็ไปชมกันเลยย

ส่วนผสมเมนูโอริโอ้ชีสเค้ก

1. ครีมชีส 300 กรัม

2. วิปครีม 400 กรัม 

3. คุกกี้โอริโอ้บดละเอียด 40 ชิ้น

4. น้ำตาลไอซิ่ง 5 ช้อนโต๊ะ

5. เนยจืดละลาย 6 ช้อนโต๊ะ

6. เกลือ 1 หยิบมือ

7. โอริโอ้แบบชิ้น ตามใจชอบ

วิธีทำ

1. นำโอริโอ้ที่บดละเอียดไว้ มาผสมกับเนยละลายและเกลือ คนให้เข้ากัน แล้วนำไปกรุในพิงพ์ที่เตรียมไว้เพื่อเป็นฐานรองชีสเค้ก เเช่ช่องฟรีสประมาณ 20 นาที

2. นำวิปปิ้งครีมและน้ำตาลไอซิ่งมาตีเข้าด้วยกันจนตั้งยอดในระดับหนึ่ง

3. ตีครีมชีสที่เตรียมไว้จนฟูแล้วนำไปผสมกับวิปปิ้งครีม คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเนียน

4. หักโอริโอ้แบบชิ้นผสมลงไปกับเนื้อครีม คนจนโอริโอ้กระจายอยู่ทั่วภาชนะ

5. นำส่วนผสมที่เข้ากันดีแล้วเทใส่ลงบนฐานที่แช่แข็งไว้ เกลี่ยให้เท่ากันทุกพื้นที่ แล้วปาดให้เรียบเนียน จากนั้นนำโอริโอ้ชิ้นส่วนที่เหลือมาหักเพื่อโรยตกแต่งบนหน้าโอริโอ้ชีสเค้ก

6. นำภาชนะเข้าแช่ในช่องฟรีสอีกประมาณ 40 นาที

ชอบไหมคะเพื่อน ๆ กับเมนูเบเกอรี่ที่เราจัดมาให้ 

       สำหรับใครที่หลงใหลในการทำเบเกอรี่ต้องห้ามพลาดที่จะนำเมนูโอริโอ้ชีสเค้กไปลองทำ หรือใครอยากลองปรับเปลี่ยน เพิ่มลดตรงไหน สามารถทดลองทำได้เลยนะคะ เพราะเมนูนี้ง่ายแสนง่าย แต่ก็ต้องคำนวณปริมาณของแต่ละส่วนผสมให้ดี เพื่อให้ยังคงความอร่อยแบบลงตัว แล้วพบกันใหม่กับเมนูหน้า อย่าลืมติดตามกันนะคะว่าเราจะมีเมนูอะไรมาฝากทุกคน

สวัสดีค่ะคุณผู้ชมทุก ๆ ท่านนนนน ใครกำลังอยากฝึกฝีมือในการลองทำขนมหวานถือว่าเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ที่ดีมาก ๆ เมนูที่เราเตรียมมาวันนี้นับว่าเป็นเมนูยอดฮิตที่สาว ๆ หลายคนหลงรักและชอบที่จะทานเอามาก ๆ วันนี้เราเตรียมสูตรเมนูเบเกอรี่อย่าง ฮันนี่โทสต์ มาฝากทุกคนกันจ้า

       เมนูนี้เกิดจากความยอดฮิตของการทานขนมปังคู่กับไอศกรีม ที่เป็นวัฒนธรรมการทานขนมของทางชาติตะวันตกอย่างทวีปยุโรป ส่วนทางด้านการนำขนมปังมาวางด้วยไอศกรีมราดตามด้วยน้ำผึ้งหอม ๆ ใส่วิปปิ้งครีมฟู ๆ นั้น เป็นวิวัฒนาการของประเทศญี่ปุ่นในเมนูชิบูย่า 

ส่วนผสมขนม ฮันนี่โทสต์

1. ขนมปังปอนด์ 1 แถว

2. ผลไม้สำหรับตกแต่ง (สตรอเบอร์รี่/บลูเบอรี่/กีวี่)

3. น้ำผึ้ง ตามชอบ

4. เนยเค็ม 300 กรัม

5. ไอศกรีม ตามชอบ

6. วิปปิ้งครีม ตามชอบ

7. น้ำตาลไอซิ่ง ตามชอบ

วิธีทำ

1. นำขนมปังปอนด์มาหั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 2 นิ้ว จากนั้นหั่นให้เป็นตารางสี่เหลี่ยมโดยขนมปังไม่ขาดจากกัน

2. นำเนยที่เตรียมไว้มาหั่นเป็นเเผ่นบาง ๆ สอดไปตามช่องของขนมปังให้ครบทุกช่อง จากนั้นนำตัวขนมปังเข้าไปอบจน เนยละลาย หรือจนขนมปังกรอบดี

3. นำขนมปังที่อบเสร็จเรียบร้อนแล้วมาจัดเสิร์ฟ วางขนมปังลงไปบนจาน จากนั้นนำผลไม้สดหั่นชิ้นมาวางด้านข้าง โรยทับด้วยน้ำตาลไอซิ่ง วางไอศกรีมทางด้านบนขนมปัง และสุดท้ายบีบวิปปิ้งครีมไว้ด้านข้างขนมปังสวย ๆ เสร็จแล้วจ้ากับเมนู ฮันนี่โทสต์

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูเบเกอรี่ที่มีให้ทานตามร้านกาแฟทั่วไปอย่าง ฮันนี่โทสต์ ได้วิธีทำที่ง่ายขนาดนี้แล้วไม่ต้องง้อร้านกาแฟแล้วน้า ใครที่กำลังอยากทานหรือกำลังอยากลองฝีมือทางด้านการทำเบเกอรี่ เมนูนี้นับว่าเป็นเมนูที่น่าสนใจในการฝึกทำเลยทีเดียว เคล็ดลับสำคัญ ของเมนูนี้ก็คือขั้นตอนการอบขนมปังจะใช้เตาอบขนมหรือไมโครเวฟก็ได้น้า ถ้าเป็นไมโครเวฟจะใช้เวลาประมาณ 2 นาทีที่ความร้อน 800 วัตต์

กราบสวัสดีมิตรรักทุกท่านจ้า กลับมาพบกับเราอีกเช่นเคย แน่นอนว่าเรายังคงมีสูตรอาหาร ขนมหวานอร่อย ๆ มาฝากอยู่เสมอ ในวันนี้เราเตรียมเมนูเบเกอรี่ แยมโรลเบอร์รี่มิกซ์ มาฝากกันจ้า ส่วนผสมไม่ได้เยอะแยะอะไร วิธีทำก็ไม่ได้ยาก ไปติดตามกันได้เล้ยย

ส่วนผสมขนม แยมโรลเบอร์รี่มิกซ์

1. แยมมิกซ์เบอร์รี่

2. แป้งเค้ก

3. ไข่ไก่

4. น้ำตาลทราย

5. กลิ่นวนิลลา

6. เนย

7. นม

วิธีทำ

1. เตรียมเตาอบในอุณหภูมิที่ 175 องศา

2. นำเนยไปละลายในไมโครเวฟ

3. นำแป้งเค้กที่เตรียมไว้มาร่อนพักไว้

4. นำไข่ไก่และน้ำตาลทรายที่เตรียมไว้มาตีเข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อนวล

5. นำแป้งที่ร่อนไว้แล้วมาผสมกับ ข้อ 4 ตะล่อมให้เข้ากัน กลายเป็นเนื้อครีม

6. ผสมเนย นม และวนิลลาเข้าด้วยกัน จากนั้นนำไปผสมในเนื้อครีมอีกครั้ง คนให้เข้ากัน

7. นำเนื้อเค้กเทใส่พิมพ์ถาดที่เตรียมไว้ เข้าเตาอบ 12 นาที

8. เมื่อเค้กสุกแล้วให้นำกระดาษไขออก ม้วนเป็นโรลหลวม ๆ พักไว้ให้เย็น

9. นำแยมที่เตรียมไว้มาทาลงบนเนื้อเค้กปริมาณตามใจชอบ

10. ม้วนแยมโรลจนเป็นก้นหอย นำเข้าตู้เย็นเพื่อให้เซ็ทตัว

11. ตัดออกเป็นชิ้น ๆ พร้อมเสิร์ฟกับเมนู แยมโรลเบอร์รี่มิกซ์

เป็นยังไงกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูเบเกอรี่ แยมโรลเบอร์รี่มิกซ์ ไม่ได้ยากอย่างที่ทุกคนคิดเลยใช่ไหมคะ บ้านไหนที่มีเตาอบก็สามารถลองทำได้เลยนะคะ เมนูนี้ไม่สามารถทำกับไมโครเวฟได้น้า เคล็ดลับสำคัญ ก็คืออุณหภูมิที่ต้องคงที่ตลอดเวลา และส่วนผสมต้องไม่มีส่วนใดที่มากเกินไปนะจ๊ะ

กราบสวัสดีค่ะคุณผู้ชมทุก ๆ ท่านนนน การที่ได้เข้าครัวไปทำอาหารหรือขนมนับว่าเป็นความสุขของใครหลาย ๆ คน ที่ได้ผ่อนคลายร่างกายจากการทำงานรวมไปถึงเป็นการใช้เวลาว่างในการฝึกฝีมือตัวเองอีกด้วย วันนี้เราก็เตรียมสูตรเบเกอรี่อร่อย ๆ ที่หลายคนชอบทานมาฝากอีกเช่นเคย เมนูนี้ก็คือ ชูครีมวนิลลาช็อคโกแลตร้อน นั่นเองจ้า

       ชูครีม จัดเป็นขนมหวานชนิดหนึ่งจากทางประเทศฝรั่งเศษ โดยที่คำว่าชู หมายถึงกะหล่ำปลี ซึ่งรวม ๆ แล้ว ชูครีมก็คงจะหวายถึงขนมลักษณะคล้ายกะหล่ำปลีสอดไส้ครีมทางด้านใน ที่เมนูนี้เข้ามาโด่งดังในประเทศไทยก็เพราะว่าชาวฝรั่งเศษนำเข้ามารับประทาน ซึ่งก็มีขนมอีกชนิดหนึ่งที่มีความคล้ายคลึงกันอย่างมากแต่เพิ่มลักษณะให้แปลกตาออกไปเรียกว่า เอแคร์

ส่วนผสมขนม ชูครีมวนิลลาช็อคโกแลต

1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม

2. เนยจืด 60 กรัม

3. ไข่ไก่ 3 ฟอง

4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

5. เกลือ 1/3 ช้อนชา

6. น้ำเปล่า 150 มิลลิลิตร

7. วิปปิ้งครีม 300 มิลลิลิตร

8. น้ำตาลไอซิ่ง 5 ช้อนโต๊ะ

9. กลิ่นวนิลลา

วิธีทำ

ขั้นตอนการทำแป้ง ชูครีม

1. โดยการเตรียมหม้อมา 1 ใบตามด้วยการใส่น้ำเปล่า น้ำตาลทราย เนยจืด และเกลือลงไป นำขึ้นตั้งไฟกลาง คนไปเรื่อย ๆ จนกว่าเนยจะละลาย 

2. เมื่อเนยละลายแล้วให้นำออกมาพักไว้ จากนั้นนำแป้งอเนกประสงค์ที่ร่อนไว้ลงไปในหม้อ จนจนทุกอย่างเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้วเปิดไฟอ่อน ๆ คนจนเนื้อแป้งเนียนละเอียด

3. นำแป้งมาตีในเครื่องด้วยความเร็วสูง เมื่อแป้งเย็นแล้วให้ใส่ไข่ไก่ตามลงไป 2 ฟอง

4. นำแป้งใส่ถุงบีบแล้วบีบลงในถาดที่วางด้วยกระดาษไข พร้อมทาไข่ไก่ที่หน้าชูครีม นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส 

5. เมื่ออบจนครบ 15 นาทีแล้ว ให้ทิ้งไว้ในเตาเอาแบบนั้นโดยเปิดเตาไว้เล็กน้อย

ขั้นตอนการทำไส้ครีมวนิลลา

1. นำชามผสมไปแช่ตู้เย็นให้เย็นจัด รวมถึงวิปปิ้งครีมด้วย จากนั้นนำมาเทผสมกับน้ำตาลไอซิ่ง กลิ่นวนิลลา ตีจนเข้ากันแล้วจึงเพิ่มความเร็วจนขึ้นฟู

2. ตัดตัวขนมแบ่งครึ่งแนวบีบครีมใส่ลงไปตรงกลาง

ขั้นตอนการทำช็อคโกแลตร้อน

1. นำดาร์คช็อคโกแลตมาละลายบนหม้อน้ำ

เตรียมเสิร์ฟ

1. นำชูครีมมาวางบนจาน แล้วโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง ราดช็อคโกแลตร้อน พร้อมเสิร์ฟแล้วจ้ากับเมนู ชูครีมวนิลลาช็อคโกแลตร้อน

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ

       กับเมนูเบเกอรี่ยอดฮิตอย่าง ชูครีมวนิลลาช็อคโกแลตร้อน ถือว่าเป็นเมนูที่แอบมีขั้นตอนเยอะมาก ๆ เลยทีเดียว แต่ก็อร่อยเป็นพิเศษ เหมาะกับคนที่ชอบทานแต่ก็ไม่อยากไปสุงสิงในที่คนเยอะหรือเหมาะกับคนที่มีพื้นฐานทางด้านการทำเบเกอรี่อยู่แล้วบ้างเล็กน้อย เคล็ดลับสำคัญ ของเมนูนี้ก็คือการตีแป้งด้วยความเร็วเพื่อคลายความร้อน ไม่ให้ไข่สุกขณะตอกไข่ใส่ลงไปในแป้ง

 

กราบสวัสดีค่ะทุก ๆ ท่านนนน ช็อคโกแลตจัดว่าเป็นของหวานชนิดหนึ่งที่มีระดับความหวานตั้งแแต่ 0 ไปจนถึง 100 ในระดับที่อยู่สูงสุดนั้นส่วนมากเหมาะสำหรับคนที่รักสุขภาพ ควบคุมน้ำหนัก ด้วยความที่ผลิตจากเมล็ดโกโก้แท้ไม่ใส่น้ำตาลแม้แต่น้อยจึงทำให้มีรสชาติขม ตามร้านอาหาร ร้านกาแฟส่วนมากมักใช้ในระดับ 30 – 75 % วันนี้เราเลยเตรียมเมนูที่คัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดี นั่นก็คือ ช็อคโกแลตทาร์ตสตอเบอร์รี่ จะน่าลิ้มลองขนาดไหนไปติดตามกันเลยจ้า

ส่วนผสมขนม ช็อคโกแลตทาร์สตอเบอร์รี่

1. ดาร์กช็อคโกแลต 75% 300 กรัม

2. สตอเบอร์รี่สด 7 ผล

3. โอริโอ้ 10 ชิ้น

4. ไวท์ช็อคโกแลต 60 กรัม

5. เนยจืด 100 กรัม

6. วิปปิ้งครีม 350 กรัม

วิธีทำ

1. นำโอริโอ้มาแยกครีมชั้นกลางออกจนหมด จากนั้นนำไปทุบ บดให้ละเอียด

2. นำเนยจืดเข้าไมโครเวฟเพื่อให้ละลาย จากนั้นนำมาผสมกับผงโอริโอ้ที่บดไว้แล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากันจนคล้ายเนื้อทราย

3. นำโอริโอ้ผสมเนยจืดกรุลงบนพิมพ์ กดให้แน่นพอดี ใช้ซ่อมจิ้มให้ทั่ว จากนั้นนำเข้าเตาอบที่ไฟกลางประมาณ 15 นาที

4. นำวิปปิ้งครีมเข้าไปละลายในไมโครเวฟ จากนั้นนำ ดาร์กช็อคโกแลต ใส่ลงไปคนให้เข้ากันดี

5. นำพิมพ์ที่อบไว้ออกมาเทช็อคโกแลตใส่ นำเข้าไปแช่เย็นจนเซ็ทตัว

6. นำไวท์ช็อคโกแลตมาละลายบนน้ำร้อน พักไว้จนเย็น จากนั้นหั่นสตอเบอร์รี่ให้เป็นชิ้นบาง ๆ 

7. นำทาร์ตออกมาเพื่อจัดทรงตกแต่งด้วยไวท์ช็อคโกแลตและชิ้นสตอเบอร์รี่ พร้อมเสิร์ฟกับเมนู ทาร์ตช็อคโกแลตสตอเบอร์รี่

เป็นยังไงกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูสุดแสนพิเศษที่มีอยู่ทุกร้านกาแฟอย่าง ทาร์ตช็อคโกแลตสตอเบอร์รี่ ง่ายมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ ครัวบ้านไหนที่มีอุปกรณ์ครบแล้วสามารถลองลงมือทำได้เลยนะคะไม่ยากเลย เคล็ดลับสำคัญ ของเมนูนี้ก็คือการอุ่นวิปปิ้งครีมต้องให้อยู่ในระดับที่พอดี พอที่จะละลายช็อคโกแลตได้นะจ๊ะ

สวัสดีค่ะคุณผู้ชมทุก ๆ ท่านนนนน เมนูเบเกอรี่นับว่าเป็นขนมยอดฮิตมากที่สุดในประเทศไทยแต่ด้วยความที่แต่เดิมได้รับวิวัฒนาการมาจากต่างประเทศเลยทำให้สูตรปรับเปลี่ยนไปบ้างตามชนชาติ ตามวัตถุดิบยาก – ง่าย หรือแม้กระทั่งปรับให้เข้ากับผู้คนท้องถิ่นที่นิยมรับประทาน เบเกอรี่มีหลายชนิดหลายประเภทที่เราได้เห็นตามท้องตลาดไม่ว่าจะแบบอบหรือไม่อบล้วนแล้วรสชาติถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว วันนี้เราก็เตรียมเมนูเบเกอรี่ที่ไม่ได้หาทานกันง่าย ๆ แต่ถ้าใครได้ทานแล้วจะฟินจนลืมตัวไปชั่วขณะ เมนูนี้ก็คือ ทอฟฟี่เค้ก นั่นเองจ้า

       ทอฟฟี่เค้ก เป็นเค้กช็อคโกแลตเนื้อชิฟฟอน ราดด้วยคาราเมลถั่ว ร้านโฮมเบเกอรี่ เป็นผู้นำเมนูนี้มาปรับ มาประยุกต์ให้อร่อยมากยิ่งขึ้นนับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นต้นตำรับของเค้กชนิดนี้เลยที่เดียว 

ส่วนผสมขนม ทอฟฟี่เค้ก

1. แป้งเค้ก 300 กรัม

2. ผงโกโก้ 4 ช้อนโต๊ะ

3. ผงกาแฟ 4 ช้อนโต๊ะ

4. เนยจืด 600 กรัม

5. น้ำตาลทราย 500 กรัม

6. ไข่ไก่ 6 ฟอง

7. นมผง 2 ช้อนโต๊ะ

8. ผงฟู 5 ช้อนชา

9. เกลือ 1/2 ช้อนชา

10. นมข้นจืด 150 กรัม

11. เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ตามชอบ

วิธีทำ

1. นำส่วนผสมที่เป็นผงจำพวก แป้งเค้ก ผงฟู ผงโกโก้ ผงกาแฟ และนมผงมาร่อนเข้าด้วยกันจนเนื้อแป้งไม่มีเป็นเม็ด ๆ 

2. นำกระดาษไขสีขาวมาปูรองในถาดสี่เหลี่ยมเตรียมเข้าเตาอบ

3. นำเนยจืดที่เตรียมไว้เข้าไปละลายในไมโคเวฟจนเหลว

4. นำไข่ไก่ที่เตรียมไว้มาตอกใส่ชามผสม ตีด้วยความเร็วสูง เติมเกลือเล็กน้อย และค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายหลาย ๆ รอบ ตีจนกลายเป็นสีขาวนวล จากนั้นนำส่วนผสมที่เป็นผงมาใส่ ค่อย ๆ ตะล่อมเข้าด้วยกันแบบเบามือ 

5. เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วเติมเนยละลายลงไป คนจนเข้ากันดี เมื่อเสร็จแล้วให้เทลงในถาดที่เตรียมไว้ เข้าอบประมาณ 180 องศาสเซลเซียส

6. ขั้นตอนการทำ คาราเมล นำหม้อมาใส่เนยจืด นมข้นจืด เกลือ และน้ำตาลทรายใช้ไฟอ่อน คนจนทุกอย่างเข้ากันดี ใส่ผงกาแฟกับแป้งเค้ก 4 ช้อนโต๊ะลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้งให้สุกข้นเหนียว แล้วพักเอาไว้

7. เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วให้ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ตามลงไป คนจนเข้ากันดี ให้ราดลงไปที่หน้าเค้ก แล้วนำเข้าเตาอบอีกครั้ง อบจนหน้าเค้กเริ่มมีสีน้ำตาลสวย 

8. เมื่อเค้กได้ที่แล้วให้เอาออกจากเตาอบพักไว้จนเย็นจึงตัดแบ่ง เสร็จแล้วจ้ากับเมนู ทอฟฟี่เค้ก

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูเบเกอรี่ยอดฮิตที่หาทานได้ยากมาก ๆ อย่าง ทอฟฟี่เค้ก ไม่ยากเกินความสามารถของทุกคนเลยใช่ไหมคะ ใครที่กำลังอยากทานแต่หาทานไม่ได้หรือใครที่อยากลองฝีมือทางด้านการเข้าครัวก็สามารถนำเมนูน่าสนใจแบบนี้มาลองทำได้น้า เคล็ดลับสำคัญ ของเมนูนี้ก็คือตัวเนื้อเค้กหากใครอยากให้มีรสชาติติดขมปลายลิ้นสามารถลดผงโกโก้แล้วเติมผงกาแฟเพิ่มเข้าไปได้อีกนะจ๊ะ