สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
ขนมหวานไทย

สูตร ลูกชุบ เมนูขนมไทยทานเล่น แสนอร่อย

ลูกชุบ
ลูกชุบ

คงปฏิเสธกันไม่ได้เลยว่า อาหารและขนมบางอย่างก็สวยจนเราแทบไม่กล้าหยิบมารับประทานกันเลย อย่างเช่น ผลไม้แกะสลัก หรืออาหารที่ทำจากผักผลไม้ที่แกะสลัก เป็นต้น รวมไปถึงขนมไทยโบราณที่ผมจะมาชวนทุกท่านลองทำกันในวันนี้ นั่นก็คือ “ขนมลูกชุบ” นั่นเองครับ นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว รสชาติยังอร่อยมากทีเดียว ความหวานมันของถั่วเขียว ผสมผสานกับกะทิและน้ำตาลทราย เบรกความความหวานไม่ให้หวานแหลม ด้วยวุ้นที่เคลือบเงาอยู่ด้านนอก

ที่สำคัญ ความสนุกอยู่ตรงนี้ครับ เราจะได้ปั้นลวดลายต่าง ๆ และลงสีตามใจ ส่วนใหญ่ที่เห็น ก็จะเป็นรูปผลไม้กันนั่นล่ะครับ แต่สมัยนี้สะดวกมาก สำหรับท่านที่อยากให้ขนมออกมาสวย แต่ไม่มีฝีมือเลย เขาก็มีพิมพ์สำหรับทำลูกชุบขายแล้วครับ

วัตถุดิบ 

  • ถั่วเขียวกะเทาะเปลือก 500 กรัม
  • น้ำตาลทรายขาว 480 กรัม
  • กะทิ 1 ถ้วยตวง
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • ผงวุ้น 2 ช้อนโต๊ะ
  • สีผสมอาหาร
  • น้ำเปล่า 500 กรัม
  • ใบแก้ว

 

ขั้นตอนการทำ

การทำลูกชุบนั้น เราจะแบ่งเป็น 2 ส่วนนะครับ คือส่วนของการเตรียมถั่วเขียวเพื่อนำมาปั้นขึ้นรูป กับการเตรียมวุ้นเพื่อนำมาชุบถั่วเขียวให้เงานะครับ เรามาดูทีละขั้นตอนเลยดีกว่าครับ

ขั้นตอนการทำน้ำวุ้น

  1. นำน้ำเปล่า 500 กรัม เทใส่ภาชนะยกขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟกลาง 
  2. เมื่อน้ำเริ่มเดือด ใส่ผงวุ้น และน้ำตาลทราย 30 กรัม ลงไป คนให้เข้ากัน เมื่อละลายดีแล้วให้พักไว้ เพื่อเตรียมนำถั่วที่ปั้นและลงสีแล้วมาชุบวุ้นต่อไป

ขั้นตอนการเตรียมถั่วเขียวและการปั้น

  1. นำถั่วเขียวกะเทาะเปลือกแล้วมาแช่น้ำประมาณ 5-6 ชั่วโมง
  2. นำถั่วที่แช่ไว้มาล้างให้สะอาด แล้วนำไปนึ่งให้สุก นึ่งเสร็จแล้ว พักไว้ให้เย็น
  3. จากนั้นนำถั่วที่นึ่งแล้วมาบดหรือปั่นให้ละเอียด แล้วนำใส่กระทะทองเหลืองยกขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ
  4. เติมกะทิ 1 ถ้วยตวง น้ำตาลทรายขาว 450 กรัม เกลือป่น 1 ช้อนชา ลงไปผสมกับถั่วเขียวในกระทะ กวนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวและเนื้อถั่วไม่ติดกระทะ นำมาใส่ภาชนะพักไว้
  5. ปั้นเป็นรูปและลงสีตามต้องการได้เลย หรือนำใส่พิมพ์แล้วเคาะออกมาลงสี โดยใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มตัวถั่วที่ปั้นแล้ว ปักไว้กับโฟม เพื่อความสะดวกในการลงสีและชุบน้ำวุ้น การชุบวุ้นอาจชุบมากกว่า 1 รอบก็ได้นะครับ เพื่อความใส สวยงาม
  6. นำใบแก้วมาประดับตกแต่ให้สวยงาม 

อาจจะมีหลายขั้นตอนไปสักหน่อย แต่ขอรับรองว่าได้ทุกท่านได้ลองทำลูกชุบดูจะ

รู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลินเลยทีเดียว รวมทั้งได้ทานลูกชุบอร่อย ๆ จากฝีมือของเราเองเชียวนะครับ

 

Categories
ขนมเบเกอรี่

สูตร เค้กไข่ไต้หวัน ขนมเบเกอรี่ ที่หลายๆคนชอบกิน

เค้กไข่ไต้หวัน
เค้กไข่ไต้หวัน

วันหนึ่งสักเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ไปเดินเล่นในศูนย์การค้าแถวๆ ชานเมือง ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นคนต่อคิวเพื่อซื้อขนมที่ร้านๆ หนึ่ง แถวยาวมาก ผมจึงลองเดินโฉบเข้าไปดู ปรากฏว่าขนมนั้นคือ “เค้กไข่ไต้หวัน” ผมแอบถามคนมาเข้าคิวซื้อ ว่าทำไมถึงมีความพยายามขนาดนี้ต้องรอนานมาก ก็ยังรอ เขาบอกผมว่ามันอร่อย หอม นุ่มมาก ผมถึงกับอยากลอง จนต้องเข้าคิวตามเขาเลยทีเดียว

แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ เค้กไข่ไต้หวัน  เนื้อฟูเด้งได้ นุ่ม หอม ทานแล้วเหมือนละลายในปาก ไม่แปลกใจเลยที่เป็นที่นิยมสำหรับคนชอบทานเบเกอรี่อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เริ่มนำเข้ามาขาย จนถึงปัจจุบันก็ยังนิยมกันอยู่ แต่จะให้ไปต่อคิวยาวๆ บ่อยๆ คงไม่ไหวใช่มั้ยครับ ถ้างั้นเรามาลองทำเค้กไข่ไต้หวันทานเองกันดีกว่าครับ

 

วัตถุดิบ 

– แป้งเค้ก 100   กรัม

– ผงฟู 1.5 ช้อนชา

– ไข่ไก่ 6 ฟอง

– น้ำมันพืช 50 กรัม

– เกลือ ¼ ช้อนชา

– นมข้นจืด 100 กรัม

– น้ำตาลทราย 60 กรัม

 

ขั้นตอนการทำ

สำหรับเค้กไข่ไต้หวันนี้เป็นสปันจ์เค้กครับ เพราะฉะนั้นจะมีความนุ่มและเด้ง ไม่ยุบตัวนะครับ สูตรนี้ รับรองว่าอร่อย นุ่ม และหน้าเค้กเรียบกริบแน่นอน แต่ต้องทำตามขั้นตอนที่แนะนำนะครับ โดยเฉพาะในช่วงของการผสมส่วนผสมต่างๆ ต้องค่อยๆ ทำ เพื่อไม่ให้โครงสร้างเค้กยุบตัว ไปครับไปทำเค้กกัน

  1. นำไข่ไก่ มาแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว
  2. เทน้ำมันพืชใส่กะละมัง ตามด้วยแป้งเค้ก ผงฟูและเกลือป่น ที่เตรียมไว้ โดยใช้ตะแกรงร่อนแป้ง เพื่อให้เนื้อแป้งรวมไปถึงส่วนผสมอื่นๆ เนียนละเอียด
  3. ผสมแป้งกับน้ำมันพืชให้เป็นเนื้อเดียวกัน 
  4. เติมนมข้นจืดลงไป คนให้เข้ากันโดยใช้ไม้พาย แล้วใส่ไข่แดงลงไปพร้อมกันเลยทั้ง 6 ฟอง ตีให้เข้ากันจะเป็นเนื้อเดียวกัน เติมกลิ่นวนิลาเล็กน้อย เพื่อดับกลิ่นคาวของไข่
  5. ตีไข่ขาว บีบน้ำมะนาวลงไปนิดหน่อย เพื่อให้ฟู ค่อยๆ เติมน้ำตาลทรายเป็นระยะ
  6. นำไข่ขาวที่ตีแล้ว มาผสมกับแป้งที่เตรียมไว้ ขั้นตอนนี้สำคัญ เราต้องค่อยๆ ผสมให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน ให้เนียน
  7. พอได้เรียบร้อยเทใส่พิมพ์ กระแทกพิมพ์เล็กน้อยเพื่อไล่ฟองอากาศ แล้ววางบนถาดอบ อบด้วยไฟ 150 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 70 นาที 
  8. พักให้เย็นก่อน ถอดพิมพ์เค้กออก

ได้แล้วครับเค้กไข่ไต้หวัน นุ่มๆ เด้งๆ รสชาติไม่หวานมากครับ แต่หากท่านใดที่

ชอบทานหวาน จะเพิ่มสัดส่วนของน้ำตาลทรายก็ไม่ติดครับ สามารถทำ เค้กไข่ไต้หวัน

ได้ ขั้นตอนง่ายๆ เพียงเท่านี้ เราก็สามารถทำทานเองได้แล้วนะครับ ไม่ต้องฝ่ารถติดไปต่อแถวซื้อให้เมื่อยด้วยครับ

Categories
อาหารสุขภาพ

สูตร อกไก่ย่างน้ำจิ้มแจ่ว เมนูอาหารสุขภาพที่แสนง่าย อร่อยได้ไม่ต้องรอนาน

อกไก่ย่างน้ำจิ้มแจ่ว
อกไก่ย่างน้ำจิ้มแจ่ว

ใครว่าเมนูอาหารคลีนจะแซ่บบ้างไม่ได้ล่ะครับ อกไก่ย่างน้ำจิ้มแจ่ว อย่างที่เคยบอกครับ อาหารคลีนหรืออาหารเพื่อสุขภาพนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่เราเลือกมาใช้มากกว่า เพราะบางเครื่องปรุงบางอย่างค่อนข้างมีโซเดียมหรือความเค็มสูง เพราะฉะนั้นหากต้องการเลือกมาใช้ก็เลือกวัตถุดิบเป็นประเภทโซเดียมต่ำนิดหนึ่งครับ 

ที่พูดถึงความแซ่บและเครื่องปรุงเป็นหลัก เนื่องจากเมนูที่ผมจะแนะนำในวันนี้ คือ “อกไก่ย่างน้ำจิ้มแจ่ว” ครับและแน่นอนครับน้ำจิ้มแจ่วก็จะต้องมีน้ำปลา ซีอิ๊วขาว และเครื่องปรุงหลายตัวเป็นส่วนประกอบ เมนูไก่ย่างจิ้มแจ่วของเราในวันนี้ จะประกอบไปด้วยตัวไก่ย่าง ผักเคียง และตัวน้ำจิ้มนะครับ

วัตถุดิบ

 

  • อกไก่ลอกหนัง 2 ชิ้น
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
  • ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
  • นมสด ไขมันต่ำ 1 ถ้วยตวง
  • พริกป่น 1ช้อนชา
  • ข้าวคั่ว ¼ ช้อนชา
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
  • ต้นหอมซอย
  • น้ำตาลมะพร้าว ½ ช้อนชา
  • ผักต่างๆ 

 

ขั้นตอนการทำ

ช่วงที่ใช้ส้อมจิ้มเนื้อไก่ต้องจิ้มทั่วนะครับ พอเครื่องปรุงที่เราหมักไว้เข้าเนื้อดี ไก่ย่าง

ของเราก็จะมีความนุ่ม ไม่แห้ง ไม่แข็งครับ เพราะนมสดจะทำให้เนื้อไก่นุ่มขึ้นครับ อย่างไรก็ตามอย่าลืมเลือกเครื่องปรุงประเภทที่โซเดียมต่ำนะครับ ไม่อย่างนั้น ไตทำงานหนักแย่เลย จะทานเคียงกัน อันนี้ตามใจชอบเลยนะครับ เพราะเป็นเหมือนเครื่องเคียง ขึ้นชื่อว่าผัก ทานมากเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน และทำให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายของร่างกายเราดีอีกด้วย เพราะผักมีใยอาหารเยอะนั่นเองครับ

  1. นำอกไก่ที่ลอกหนังแล้วมาใช้ส้อมจิ้มให้ทั่วๆ ชิ้นไก่ เนื่องจากเวลาหมัก ซอสต่างๆ จะได้เข้าเนื้อได้ดีครับ หลังจากนั้นนำไปหมักกับ น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำปลาและนมสด ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
  2. ตั้งกระทะเชฟรอน ใช้ไฟอ่อน ค่อยๆ ย่างอกไก่ไปเรื่อยๆ จนสุกเหลืองทั้งชิ้น
  3. นำมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ
  4. ขั้นตอนต่อไปเรามาทำน้ำจิ้มแจ่วนะครับ นำน้ำปลา ข้าวคั่ว น้ำตาล น้ำมะนาว พริกป่นผสมกันตามสัดส่วนของวัตถุดิบเลยครับ หลังจากนั้นโรยน้ำจิ้มแจ่วด้วยต้นหอมซอยครับ

ผักหากเป็นจำพวกผักสลัด ก็ทานสดได้เลยนะครับ กรอบๆ ได้รสชาติ แต่หากเลือกมา

เป็นพวกถั่วฝักยาว แครอท ข้าวโพดอ่อน เอามาลวกหรือนึ่งสักหน่อยนิ่มขึ้นก็ได้รสชาติไปอีกแบบครับ เมนูนี้ทำง่ายนะครับ แต่ต้องใจเย็นหน่อยตอนย่างอกไก่ด้วยกระทะ ต้องใช้ไฟอ่อนๆ ไม่อย่างนั้นจะเจอปัญหาด้านนอกไหม้ แต่ด้านในไม่สุกได้ครับ แล้วนานเกินไปก็ไม่ได้อีก เพราะจะทำให้เนื้อไก่แห้ง เมนูนี้ถ้าคิดว่าจะทำอกไก่ไว้ก่อน เผื่อทานหลายวันก็ได้นะครับ ตอนย่างเนื้อไก่ ไม่ต้องให้ด้านในสุกเสียทีเดียวครับ แล้วนำเก็บเข้าตู้เย็นไว้ เวลาจะทาน นำออกมาหั่น แล้วเอาเข้าไมโครเวฟ จะได้ความสุกที่กำลังดีครับ




Categories
อาหารนานาชาติ

สูตร สปาเก็ตตี้ผัดกระเทียมพริกแห้งเบคอน อาหารนานาชาติ แสนอร่อย ทำเองได้ที่บ้าน

สปาเก็ตตี้ผัดกระเทียมพริกแห้งเบคอน
สปาเก็ตตี้ผัดกระเทียมพริกแห้งเบคอน

ถ้าเป็นเมื่อก่อน การจะหาอาหารอิตาเลียนทานคงต้องไปตามภัตตาคาร ร้านอาหารแต่ปัจจุบันนี้ อาหารอิตาเลี่ยนหลาย ๆ ชนิด เราก็สามารถทำทานกันเองที่บ้านได้แล้วนะครับ วัตถุดิบต่าง ๆ มีขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ทั้งประเภทแป้ง และเนื้อสัตว์ รวมไปถึงวัตถุดิบทั้งผลิตในประเทศ และวัตถุดิบนำเข้า มีให้เลือกหลากหลายแบรนด์กันเลยทีเดียว เลยอยากมาแนะนำเมนูง่าย ๆ สไตล์อิตาเลียนที่ทำทานเองได้ อร่อยด้วยนะครับ

สูตร สปาเกตตีผัดกระเทียมพริกแห้งเบคอน ในส่วนของปริมาณเบคอนที่ใช้ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละท่าน สำหรับผมคิดว่าปริมาณที่ใส่มานี้กำลังดี ทานกับเส้นสปาเกตตีไม่เลี่ยนจนเกินไป สำหรับใครที่ชอบทานเบคอนมาก ๆ จะใส่เพิ่มมากกว่านี้ก็ตามสะดวกเลยครับ

วัตถุดิบ 

  • เส้นสปาเกตตี ต้มสุก 170 กรัม 
  • เบคอน 60 กรัม
  • พริกแห้งทอด 5 กรัม
  • กระเทียมจีนสไลด์ ตามชอบ
  • ใบโหระพาอิตาเลียน (ถ้าไม่มีใช้โหระพาไทยแทนได้)
  • น้ำมันมะกอก สำหรับผัด (ใช้น้ำมันปาล์มหรือน้ำมันพืชแทนได้)
  • เกลือป่น
  • ผงปรุงรส
  • พริกไทยดำ (อันนี้ตามชอบของแต่ละท่าน)

ขั้นตอนการทำ

อันดับแรกก่อนเลยนะครับ สูตร สปาเกตตีผัดกระเทียมพริกแห้งเบคอน

 การต้มเส้นสปาเกตตี ถ้าจะให้ดี ไม่ควรต้มจนสุกมาก แค่ตอนต้มดูคำแนะนำข้างซองของผลิตภัณฑ์ แต่อย่าไปตามทั้งหมดนะครับ ต้องดูปริมาณว่าเส้นสปาเกตตีที่เราใช้ ปริมาณเท่าไหร่ ก่อนเวลาที่ข้างซองแนะนำ ให้ลองตักขึ้นมาชิมดู แค่ให้ตรงการเส้นไม่กรุบ ถือว่าใช้ได้ ให้เทลงตะแกรงแล้วล้างด้วยน้ำเย็นที่สะอาด และโรยน้ำมันมะกอกนิดหน่อย พอให้เส้นไม่ติดกัน ต้มแค่หนึ่งครั้ง ถ้าแช่แข็งอยู่ได้เป็นเดือนเลยทีเดียว สำหรับเบคอน หั่นให้ความกว้างประมาณ 2 นิ้ว เพราะหลังจากโดนความร้อนแล้ว เบคอนจะหดตัวลง ถ้าหั่นชิ้นเล็กเกินไป เวลาสุก ชิ้นจะเล็กมากไม่น่าทานครับ 

  1. ตั้งกระทะไฟปานกลาง ใส่น้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย
  2. ใส่กระกระเทียมจีนสไลด์ ลงไปผัดให้เหลือง
  3. ใส่เบคอนที่เตรียมไว้ลงไป ผัดกับกระเทียมให้ออกแห้งเล็กน้อย
  4. ใส่พริกแห้งทอดลงไป ถ้าใครชอบทานรสจัด จะใส่พริกแห้งหั่นท่อนลงไปด้วยก็ได้
  5. ใส่เส้นสปาเกตตีที่เตรียมไว้ลงไป ผัดให้เข้ากัน
  6. ใส่เกลือและผงปรุงรสเล็กน้อย 
  7. เมื่อชิมได้รสชาติที่ชอบแล้ว ใส่ใบโหระพาอิตาเลียนลงไป 
  8. ขั้นตอนสุดท้าย บดพริกไทยดำโรยหน้า

 

           เป็นไงครับ ไม่ยากเลยใช่มั้ย สูตร สปาเกตตีผัดกระเทียมพริกแห้งเบคอน วัตถุดิบก็หาง่าย ของบางอย่างไม่มีก็สามารถใช้ อย่างอื่นทดแทนกันได้ สำหรับท่านใดที่ไม่ชอบทานเบคอน ก็สามารถเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ เช่น เนื้อเค็ม ไส้กรอก เป็นต้น แต่แนะนำเคล็ดลับไว้นิดหน่อย การผัดสปาเกตตีไม่ควรใช้ตะหลิวผัด เพราะจะทำให้เส้นสปาเกตตีขาด ไม่น่าทาน ควรใช้ไม้พายแทนจะดีกว่าครับ



Categories
อาหารไทย

สูตร ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ เมนูอาหารไทยที่คนไทยนิยมกิน ทำง่ายๆได้ที่บ้าน

ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ
ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ

วันนี้พบกับเมนูเส้นแสนอร่อยที่ถูกใจหลายๆคน นั่นคือ ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ นั่นเองคับ หลายๆร้านต่างมีสูตรที่แตกต่างกันไปแต่ที่เรานำมาเสนอเป็นสูตรที่ผู้คนส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าอร่อย และมีความกลมกล่อม น้ำซุปหอมกำลังดี ลองไปดูกันเลย

ส่วนประกอบในการทำก๋วยเตี๋ยว


-ไก่ตัวใหญ่ (แล้วแต่ว่าจะเอากี่ตัว)
-เครื่องในไก่
-ตีนไก่
-ผักบุ้ง
-กระหล่ำปลี
-ถั่วงอก
-มะระ (ไม่อยากให้มะระขมให้เลือกมะระที่มีผิวออกขาวๆ สีใสๆ )
-ผักตำลึง (ไม่ใส่ก็ได้เพื่อประหยัดงบประมาณ)
-ต้นหอม
-ผักชี
-กระเทียมเจียว (เจียวเองใส่มันไก่ลงไป และก็หนังไก่ลงไปเจียวด้วย)

เครื่องปรุงน้ำซุป


-ข่าแก่
-ขิง (แบบเป็นหัว)
-กาบไม้ ดอกไม้(เครื่องที่ใส่พะโล้)
-กระเทียมดอง
-มะนาวดอง
-น้ำตาลกรวด
-น้ำตาลไหม้ (เอาน้ำตาลปี๊บไปเคี่ยวผสมกับน้ำจนเป็นสีน้ำตาลไหม้รอให้เย็นแล้วกรอกใส่ขวดไว้ใช้)
-น้ำมันหอย
-ซอสภูเขาทอง
-คนอร์
-รสดี
-ผงชูรส พลัส,ผงชูรสธรรมดา
-ใบเตย
-กระเทียมสด
-รากผีกชี
-พริกไทยแบบเม็ด

วิธีปรุงน้ำซุป


(หม้อที่ใช้เบอร์ 28)
1. เอาน้ำใส่ลงไปในหม้อ ไม่ต้องเต็มเพราะถ้าเอาไก่ลงไปเวลาน้ำเดือดน้ำจะล้นออกมาจากหม้อ แล้วตั้งไฟ
2. เอาข่าและขิงหั่นเป็นแว่นๆประมาณอย่างละ4 แว่น ใส่ลงไปในหม้อ (อย่าใส่มากเดี๋ยวรสจะจืด)
3. เอามะนาวดองลงไปในหม้อ 1 ลูก กระเทียมดองประมาณ 3 อันใส่ลงไป
4. น้ำตาลกรวดที่ซื้อมา 1 กิโล ให้ใส่ลงไปแค่ ¼ เท่านั้น อย่าใส่มาก
5. ใส่น้ำตาลไหม้ลงไป 1 กระบวย (ที่ใช้ตักน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว)
6. ใส่น้ำมันหอยลงไป 1 กระบวย (เท่ากับน้ำตาลไหม้)
7. ใส่ซอสตราภูเขาทองลงไป 1 ทัพพี
8. ใส่เกลือ 1 ½ ห่อ
9. คนอร์ใส่ลงไป 3 ก้อน
10. ชูรสตราพลัส 1 ทัพพีใหญ่ ชูรสธรรมดา 1 ทัพพีใหญ่ รสดี 1ทัพพีใหญ่ ใส่ลงไปในหม้อ
11. เอากระเทียม รากผักชี พริกไทย โขลกให้เข้ากันแล้วใส่ลงไปในหม้อ
12. เอามะระผ่าครึ่งด้านยาว แล้วเอาเม็ดออก ใส่ลงไปต้มในหม้อสุกแล้วเอาขึ้นและหั่นเป็นชิ้นๆประมาณ 1 นิ้ว
13. รอให้น้ำเดือด
14. ล้างไก่และเครื่องในให้สะอาดแล้วใส่ลงไปตอนน้ำเดือดๆ ต้มไก่ประมาณ 30 นาทีก็เอาตัวไก่ขึ้นจากหม้อเอามาล้างน้ำเย็นก่อน แล้วค่อยเอาขึ้นมาพักไว้ รอให้เย็นแล้วสับเป็นชิ้นเล็กหรือจะฉีกก็ได้ ส่วนเครื่องในเอาขึ้นจากหม้อได้เลยไม่ต้องเอาลงน้ำเย็น แล้วก็หั่นไว้เช่นกัน
15. ตีนไก่ล้างให้สะอาด แล้วเอารสดี ซีอิ๊วดำ ชูรส ใส่ลงไป เกลือนิดหน่อยคลุกให้เข้ากัน ใส่ถุง แล้วเอาลงไปต้มในหม้อ ประมาณ 30นาที แล้วเอาขึ้นจากหม้อ
16. ขั้นตอนการปรุงเสร็จแล้วจ้า ที่เหลือก็เอาเส้นผักแล้วแต่ชอบลวกให้สุกใส่ชามแล้วเอากระเทียมเจียวใส่ลงไป เนื้อไก่ใส่ลงไปแล้วก็ตักน้ำซุปใส่ ปรุงตามใจชอบ แค่นี้ก็อร่อยแล้ว

เคร็ดลับพิเศษ
พริกป่น
ซื้อ พริกแห้งที่มีรสเผ็ดๆแล้วนำมาทอด พักไว้ให้เย็นแล้วโขลกให้ละเอียด แคนี้ก็ได้พริกป่นที่น่ารับประทานแล้ว เวลาใส่ลงไปในก๋วยเตี๋ยวจะทำให้มีสีสันน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น

น้ำส้ม
เอา พริกสีส้มที่เขาใช้ทำน้ำส้มใส่ลงไปในเครื่องปั่นใส่กระเทียมประมาณ 1กำใหญ่ กระเทียมดอง 3 -4 หัว น้ำส้มสายชู 1 ขวดใส่ลงไป แล้วปั่นจนพริกและกระเทียมละเอียดแล้วใส่ลงไปในกระปุก แล้วเทน้ำส้มสายชูลงไปอีก 2 ขวด แล้วก็ใส่เกลือลงไปครึ่งห่อ ชูรส 6 ช้อนชา แล้วก็คนให้เข้ากัน เราก็จะได้น้ำส้มที่ปรุงก๋วยเตี๋ยวไก่ได้อร่อย

ถั่วป่น
ซื้อถั่วลิสงที่แกะเปลือกแล้ว มาคั่วไฟอ่อนๆจนเหลือง แล้วเอามาตำไม่ต้องละเอียดมาก
อย่าซื้อที่สำเร็จแล้วเพราะว่าจะมีราขึ้นกลิ่นอับ ไม่อร่อย

Categories
ขนมหวานไทย

สูตร สังขยาฟักทอง ขนมไทยแสนอร่อย ที่หลายๆคนชอบ

สังขยาฟักทอง
สังขยาฟักทอง

สังขยาฟักทองก็เป็นขนมไทยอีกชนิดหนึ่งนะครับ ที่คนนิยมทำรับประทานกันในสมัยก่อน หลายๆ ครัวเรือนมีเวลาว่าง คุณย่าคุณยายก็ทำให้ลูกหลานได้ทานกัน สำหรับเมนูนี้อาจจะหากินไม่ยากเท่าไหร่ แต่ถ้าอยากเจอแบบอร่อยล่ะก็ ไม่ได้ง่ายซะทีเดียวหรอกนะครับ

สังขยาฟักทองที่อร่อย รสชาติดีนั้น ตัวฟักทองจะต้องมีความมัน และเนื้อของสังขยาต้องมีความเนียนละเอียด ทั้งนี้ในเรื่องของความหวานก็ปรับเอาให้เข้ากับความชอบของแต่ละท่าน มาถึงตรงนี้คงเดาได้แล้ว ว่าสูตรขนมไทย ที่ผมจะนำมาบอกในวันนี้ ก็คือ “สังขยาฟักทอง” นั่นเองครับ อยากให้ได้ลองทำทานกันเองดูบ้างครับ

วัตถุดิบ 

  • ฟักทอง 1 ลูก (ไม่เกิน 1 กิโลกรัม)
  • ไข่เป็ด 3 ฟอง
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลโตนด 500 กรัม
  • น้ำตาลทราย 10 กรัม
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • กะทิ 500 กรัม
  • ใบเตย



ขั้นตอนการทำ

สำหรับขั้นตอนการทำนั้นไม่ยากเลยครับ แต่ระหว่างนึ่งระวังด้วยนะครับ อย่าให้น้ำที่เกาะฝาลังถึงหยดลงไปในสังขยา จะทำให้หน้าเละได้ เมื่อเปิดเช็คว่า สังขยานั้นสุกหรือยัง ต้องระวังน้ำจะหยดลงไปด้วยนะครับ

  1. นำฟักทองมาเจาะตรงขั้ว แล้วเก็บตรงขั้วไว้เป็นฝากันด้วยนะครับ
  2. ใช้ช้อนควักไส้ของฟักทองออกมาให้หมด จนแหลือแต่เนื้อแข็งๆ
  3. นำไปล้างให้สะอาดทั้งด้านนอก ด้านใน แล้วคว่ำให้น้ำออก ผึ่งให้แห้ง
  4. นำไข่เป็ด และไข่ไก่ที่เตรียมไว้มาใส่กะละมัง
  5. เติมน้ำตาลโตนด น้ำตาลทราย เกลือ ลงไป ใช้ใบเตยมาขยำให้ส่วนผสมรวมกันและไม่คาว เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว นำไปกรองในผ้าขาวบางและกระชอน เพื่อเอาใบเตยออก และให้เนื้อสังขยามีความเนียน
  6. นำกะทิ 500 กรัม มาผสมกับสังขยาที่ทำไว้คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้สักครู่ จะมีฟองลอยขึ้นมา ให้ช้อนฟองออก
  7. นำส่วนผสมไปเทใส่ในลูกฟักทอง แล้วนำลูกฟักทองที่หยอดสังขยาแล้วไปนึ่ง ใช้ไฟปานกลางถึงอ่อน อย่าลืมนำจุกฟักทองไปนึ่งพร้อมกัน
  8. ใช้เวลานึ่งประมาณ 1.5 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้เปิดดูเป็นระยะ ระหว่างที่เปิดดูเช็ดฝาหม้อ เพื่อไม่ให้น้ำหยดลงไปในสังขยาที่นึ่งอยู่ ทดลองใช้จิ้มอยู่ให้ถึงก้นลูก ถ้าหากยังไม่สุกจะมีไข่ติดไม้ขึ้นมา แต่ถ้าสุกแล้วก็จะไม่มีอะไรติดขึ้นมา ถือเป็นอันเสร็จอีก 1 เมนู

จะว่ากันจริง ๆ แล้ว ขนมไทยเราบางอย่างก็สามารถทำทานเองได้ง่าย ๆ ขั้นตอนการทำและการหาวัตถุดิบก็ไม่ได้ยากอะไรนะครับ ทั้งนี้ ไปซื้อเขาทานยังแพงกว่าทำทานเองด้วย มีสูตรแล้ว คราวหลังลองทำทานเองดูนะครับ

Categories
ขนมเบเกอรี่

สูตร แซนวิชแฮมชีส เบเกอรี่แสนอร่อยที่นิยมทำกินตอนเช้า

แซนวิชแฮมชีส
แซนวิชแฮมชีส

ชีวิตปัจจุบันนี้ เร่งรีบกันพอสมควรนะครับ บางวันยังทานอาหารได้ไม่ครบ 3 มื้อเลย แล้วทำไมเราต้องปล่อยให้ท้องหิวด้วยว่ามั้ย อาหารว่างง่ายๆ ที่ทำไว้แล้วเก็บไว้ทานได้สักวันสองวันก็น่าจะดีไม่น้อย ตัวผมเอง เวลาว่างๆ ก็ทำอะไรง่ายๆ ทานครับ

แซนวิชแฮมชีส ก็เป็นอีกเมนู ที่ผมทำบ่อยๆ ทานในรถระหว่างไปทำงานก็ได้ สะดวกดี เคยแวะร้านกาแฟ เจอราคาแล้วต้องมีอึ้งกันบ้างอาจเพราะต้นทุนของเชดด้าชีสค่อนข้างสูง ถ้างั้นทำเองกินเองน่าจะคุ้มกว่า นอกจากเราจะทานระหว่างขับรถ หรือยามเร่งรีบ เมนูนี้ยังทำให้ลูกหลานทานได้ด้วยนะครับ เพราะแซนวิชสูตรนี้ทำง่าย เก็บง่ายและทานง่ายมากๆ ขอแอบบอกว่าไม่มีผักเลย เด็กๆ น่าจะชอบ

วัตถุดิบ 

  • ขนมปังขาวสไลด์
  • แฮม
  • เชดด้าชีส (แนะนำยี่ห้ออลาวรี่ครับ)
  • มายองเนส

ขั้นตอนการทำ

ขั้นตอนการทำไม่มีอะไรมาก แต่ทริคอยู่ที่ ถ้าเรานำขนมปังขาวสไลด์มา 1 แถว เวลาเราทำ ให้เราดูแนวของขนมปังด้วยครับ ควรวางตามแนวที่ขนมปังอบมาเลย เพราะบางครั้งขนมปังแต่ละแถว จะมีส่วนที่เว้าเข้ามา ถ้าเราวางแนวเดียวกันเสมอ เวลาตัดขอบ จะได้ไม่ต้องตัดเนื้อขนมปังทิ้งเยอะครับ

  1. นำขนมปังขาวสไลด์มาทามายองเนส ทั้ง 4 แผ่น ทาเฉพาะด้านใน เราจะทำเป็นคู่นะครับ
  2. ทามายองเนสแผ่นที่ 1 วางแฮมลงไป 1 ชิ้น ทามายองเนสแผ่นที่ 2 นำมาประกบกัน
  3. เอาขนมปังแผ่นที่ 2 มาทามายองเนส ครั้งนี้วางชีสลงไป 1 แผ่นครับ ทามายองเนส บนขนมปังอีกอัน เอามาประกบกัน 
  4. ใช้มีดเลื่อยตัดแทยงมุม (ถ้าไม่มีใช้มีดบางได้) เวลาเลื่อยอย่ากดขนมปังนะครับ เพราะจะทำให้แซนวิชยุบตัว ไม่น่าทาน
  5. ใช้มีดเลื่อย ตัดขอบขนมปังทั้ง 4 ด้าน

1 สูตรนี้ ได้แซนวิชแฮมชีส 2 ชิ้นแล้วครับ แต่แอบบอกไว้นิดหนึ่งครับ ถ้าจะเปลี่ยนเป็นแซนวิชตัวอื่นก็ทำได้นะครับ อย่างแซนวิชทูน่า ก็ไม่ยากเลย แค่นำทูน่าในน้ำมันพืชมา บีบน้ำมันออกให้หมด แล้วนำทูน่ามาคลุกกับมายองเนส ทำวิธีเดียวกับแซนวิชแฮมชีสเลยครับ ต่างกันแค่ ตรงขนมปัง ไม่ต้องทามายองเนสแล้ว เพราะเรามีมายองเนสที่ผสมกับทูน่าแล้ว

เห็นมั้ยครับ ไม่ต้องเสียเงินเยอะๆ เราก็ทำทานเองได้ สะดวกด้วย ถ้าใครอยากทานผักก็แค่เพิ่มเข้าไป เอาตามสะดวก ตามที่ชอบเลยครับ

Categories
อาหารสุขภาพ

สูตร สเต็กปลาแซลมอนกับผักโขม เมนูอาหารสุขภาพทำง่ายไม่อ้วน

สเต็กปลาแซลมอนกับผักโขม
สเต็กปลาแซลมอนกับผักโขม

อาหารสำหรับคนรักสุขภาพที่ยอดฮิตอีกเมนูหนึ่ง คงหนีไม่พ้นปลาแซลมอนนะครับ โดยเฉพาะ “สเต็กปลาแซลมอน” ซึ่งเราสามารถนำมาทานกับข้าวไรซ์เบอรี่ก็ได้ หรือจะทานกับสลัดผัก รวมไปถึงผักย่าง ก็ยังรสชาติดี อร่อย ได้สุขภาพครับ โดยเฉพาะปลาแซลมอนมีโอเมก้าทรีสูงมาก ไขมันดียังเยอะด้วยครับ

เลยอยากจับมาทานคู่กับผักโขมสักเมนู ก็ไม่ยากเลยครับ ปลาแซลมอนเดี๋ยวนี้หาซื้อง่ายครับ สั่งออนไลน์ก็มี หรือจะไปหาซื้อเองตามวิลล่ามาร์เก็ต หรือฟู้ดแลนด์ก็มีให้เลือกเยอะครับ ขึ้นเป็นฟิเลมาให้เรียบร้อย เราแค่มีหน้าที่นำมาปรุงต่ออย่างเดียวครับ

วัตถุดิบ

  • ปลาแซลมอน 200 กรัม
  • กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  • มะเขือเทศกินเนื้อ 1 ลูก แบ่งเป็น 2  ซีก
  • ผักโขม 200 กรัม
  • เกลือป่น
  • พริกไทยดำ
  • น้ำมันมะกอก

ขั้นตอนการทำ

สเต็กปลาแซลมอนกับผักโขมสำหรับขั้นตอนการทำไม่มีอะไรยุ่งยากเลยครับ เพียงนำปลาแซลมอนมาหมักพริกไทยดำเกลือและน้ำมันมะกอกเล็กน้อย แต่เวลาผัดผักโขมต้องเร่งมือนิดนะครับ เพื่อไม่ให้ผักโขมเปลี่ยนสี ถ้าเป็นสูตรที่ไม่ใช่อาหารคลีน ขอบอกว่าผัดผักโขมด้วยวิปปิ้งครีมรสชาติจะดีมากเลยครับ แต่เมนูอาหารคลีนของเราใช้แค่น้ำมันมะกอกก็พอครับ

  1. นำแซลมอนและมะเขือเทศมาโรยเกลือป่น และพริกไทยดำบดหยาบให้ทั่วชิ้น ตามด้วยน้ำมันมะกอก เพื่อเตรียมย่าง เมื่อทำเสร็จพักไว้ก่อน
  2. นำผักโขมมา ฉีกแต่ใบไม่เอาก้าน นำใบผักโขมที่ฉีกแล้วไปล้างเพื่อรอผัด ที่เราฉีกก้านออกใช้แต่ใบเพื่อให้ผักโขมมีความนุ่มหลังจากที่ผัดแล้ว
  3. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันมะกอกลงไป ใส่กระเทียมสับลงไปผัด ใช้ไฟอ่อนนะครับเพื่อไม่ให้กระเทียมใหม้
  4. กระเทียมเริ่มเหลือง เติมผักโขมลงไป ผัดให้ผักโขมนิ่ม ปรุงรสชาติด้วยเกลือและพริกไทยดำเล็กน้อย ขั้นตอนนี้ต้องทำเร็วนิดหนึ่งนะครับ รีบผัดรีบเอาขึ้น เพราะไม่อย่างนั้น ผักของเราจะไม่สีเขียวสด แต่จะออกสีคล้ำไม่น่าทาน
  5. การย่างแซลมอนใช้กระทะเซฟรอนตั้งไฟ เอาด้านหนังของแซลมอนลงก่อนนะครับ แค่ประมาณด้านละ 2-3 นาทีครับ ระหว่างที่ย่างปลา ตัวน้ำมันและพริกไทยดำที่เราใช้หมักปลาและมะเขือเทศ เทลงไปในกระทะด้วยเลยครับ
  6. หลังจากย่างปลาแซลมอนและมะเขือเทศเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมจัดจานเลยครับ นำปลาแซลมอนย่าง มะเขือเทศกินเนื้อย่าง และสุดท้ายผักโขมผัด จัดใส่จาน เป็นอันเรียบร้อยแล้วครับ

สเต็กปลาแซลมอนกับผักโขมเมนูนี้ขอบอกว่า ทานเบาๆ แต่อร่อยและดูดีมากเลยนะครับ จะเพิ่มเติมด้วย Side dish ของสเต็กก็ได้นะครับอย่างหน่อไม้ฝรั่ง บลอคโคลี่ มันอบ ก็เข้ากันดีครับ

Categories
อาหารนานาชาติ

สูตร ซุปกิมจิ เมนูอาหารนานาชาติสุดฮิตของเกาหลีที่คนไทยชอบ

ซุปกิมจิ
ซุปกิมจิ

ปัจจุบันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับ ว่าอะไรๆ ที่เป็นเกาหลีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตเรามากจริงๆ ทั้งศิลปินเกาหลี ที่มีทั้งบอยแบรนด์ และเกิร์ลกรุ๊ป รวมไปถึงซีรี่ย์เกาหลีกันเลยทีเดียว แล้วซีรี่ย์เกาหลีแต่ละเรื่องจะต้องมีฉากทานอาหารมายั่วเราเสมอ เห็นแล้วทำให้อยากทานอาหารเกาหลีขึ้นมาเลยครับ

 แล้วตอนนี้บ้านเราก็มีร้านอาหารเกาหลีให้เลือกมากมายหลายแบรนด์ ทั้งไก่บอนชอน หรือชีนือนิม ที่โด่งดังอยู่ในย่านเอแบค บางนา ซึ่งส่วนใหญ่ร้านอาหารเกาหลีก็จะอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรือคอมมูนิตี้มอลทั้งหลาย ต้องออกไปหาทานกัน  แต่เราก็สามารถทำอาหารเกาหลีทานที่บ้านได้นะครับ เมนูง่ายๆ อย่าง “ซุปกิมจิ” ก็น่าสนใจนะครับ ทำง่ายด้วยครับ

วัตถุดิบ 

  • กิมจิ 200 กรัม
  • หมูสามชั้น/ เบคอน 150 กรัม
  • เต้าหู้อ่อนคินุ 1 กล่อง
  • เห็ดเข็มทอง 100 กรัม
  • ต้นหอมญี่ปุ่น 1 ต้น
  • กระเทียมสับ 20 กรัม
  • หอมใหญ่ 50 กรัม
  • ซอสโคชูจัง
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • น้ำเปล่า

 

ขั้นตอนการทำ

ซุปกิมจินี่จะให้อร่อยต้องใช้หมูสามชั้น หรือเบคอนมาปรุงครับ เพื่อให้มีน้ำมันจากตัวหมูออกมาเวลาผัดจะได้หอมๆ แล้วสามารถนำต้นหอมลงไปผัดในน้ำมันนั้นได้เลย ส่วนของกิมจินั้นเดี๋ยวนี้สะดวกแล้วครับ มีขายทั่วไปไม่ต้องมานั่งทำเองให้ยุ่งยากครับ ส่วนของรสชาติ ในตัวกิมจิก็จะมีรสชาติแล้วประมาณหนึ่ง เวลาปรุงก็เติมซอสหรือเครื่องปรุงอื่นๆ เพิ่มแค่เล็กน้อย อันนี้ไม่มีสูตรตายตัวนะครับ ชอบแบบไหนปรุงแบบนั้นได้เลย มาดูขั้นตอนการทำต่อเลยครับ

  1. หั่นหมูสามชั้นเป็นชิ้นพอดีคำ
  2. นำต้นหอมญี่ปุ่นและเห็ดเข็มทองมาหั่นเป็นท่อน
  3. หั่นเต้าหู้คินุให้เป็นลูกเต๋า เวลาหั่นให้เบามือนิดเพราะเต้าหู้คินุค่อนข้างนิ่มและเละง่ายครับ
  4. นำหมูสามชั้นใส่หม้อ ตั้งเตา เคี่ยวให้มีน้ำมันออกมา เมื่อมีน้ำมันออกมาแล้ว ใส่ต้นหอมและกระเทียมสับลงไปผัด จนให้มีกลิ่นหอม
  5. หลังจากนั้นเติมน้ำเปล่าลงไป ตามด้วยกิมจิ และเห็ดเข็มทอง
  6. ปรุงรสตามใจชอบครับ หลังจากนั้นพอซุปเริ่มเดือด ก็ใส่เต้าหู้อ่อนและไข่ไก่ลงไป ปิดไฟ ยกลง พร้อมทานครับ

เพียงแค่นี้ ก็มีซุปกิมจิทานแล้วครับ ยังมีเมนูอาหารเกาหลีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ อย่างต๊อกป๊อกกิ นี่ก็เป็นอีกเมนูที่ผมชอบมากเลยครับ สำหรับท่านที่จะทำซุปกิมจิ แล้วเกรงว่าจะหาวัตถุดิบยาก ไม่ต้องห่วงเลยครับแนะนำให้ไปฟู้ดแลนด์เลย ที่เดียวมีครบทุกอย่างแน่นอนครับ ตัวผมเองก็อาศัยฟู้ดแลนด์นี่แหละครับเวลาหาวัตถุดิบมาทำอาหารแต่ละเมนู ทานซุปกิมจิกันให้อร่อยนะครับ

Categories
อาหารไทย

ต้มจับฉ่าย เมนูอาหารไทยแสนอร่อย ทำเองง่ายๆได้ที่บ้าน

ต้มจับฉ่าย
ต้มจับฉ่าย

ต้มจับฉ่ายเมนูสุดฮิต สำหรับใครที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือต้องการดูแลสุขภาพ และผมเชื่อว่าหลาย ๆ บ้านคุณแม่หรือแม่บ้านมักจะชอบทำให้กินกันอยู่บ่อย ๆ ขั้นตอนและการทำหลายคนว่ามองว่าใส่ผักเยอะแยะ ขั้นตอนและวิธีการทำอาจยุ่งยาก แต่จริง ๆ แล้วทำไม่ยากเลยครับ แต่วัตถุดิบอาจจะเยอะไปสักหน่อย 

วัตถุดิบ

  • กระดูกหมู 1.5 กก.
  • ผักโขม 500 กรัม
  • กะหล่ำปลี ½ หัวเล็ก
  • ขึ้นฉ่าย 300 กรัม
  • หัวไชเท้า 1 หัวใหญ่
  • เห็ดหอม 150 กรัม
  • รากผักชี 10 ราก
  • พริกไทย 40 เม็ด
  • กระเทียมไทย 2 หัว
  • ซอสปรุงรส 4 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ้วขาว 6-8 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันหอย 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำต้มจับฉ่าย

ขั้นตอนที่ 1 ต้มน้ำ+โขลกสามเกลอ

  • เทน้ำเปล่าใส่ในหม้อ จากนั้นนำกระดูกหมูลงไปต้ม ตามด้วยการใส่หัวไชเท้าลงไป ตามด้วยเกลือ ต้มทิ้งไว้ 
  • นำ รากผักชี กระเทียม และพริกไทยลงไปโขลกให้ละเอียด

ขั้นตอนที่ 2 ผัดเครื่อง + ต้ม

  • ตั้งกระทะนำสามเกลือที่โขลกละเอียดลงไปผัดในน้ำมันให้หอม นำเห็ดหอมใส่ตามลงไป และตักน้ำซุปใส่ลงไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ติดกระทะ  จากนั้นเร่งไฟให้แรงขึ้น ใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไปผัด 
  • ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว น้ำตาลปี๊บ และน้ำมันหอย ผัดให้ผักสลบ จากนั้นเอาผักลงไปเทใส่ในหม้อน้ำซุปที่ตั้งทิ้งไว้ ใช้ไฟกลาง ๆ แล้วเคี่ยวไปเรื่อย ๆ สัก 20-30 นาที จนผักเปื่อยและนิ่ม

ขั้นตอนที่ 3 จัดเสิร์ฟ

  • ตัก ต้มจับฉ่าย ใส่ชาม ตกแต่งให้สวยงาม ตักข้าวสวยร้อน ๆ นั่งกินพร้อมกันทั้งครอบครัว 

วิธีการทำต้มจับฉ่าย

  1. ตั้งหม้อใส่น้ำเปล่า กระดูกหมู หัวไชเท้า และเกลือลงไป ต้มจนเดือด
  2. โขลกรากผักชีกระเทียมพริกไทยเข้าด้วยกัน แล้วนำไปผัดในกระทะกับน้ำมันให้หอม
  3. ใส่เห็ดหอมและน้ำซุปตามลงไปเล็กน้อย แล้วใส่ผักโขม ผักกะหล่ำปลี ขึ้นฉ่ายลงไปผัด
  4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลปี๊บ และน้ำมันหอย ผัดจนผักสลด แล้วตักใส่หม้อน้ำซุป ต้มต่ออีก 20-30 นาที
  5. พอต้มจับฉ่ายได้ที่แล้ว ตักใส่จานจัดเสิร์ฟ 

             เป็นไงบ้างครับ สำหรับสูตรและขั้นตอนหรือวิธีในการต้มจับฉ่าย ไม่ยากเลยนะครับ เหมาะสำหรับลดน้ำหนัก หรือรักษาสุขภาพ กินได้ทั้งครอบครัว แนะนำว่าให้ต้มหม้อใหญ่ ๆ นะครับ จะกินได้เป็นอาทิตย์ ถ้าไม่เบื่อซะก่อน หรือกินตอนเช้าและตอนเย็น สัก 1 อาทิตย์ กินต้มจับฉ่ายเยอะ ๆ กินข้าวน้อย ๆ น้ำหนักลดแน่นอนครับ ไม่เชื่อลองไปทำดูครับ