สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส

แกงเทโพหมู แกงรสชาติเผ็ดแซ่บฉบับไทย หอมอร่อยมันกะทิ

แกงเทโพหมู

ใครที่ชื่นชอบแกงเผ็ดใส่กะทิไม่ควรพลาดเมนูอาหารไทยพื้นบ้านที่เรานำมาแนะนำวันนี้แน่นอนค่ะ เพราะเมนูอาหารที่เรานำมาแนะนำนี้เป็นเมนูอาหารแกงกะทิอีกหนึ่งอาหารจานโปรดของใครหลายๆคน นั่นคือแกงเทโพหมู เป็นแกงเผ็ดชนิดหนึ่งที่ใส่กะทิ ผักบุ้งและหมูสามชั้นเป็นส่วนประกอบหลัก ถ้าย้อนกลับไปดูสูตรดั้งเดิมแกงเทโพนั้นต้องใส่ปลาเทโพเท่านั้น ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดที่สามารถพบเห็นได้หลายพื้นที่ของประเทศไทย แต่ปัจจุบันนิยมใส่หมูสามชั้นเพราะหาซึ่งได้ง่ายกว่า แกงเทโพนี้เป็นแกงกะทิรสเข้มข้น มีรสชาติออกเปรี้ยวจากมะขามเปียกตัดความมันของกะทิ เค็มนำ และหวานเล็กน้อย เป็นรสชาติความอร่อยที่มีความสมดุลและลงตัวมากๆเลยค่ะ แถมกลิ่นหอมมันจากกะทิอีกด้วยค่ะ ยิ่งได้ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆยิ่งอร่อยฟินสุดๆเลยค่ะ สำหรับวิธีการทำเมนูแกงเทโพหมูนี้ก็ง่าย ไม่ยุ่งยาก สามารถทำกินเองได้ที่บ้าน จะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูแกงเทโพหมู

แกงเทโพสามารถเลือกใส่เนื้อสัตว์ได้หลายอย่างตามความชอบ เช่น แกงเทโพปลาเค็ม แกงเทโพไก่ เป็นต้น สำหรับแกงเทโพหมูที่เรานำมาแนะนำนี้เป็นสูตรที่มีส่วนผสมทั้งหมด 2 ส่วน คือ ส่วนผสมแกงเทโพหมู และส่วนผสมพริกแกงเทโพ ส่วนเคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้คือ การเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และ การปรุงรสชาติ แต่ตอนที่จะไปดูขั้นตอนการทำแกงเทโพหมู เรามาดูส่วนผสมของเมนูนี้กันเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำเมนูแกงเทโพหมู

  1. มะพร้าวขูดประมาณ 500 กรัม (คั้นให้ได้หัวกะทิ 1 ถ้วย และน้ำกะทิ 3 ½ ถ้วย)
  2. ผักบุ้งไทยยอดอ่อน 1 กำ
  3. หมูสามชั้น 200 กรัม
  4. น้ำมะขามเปียกประมาณ 4 – 5 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำปลาประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  7. เกลือป่น 2 หยิบมือ
  8. มะกรูด 1 ลูก
  9. ใบมะกรูด 4 – 5 ใบใหญ่

ส่วนผสมสำหรับทำพริกแกงเทโพ

  1. พริกแห้ง 10 เม็ด
  2. ข่า 3 แว่น
  3. ตะไคร้หั่นฝอย 2 ต้น
  4. ผิวมะกรูด 1 ช้อนชา
  5. พริกไทยเม็ด 10 เม็ด
  6. หอมแดง 3 หัว
  7. กระเทียม 5 กลีบ
  8. รากผักชีหั่น 3 ต้น
  9. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  10. เกลือเม็ด 1 ช้อนชา
แกงเทโพหมู

ขั้นตอนวิธีการทำแกงเทโพหมู

เมนูอาหารแกงเทโพ เป็นอีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของอาหารไทย ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างมาก สำหรับวิธีทำเมนูแกงเทโพหมูนี้ สามารถทำตามได้ง่ายๆที่บ้าน ซึ่งสูตรที่เรานำมาแนะนำนี้เป็นสูตรโบราณที่แต่ละขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนอยากทำแกงเทโพหมูกินเองที่บ้าน หรือคนที่เริ่มทำเมนูแกงเทโพหมูครั้งแรก โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้

  1. เริ่มต้นทำน้ำพริกแกงก่อน ด้วยการนำพริกแห้งมาแช่น้ำให้นุ่ม แล้วนำไปโขลกกับเกลือเม็ดพอแหลก
  2. ใส่ข่า ผิวมะกรูด รากผักชีและพริกไทยเม็ดลงไป โขลกให้ละเอียด แล้วใส่หอมแดง กระเทียมและกะปิ โขลกส่วนผสมทุกอย่างให้ละเอียด เนียนเข้ากันดี
  3. เตรียมเครื่องปรุง โดยนำหมูสามชั้นมาล้างทำความสะอาด หั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 0.5 เชนติเมตร นำลูกมะกรูดผ่าครึ่ง เอาเมล็ดออก ส่วนใบมะกรูดเลือกใช้ใบแก่หน่อยจะได้มีกลิ่นหอม ล้างน้ำแล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ เตรียมไว้
  4. นำผักบุ้งมาตัดส่วนโคน เลือกเฉพาะส่วนที่ยังอ่อน ล้างน้ำสะอาด เลือกใบเสียออกให้หมด จากนั้น หั่นเป็นท่อน แช่น้ำเตรียมไว้
  5. ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง แล้วเทหัวกะทิลงไปในกระทะครึ่งหนึ่ง รอให้กะทิเดือดและแตกมัน ระหว่างนี้หมั่นคนเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้กะทิจับตัวกันเป็นก้อน
  6. พอกะทิแตกมันดีแล้ว ใส่พริกแกงที่เตรียมไว้ลงไปประมาณ 1 ขีด แล้วยีพริกแกงให้เข้ากับกะทิ ผัดไปเรื่อยๆ ถ้าแห้งให้เติมน้ำหางกะทิลงไป จนเริ่มส่งกลิ่นหอม และแตกมันสวยงาม
  7. พอพริกแกงแตกมันใส่หมูสามชั้นลงไป ผัดหมูให้เข้ากับพริกแกง พอหมูเริ่มจะสุก ค่อยๆเทหางกะทิ ที่เหลือลงไป
  8. จากนั้นเร่งไฟให้แรงขึ้น ปรุงรสโดยใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก เกลือป่น และน้ำปลา แล้วชิมดู ให้ได้รสชาติที่เปรี้ยวเค็มหวาน จากนั้นตักใส่ถ้วยเสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อนๆ
  9. พอน้ำแกงเดือดจัด นำเอาผักบุ้งกับลูกมะกรูดที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ใช้ตะหลิวกดให้ผักบุ้งจมน้ำแกง จนผักบุ้งสุกดีใส่ใบมะกรูดใส่ลงไป ราดด้วยหัวกะทิที่เหลืออีก ½ ถ้วยลงไป คนให้เข้ากัน รอเดือด อีกครั้งปิดไฟ ตักใส่ชามรับประทานเป็นกับข้าวสวยร้อนๆ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคนสำหรับเมนูแกงเทโพหมู ซึ่งเมนูนี้นอกจากความอร่อยกลมกล่อม หอม หวาน มัน ยังเป็นมีหนึ่งเมนูที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อร่างกายอย่างกะปิ มีสารอาหารประเภทไขมัน ที่ให้พลังงานความอบอุ่นแก่ร่างกาย กะทิมีประโยชน์ช่วยละลายวิตามินเอ และเนื้อหมูให้โปรตีนและไขมันสูง ส่วนผักบุ้งไทยมีเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา ทำให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยง เป็นประกายสวยงาม แถมยังช่วยบำรุงรักษาเหงือก ฟัน ให้แข็งแรง ช่วยทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดีอีกด้วยค่ะ

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ