สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
อาหารนานาชาติ

โฮมเมดชีสเบอร์เกอร์ สูตรที่อร่อยและง่ายต่อการทำ

โฮมเมดชีสเบอร์เกอร์

โฮมเมดชีสเบอร์เกอร์ เมนูของกินเล่นสัญชาติอเมริกัน แต่เดิม ต้องหากินตาม ร้านเบอร์เกอร์โฮมเมด ทว่า ตอนนี้ ไม่ต้องง้อร้านเบอร์เกอร์อีกแล้ว เพราะแอดมินมีเคล็ดลับดี ๆ และอร่อยมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคน

วัตถุดิบ โฮมเมดชีสเบอร์เกอร์

โฮมเมดชีสเบอร์เกอร์

โฮมเมดชีสเบอร์เกอร์ สายชีสห้ามพลาด อิ่มอร่อยง่าย ๆ ทำเองได้ 

1.เนื้อหมูสับ 450 กรัม

2.แฮม 3 แผ่น

3.เบคอน 4 เส้น

4.พริกไทยดำบดหยาบ 1 ชช.

5.เกลือ ½ ชช.

6.ออริกาโน่ ½ ชช.

7.โรสแมรี่ ¼ ชช.

8.ไข่ไก่ (ไข่แดง) 1 ฟอง

9.หอมใหญ่สับ 2 ชต.

10.มะเขือเทศ 1 ถ้วย

11.หอมใหญ่ ¼ ถ้วย

12.ผักสลัดตามชอบ

13.มายองเนส 3 ชต.

14.ซอสมะเขือเทศ 1 ชต.

15.เนยสดรสจืด 1 ชช.

16.ซอสบาร์บีคิว 1 ชต.

17.เชดด้าชีส 3 แผ่น

18.น้ำมันมะกอก 1 ชช.

19.ขนมปังเบอร์เกอร์ ซื้อสำเร็จรูป

ขั้นตอนการทำ

โฮมเมดชีสเบอร์เกอร์

ขั้นตอนที่ 1 การทำโฮมเมดชีสเบอร์เกอร์ เริ่มจากการนำหมูบด เบคอนซอย หอมใหญ่สับ พริกไทยดำบดแบบหยาบ ๆ เกลือ โรสแมรี่ ออริกาโน่ ไข่ไก่เอาเฉพาะไข่แดง นวดให้เข้ากัน แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนละ 125 กรัม นำมาปั้นเป็นทรงกลม

ขั้นตอนที่ 2 จะใช่สูตรทำเบอร์เกอร์แบบอเมริกัน หรือไม่ มาดูกัน ขั้นตอนนี้ให้นำเบคอนจำนวน 1 เส้น ลงบนเคียง แล้วนำหมูที่นวดแล้วมาวางตรงกลาง แล้วใช้วิธีจับปลายเบคอนทั้ง 2 ด้าน เข้าหาตรงกลางของหมูบด กดทั้งเบคอนและหมูให้แบน เพื่อเอาไปทอด

โฮมเมดชีสเบอร์เกอร์

ขั้นตอนที่ 3 ขนมปังเบอร์เกอร์ทั้ง 2 แผ่น ให้ทาขนมปังด้วยเนยรสจืดทั้ง 2 ชิ้น ใช้ไฟกลาง แล้วนำขนมปังทั้ง 2 แผ่นมาวางบนกะทะ รอจนขอบขนมปังเกรียมเล็กน้อย แล้วค่อยพักไว้บนตะแกรง

ขั้นตอนที่ 4 ตามมาด้วยการเทน้ำมันมะกอกลงในกะทะ ใช้ไฟกลาง รอจนแน่ใจว่ากะทะร้อน ให้นำขนมปังเบอร์เกอร์ทั้ง 2 แผ่นลงไปทอด ต้องทอดให้สุกทั้ง 2 ด้าน นำแฮมมาวางบนเบอร์เกอร์ก่อนในเบื้องต้นแล้วภายหลังจากนั้น ใช้ตะหลิวกลับด้าน แล้วค่อยเอาเชดด้าชีสวางบนขนมปัง รอกระทั่งชีสอ่อนตัว แล้วตักขึ้น

ขั้นตอนที่ 5 นำขนมปังมาทามายองเนสอีกครั้ง วางผักสลัด ตามด้วยหมูบด หอมใหญ่ มะเขือเทศ ราดซอสบาร์บีคิวหรือเลือกเป็นซอสมะเขือเทศตามชอบได้เลย จากนั้น นำขนมปังเบอร์เกอร์อีกแผ่นมาปิด เป็นอันเสร็จ พร้อมรับประทานได้เลย

โฮมเมดชีสเบอร์เกอร์

โฮมเมด ชีสเบอร์เกอร์ กับ ชีสเบอร์เกอร์แม็ค คืออะไร มีความคล้ายกันหรือไม่ ? เพื่อน ๆ คงรู้คำตอบกันไปบ้างแล้วพอสมควร และยิ่งมาดูการเตรียมวัตถุดิบอีกกทั้งวิธีการทำนั้น ไม่ยากเลย ดังนั้น สูตรทำโฮมเมดเบอร์เกอร์ที่ให้ไป คงเป็นประโยชน์สำำหรับทุก ๆ คนที่อยากเข้าครัวลงอทำสักครั้ง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

ลาซานญ่าผักโขมอบชีส หอมกลิ่นเนย เคี้ยวเพลิน 

ลาซานญ่าผักโขมอบชีส

ลาซานญ่าผักโขมอบชีส ใครเบื่อเมนูลาซานญ่าเดิม ๆ ลองหันมาดูสูตรนี้ วิธีทำลาซานญ่า ง่าย ๆ จะทำทั้งที ไม่ยากเลย

ส่วนผสมในการทำ ลาซานญ่าผักโขมอบชีส

ลาซานญ่าผักโขมอบชีส

ลาซานญ่า ผักโขมอบชีส เมนูอาหารนานาชาติ จะอร่อยเท่า ลาซานญ่า ผักโขมอบชีส 7-11 หรือไม่ วันนี้มีเคล็ดลับดี ๆ มาฝาก และพิเศษสุด เมนูนี้เพิ่มเติมในส่วนของการนำชีสริคอตต้าแสนอร่อย หอม นุ่มลิ้น อัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่เต็มไปด้วยประโยชน์มากมายจากผักโขม รวมถึง แคลเซียมจากชีส เชื่อว่า เมื่อทำเสร็จและกินเอง จะอร่อยจนวางไม่ลง

วัตถุดิบ ลาซานญ่าผักโขมอบชีส

ลาซานญ่าผักโขมอบชีส
  • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ 
  • กระเทียม 1 กลีบใหญ่ 
  • หอมใหญ่ 2 หัว ซอย ละเอียด
  • เกลือ 
  • พริกไทย 
  • ใบไทม์สับละเอียด 
  •  เนยสด 2 ช้อนโต๊ะ 
  • ผักโขมสด 500 กรัม 
  • ริคอตต้าชีส 250 กรัม
  • พาร์มีซานชีส ตามชอบ
  • มอสซาเรลล่าชีส ตามชอบ
  • แผ่นพาสต้าลาซานญ่าอบแข็ง

วิธีทำ

ลาซานญ่าผักโขมอบชีส

1.เทน้ำมันมะกอกลงในกะทะ ตามด้วยกระเทียมสับละเอียด ผัดจนกระเทียมหอม

2.นำหอมใหญ่ลงไปผัด ตามด้วยเกลือและพริกไทย เพื่อเพิ่มรสชาติ จากนั้น ใส่ใบไทม์ลงไปผัด จะทำให้ลาซานญ่าผักโขมอบชีสหอมน่ากินมากยิ่งขึ้น

3.มีความคล้าย วิธีทำลาซานญ่า เนื้อ นั่นก็คือการใส่เนยสดลงไปผัดจนกระทั่งหอมหัวใหญ่เปลี่ยนเป็นสีใส แล้วตามด้วยผักโขม ในส่วนของรสชาติ ปรุงตามชอบ ทั้งนี้เพราะ แต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน

ส่วนผสมที่ 2 ซอสครีมเบซาเมล

ลาซานญ่าผักโขมอบชีส
  • เนยสด 3 ช้อนโต๊ะ 
  • แป้งอเนกประสงค์ 3 ช้อนโต๊ะ 
  •  นมสด 6 เดซิลิตร
  •  เกลือ 
  •  พริกไทย 
  •  เมล็ดจันทน์เทศ ขูดละเอียด 
  •  พาร์มีซานชีส หรือ Le Gruyère ประมาณ 70 กรัม 

ขั้นตอนการทำซอสครีม

ลาซานญ่าผักโขมอบชีส

1.ใช้ไฟกลาง ใส่เนย ตามด้วยแป้ง แล้วใช้ตะกร้อมือคนจนแป้งสุก จากนั้น ใส่นมลงไปให้หมดในลักษณะค่อย ๆ เติมลงไปเพื่อให้ส่วนผสมแป้งกับนมเป็นเนื้อเดียวกัน คนส่วนผสมดังกล่าวให้เข้ากัน

2.วิธีทำลาซานญ่า ไมโครเวฟ ให้หอมอร่อยเหมือนเพิ่งนำออกมาจากตู้ไมโครเวฟ ต้องใส่ลูกจันทน์เทศที่นำมาขูดฝอยเพียงเล็กน้อยลงไป แล้วค่อยใส่เกลือและพริกไทยเพียงเล็กน้อย คนให้เข้ากัน เตรียมนำเข้าเตาอบ ใช้อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสประมาณ 30-45 นาที การอบ แบ่งการอบออกเป็น 2 ครั้ง 15 นาทีหลัง อบแบบไร้ฟอยล์เพื่อทำให้หน้าลาซานญ่าสวย จากนั้น ค่อยนำส่วนผสมทั้งหมดมาลงฟอร์ม

3.นำเนยสดทาฟอร์มโดยทั่ว ตามด้วยซอสครีม นำแผ่นลาซานญ่ามาปิดทับ ตามด้วยผักโขม มอสซาเรลล่าชีส ริคอตต้าชีส และพาร์มีซานชีส ทำแบบเดิมทุกชั้น แล้วนำฟอยล์ปิดไว้

4.15 นาทีสุดท้าย ให้นำแผ่นฟอยล์ออก อบเสร็จ ยกจากเตา รอกระทั่งเย็น รับประทานได้เลย

ลาซานญ่าผักโขมอบชีส

ลาซานญ่าผักโขม อบชีส อร่อยไม่ง้อร้าน ใครอยากกิน เตรียมวัตถุดิบให้พร้อมแล้วทำได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

ราเมนไอศครีม เมนูท้าให้ลอง กินก่อน อินเทรนด์

ราเมนไอศครีม

ราเมนไอศครีม คืออะไร ? เชื่อว่าหลายคนคงนึกสงสัย ราเมนหรือราเม็ง กินคู่กับไอศครีมได้หรือ มาดูกัน 

ส่วนผสมในการทำ ราเมนไอศครีม

ราเมน ไอศครีม เชื่อว่าหลายคนอาจจะรู้สึกประหลาดใจด้วยซ้ำ เราสามารถนำไอศครีมมีกินคู่กับราเมงได้หรือ? เอาเข้าจริง เทรนด์การนำไอศครีมมากินรวมกับราเมง กำลังฮิต และเชื่อว่า อีกไม่นาน การกินไอศครีมคู่กับราเมง จะเป็นที่กล่าวถึงในไม่ช้า และก็จะฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง ทว่า แอดมินรีบชิงพื้นที่ตรงนี้ มาบอกเพื่อน ๆ ถึงกระแส กินราเม็งไปพร้อมกับไอศครีม กำลังมาแน่นอน จนในไม่ช้าจะกลายเป็นไวรัลให้เห็นบนสื่อสังคมออนไลน์

ราเมนไอศครีม

เมนูราเมงไหนบ้างกินไปพร้อมกับไอศครีมได้ บอกเลยว่า สามารถนำมากินได้ทุกเมนูและวันนี้ เมนูราเมงที่แอดมินนำเสนอ กินกับไอศครีมแล้วอร่อยจริง ๆ คือเมนูราเมงหมูชาชู

วัตถุดิบ ราเมนไอศครีม

ราเมนไอศครีม
  • สันคอหมูดำ ซีพี-คูโรบูตะสไลซ์แพ็ค
  • เส้นบะหมี่ญี่ปุ่น2ก้อน
  • น้ำซุป300มิลลิลิตร
  • กระเทียม 2กลีบ
  • น้ำมันพืช 1ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันงา1ช้อนโต๊ะ
  • โชยุ2ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทย 1/4ช้อนชา
  • มิริน 1ช้อนโต๊ะ
  • มิโซะ 1ช้อนโต๊ะ
  • ขิงซอย1สำหรับตกแต่ง
  • ต้นหอมซอย1สำหรับตกแต่ง
  • ข้าวโพดย่าง 1สำหรับจัดเสิร์ฟ
  • ลูกชิ้นปลาญี่ปุ่น 1สำหรับจัดเสิร์ฟ
  • งาขาว

ขั้นตอนการทำ

ราเมนไอศครีม

ขั้นตอนที่ 1 สูตรนี้จะเป็นราเมงหมูมิโซะ เป็นราเมนไอศครีมที่กินคู่แล้วเข้ากันมาก ๆ เริ่มจากเตรียมน้ำซุปทำราเมง ใส่น้ำมันพืช ตามด้วยกระเทียม ผัดจนหอม ใส่หมูสไลด์ ผัดจนสุก ตามด้วยเครื่องปรุงรส อย่าง น้ำมันงา โชยุ น้ำตาลทราย พริกไทย มิรินทมิโซะ ตามด้วยน้ำซุป คนส่วนผสมทุกอย่างที่เตรียมไว้ รอเดือด จากนั้นยกลงจากเตา

ขั้นตอนที่ 2 นำเส้นราเมงที่เตรียมไว้ มาลวกในน้ำร้อน ใช้ตะเกียบคนจนเส้นบะหมี่สุก อันเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนการทำ ราเมง เมนู

ขั้นตอนที่ 3 นำเส้นบะหมี่ญี่ปุ่นใส่ชาม ตักน้ำซุป ตามด้วยหมูสไลด์ วางลูกชิ้นปลาลงไป และที่สำคัญ เพิ่มคุณค่าทางสารอาหารโดยเพิ่มในส่วนของข้าวโพดย่าง ต้นหอมซอย ขิงซอย และงาขาวลงไป และเพื่อความแผลกใหม่ ราเมง รสชาติ รสชาติอย่างไร ให้วางไอศครีมลงไปในถ้วยราเมง เพื่อเพิ่มอรรถรสในการกินราเมง เพียงเท่านี้ เราก็ได้ราเมงสูตรใหม่มารับประทานแล้ว

กินราเมงอย่างไรให้แตกต่างและมีอรรถรส ราเมงกินคู่กับไอศครีมได้ ถือเป็นการนำอาหารมามิกซ์แอนด์แมทช์ที่ค่อนข้างจะลงตัว ใครไม่เชื่อ ลองทำดู หรือ ไปกินที่ร้านอาหารญี่ปุ่นก็ได

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

ข้าวมันไก่ หอมข้าวมัน เนื้อไก่นุ่ม น้ำซอสเด็ดจนวางไม่ลง

ข้าวมันไก่

ข้าวมันไก่ ชื่อก็บอกอยู่แล้ว เป็นการนำไก่มาเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหาร ว่ากันว่า ต้นกำเนิดของเมนูอาหารจานเด็ดจานนี้ มาจากประเทศสิงคโปร์ โดย เราได้รับอิทธิพลการกินผ่านคนไทยเชื้อสายจีนที่ได้นำสูตรนี้มาทำขาย ซึ่ง ก็ค่อนข้างถูกปากคนไทยอยู่พอสมควร จนมีการเปิดร้านข้าวมันไก่เพิ่ม ที่ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน ก็สามารถหาซื้อมากินได้ไม่ยาก 

วัตถุดิบ ข้าวมันไก่

ข้าวมันไก่
  • ข้าวสาร 1 กิโลกรัม
  • ไก่บ้าน 1 ตัว พร้อมเครื่องใน
  • ฟักเขียว 1 ลูก
  • ซีอิ๊วขาว หรือน้ำปลา
  • เกลือ
  • น้ำมันกระเทียมเจียว
  • พริกไทยป่น
  • ผักโรย เช่น ต้นหอม ผักชี ขิง

วิธีทำ

ข้าวมันไก่

ขั้นตอนที่ 1 มาเตรียมไก่ต้มสำหรับนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของเมนู ข้าว มันไก่ ให้เริ่มจากนำไก่มาล้างให้สะอาด ยัดขิงลงในตัวไก่ประมาณ 3-4 ชิ้น เป็นขิงฝานบาง ๆ เพื่อลดกลิ่นคาวของไก่

ขั้นตอนที่ 2 ไก่ต้มจนสุก เติมเกลือเพียงเล็กน้อย รอกระทั่งไก่สุก นำมาแช่ในน้ำเย็นเพื่อให้เนื้อไก่นุ่ม สูตรข้าวมันไก่โบราณ จากนั้นค่อยสับไก่เป็นชิ้นยาว เอาแบบขนาดพอดีคำ

ข้าวมันไก่

ขั้นตอนที่ 3 น้ำซุปที่เกิดจากการต้มไก่ นำมาทำข้าวมัน เพียงแค่หั่นฟักเขียวลงไป เพื่อเพิ่มความหวานให้กับน้ำซุป ขั้นตอนนี้ใช้ไฟอ่อน ๆ โรยต้นหอมผักชี พริกไทย เราจะได้กลิ่นน้ำซุปหอม ๆ

ขั้นตอนที่ 4 มาถึงขั้นตอนการหุงข้าวมัน ล้างข้าวสารให้สะอาด นำน้ำต้มไก่ที่เหลือมาหุง การหุงข้าวมัน ก็เหมือนกับการหุงข้าวปกติ 

ข้าวมันไก่

ขั้นตอนที่ 5 นำขิงที่หั่นแล้วประมาณ 5 ชิ้นใส่ลงในหม้อที่หุงข้าวมัน ตามด้วยเกลือ 1 ชช.และน้ำมันกระเทียมประมาณ 2 ชต. วิธีนี้จะไปเพิ่มความหอมให้กับข้าวมัน

ขั้นตอนที่ 6 น้ำจิ้มข้าวมันไก่ ใช้ เต้าเจี้ยวบด กระเทียมสับละเอียด พริกขี้หนูซอย ขิงซอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู และน้ำเปล่า ผสมรวมกันอย่างละ 1 ชต.

ขั้นตอนที่ 5 การทำ ข้าวมันไก่อร่อย มาถึงขั้นตอนสุดท้ายกันแล้ว คือการสับไก่ จากนั้นตักข้าวใส่จาน โปะหน้าด้วยเนื้อไก่มัน ๆ เวลาจะรับประทาน นำน้ำซอสข้าวมันไก่ราดลงข้าว กินคู่กับน้ำซุปร้อน ก็อร่อยแล้ว

ข้าวมันไก่

ข้าวมันไก่เป็นเมนูอาหารจานเดียวที่กินแล้วอิ่ม อีกทั้ง การนำน้ำซุปมาหุงกับข้าวสาร จะไปเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารให้เกิดขึ้น อีกทั้ง กลิ่นหอม ๆ จากข้าวมันไก่ จะไปช่วยเพิ่มความอร่อย เย้ายวนใจให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีใจรักในการกินข้าวมันไก่ รับรองว่า เมนูนี้ ถูกใจแน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

ขนมเข่ง เหนียวนุ่ม หวานไม่มาก แต่อร่อย

ขนมเข่ง

ขนมเข่ง เป็นการนำแป้งมาผ่านกระบวนการนึ่งบนเตา เพื่อให้แป้งมีความนุ่มและยืด นอกจากนี้ขนมเข่งยังเป็นขนมมงคลที่ใช้ในเทศกาลของคนจีนอีกด้วย

ส่วนผสมในการทำ ขนมเข่ง

ขนมเข่ง

ขนม เข่ง เป็นขนมที่ถูกทำขึ้นมาเพื่อนำมาไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ ตามความเชื่อแต่โบราณว่า ไหว้แล้ว จะโชคดี บังเกิดโชคลาภ จะมั่งมีศรีสุข เพราะหนึ่งในเทพเจ้าที่จะบันดาลให้สิ่งที่หวังนั้น เกิดขึ้นได้จริงเสมอ เราเรียกเทพองค์นั้นว่า เทพแห่งโชคลาภ หรือ ไฉ่ซิ่งเอี้ย 

ขนมเข่ง

ขนมชนิดนี้ เป็นชื่อขนมเนื่องในวันตรุษจีน ภาษาจีนกลางเรียกขนมชนิดนี้ว่า “เหนียนเกา” หรือขนมเค้กเหนียว เหตุที่ตั้งชื่อขนมชนิดนี้ว่า ขนมเข่ง เพราะการออกเสียงชื่อขนม ออกเสียง 2 พยางค์ ที่ตรงกับคำอวยพรว่า “เหนียนเหนียนเกาซิง” ที่แปลว่า “ขอให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นทุกปี” ทำให้ขนมดังกล่าวใช้ชื่อนี้มาตลอด เพื่อให้สอดรับกับเทศกาล เมื่อนำมามอบให้แก่กัน รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเฮง ๆ จริง ๆ 

วัตถุดิบในการทำขนมเข่ง

ขนมเข่ง
  1. แป้งข้าวเหนียว200 กรัม
  2. น้ำตาลทราย160 กรัม
  3. น้ำเปล่า180 – 200 กรัม
  4. กระทงใบตองสด
  5. น้ำมันพืชสำหรับทากระทง
  6. สีผสมอาหารสีแดง
  7. ดอกครอบจักรวาล

วิธีทำ

ขั้นตอนที่ 1 แป้งกับน้ำตาล นำมาผสมให้เข้ากันก่อน โดยใช้วิธีค่อย ๆ รินน้ำ แล้วนวดแป้งจนเนียนนุ่ม แล้วถึงจะนำมาทำขนมเข่งได้

ขั้นตอนที่ 2 หลังจากมั่นใจว่า แป้งเนียนนุ่มแล้วจริง ๆ ก็ต้องทยอยใส่น้ำลงไปในแป้งอีกครั้ง เหตุผลในการนำน้ำมาใส่แป้ง ทำขึ้นเพื่อคลายแป้งโดยเฉพาะ ซึ่งก็จะมีวิธีการเช็คความพร้อมของแป้ง ในการนำแป้งมาทำขนมว่า พร้อมทำหรือยัง ? เพราะถ้าตัวแป้งมีความพร้อมแล้วจริง ๆ โดยดูว่า แป้งได้ไหลผ่านนิ้วที่กางออกหรือเปล่า ? ถ้าตรวจพบว่า แป้งไหลผ่านง่ามนิ้วจริง ๆ ก็ให้พักแป้งไว้ในชามผสม ปิดฝา แล้วนำไปพักไว้ภายในตู้เย็น 1 คืน

ขนมเข่ง

ขั้นตอนที่ 3 ขั้นตอนนี้ ให้เตรียมใบตอง เช็ดและทำความสะอาด จากนั้น นำกระทงมาเย็บ เอาไว้เป็นภาชนะสำหรับหยอดแป้งทำขนม

ขั้นตอนที่ 4 นำลังถึงสำหรับนึ่งขนมวางบนกะทะ เปิดไฟ แล้วรอจนน้ำเดือด วางกระทงที่หยอดแป้งทำขนมเข่งลงในลังถึง หรี่เป็นไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน จากนั้นจัดการนึ่งขนม โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ขั้นตอนที่ 5 เมื่อนึ่งขนมจนสุกแล้ว ให้นำขนมขึ้นมาจากเตาได้เลย รอจนความร้อนคลายตัว ตกแต่งหน้าขนมด้วยดอกจักรวาลสีแดง จากนั้น นำไปไหว้เจ้าได้เลย

ขนมเข่ง

ขนมเข่งเป็นขนมสำหรับนำมาเซ่นไหว้เทพเจ้าเนื่องในวันตรุษจีนตามความเชื่อของชาวจีนเชื้อสายไทย ทำให้สูตรทำขนมมีทั้งสูตรทั่ว ๆ ไป และขนมสูตรโบราณ โดยสูตรขนมที่ให้ไปนี้ เป็นสูตรโบราณ ถ้าทำตามขั้นตอนดังกล่าวที่บอกไป สีขนมที่ได้มานั้น เหลืองสวยงาม และดูน่ารับประทาน

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

ปูดองน้ำปลา วิธีทำง่ายมาก ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะ

ปูดองน้ำปลา

ปูดองน้ำปลา ปูไข่ ไข่แน่น ๆ สีเหลือง ๆ อร่อยซี๊ดซ๊าด สูตรปูไข่ดองแบบไทย ทำเองได้ง่าย ๆ รับรองได้เลยว่าใครทำตามก็ต้องติดใจกับสูตรเด็ดของเรา

ส่วนผสมในการทำ ปูดองน้ำปลา

ปูดองน้ำปลา

ปูดอง น้ำปลา นอกแซลมอนดองน้ำปลาที่เคยเป็นกระแสอยู่สักพักจนถึงตอนนี้ รวมถึงกุ้งดองน้ำปลา ดูเหมือน ปูไข่ ก็สามารถนำมาดองได้รสชาติที่อร่อยด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้เมนูอาหารทะเลเมนูนี้ สร้างสีสันบนโต๊ะอาหารได้อย่างค่อนข้างมากมาย เพราะบางครั้ง การรับประทานแต่เมนูผัดผักและแกงกะทิ รวมถึง ของทอดอื่น ๆ อาจทำให้เรารู้สึกเลี่ยนได้ ลองเปลี่ยนมาเป็นเมนูปูไข่ดอง รับรอง อยากกลับมากินข้าวที่บ้านทุกวัน

ปูดองน้ำปลา วัตถุดิบ

ปูดองน้ำปลา

ส่วนผสมสำหรับ 1 สูตร

  1. ปูไข่2 ตัว
  2. น้ำเปล่า4 ถ้วยตวง
  3. น้ำปลา1 ถ้วยตวง
  4. น้ำตาลทราย1/2 ถ้วยตวง
ปูดองน้ำปลา

น้ำจิ้มซีฟูด

  1. พริกขี้หนูสวน 2 ช้อนโต๊ะ
  2. กระเทียมไทย 3 ช้อนโต๊ะ
  3. รากผักชีหั่น 3 ราก
  4. เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
  5. น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำมะนาว 7 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลมะพร้าว

วิธีทำ

ปูดองน้ำปลา

ขั้นตอนที่ 1 นำปูไข่ที่เราซื้อ มาทำความสะอาด ต้องขัดคราบโคลนออกให้หมด อย่าให้เหลือ เพราะอาจทำให้ท้องเสียได้ จากนั้นแกะกระดองปูออก โดยมีข้อแม้ว่า ห้ามทำไข่ปูหลุดออกมาจากกระดองเป็นอันขาด เดี๋ยวจะไม่เข้ากับความเป็นปูไข่ดองอันเป็นอีกหนึ่งสูตรในการทำปูดองน้ำปลา

ขั้นตอนที่ 2 เทน้ำสะอาดลงในหม้อก่อน แล้วถึงเทน้ำปลา รวมถึงน้ำตาลลงในหม้อ ต้มให้ส่วนผสมทั้งหมด โดยเฉพาะน้ำตาลละลายเข้ากันดี สูตรนี้เหมือน วิธีทำปูไข่ดองครัวคุณต๋อย

ปูดองน้ำปลา

ขั้นตอนที่ 3 รอน้ำดองเย็น เราถึงนำปูไข่มาดอง โดยดองทิ้งไว้ภายในตู้เย็น 1 คืน 

ขั้นตอนที่ 4 นำพริกขี้หนูสด ๆ จากสวน มาซอย รสเผ็ดเอาตามที่ชอบ รวมถึงกระเทียมนำมาหั่น จากนั้นโรยทั้งกระเทียมและพริกลงในปู่ไข่ที่ดองไว้ มาถึงขั้นตอนนี้ ก็ถือว่าเสร็จเตรียมรับประทานได้เลย

ปูดองน้ำปลา

สำหรับน้ำจิ้ม ให้นำส่วนผสมทั้งหมด อันได้แก่ พริกขี้หนูสวน กระเทียมไทย รากผักชี เกลือ น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาล นำมาปั่นรวมกัน เวลารับประทานปูไข่ดองน้ำปลา ถ้าจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟูด จะอร่อยมาก ๆ แซ่บ เด็ดจริง ๆ

ปูดอง น้ำปลา จะกินอย่างไรให้อร่อย ต้องนำน้ำจิ้มซีฟู้ดมาคลุกกับข้าว ตอนกำลังร้อน ๆ พร้อมหยิบปูไข่ขึ้นมาดูด และตักไข่ปูขึ้นมากิน แค่นี้ก็อร่อยแล้ว ไม่ต้องเตรียมสำรับอย่างอื่นเพิ่ม อีกทั้งยังกินได้นานหลายวัน ขอเพียงเก็บเอาไว้ในตู้เย็น ใครที่เบื่ออาหารรสชาติเดิม ๆ ลองเปลี่ยนมากินข้าวคลุกน้ำจิ้มซีฟู้ด กับปูไข่ดองสักครั้ง ชีวิตจะมีรสชาติขึ้นมาทันที

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

พิซซ่าเวียดนาม ลองทำกิน เหมือนบินไปกินถึงเวียดนาม

พิซซ่าเวียดนาม

พิซซ่าเวียดนาม ของกินเล่นทำง่ายๆ ใครอยากลองทำวันนี้เรามีสูตรการทำพิซซ่าสไตล์เวียดนามตามต้นฉบับเวียดนามแท้ๆ จะมีวิธีทำอย่างไร มาดูกันเลย

ส่วนผสมในการทำ พิซซ่าเวียดนาม หาไม่ยากเลย

พิซซ่าเวียดนามใส่อะไรบ้าง จะเป็นเรื่องที่เราจะได้เรียนรู้ว่า ถ้าต้องการจะทำพิซซ่าสูตรเวียดนาม มีเรื่องใดต้องเตรียมการบ้าง ทว่าก่อนอื่น มาทำความรู้จักเกี่ยวกับอาหารเวียดนามกันก่อนว่า มีความน่าสนใจอย่างไร 

พิซซ่าเวียดนาม

วัฒนธรรมการกินของประเทศเวียดนามก็ไมไ่ด้แตกต่างไปจากประเทศอื่น ๆ ในแถบเอเชีย ความที่ชาวเวียดนามส่วนใหญ่ยังคงประกอบอาชีพเกษตรกรรมรวมถึงประมง อาหารที่ทำออกมานั้น จะเน้นไปที่อาหารที่ปรุงจากพืชผักรวมถึงเนื้อสัตว์ที่หามาได้ ซึ่งก็จะมีความสดและอร่อย เต็มไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร

พิซซ่าเวียดนาม

ว่ากันว่า อาหารเวียดนาม มักประกอบไปด้วยผักพื้นบ้านที่นำมาใช้เป็นเครื่องเคียงในกรรับประทาน เช่นก๋อยก้วน บั๊ญแส่ว บุ๋นบ่อและบุ๋นแจ่ว เป็นต้น ซึ่งอาหารดังกล่าวต้องกินคู่กับผัก เป็นต้น

พิซซ่า เวียดนาม ซึ่งมีลำดับขั้นตอนการทำไม่ยากเลย

พิซซ่าเวียดนาม

วัตถุดิบพิซซ่าเวียดนาม

พิซซ่า เวียดนาม จะอร่อยเหมือนพิซซ่าเวียดนามชีส หรือไม่ ? วัตถุดิบถือว่ามีความสำคัญโดยเริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบดังนี้

พิซซ่าเวียดนาม

1.แป้งปอเปี๊ยะ 1 ห่อ

2.ปูอัด 20 แท่ง

3.ไส้กรอก 20 แท่ง

4.ไข่ไก่ 10 ฟอง

5.ชีสดิป

6.ซอสพริก

7.มายองเนส

ขั้นตอนการทำ

พิซซ่าเวียดนาม

ขั้นตอนที่ 1 ให้เริ่มจากนำใบเมี่ยงญวณหรือแป้งปอเปี๊ยะมาวางไว้บนเตาอั้งโล่ เทไข่ไก่ลงไปในแป้งปอเปี๊ยะที่เตรียมไว้ แล้วนำไปย่างไฟให้ร้อน รอจนไข่เริ่มแห้ง โดยมีข้อแม้ว่า ห้ามใช้ไฟแรงเพราะจะทำให้ใบเมี่ยงญวณหรือแป้งปอเปี๊ยะไหม้ได้

ขั้นตอนที่ 2 การทำในขั้นตอนนี้ หลังจากไข่ไก่เริ่มสุก ใส่ปูอัดและไส้กรอก ปริมาณแล้วแต่เรา เอาที่ชอบได้เลย บางคนใส่เยอะ ซึ่งก็เป็นเรื่องดี 

พิซซ่าเวียดนาม

ขั้นตอนที่ 3 รอกระทั่งไส้กรอก ปูอัด เริ่มสุกแล้ว ถึงนำมายองเนสมาราดบนวัตถุดิบที่เตรียมไว้ รอกระทั่งมายองเนสเริ่มพักตัว

ขั้นตอนที่ 4 ใส่ชีสดิปและซอสพริกลงบนแผ่นแป้งซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการทำพิซซ่าสูตรเวียดนาม รอจนกว่าจะได้กลิ่นหอมจากส่วนผสมดังกล่าวข้างต้น ก็สามารถนำมาเสริ์ฟและรับประทานได้เลย

พิซซ่าเวียดนาม

สำหรับ แป้งพิซซ่าเวียดนามซื้อที่ไหน เพื่อน ๆ คนไหนสนใจ หาซื้อจากห้างสรรพสินค้าได้เลย มักมีจำหน่ายอุปกรณ์และวัสดุที่จะนำมาทำพิซซ่าได้

พิซซ่าเวียดนาม

พิซซ่าเวียดนามสูตรที่ให้ไป ถ้าทำบ่อย ๆ เชื่อเถอะว่า อร่อยจนสามารถนำไปจำหน่ายได้เลย และแน่นอน บ้านไหนมีสมาชิกเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ รับรองเลยว่า เด็ก ๆ จะสนุกกับการกินอาหารเมนูนี้จนอยากร้องขอให้ทำเพิ่มอีกครั้ง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

โอเด้ง เมนูอาหารสุดพิเศษ ที่อร่อยลงตัวจนต้องลงมือทำเอง

โอเด้ง

ถ้าหากพูดถึงเมนู โอเด้ง ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้จักและเคลิ้มลองมาบ้าง แต่ก็ยังคงมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ยังสงสัยว่าเมนูนี้คืออะไร จริง ๆ แล้วเมนูอาหารชนิดนี้เป็นอาหารต้ม ๆ ชนิดหนึ่ง ที่คนญี่ปุ่นนิยมทำทานกันในช่วงฤดูหนาว มักจะนำหัวไชเท้า ไข่ และลูกชิ้นปลามาต้มในน้ำซุปที่ผสมผสานระหว่างสาหร่ายคมบุและซอสโชยุ รสชาติหอมอร่อยแบบลงตัว

โอเด้ง

แต่เดิมแล้วเมนูอาหารชนิดนี้ถูกทำมาจากเต้าหู้ที่ถูกนำมาตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม ผืนผ้า แล้วนำไปทาด้วยซอสมิสุ จึงเรียกว่าเมนูเด็งกากุ จนเมื่อเวลาผ่านไปได้มีการรวบรวมคำว่าโอะและเด็กกากุเข้าด้วยกัน ก็กลายเป็นที่มาของชื่ออาหารชนิดนี้ ซึ่งกระบวนการ วิธีการทำ เคล็ดลับ ส่วนผสมก็จะแตกต่างออกไปตามแต่พื้นที่ บางที่จะใช้โชยุแบบเข้มข้นบางส่วนบางที่อาจจะใช้โชยุแบบเจือจางลงมาหน่อย หรือบางที่อาจจะใส่เนื้อปลาแห้ง เนื้อไก่ ลงไปในน้ำซุปด้วยเพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น

วัตถุดิบท้องถิ่นญี่ปุ่นที่นำมาทำให้ โอเด้ง อร่อยมากกว่าที่ไหน ๆ

โอเด้ง

เมื่อพูดถึงวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในการทำเมนูชื่อดังชนิดนี้ แต่ละพื้นที่ในญี่ปุ่นก็จะมีส่วนผสม วิธีการทำ เคล็ดลับต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเมนูนี้จะสามารถหาทานได้อย่างง่ายดายในช่วงฤดูหนาว แต่ร้านอาหารบางร้านก็มีขายในทุก ๆ ฤดูเลยนะ แต่ถ้าได้ซดน้ำซุปร้อน ๆ ท่ามกลางหิมะกำลังตกคงจะได้บรรยากาศแบบสุด ๆ หรือถ้าใครกำลังคิดอยู่ว่าโอเด้งซื้อที่ไหนเราขอบอกเลยว่าตามร้านสะดวกซื้อใหญ่ ๆ ก็มีโอเด้งสำเร็จรูปจำหน่ายเช่นเดียวกันจ้า

โอเด้ง

เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวร้านอาหารชนิดนี้ก็เรียงรายเต็มไปหมดของสองข้างถนนในประเทศญี่ปุ่นซึ่งแน่นอนค่ะว่าอาหารญี่ปุ่นชนิดนี้เป็นที่นิยมเอามาก ๆ ของคนญี่ปุ่นและคนชาติอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน ส่วนผสมหลักของแต่ละร้านก็คงจะหนีไม่พ้นวัตถุดิบท้องถิ่นอย่าหัวไชเท้า ไข่ บุกคอนเนียคุ สาหร่ายคอมบุ ซึ่งในแต่ละสถานที่ทางญี่ปุ่นอาจจะใส่วัตถุดิบเสริมเพิ่มเติมเพื่อให้รสชาติและความอร่อยลงตัวมากยิ่งขึ้น

เมนูแสนอร่อยประจำฤดูหนาวของชาวญี่ปุ่น ใครก็สามารถทำได้

โอเด้ง

วิธีทำโอเด้งที่เป็นเมนูอาหารยอดฮิตชนิดนี้มักจะแตกต่างกันออกไปตามแต่พื้นที่ ส่วนผสมในการใส่ลงไปในน้ำซุปยังหลากหลายต่างกันอีกด้วย แค่เปลี่ยนพื้นที่รสชาติของเมนูนี้ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ทางตะวันออกของญี่ปุ่นจะเน้นใช้โชยุที่มีความเข้มข้นและใส่ลงไปจำนวนมาก ส่วนทางตะวันตกจะใช้โชยุที่มีความเจือจางใส่ลงไปไม่มากเท่าไรนัก บางที่สูตรโอเด้งอาจจะใส่เนื้อไก่หรือปลาแห้งลงไปด้วยเพื่อความหอม วันนี้ทางเว็บไซต์ของเราได้ทำการค้นหาสูตรที่ดีที่สุดมาฝากทุกคนกันค่ะ เตรียมวัตถุดิบแล้วไปลุยกันเลย

วัตถุดิบและส่วนผสม

  1. สาหร่ายคอมบุ 3 แผ่น
  2. น้ำเปล่า 9 ถ้วย
  3. ปลาแห้ง 15 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
  5. ซีอิ๊วญี่ปุ่น 3 ช้อนโต๊ะ
  6. มิริน 3 ช้อนโต๊ะ
  7. เกลือ 1 ช้อนชา
  8. สาเก 5 ช้อนโต๊ะ
  9. ไชเท้าหั่นแว่นใหญ่ 8 ชิ้น
  10. ลูกชิ้นปลาญี่ปุ่นสามารถใส่ได้ตามชอบ
  11. บุกคอนยัคตามชอบ
  12. ไข่ต้มซีอิ๊วตามชอบ
โอเด้ง

วิธีทำ

  1. นำสาหร่อยคอมบุไปแช่ในน้ำราว ๆ 30 นาที เมื่อครบตามเวลาแล้วให้นำขึ้นไปตั้งไฟกลาง
  2. เมื่อน้ำในหม้อเริ่มเดือดเล็กน้อยให้ตักสาหร่ายออกแล้วทำการใส่ปลาแห้งลงไปจากนั้นให้ลดไฟลง
  3. เมื่อครบ 10 นาทีแล้วทำการตักปลาแห้งออกจากหม้อ ปรุงรสชาติด้วยเกลือ สาเก มิริน ซีอิ๊วญี่ปุ่น น้ำตาลทราย เมื่อน้ำเริ่มเดือดแล้วจึงใส่หัวไชเท้าหั่นแว่นลงไป
  4. เมื่อหัวไชเท้าสุกได้ที่แล้วให้ทำการใส่บุกลงไปสักพัก แล้วจึงใส่ลูกชิ้นปลาทั้งหลายตามลงไป 

ยกระดับความเป็นอาหารพื้นบ้าน สู่อาหารชื่อดังของญี่ปุ่น

โอเด้ง

การทำโอเด้งง่ายมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ หากใครที่ชอบทานอาหารนานาชาติของญี่ปุ่นเมนูนี้ก็นับเป็นอีกเมนูหนึ่งที่สามารถทำรับประทานได้อย่างง่ายดาย หรือถ้าหากว่าใครยังไม่เคยลองทานต้องลองสักครั้งนะคะ บอกเลยว่าทุกคนจะติดใจกับเมนูแสนอร่อยชนิดนี้

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

ข้าวหน้าเนื้อ ละมุนลิ้น อร่อยและอิ่มท้องแบบอาทิตย์อุทัย

ข้าวหน้าเนื้อ

ข้าวหน้าเนื้อ เป็นเมนูอาหารจานด่วนญี่ปุ่นที่มาพร้อมเนื้อสไลด์ฉ่ำ ๆ ละมุนลิ้น อร่อยสู้ วิธีทำข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น pantip หรือไม่ อย่าพลาด

ส่วนผสมในการทำ ข้าวหน้าเนื้อ

ข้าวหน้าเนื้อ

ใครที่ชอบกินข้าวหน้าเนื้อต้องไม่พลาดเมนูจานด่วนจานนี้ ห้ามพลาด ให้ลองนึกถึงเนื้อสไลด์พอดีคำ นำไปผัดในกะทะจนหอม จากนั้นนำไปโปะลงบนข้าวสวยร้อน ๆ โดยไม่ลืมตอกไข่ดิบคลุก ความอร่อยนั้นเกินคำบรรยาย ได้แต่ร้องออกมาว่า “สุโค่ย” 

ดังนั้น ใครที่กำลังมองหาสูตรการทำข้าวหน้าเนื้อดังกล่าวให้เป็นที่กล่าวถึง วันนี้แอดมินได้สูตรการทำข้าวมาฝาก 

วัตถุดิบข้าวหน้าเนื้อ

ข้าวหน้าเนื้อ
  • เนื้อวัวแล่บาง 150 กรัม 
  • หอมใหญ่นำมาหั่นเสี้ยวประมาณ 3/4 ถ้วยตวง 
  • ขิงนำมาขูดให้ได้ 1 ช้อนโต๊ะ 
  • ซีอิ๊วญี่ปุ่น 3 ช้อนโต๊ะ 
  • สาเก 2 ช้อนโต๊ะ 
  • มิริน 2 ช้อนโต๊ะ 
  • ดาชิ ¼ ถ้วยตวง 
  • น้ำมันงา 2 ช้อนชา 
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา 
  • ไข่ไก่จำนวน 1 ฟอง 
  • ขิงดองเลือกสีแดง 
  • สาหร่าย ใช้โรยหน้าหน้าเนื้อ 
  • ต้นหอมญี่ปุ่น นำมาซอย สำหรับโรยหน้า 
  • พริกป่นญี่ปุ่น 
  • ข้าวสวย (ข้าวญี่ปุ่น)

วิธีทำ

ข้าวหน้าเนื้อ

ขั้นตอนที่ 1 เริ่มจากการทำน้ำซอส นำมิริน สาเก ดาชิ และซีอิ้วญี่ปุ่น นำมาผสมรวมกันในชามผสม จากนั้นพักไว้เพื่อมาเตรียมทำ ข้าวหน้าเนื้อ

ขั้นตอนที่ 2 กะทะตั้งไฟ เซ็ทให้เป็นไฟกลาง แล้วเทน้ำมันงาลงไป รอกระทั่งน้ำมันงาร้อน ให้นำเนื้อสไลด์ผัดลงในกะทะ ปรุงรสด้วยน้ำตาล ผัดเกือบสุกและมีกลิ่นหอม ปิดไฟ ตักขึ้นมาพักไว้

ขั้นตอนที่ 3 นำ วัตถุดิบข้าวหน้าเนื้อ ได้แก่ หอมหัวใหญ่ นำมาผัดในกะทะให้นิ่ม แล้วใส่ขิงขูดลงไป ขั้นตอนนี้ให้เทส่วนผสมน้ำซอสลงไป จากนั้นต้มต่อจนน้ำเดือด

ขั้นตอนที่ 4 ใส่เนื้อลงไป ขั้นตอนนี้ ใช้ไฟกลาง แล้วผัดเนื้ออย่างรวดเร็ว จนเข้ากัน ปิดไฟ เราจะได้เนื้อสไลด์ผัดอร่อย ๆ เหมือน ข้าวหน้าเนื้อย่าง

ขั้นตอนสุดท้าย เตรียมข้าวญี่ปุ่นที่หุงสุกแล้วลงในจาน นำเนื้อสไลด์ผัดโปะข้าว แล้วตอกไข่ลงไป ตกแต่งด้วยต้นหอมซอย ขิงสีแดงดอง สาหร่าย ตามด้วยพริกป่นญี่ปุ่น เพียงเท่านี้ ก็จะได้ข้าวหน้าเนื้ออร่อย ๆ มากินแล้ว 

ข้าวหน้าเนื้อ

ข้าวหน้าเนื้อจะเป็นอีกหนึ่งอาหารในดวงใจของทุก ๆ คน ด้วยรูปลักษณะที่ดูน่ากินของตัวข้าว แล้วไหนจะเนื้อวัวชิ้น โปะอยู่ตรงหน้า อร่อยเหมือนกินเนื้อย่างญี่ปุ่น ใครอยากกิน ต้องลองทำดู ส่วนผสมไม่ได้เยอะ แต่ทำออกมาแล้วอร่อย ก็ต้องลอง แล้วจะร้อง “สุโค่ย!!” ออกมาดัง ๆ 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารนานาชาติ

พามาลองทาน ขนมปานีปูรี ขนมอินเดียทำง่ายมาก

ขนมปานีปูรี

ขนมปานีปูรี” เห็นแค่ชื่อก็น่าจะพอรู้กันแล้วใช่ไหมว่าไม่ใช่ขนมของประเทศไทยเราแน่นอน เพราะขนมนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย ซึ่งชื่อของขนมปานีปูรี ก็มาจากวัตถุดิบที่ใช้นั่นก็คือแป้งปูรีนั่นเอง ลักษณะของปานีปูรีจะมีทรงกลม สีเหลือง คล้ายทาโกยากกิ หรือมองอีกแบบก็แอบคล้ายขนมครกบ้านเราเหมือนกัน แต่จะเจาะรูตรงกลางด้านบนให้สามารถมองเห็นไส้ข้างในได้ด้วย

วิธีทำ ขนมปานีปูรี สไตล์อินเดีย

ด้วยเหตุที่ขนมปานีปูรี เป็นขนมที่มีขั้นตอนในการทำแบบพิถีพิถัน และในไทยของเราก็นิยมทานกันแบบสำเร็จรูปแต่จะทำไส้และน้ำจิ้มของขนมเอง ทำอย่างไรมาดูกันเลย ก่อนอื่นเรามาเตรียมวัตถุดิบกันก่อนดีกว่า

ขนมปานีปูรี
  1. ผักชีไทยหั่นท่อน ขนาด 50 กรัม
  2. ใบสาระแหน่หั่นท่อน ขนาด 50 กรัม
  3. น้ำเปล่า 500 มล.
  4. พริกเขียว 2 เม็ด
  5. มะนาว 1 – 2 ลูก
  6. ขิง ปริมาณ 10 กรัม
  7. เกลือป่น 1 – 2 ช้อนชา
  8. ลูกผักชี่ป่น ปริมาณ 1 ช้อนชา
  9. ยี่หร่าป่น 1 ช้อนชา
  10. พริกป่น ปริมาณ 1 ช้อนชา

เมื่อเตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้วก็มาลงมือทำเครื่องไส้ของปานีปูรีกันเลย

ขนมปานีปูรี
  • เริ่มจากใส่ใบสาระแหน่ลงไปในเครื่องปั่น ตามด้วยผักชี ขิงและพริก
  • เมื่อปั่นไปสักพักให้เติมน้ำเปล่าและเกลือป่นลงไป จากนั้นปั่นต่อ
  • เมื่อปั่นไปจนรู้สึกว่าส่วนผสมต่าง ๆ เริ่มละเอียดล้วนำออกมาใส่ภาชนะ
  • บีบน้ำมะนาวเพิ่มความเปรี้ยวลงไป ตามด้วยยี่หร่าป่น ลูกผักชีป่นและพริกป่น
  • คลุกเคล้าให้เข้ากัน ก็เป็นอันสำเร็จ
  • ต่อด้วยการทำไส้ โดยเราจะนำมันบดมาผสมด้วยหอมแดงหั่นเปป็นชิ้นเล็ก ๆ ตามด้วยผงมาซาล่าและพริกป่น จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
  • มาถึงคิวพระเอกของเราแล้ว นำแป้งปานีปูรีมาทอด จะได้ปานีปูรีลักษณะทรงกลมออกมา
  • ขั้นตอนการทานก็ง่ายมาก ให้นำมาปานีปูรีทรงกลมมาเจาะตรงกลางแล้วใส่มันบดที่ทำการปรุงไว้ดังกล่าวเข้าไป จากนั้นก็รับประทานพร้อมน้ำจิ้มได้เลย

เป็นอย่างไรบ้างคะกับสูตรขนมสไตล์อินเดียของเรา

ขนมปานีปูรี

ใครที่ต้องการขนมปานีปูรีแบบสำเร็จรูปสามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปได้เลยนะคะ และใครที่ลองทำกันแล้วอย่าลืมมาอวดกันดูด้วยนะคะ และเมนูต่อไปเราจะมาแนะนำหรือแจกสูตรอาหาร ขนม อะไรบ้างนั้นโปรดติดตามได้เลย เพื่อที่จะไม่พลาดสูตรอาหารน่าทานกันค่ะ

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://sa-game.bet/ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ เล่นบาคาร่าออนไลน์ที่นี่ ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ ปลอดภัยแน่นอน