ใครที่ชื่นชอบขนมไทยอย่างขนมครกเชิญทางนี้เลยค่ะ เพราะวันนี้เรามีสูตรขนมครกโบราณมาแนะนำทุกคน ขอบอกเลยว่าสูตรนี้กรอบนอกนุ่มใน หอมกลิ่นกะทิ อร่อยหวานมันแน่นอน ที่สำคัญยังอัดแน่นไปด้วยเครื่องโรยหน้ามากมาย โดยสูตรนี้เราได้มาจากช่อง YouTube ชื่อช่อง แม่ซี น้องมดดี Channel ซึ่งนี่เป็นสูตรขนมครกที่ทำกินเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน หรือจะทำขายสร้างอาชีพก็ดี เพราะด้วยความที่แป้งขนมครกกรอบนอกนุ่มใน และมีรสชาติอร่อยหวานมันไม่เหมือนใคร เราจึงมั่นใจได้เลยว่าขนมครกสูตรนี้จะต้องถูกอกถูกใจลูกค้าอย่างแน่นอนค่ะ
ขนมครกขึ้นชื่อว่าเป็นขนมโบราณที่ความนิยมอย่างแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยเดิมทีจะใช้ข้าวเจ้าแช่น้ำโม่รวมกับหางกะทิ และมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย ผสมเกลือเล็กน้อยใช้เป็นตัวขนม ส่วนหน้าของขนมครกเป็นหัวกะทิ ปัจจุบันได้มีการดัดแปลงใช้แป้งข้าวเจ้าแทน เพื่อความสะดวก และโรยหน้าด้วยเครื่องต่าง ๆ มากมาย เช่น น้าเผือก หน้าข้าวโพด หน้าต้นหอม เป็นต้น
ความจริงแล้วขนมครกมี 2 ประเภท ได้แก่ ขนมครกมอญ และขนมครกชาววัง โดยขนมครกมอญจะพบตามชุมชนมอญ ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ส่วนขนมครกชาววังจะพบโดยทั่วไปตามร้านขายขนมครกทั่วประเทศ ซึ่งสูตรขนมครกที่เรานำมาแนะนำทุกคนในวันนี้เป็นสูตรขนมครกชาววัง ที่โรยหน้าด้วยเครื่องแน่น ๆ แต่จะมีส่วนผสมและวิธีทำอย่างไรบ้าง ติดตามได้จากบทความนี้เลยค่ะ
ส่วนผสมของสูตรขนมครกโบราณ พร้อมโรยหน้าด้วยเครื่องแน่น ๆ
หลายคนคงทราบกันดีว่าสูตรขนมครกเป็นสูตรขนมไทยโบราณ ที่ทำมาจากแป้ง น้ำตาล และกะทิ แล้วเทลงบนเตาหลุม เวลารับประทานต้องแคะออกมา ถึงแม้ว่าแป้งขนมครกสมัยโบราณจะใช้ข้าวเจ้าแช่น้ำโม่รวมกับหางกะทิ แต่เพื่อความสะดวก เราจะเลือกใช้แป้งสำเร็จรูปอย่างแป้งข้าวเจ้าแทน และนี่คือส่วนผสมสำหรับทำขนมครกโบราณ
อันดับแรกต้องเตรียมน้ำปูนใสก่อน
- น้ำเปล่า 1000 มิลลิลิตร
- ปูนแดงกินหมาก 2 ช้อนตวง
หมายเหตุ: ผสมน้ำกับปูนแดงให้ละลาย แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน
ส่วนผสมของแป้งขนมครก
- แป้งข้าวเจ้า 250 กรัม
- ข้าวหอมมะลิหุงสุก 100 กรัม
- น้ำปูนใส 120 กรัม (หากไม่มีให้ใช้น้ำเปล่าแทนได้)
- หัวกะทิคั้นสดแบบเข้มข้น 500 มิลลิลิตร
- หางกะทิ 250 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 60 กรัม
- เกลือสมุทร 2 ช้อนชา
ส่วนผสมของหน้ากะทิ
- หัวกะทิคั้นสดแบบเข้มข้น 500 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 80 กรัม (ไม่ชอบหวานลดเหลือ70กรัม)
- เกลือสมุทร ½ ช้อนชา กับ ¼ ช้อนชา
- แป้งข้าวเจ้าตราหมีคู่ดาว 1 ช้อนตวง กับ ½ ช้อนตวง
ส่วนผสมของเครื่องสำหรับโรยหน้าขนมครก
- ข้าวโพดหวานฝานบาง ๆ นึ่งสุก 1-2 ฝัก
- เผือกหอมหั่นเต๋านึ่งสุก 1 ถ้วย
- ต้นหอมซอย 1 ถ้วย
- น้ำมันพืชสำหรับเช็ดเบ้า
ขั้นตอนและวิธีทำขนมครกโบราณ แป้งกรอบนอกนุ่มใน
หลังจากที่ได้เตรียมส่วนผสมของสูตรขนมครกโบราณเรียบร้อยแล้ว ต่อไปคือวิธีทำขนมครกแป้งกรอบ ซึ่งแน่นอนว่านอกจากส่วนผสมจะสำคัญแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการทำขนมครก นั่นก็คือ ถาดหลุมขนมครก และนี่คือขั้นตอนการทำขนมครก และเคล็ดลับสำหรับทำขนมครกที่คุณควรรู้
วิธีทำขนมครกโบราณ
- ตั้งหม้อนึ่งข้าวโพดหวานมาฝานบาง ๆ และเผือกหั่นเต๋า โดยใช้เวลานึ่งประมาณ 20 นาที แล้วพักไว้ให้เย็น
- ระหว่างนั้นเริ่มทำแป้งขนมครก โดยการนำแป้งข้าวเจ้า ข้าวสวย น้ำปูนใส กะทิ และเกลือ ลงไปปั่นให้ส่วนผสมเข้ากันจนละเอียด แล้วนำไปเทใส่ชามผสม พักแป้งไว้ 30 นาที
- จากนั้นทำหน้ากะทิ โดยการเตรียมชามผสมอีกใบ แล้วนำแป้งข้าวเจ้า หัวกะทิแบบคั้นสดเข้มข้น น้ำตาลทรายขาว และเกลือสมุทร ลงไปผสมให้เข้ากัน แล้วคนส่วนผสมทั้งหมดด้วยตะกร้อมือจนทุกอย่างละลายเข้ากันดี
- เตรียมกาน้ำหัวแหลม 2 ใบ ใบหนึ่งเทส่วนแป้งขนมครกลงไป ส่วนอีกใบเทส่วนหน้ากะทิลงไป เพื่อสะดวกในการเทลงถาดหลุม
- เตรียมถาดหลุม โดยการนำถาดหลุมไปล้างด้วยน้ำยาล้างจานให้สะอาดประมาณ 3 รอบเพื่อล้างที่เคลือบกระทะออกจนหมด
- นำถาดหลุมไปตั้งไฟให้ร้อน แล้วเทน้ำมันพืชลงไปให้ท่วม ทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นเทน้ำมันออก เพื่อทำให้เวลาใส่แป้งกะทิจะไม่ติด
- การเท ให้เทส่วนผสมของแป้งลงไปก่อน โดยการเริ่มจากด้านนอกวนเข้าไปบรรจบที่ด้านใน จากนั้นนำส่วนหน้ากะทิเทลงทันทีจนครบ
- จากนั้นนำเครื่องสำหรับโรยหน้าขนมครก ได้แก่ ข้าวโพดหวานฝานบาง ๆ นึ่งสุก เผือกหอมหั่นเต๋านึ่งสุก และต้นหอมซอย ที่เตรียมไว้หยอดลงไป โดยต้นหอมสามารถหยอดได้ทันที ส่วนข้าวโพดกับเผือก ต้องรอให้แป้งเซตตัวก่อนค่อยใส่ลงไป
- นำฝาปิดถาดหลุม โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที หรือสังเกตจากขอบด้านนอกออกสีน้ำตาล ถือว่าขนมครกใช้ได้แล้ว จากนั้นนำช้อนมาตักออกทีละหลุม จัดเรียงใส่จานให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟค่ะ
Suwanna Preebunpul
สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ