สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
อาหารสุขภาพ

เมนู ลาบเห็ดรวม เมนูอาหารคลีนแซ่บ ๆ ที่ทำทานได้บ่อย โดยไม่เบื่อ

ลาบเห็ดรวม
ลาบเห็ดรวม

สวัสดีค่ะคุณผู้ชมทุก ๆ ท่านนนนน การออกกำลังกายนับว่าเป็นส่วนหนึ่งในการลดน้ำหนักเพื่อให้หุ่นสวยเพรียวเช้งขึ้นมา แต่ไม่ได้นับว่าเป็นทุกส่วนที่ทำให้ผอมลง อีกส่วนหนึ่งหลัก ๆ เลยคือการทานอาหารให้ถูกหลัก โดยงดรสชาติเค็มจนเกินพอดี หวานจนเกินพอดี รวมไปถึงลดแป้ง และไขมัน ทานทุกอย่างให้เพียงพอที่ร่างกายต้องการเท่านี้ก็เลิศแล้วจ้า วันนี้เราก็เตรียมเมนูอาหารคลีนสุดพิเศษมาฝากกัน เมนูนี้ก็คือ ลาบเห็ดรวม นั่นเองง

       ลาบ นับว่าเป็นอาหารพื้นบ้านทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือว่าภาคอีสาน จัดเป็นอาหารประเภทยำชนิดหนึ่งที่ได้รับการนิยมอย่างมากตามตลาดหรือตามร้านส้มตำ และที่สำคัญเมนูลาบยังเป็นอาหารยอดนิยมตามงานบุญ งานรื่นเริงที่มีอาหารไทยเป็นหลักอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นวานบวช งานแต่ง ด้วนกลิ่นเฉพาะตัวที่ให้ความหอมอย่างข้าวคั่ว จึงทำให้แขกเหรือที่มางานจะพลาดไม่ได้เลยที่จะชิมเมนูนี้

ส่วนผสม/เครื่องปรุงเมนู ลาบเห็ดรวม

1. อกไก่สับ 100 กรัม

2. เห็ดออรินจิ 200 กรัม

3. เห็ดชิเมจิ 200 กรัม

4. เห็ดเข็มทอง 200 กรัม

5. หอมแดงซอย 1/4 ถ้วยตวง

6. น้ำตาลหญ้าหวาน 1 ช้อนชา

7. น้ำปลาสูตรลดโซเดียม 4 ช้อนโต๊ะ

8. น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ

9. พริกป่น 3 ช้อนโต๊ะ

10. ผักชีฝรั่งซอย 1/4 ถ้วย

11. พริกแห้ง

12. ใบสะระแหน่

13. ข้าวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. นำอกไก่สับที่เตรียมไว้ไปรวนกับน้ำเปล่าด้วยไฟกลางจนสุกดี พักไว้

2. นำเห็ดออรินจิ เห็ดชิเมจิ เห็ดเข็มทองที่เตรียมไว้ไปตัดโคนแล้วล้างน้ำให้สะอาด หั่นให้เป็นชิ้นพอดีคำแล้วนำไปลวกน้ำด้วยไฟอ่อน จนสุกดี

3. นำชามผสมมาใส่ด้วยน้ำปลา น้ำตาล มะนาว พริกป่น และ ข้าวคั่ว คนจนเข้ากันและน้ำตาลละลายจนหมด ตามด้วยการใส่หอมแดงซอย ผักชีฝรั่งซอย คนให้เข้ากันอีกครั้ง

4. นำอกไก่ที่รวนไว้แล้วมาใส่ในชามผสมคนให้เข้ากับน้ำยำ ตามด้วยเห็ดที่ลวกไว้แล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง

5. เตรียมเสิร์ฟโดยการตักลาบใส่จานตกแต่งด้วยพริกแห้งทอดและใบสะระแหน่ เสร็จแล้วจ้ากับเมนู ลาบเห็ดรวม

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูอาหารคลีนเพื่อสุขภาพที่รสชาติแซ่บอย่าบอกใครอย่าง ลาบเห็ดรวม นับว่าเป็นอาหารที่ทำได้ง่ายมาก ๆ ใครที่กำลังอยากลดน้ำหนักหรืออยากลองเข้าครัวเพื่อทำอาหารเป็นครั้งแรก เมนูนี้นับว่าน่าสนใจและน่าทดลองทำมากเลยทีเดียว เคล็ดลับสำคัญ ของเมนูนี้ก็คือขั้นตอนในการลวกเห็ดทั้ง 3 ชนิด เมื่อลวกแล้วให้นำไปแช่ในน้ำเย็นจัดเพื่อให้เห็ดยังคงกรุบกรอบอยู่นะจ๊ะ

Categories
อาหารไทย

ต้มยำกุ้งน้ำข้น เมนูสุดพิเศษ ที่ทำให้ชาวต่างชาติหลงรักประเทศไทย

ต้มยำกุ้งน้ำข้น
ต้มยำกุ้งน้ำข้น

สวัสดีค่ะทุก ๆ คนนนน รู้ไหมคะว่าอะไรที่ทำให้ชาวต่างชาติหลงรักประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรมต่าง ๆ รอยยิ้ม รวมไปถึงอาหาร ใช่แล้วค่ะ อาหารก็จัดเป็นส่วยหนึ่ง โดยเฉพาะเมนู ต้มยำกุ้งน้ำข้น ที่ทำให้ใคร ๆ ก็หลงรักประเทศนี้จนอยากมาเที่ยวบ่อย ๆ อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่ามีวิธีการทำอย่างไร ไปติดตามกันได้เลยจ้า

ส่วนผสม / เครื่องปรุงเมนู ต้มยำกุ้ง

1. กุ้งแม่น้ำ 5 ตัว

2. เห็ดฟาง 3 ขีด

3. ข่า 2 หัว

4. ตะไคร้ 3 ต้น

5. ใบมะกรูด 5 ใบ

6. หอมแดง 4 หัว

7. พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด ( ตามใจชอบ )

8. มะนาว 2 ลูก

9. พริกเผา 1/2 ถ้วยตวง

10. นมข้นจืด 1/3 ถ้วยตวง

11. ผักชี 2 ต้น

วิธีทำ

1. นำกุ้งแม่น้ำมาแกะเปลือกและหัวออก เหลือเปลือกส่วนหางเอาไว้ นำไปลวกให้กุ้งสะดุ้งน้ำ

2. ผสมนมข้นจืดและพริกเผาเข้าด้วยกัน 

3. ตั้งน้ำในหม้อ ใส่ข่า ตะไคร้ หัวหอมทุบลงไปรอจนเดือด

4. ใส่หัวกุ้งที่มีมันอยู่ลงไปในหม้อน้ำที่เดือดแล้ว

5. นำหัวกุ้งออก ใส่นมข้นจืดที่ผสมพริกเผาไว้แล้วลงไป เหยาะน้ำปลาเล็กน้อยเพื่อให้มีรสชาติ

6. นำเห็ดโคนและกุ้งที่ลวกไว้ใส่ลงไป ตามด้วยพริกขี้หนูทุบ นำหม้อลงจากเตาแล้วใส่น้ำมะนาวกับน้ำปลาเพิ่ม หากรสชาติยังไม่เข้าที่

7. ตกแต่งด้วยรากผักชี พร้อมเสิร์ฟกับเมนู ต้มยำกุ้งน้ำข้น

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนู ต้มยำกุ้งน้ำข้น น่าทานกันไหมเอ่ย ไม่ยากเลยใช่ไหมคะทุกคนลองลงมือทำกันได้เลยน้า วัตถุดิบสามารถหาได้ตามท้องตลาดทั่วไป เคล็ดลับ การเลือกกุ้งต้องเลือกตัวที่มีเนื้อสีใสไม่ขุ่น ตายังคงใสอยู่เพื่อให้มั่นใจว่ากุ้งยังคงความสดจริง ๆ นะจ๊ะ

Categories
ขนมหวานไทย

เมนู ฟักทองแกงบวด เมนูขนมไทยยอดฮิตที่ใครก็สามารถทำทานได้ง่าย ๆ ที่บ้าน

ฟักทองแกงบวด
ฟักทองแกงบวด

สวัสดีเจ้าาาาา ขนมไทยในปัจจุบันกำลังเลือนหายไปตามกาลและเวลา ด้วยความที่ได้รับอิทธิพลทางด้านต่าง ๆ ของต่างชาติเข้ามาทำให้เบเกอรี่เข้ามาทำแทนบ้าง วันนี้เราเลยเตรียมสูตรขนมไทยชนิดหนึ่งมาฝากทุก ๆ คน เมนูนี้ก็คือ ฟักทองแกงบวด นั่นเอง อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าวิธีทำจะง่ายขนาดไหน ไปติดตามกันได้เลยยย

ส่วนผสมขนม ฟักทองแกงบวด

1. ฟักทอง 500 กรัม

2. หัวกะทิ 200 มิลลิลิตร

3. หางกะทิ 250 มิลลิลิตร

4. ใบเตย 1 มัด

5. ปูนขาว 1 ถ้วยตวง

6. น้ำตาลมะพร้าว 80 กรัม

7. เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. นำปูนขาวไปผสมน้ำแล้วรอให้ตกตะกอน จากนั้นนำ น้ำปูนใส ไปแช่ฟักทองที่เตรียมไว้

2. นำน้ำปูนเทออก แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดมากกว่า 3 ครั้ง

3. ตั้งหม้อด้วยไฟกลางใส่หางกะทิ น้ำตาลมะพร้าว เกลือ และใบเตยลงในหม้อ ตั้งไปเรื่อย ๆ จนน้ำตาลละลายหมด แล้วรอให้กะทิเดือดจึงใส่ฟักทองหั่นชิ้นที่ล้างน้ำแล้วลงไป

4. เมื่อใส่ฟักทองลงไปแล้วให้เบาไป เคี่ยวจนกว่าฟักทองจะสุกโดยทั่วกัน ใส่หัวกะทิ เสร็จแล้วจ้ากับเมนู ฟักทองแกงบวด

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูขนมไทยยอดฮิตประจำบ้านอย่าง ฟักทองเเกงบวด วิธีทำของเราง่ายมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ ใครที่ชอบทานแต่ไม่เคยได้ลงมือทำเองลองเตรียมหาวัตถุดิบตามท้องตลาดมาโชว์ฝีมือให้คนที่บ้านทานได้น้าไม่ยากเลย เคล็ดลับ ของเมนูนี้ก็คือการที่เราใส่น้ำปูนใสในการแช่ฟักทองก็เพื่อไม่ให้ฟักทองยุบตัวหรือยุ่ยในขณะประกอบอาหาร

Categories
ขนมเบเกอรี่

เมนู แพนเค้กซูเฟล่สไตล์ญี่ปุ่น เมนูเบเกอรี่ยอดฮิต ที่ทำทานได้ที่บ้าน

แพนเค้กซูเฟล่
แพนเค้กซูเฟล่

กราบสวัสดีค่ะทุก ๆ คนนนนน หลายคนคงจะชอบทานเบเกอรี่เป็นชีวิตจิตใจ เราก็เช่นเดียวกัน แต่กว่าจะหาทานได้ทีนึงก็ต้องไปร้านกาเเฟ ไม่ก็ไปร้านสะดวกซื้อ บางครั้งในวันหยุดก็คงอยากจะพักผ่อนอยู่ที่บ้านสบาย ๆ ใช่ไหมคะ วันนี้เราเลยเตรียมสูตรเมนู แพนเค้กซูเฟล่สไตล์ญี่ปุ่น มาฝากทุกคนกันจ้า รับรองว่าแค่หาวัตถุดิบเตรียมไว้ก็ทำอยู่ที่บ้านได้แบบสบาย ๆ อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าวิธีทำเมนูนี้จะง่ายมากแค่ไหน ไปติดตามกันได้เลยยย

ส่วนผสมขนม แพนเค้กซูเฟล่สไตล์ญี่ปุ่น

1. แป้งเค้ก 6 ช้อนโต๊ะ

2. ไข่ไก่ 4 ฟอง แยกไข่แดงและไข่ขาว

3. เนยละลาย 4 ช้อนโต๊ะ

4. ผงฟู 1 ช้อนชา

5. นม 4 ช้อนโต๊ะ

6. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ

7. เกลือ 1/4 ช้อนชา

8. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

9. กลิ่นวนิลลา 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1. นำเนยละลายที่เตรียมไว้มาผสมกับนมให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพักไว้

2. นำไข่ขาวที่แยกออกจากไข่แดงแล้วไปแช่ตู้เย็นประมาณ 10 – 15 นาที 

3. นำไข่แดงที่แยกออกมาไว้ไปใส่ในชามที่มีเนยและนม ร่อนแป้งและผงฟูตามลงไป คนจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นใส่กลิ่นวนิลลา

4. นำไข่ขาวที่แช่ตู้เย็นไว้ออกมา ใส่น้ำมะนาว ค่อย ๆ ตีวนเรื่อย ๆ ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทีละน้อยตีจนตั้งยอดเป็น เมอแรงค์

5. ใส่ไข่ขาวที่ตีไว้จนตั้งยอดลงไปในชามไข่แดง 1 ส่วน คนจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นนำส่วนที่คนไว้แล้วเทกลับไปยังไข่ขาวที่เหลือ ผสมอีกครั้งจนเข้ากันดี

6. นำกระทะเทฟมาตั้งไฟอ่อนทาด้วยเนยให้ทั่วทั้งกระทะ หยอดแพนเค้กลงด้านบนให้เป็นวงกลมจากนั้นปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นกลับด้านเพื่อให้สีสวยเท่า ๆ กัน

7. นำแพนเค้กที่สุกแล้วมาใส่จาน ตกแต่งด้วยผลไม้สด ไอศกรีม น้ำผึ้ง และน้ำตาลไอซิ่งได้ตามชอบ เสร็จแล้วจ้ากับเมนู แพนเค้กซูเฟล่สไตล์ญี่ปุ่น

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูเบเกอรี่ยอดฮิตอย่าง แพนเค้กซูเฟล่สไตล์ญี่ปุ่น วิธีทำของเราง่ายมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ แถมส่วนผสมยังมีไม่เยอะอีกต่างหาก หากใครที่อยากลองทำให้คนที่บ้านทานสามารถเตรียมหาวัตถุดิบตามร้านสะดวกซื้อชั้นนำได้เลยน้า เคล็ดลับ ของเมนูนี้ก็คือหากนำไข่ขาวไปแช่ตู้เย็นจะทำให้ตั้งยอดยากมากขึ้นแต่จะทำให้ยอดนั้นคงอยู่ได้นานนะจ๊ะ

Categories
อาหารนานาชาติ

เมนู สเต็กปลาทอดซอสทาร์ทาร์ อาหารนานาชาติที่ทำทานได้บ่อยไม่มีเบื่อ

สเต็กปลาทอดซอสทาร์ทาร์
สเต็กปลาทอดซอสทาร์ทาร์

สวัสดีค่ะคุณผู้ชมทุก ๆ ท่านนนนน อาหารที่มีชื่อเสียงอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบันนี้มีอยู่หลากหลายสัญชาติ หลากหลายประเภท และหลากหลายเมนูไม่ว่าจะเป็นประเภทต้ม ประเภทผัด ประเภทแกง หรือประเภททอด ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้อาหารไทยต้นฉบับ วันนี้เราก็เตรียมเมนูอาหารนานาชาติมาฝากทุกคนอีกเช่นเคย เมนูนี้ก็คือ สเต็กปลาทอดซอสทาร์ทาร์ นั่นเองจ้าาาาา

       สเต็ก เป็นอาหารทางชาติฝรั่งเศส ด้วยความที่ประเทศนี้เป็นที่แรกที่นำสูตรสเต็กมาเปิดเผยให้ผู้คนทั่วโลกได้สัมผัส โดยผู้เปิดเผยคนแรกเป็นพ่อค้าและเชฟ จนได้ขึ้นชื่อว่าบิดาแห่งการครัวหรือคิงออฟเชฟ โดยที่อาหารประเภทนี้มีระดับความสุกมากถึง 6 ระดับเลยทีเดียว สูตรประกอบหลักมักจะเป็นเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นหมู ไก่ ปลา หรือเนื้อวัว

ส่วนผสม/เครื่องปรุงเมนู สเต็กปลาทอดซอสทาร์ทาร์

       สเต็กปลาทอด

1. ปลากะพงแร่ 1 ตัว

2. เกลือป่น 2 หยิบมือ

3. พริกไทยป่น 2 หยิบมือ

4. ไข่ไก่ 1 ฟอง

5. เกล็ดขนมปัง 1 ถ้วยตวง

6. แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วยตวง

       ซอสทาร์ทาร์

1. หอมใหญ่ซอยละเอียด 1/3 ถ้วยตวง

2. ครีมสลัด 1 ถ้วยตวง

3. เกลือป่น 1 หยิบมือ

4. พาสเลย์สับ 

5. ไข่แดงต้มสุก 2 ฟอง

6. น้ำมะนาว 

วิธีทำ

1. นำ ปลากะพง ที่เตรียมไว้มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปแร่ไม่ให้มีหนังและก้าง นำไปซับน้ำและทิ้งไว้ให้แห้ง

2. นำปลาที่แห้งแล้วมาโรยด้วยเกลือและพริกไทยเพื่อให้มีรสชาติ พักทิ้งเอาไว้ก่อน

3. นำไข่ไก่ตอกใส่ชามตีให้เข้ากัน จากนั้นนำเนื้อปลามาชุบไข่ไก่ตามด้วยชุบแป้งและชุบเกล็ดขนมปัง วนแบบนี้อยู่ 2 รอบ

4. ตั้งน้ำมันในกระทะพอให้ท่วมเนื้อปลาใช้ไฟอ่อนจากนั้นนำชิ้นปลาลงไปทอดจนเหลืองกรอบ

5. ขยำหอมซอยและเกลือเข้าด้วยกันพอให้มีน้ำหอมใหญ่ออกแล้วบีบให้แห้งนำมาผสมกับครีมสลัด

6. คนหอมใหญ่และครีมสลัดเข้าด้วยกันจากนั้นใส่ใบพาสเลย์สับ ไข่แดงต้มสุก บีบมะนาวลงไปเล็กน้อยคนให้เข้ากัน

7. เตรียมเสิร์ฟโดยการนำชิ้นปลามาวางในจานจากนั้นราดด้วยซอสทาร์ทาร์ลงไป หรือจะหามันบดมาเป็นเครื่องเคียงก็ได้ พร้อมเสิร์ฟกับเมนู สเต็กปลาทอดซอสทาร์ทาร์

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

      กับเมนูอาหารนานาชาติที่หาได้ตามร้านทั่วไปอย่าง สเต็กปลาทอดซอสทาร์ทาร์ ไม่ยากเลยใช่ไหมคะเพื่อน ๆ ใครที่กำลังมองหาเมนูใหม่ ๆ ที่จะทำให้บุคคลในบ้านทานสามารถหาซื้อวัตถุดิบได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป เคล็ดลับสำคัญ ของเมนูนี้ก็คือ ขั้นตอนในการทำไข่แดงมาผสมในซอสทาร์ทาร์ต้องทำไข่แดงให้สุกเพื่่อไม่ให้ซอสมีกลิ่นคาวนะจ้ะ

https://www.youtube.com/watch?v=0FukTtuPp20

 

Categories
อาหารสุขภาพ

เมนู ลาบอกไก่ อาหารเพื่อสุขภาพแบบคลีน ๆ แต่อร่อยไม่ธรรมดา

ลาบอกไก่
ลาบอกไก่

กราบสวัสดีค่ะคุณผู้ชมทุก ๆ ท่านนนนนน ในปัจจุบันอาหารไทยมีอยู่มากมายหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นตระกูลต้ม ผัด แกง ทอด ซึ่งในแต่ละเมนูก็ล้วนเต็มไปด้วยอนุภาคไขมันที่แทรกซึมเข้ามาภายในร่างกาย ยิ่งเราทานเข้าไปทุกวันจะยิ่งเกิดการสะสมเข้าไปตามร่างกายมากยิ่งขึ้น แต่มีอาหารประเภทหนึ่งที่สามารถทานได้แบบไม่ต้องห่วงเรื่องไขมันเลยก็คือประเภทยำ วันนี้เราเลยเตรียมเมนูอาหารเพื่อสุขภาพประเภทยำมาฝากกัน เมนูนี้ก็คือ ลาบอกไก่ นั่นเองจ้า อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าวิธีทำจะง่ายขนาดไหน ไปติดตามกันได้เลยย

ส่วนผสม / เครื่องปรุงเมนู ลาบอกไก่

1. อกไก่ 360 กรัม

2. ข้าวคั่ว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

3. หอมแดง 3 หัว

4. ต้นหอม 2 ต้น

5. ใบสะระแหน่ 2 ต้น

6. ผักชี 2 ต้น

7. หญ้าหวาน 1 ช้อนชา

8. มะนาว 3 ลูก

9. น้ำปลาสูตรโซเดียมต่ำ 3 ช้อนโต๊ะ

10. พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. นำอกไก่ที่เตียมไว้ไปล้างน้ำ ลอกหนังออกแล้วนำมาสับแบบละเอียด 

2. ตั้งน้ำในหม้อเมื่อน้ำเดือดได้ที่แล้วให้นำอกไก่สับไปลวกจนเกือบสุกดี

3. นำอกไก่ที่ลวกแล้วมาใส่ในชามผสม ตามด้วยน้ำปลา มะนาว หญ้าหวาน พริกป่น คนให้เข้ากันดี 

4. เมื่อรสชาติได้ที่แล้วให้ใส่หอมแดงซอย ต้นหอมซอย ผักชีซอย ข้าวคั่ว และใบสะระแหน่ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง พร้อมเสิร์ฟกับเมนู ลาบอกไก่

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูอาหารเพื่อสุขภาพแบบคลีน ๆ อย่าง ลาบอกไก่ ง่ายมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ ใครที่อยากลองทำทานหรืออยากทำไว้ให้คนที่บ้านทานสามารถเตรียมหาได้ตามท้องตลาดทั่วไปเลยน้า เคล็ดลับ ของเมนูนี้ก็คือการลวกอกไก่ หากจะนำลงไปรวนในกระทะใส่น้ำนิดหน่อยจะทำให้มีกลิ่นหอมมากกว่าลวกในหม้อนะจ๊ะ

Categories
ขนมเบเกอรี่

เมนู ทาร์ตไข่ เมนูเบเกอรี่ยอดนิยมที่ทำเองก็อร่อยไม่แพ้กัน

ทาร์ตไข่
ทาร์ตไข่

สวัสดีค่ะคุณผู้โชมมมมมม ในปัจจุบันนี้ประเทศไทยต่างได้รับวิวัฒนาการทางอาหารมาจากชาติอื่นเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหรืออาหารหวาน ร้านอาหารของชาติต่าง ๆ ก็เต็มเกลื่อนทั่วทุกพื้นที่ทั้ง พิซซ่า โดนัท ปิ้งย่าง รวมไปถึงร้านไก่ทอดอย่าง kfc ร้านนี้มักมีเมนูใหม่ ๆ มามอบความอร่อยให้แก่ลูกค้าเสมอและไม่ได้มีเพียงไก่ทอดเฟรนส์ฟรายเท่านั้นยังมีของหวานให้ได้ลิ้มลองกันด้วย เมนูที่ยอดนิยมมากที่สุดทางด้านอาหารหวานได้แก่ ทาร์ตไข่ นั่นเองจ้า

       ทาร์ตไข่ เป็นเมนูขนมหวานสไตล์โบราณของประเทศโปรตุเกส โดยถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกของครูในคอนแวนต์ โดยขนมชนิดนี้มีวัตถุดิบหลักคือไข่และแป้งทาร์ต ลักษณะพิเศษของเมนูนี้คือหน้าขนมต้องออกไหม้นิด ๆ มีความกรุบ ๆ เกิดจากการอบจนน้ำตาลทางด้านบนมีสีเปลี่ยนไป

ส่วนผสมขนม ทาร์ตไข่

1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง

2. น้ำมันพืช 1/3 ถ้วยตวง

3. ไข่แดง 2 ฟอง

4. น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ

5. น้ำตาลไอซิ่ง 3 ช้อนโต๊ะ

6. เกลือ 1 ช้อนชา

7. เนยสด 1/3 ถ้วยตวง

8. ไข่ไก่ 4 ฟอง

9. น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง

10. นมสด 2 ถ้วยตวง

11. นมข้นจืด 2 ถ้วยตวง

12. กลิ่นวนิลลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. นำแป้งที่เตรียมไว้มาใส่ชามผสม ตามด้วยเกลือ และน้ำตาลไอซิ่ง ผสมจนเข้ากันดี จากนั้นให้เว้นช่องไว้ตรงกลางเพื่อใส่น้ำมันลงไป ตามด้วยเนยสด คนจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน

2. เมื่อส่วนผสมเข้ากันแล้วให้ใส่ไข่แดงลงไป ค่อย ๆ ตะล่อมให้เข้ากันผสมด้วยน้ำเย็นจัด เมื่อเข้ากันดีแล้วให้พักแป้งไว้ในตู้เย็น

3. ตั้งน้ำในก้นซึ้ง จากนั้นนำชามผสมมาวางใส่ไข่และน้ำตาลทรายลงไปคนจนน้ำตาลละลายดี ตามด้วยการใส่นมสด นมข้นจืด เกลือ และกลิ่นวนิลลา ผสมจนเข้ากัน จากนั้นกรองด้วนตะแกรงเพื่อให้เนื้อเนียนละเอียด

4. นำแป้งที่พักไว้มาบรรจุลงในพิมพ์ กรุให้ขอบแป้งสูงกว่าพิมพ์ จากนั้นนำไส้ครีมมาเติมจนเกือบถึงขอบพิมพ์ 

5. อุ่นเตาในอุณหภูม 220 องศาสเซลเซียส ใช้ไฟบน – ล่าง

6. นำ ทาร์ต เข้าเตาอบประมาณ 20 นาที จากนั้นให้นำออกมาเช็คดูว่าทาร์ตสุขแล้วหรือยัง

7. นำน้ำตาลทรายมาผสมกับน้ำเปล่าเคี่ยวจนมีสีน้ำตาลอ่อน ๆ พักไว้ให้เย็น

8. นำทาร์ตออกมาเพื่อทาน้ำเชื่อมจากนั้นนำเข้าไปอบอีกครั้งเพื่อให้หน้าทาร์ตมีสีไหม้ พร้อมเสิร์ฟแล้วจ้ากับเมนู ทาร์ตไข่

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูเบเกอรี่ยอดฮิตตามร้านอาหารอย่าง ทาร์ตไข่ เมนูนี้วิธีทำไม่ยากมากใช่ไหมคะทุกคน ใครที่กำลังอยากลองทำเมนูนี้หรือกำลังหิว ๆ อยากหาอะไรอร่อย ๆ มากระแทกปาก เมนูนี้ถือว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว เคล็ดลับสำคัญ ของเมนูนี้ก็คือในขณะที่ทำคัสตาร์ดขั้นตอนการผสมไข่กับน้ำตาลทราย ต้องผสมให้เข้ากันก่อนที่จะนำไปวางบนน้ำร้อนจัดนะจ๊ะ

Categories
ขนมหวานไทย

บัวลอย 3 สี ขนมไทยแนวฟิวชัน ที่น่าทานจนยั้งมือไม่อยู่

บัวลอย 3 สี
บัวลอย 3 สี

สวัสดีพ่อบ้าน แม่บ้านทั้งหลาย ใครที่ชอบทำขนมไทยก็คงจะเคยได้ทำเมนูนี้กันมาบ้างแล้ว และเมนูที่เราได้เตรียมมาในวันนี้คือ บัวลอย 3 สี ขนมของเราไม่เน้นการใส่สีผสมอาหารน้า เน้นวัตถุดิบจากธรรมชาติล้วน ๆ อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าในบัวลอยของเราจะมีส่วนผสมอะไรบ้าง ไปติดตามกันเลยจ้า

ส่วนผสมขนมบัวลอย 3 สี

1. ฟักทองนึ่ง

2. น้ำอัญชัน

3. น้ำใบเตย

4. แป้งมัน

5. แป้งข้าวเหนียว

6. น้ำกระทิทั้งหัวและหาง

7. เกลือ

8. น้ำตาลทราย

9. มะพร้าวอ่อนหั่นชิ้น

10. ใบเตยสด

วิธีทำ 

1. การเตรียมแป้งบัวลอย เริ่มจากการนำแป้งมัน แป้งข้าวเหนียวผสมกัน ใส่น้ำเปล่าเล็กน้อย จาำนั้นใส่ฟักทองหรือน้ำอัญชันหรือน้ำใบเตย ทำการนวดจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน พักแป้งไว้ 10 นาที

2. ปั้นแป้งทั้ง 3 สีให้เป็นวงกลมเล็ก ๆ จนหมด

3. การเตรียมน้ำกะทิ ให้นำหางกะทิตั้งในกระทะทองเหลือง ม้วนใบเตยใส่ลงไป จากนั้นใส่น้ำตาลในความหวานที่พอเหมาะ ใส่เกลือเล็กน้อย ตามด้วยมะพร้าวอ่อน เมื่อเดือดแล้วให้ใส่หัวกะทิตามลงไป

4. ตั้งน้ำเพื่อลวกแป้งบัวลอยที่ปั้นไว้ทั้ง 3 สี เมื่อสุกแล้วให้ตักมาใส่ในกระทะที่มีกะทิที่เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จกับเมนูบัวลอย 3 สี

น่าทานกันไหมคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูบัวลอย 3 สี ที่เราคัดสรรมาให้เป็นอย่างดี เชื่อว่าถ้าได้ลองทำแล้วจะติดใจนะ การทำบัวลอยให้อร่อยต้องไม่ใส่สีผสมอาหารน้า ให้หาสีจากธรรมชาติมาดัดแปลงเพื่อความอร่อยที่น่าประทับใจมากยิ่งขึ้น 

 

Categories
อาหารนานาชาติ

เมนู เบอร์เกอร์ชีสหมู เมนูยอดฮิตของคนชอบทานอาหารต่างชาติ

เบอร์เกอร์ชีสหมู
เบอร์เกอร์ชีสหมู

ฮัลโหลลลลลลล กราบสวัสดีค่ะคุณผู้ชมทุก ๆ ท่านนนนน ในปัจจุบันนี้อาหารต่างชาติจัดว่าเป็นอาหารที่ทรงอิทธิพลมากในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นไก่ทอด พิซซ่า ซูชิ รวมถึงเบอร์เกอร์ที่สามารถหาทานได้ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วไป วันนี้เราก็เตรียมเมนูเด็ดมาฝากทุกคนอีกเช่นเคย และเมนูในวันนี้ก็คือ เบอร์เกอร์ชีสหมู นั่นเองจ้า หลายคนคงจะชอบทานเมนูนี้ อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าวิธีทำจะง่ายแสนง่ายขนาดไหน ไปติดตามกันได้เลยจ้าาา

ส่วนผสม / เครื่องปรุงเมนู เบอร์เกอร์ชีสหมู

1. เนื้อหมู 500 กรัม

2. ไข่แดง 2 ฟอง

3. หอมใหญ่สับหยาบ 2 หัว

4. เนยเค็ม 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

5. น้ำมันหอย 4 ช้อนโต๊ะ

6. เกลือ 1/2 ช้อนชา

7. พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ

8. ออริกาโน 2 ช้อนโต๊ะ

9. น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา

10. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

11. ซอสมะเขือเทศ 1/4 ถ้วยตวง

12. น้ำสต๊อก 1/2 ถ้วยตวง

13. เชดดาชีส 2 แผ่น

14. แป้งเบอร์เกอร์สำเร็จรูป

วิธีทำ

1. ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่เนยลงไป ตามด้วยหอมใหญ่สับหยาบ ผัดจนสีเปลี่ยนเกือบเป็นสีน้ำตาล ผัดจนแห้งเลยนะคะ

2. เมื่อกระทะเริ่มแห้งแล้วให้ใส่ออริกาโน พริกไทยป่น ซอสมะเขือเทศตามลงไป คนจนเข้ากัน ยกไปพักทิ้งไว้ให้เย็น

3. เตรียมหมูโดยการนำหมูที่ยังเป็นชิ้นอยู่มาสับให้ละเอียด ใส่ไข่แดง หอมใหญ่ผัดเนย น้ำตาล น้ำมันหอย คลุกเคล้าให้เข้ากันดี

4. พักหมูโดยการนำใส่พลาสติกแร็พ ม้วนเป็นวงกลม จากนั้นกดให้แบนแล้วน้ำเข้าช่องฟรีซ เวลาจะใช้ให้นำออกมาวางให้น้ำแข็งละลายแล้วนำไปจี่ในกระทะ โปะชีสทางด้านบนจี่จนชีสเริ่มเยิ้ม

5. นำ แป้งเบอร์เกอร์ มาทาเนยทิ้งไว้ จากนั้นนำไปจี่ในกระทะให้สีเปลี่ยนน่ารับประทาน 

6. วางขนมปังด้านล่าง ตามด้วยผักตามชอบ ตามด้วยหมูที่จี่มีชีสโปะ ทบด้วยผักและแป้งอีกหนึ่งชั้น เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะกับเมนู เบอร์เกอร์ชีสหมู

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูอาหารฝรั่งยอดฮิตอย่าง เบอร์เกอร์ชีสหมู ที่เราเตรียมมาฝาก ง่ายมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ ถึงแม้วัตถุดิบจะเยอะไปหน่อย แต่ก็สามารถหาได้ตามท้องตลาดทั่วไปเลยนะ ใครที่อยากลองทำทานสามารถเตรียมหาซื้อวัตถุดิบได้เลยน้า เคล็ดลับสำคัญ ของเมนูนี้ก็คือหมูที่นำออกมาจากช่องฟรีซต้องรอให้น้ำแข็งละลายหมดก่อนหมูจะได้ไม่ด้านตอนจี่กระทะนะจ๊ะ 

Categories
อาหารสุขภาพ

เมนู ผัดกะเพราอกไก่เห็ดหอม สูตรอาหารลดน้ำหนักในฉบับคนไม่อดอาหาร

ผัดกะเพราอกไก่เห็ด
ผัดกะเพราอกไก่เห็ด

กราบสวัสดีค่ะคุณผู้ชมทุก ๆ ท่านนนนน ใครที่กำลังวางแผนอยากจะลดน้ำหนักหรือทานอาหารคลีนเพื่อความสมดุลของร่างกาย แต่ก็ยังคงคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรทานดีที่ให้ได้ผลกับตัวเองแบบจริง ๆ จัง ๆ ไม่ต้องออกไปวิ่งจนเป็นลมล้มพับก็สามารถน้ำหนักลดลงได้ด้วยการเลือกที่จะทาน วันนี้เราก็เตรียมอาหารเพื่อสุขภาพมาฝากทุกท่านอีกเช่นเคย เมนูนี้ก็คือ ผัดกะเพราอกไก่เห็ดหอม นั่นเองจ้า 

       ผัดกะเพรา นับว่าเป็นอาหารสิ้นคิดของคนไทยที่มีชื่อเสียงและยอดนิยมเอามาก ๆ ไม่ว่าจะคิดอะไรไม่ออกก็ทำแต่เมนูนี้กันทุกบ้านไป เเต่เมื่อนำผัดกะเพราเข้ามาอยู่ในวงการอาหารคลีนแล้วก็คงต้องลดในส่วนผสมบางอย่างลงไปเช่นน้ำปลา น้ำมันหอย น้ำตาล ให้ปรับเปลี่ยนเป็นสูตรลดเกลือโซเดียมและเปลี่ยนน้ำตาลทรายให้เป็นน้ำตาลหญ้าหวาน

ส่วนผสม/เครื่องปรุงเมนู ผัดกะเพราอกไก่เห็ดหอม

1. อกไก่ 100 กรัม

2. เห็ดหอม 100 กรัม

3. ใบกะเพรา 1 กำ

4. พริกขี้หนูสวน 20 เม็ด

5. กระเทียม 1 หัว

6. ซีอิ๊วขาวสูตรลดโซเดียม 2 ช้อนโต๊ะ

7. น้ำมันหอยสูตรลดโซเดียม 2 ช้อนโต๊ะ

8. น้ำตาลหญ้าหวาน 1 ช้อนชา

9. น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ

10. พริกไทยป่น

วิธีทำ

1. นำอกไก่ที่เตรียมไว้มาล้าง แล้วจัดการลอกหนังและไขมันออกจนหมด จากนั้นน้ำมาสับให้ละเอียด โรยด้วยพริกไทยป่นเล็กน้อย คลุกเคล้าให้เข้ากัน

2. นำเห็ดหอมมาเเช่น้ำ จากนั้นหั่นให้เป็นชิ้นพอดีคำ พักเอาไว้

3. ตั้งกระทะด้วยไฟกลางจากนั้นใส่น้ำมันมะกอกลงไป ตามด้วยพริกขี้หนูและกระเทียมสับ ผัดจนมีกลิ่นหอมเตะจมูก

4. เมื่อกลิ่นเริ่มโชยแล้วให้ใส่อกไก่ลับลงไปผัด ตามด้วยเห็ดหอมที่เตรียมไว้ ผัดจนเข้ากันดี ปรุงรสชาตด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และน้ำตาลหญ้าหวาน

5. เมื่อรสชาติเข้าที่ดีแล้วให้ใส่ใบกะเพราลงไปผัด พร้อมเสิร์ฟแล้วจ้ากับเมนู ผัดกะเพราอกไก่เห็ดหอม

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูอาหารเพื่อสุขภาพอย่าง ผัดกะเพราอกไก่เห็ดหอม ใครที่คิดเมนูเย็นนี้ไม่ออกสามารถนำไปลงมือทำได้เลยนะคะ เมนูนี้ง่ายมาก ๆ แถมยังหาซื้อวัตถุดิบได้ง่ายมากอีกด้วย เคล็ดลับสำคัญ ของเมนูนี้ก็คือหากต้องการให้ผัดกะเพรามีน้ำให้ใส่น้ำเปล่าตามลงไปเล็กน้อยนะจ๊ะ

https://www.youtube.com/watch?v=tUKIU47PMZY