สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
อาหารนานาชาติ

พอร์คช็อปกับสลัดส้ม อร่อยและหอม สไตล์สาย ฝ. 

พอร์คช็อปกับสลัดส้ม

พอร์คช็อปกับสลัดส้ม เสต็กฝรั่งกินคู่กับสลัดส้ม หอม อร่อย สดชื่น จนต้องเข้าครัว ทำเพิ่มอีก 1 จาน อยากกินของอร่อย ที่นี่มีคำตอบ

ส่วนผสมในการทำ พอร์คช็อปกับสลัดส้ม

พอร์คช็อปกับสลัดส้ม

พอร์คช็อปกับสลัดส้มเรียกได้ว่า นอกจากหน้าตาดีจะดูน่ารับประทานแล้ว เมนูเสต็กสัญชาติตะวันตกเมนูนี้ เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย ทั้งวิตะมินจากส้ม โปรตีนและไขมันดีจากเนื้อหมู ใครกิน รับรองติดใจ ในส่วนของขั้นตอนการทำ ทำอย่างไร โปรดติดตาม

วัตถุดิบพอร์คช็อปกับสลัดส้ม

พอร์คช็อปกับสลัดส้มกินคู่กับสลัดส้ม บอกเลย นอกจากจะอร่อย ยังได้ในเรื่องความสดชื่นกลับมาอีกด้วย นับว่า เป็นเมนูอาหารที่มีส่วนผสมค่อนข้างลงตัวนักจนไม่อยากนึกเลยว่า จะนำส้มมาทำสลัดได้

พอร์คช็อปกับสลัดส้ม

1.พอร์คชอป 2 ชิ้น

2.น้ำส้มคั้น 1 ถ้วย

3.ผิวส้มขูด 2 ลูก

4.ใบไทม์รูดใบ 2 ชต.

5.น้ำผึ้ง 2 ชต.

6.ซีอิ๊วขาว 2-3 ชช.

7.น้ำเลมอน 1 ชต

8.เกลือทะเล

9.พริกไทยดำบดหยาบ 

10.เนื้อส้มซันคิสต์ 1 ลูก

11.ส้มเขียวหวาน 1 ลูก

12.ส้มเช้ง 1 ลูก

13.เลมอน 1 ลูก

14.ใบสะระแหน่ซอย 5 ใบ

15.ใบไทม์สด 2 กิ่ง

16.น้ำมัน

วิธีทำ

พอร์คช็อปกับสลัดส้ม

ขั้นตอนที่ 1 ขั้นตอนการหมัก นำหมูมาหมักกับส้มที่แบ่งออกเป็นกลีบแล้วคั้นเอาแต่น้ำส้ม ใบไทม์ พริกไทยดำ และเกลือทะเล เคล้าให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน จากนั้น พัก 2-3 ชั่วโมง เป็นขั้นตอนแรกในการทำ พอร์คช็อปกับสลัดส้ม

ขั้นตอนที่ 2 การทำซอสส้ม เทน้ำส้มลงในหม้อ รอจนกระทั่งเดือด เติมน้ำผึ้งและซีอิ้วขาวลงไป ต้มต่อไป จนกระทั่งน้ำส้มในหม้องวดลงมา ถึงค่อยใส่น้ำเลมอนและเกลือ ผสมให้ส่วนผสมของส้มที่อยู่ในหม้อ มีรสเปรี้ยวหวานเล็กน้อย

พอร์คช็อปกับสลัดส้ม

ขั้นตอนที่ 3 เติมน้ำมันลงในกะทะ นำพอร์คชอปและกิ่งไทม์ลงไปย่าง ใช้ไฟกลาง เอาแค่พอสุก ภายหลังจากนั้นถึงเอาออกมาจากกะทะเพื่อนำเข้าเตาอบ โดยใช้อัณหภูมิในการอบประมาณ 180 องศา ประมาณ 10 นาที แล้วนำอลูมิเนียมฟอยล์มาคลุมไว้ พักประมาณ 5 นาที

ขั้นตอนที่ 4 นำมาจัดใส่จาน ได้แก่ เลมอน ใบสะระแหน่ซอย กลีบส้ม ผสมให้เข้ากัน กินคู่กับพอร์คชอป และซอสส้ม

พอร์คช็อปกับสลัดส้ม

เทคนิคพิเศษ : กรณีไม่มีเตาอบ ตอนย่างในกะทะ ให้ทำการลดไฟอ่อน พร้อมกับนำฝามาปิดกะทะ การจะรู้ว่าหมูสุกหรือไม่ ให้นำไม้จิ้มฟันจิ้มลงบนเนื้อหมูส่วนหนาที่สุด ถ้าพบว่า มีแต่น้ำใส ๆ ออกมา แสดงว่า หมูสุกแล้ว

พอร์คช็อปกับสลัดส้ม เมนูสลัด นอกจากอิ่ม แล้วยังสดชื่น ถือได้ว่า เป็นเมนูน่าทำอีกทั้งยังหน้าตาดี ใครอยากกิน ลองนำเคล็ดลับในการทำ มาปรับใช้ดู เผื่อได้เมนูอร่อยกินสักจาน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://sa-game.bet/ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ บริการฝากถอนออนไลน์ 24 ชม.

Categories
อาหารสุขภาพ อาหารไทย

ปลาราดพริก เข้มข้น รสเด็ดจนต้องกินเพิ่ม

ปลาราดพริก

ปลาราดพริก เนื้อปลาทอดกรอบ ๆ ราดด้วยน้ำจิ้มเข้มข้น จะอร่อยเหมือน วิธีทำปลาราดพริก ครัวคุณต๋อย หรือเปล่า ต้องลอง

ส่วนผสมในการทำ ปลาราดพริก

ปลาราดพริก

ปลาราดพริกอีกหนึ่งเมนูอาหารไทยสุดอร่อย เป็นปลาราดพริกสด ที่เต็มไปด้วยสมุนไพร ใครที่เบื่อรสชาติเดิม ๆ ลองเปลี่ยนมากินปลา 3 รสราดพริกกันดีกว่า แล้วจะรู้ว่า อาหารไทยอร่อยไม่แพ้อาหารอื่น ๆ ในโลก

วัตถุดิบปลาราดพริก

ปลาราดพริกเต็มไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร โดยเฉพาะโปรตีนจากเนื้อปลา จะเป็นปลาน้ำจืดหรือปลาทะเล ล้วนได้รับสารอาหารดังกล่าวข้างต้น เพราะฉะนั้น มาเริ่มต้นทำปลา 3 รส ราดพริกกันดีกว่าโดยมีส่วนผสมต้องเตรียมดังนี้

ปลาราดพริก

1.ปลากะพง 1 ตัว

2.น้ำมันสำหรับผัด 2 ชต.

3.น้ำมันสำหรับทอด 1 ลิตร

4.กระเทียมไทย 1 หัว

5.รากผักชี 3 ราก

6.น้ำมะขามเปียก 60 กรัม

7.พริกจินดาแดง 5 เม็ด

8.น้ำจิ้มเอโร่ 1 ถ้วย

9.เกลือป่น 1 ชช.

10.น้ำเปล่า ½ ถ้วย

11.ผักชีตามชอบ

วิธีทำ

ปลาราดพริก

ขั้นตอนที่ 1 การทอดปลากะพง ก่อนนำ ปลาราดพริก ไปทอด ให้นำปลากะพงมาบั้งทั้ง 2 ด้าน ใช้เกลือป่นทาปลาเพียงเล็กน้อย จากนั้น เทน้ำมันลงในกะทะ รอจนน้ำมันร้อน ให้นำปลาไปทอดได้เลย ทอดจนเหลือง แล้วตักใส่จานพักไว้

ขั้นตอนที่ 2  วิธีทำปลาราดพริก 3 รส ขั้นตอนทำซอสพริกราดบนตัวปลา ซอสพริกถือว่าสำคัญ จะทำอย่างไรให้อร่อยนั้น มาเริ่มจาก ตำพริก กระเทียม รากผักชี ตำให้ส่วนผสมทั้งหมดแหลกละเอียด

ขั้นตอนที่ 3 เทน้ำมันพืชสำหรับทอด ถ้าต้องการ

ความกรอบในตัวปลา ให้ใช้น้ำมันปาล์ม หลีกเลี่ยงน้ำมันถั่วเหลืองที่เหมาะสำหรับนำมาทำเมนูผัดเสียมากกว่าซึ่งถือเป็นเทคนิคที่แอดมินขอนำมาสอดแทรกความรู้ในส่วนนี้ไว้ สำหรับการนำ 3 เกลอมาผัด ใช้น้ำมันถั่วเหลืองซึ่งขั้นตอนนี้ให้รอจนน้ำมันในกะทะร้อน แล้วค่อยนำรากผักชี กระเทียม พริกไทยลงไปผัด ผัดไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเหลือง

ปลาราดพริก

ขั้นตอนที่ 4 ใส่น้ำเปล่าลงไปก่อน ตามด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำจิ้มไก่เอโร่ เคี่ยวจนกระทั่งข้น หลังจากนั้นถึงปรับชิมรสได้ตามใจชอบ 

ขั้นตอนที่ 5 ปลากะพงกรอบ ๆ จัดใส่จาน จากนั้นนำน้ำจิ้มที่เราเตรียมไว้ ราดลงบนตัวปลาได้เลย โรยผักชี ก็พร้อมนำมาเสริ์ฟแล้ว

ปลาราดพริก เมนูอาหารไทยที่เต็มไปด้วยโปรตีน

ปลาราดพริก

เนื้อปลาราดพริก นอกจากได้ประโยชน์แล้ว อาหารจานนี้ยังอร่อยรสจัดจ้านตามแบบฉบับอาหารไทย นำมากินกับข้าวสวยร้อน ๆ และแกงจืดสาหร่ายเต้าหู้หมูสับหรือจะเป็นเมนูต้มแซ่บ อร่อยเข้ากันดี๊ดี

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://sa-game.bet/ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ บริการฝากถอนไม่มีขั้นต่ำไม่ผ่านตัวแทน

Categories
อาหารนานาชาติ

น้ำซุปกิมจิ อร่อยเหมือนกินที่ดงแฮ 

น้ำซุปกิมจิ

น้ำซุปกิมจิ ซุปร้อนอร่อยเหมือนไปกินที่ดงแฮ ซุปกิมจิเต้าหู้อ่อน โคซูจัง วันนี้มาลองเข้าครัว ทำกิน อร่อย ฟิน

ส่วนผสมในการทำ น้ำซุปกิมจิ

น้ำซุปกิมจิ

น้ำซุปกิมจิน้ำซุปสัญชาติเกาหลี เป็นที่กล่าวถึงตั้งแต่ซีรีย์เกาหลีได้เข้ามาทำตีตลาดละครที่บ้านเรา และคำว่า “กิมจิ” หรือผักดองของเกาหลีดูเหมือนจะเป็นเมนูโปรดที่สาวกเกาหลีต่างชื่นชอบ จะกินกับน้ำซุปหรือปิ้งย่างก็เข้ากันดี สำหรับน้ำซุป อยู่ที่วัตถุดิบที่เราใช้ เช่น เน้นเต้าหู้อ่อน ก็จะเป็น ซุปกิมจิเต้าหู้อ่อน ซึ่งก็ถูกปากถูกใจผู้ชื่นชอบอาหารเกาหลีเป็นทุนเดิม

วัตถุดิบน้ำซุปกิมจิ

น้ำซุปกิมจิ

น้ำซุปกิมจิซดร้อน ๆ อร่อยคล่องคอ เติมเนื้อหมูเนื้อไก่ตามชอบได้เลย และแล้วก็มาถึงการเตรียมวัตถุดิบ มีความน่าสนใจดังนี้

1.หมูสามชั้นหรือเบค่อนหั่นประมาณ 100 กรัม

2.ขิงผงหรือขิงสับประมาณ 1 ชช.

3.ผงกระเทียมหรือกระเทียบสับ 1 ชช.

4.กิมจิ 200 กรัม

5.น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง

6.ผงซุปปลาหรือดาชิ 1 ชต. กรณีไม่มีผงดังกล่าว ใช้ซุปคนอว์ได่หรือหมูครึ่งก้อน หรือปรับมาเป็นน้ำที่แช่ปลาแห้งในปริมาณที่เหมาะสม

7.มิโซะหรือเต้าเจี้ยวไทย 1 ชต.

8.ไข่ไก่ 1 ฟอง

9.เต้าหู้คินุ 1 ก้อน

10.ต้นหอมไทยหรือต้นหอมญี่ปุ่นหั่นเป็นท่อน 

วิธีทำ

น้ำซุปกิมจิ

ขั้นตอนที่ 1 น้ำซุปกิมจิจะอร่อยหรือไม่ ก่อนอื่นนำเบคอนหรือหมู 3 ชั้นลงไปผัดในกะทะ ใช้ไฟกลาง ผัดจนกระทั่งเห็นน้ำมันออกมาจากเบคอนบ้างตามสมควร แล้วถึงค่อยเพิ่มความหอมก่อนปรุงน้ำซุปโดยการผัดกระเทียบ ขิงสับ รวมถึงพริกป่น ผัดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเพื่อเตรียมขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนที่ 2 เมื่อผัดเบค่อนกระทั่งได้กลิ่นหอมแล้ว ให้นำกิมจิพร้อมน้ำกิมจิลงในกะทะแล้วทำการผัดต่อ

น้ำซุปกิมจิ

ขั้นตอนที่ 3 นำน้ำเปล่าที่เราเตรียมไว้เทลงในกะทะ แล้วปรุงรสโดยการใส่ผงซุปปลาลงไป

ขั้นตอนที่ 4 ใส่โคชูจัง ตามด้วยมิโสะ ตรงขั้นตอนนี้ต้องคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันอีกครั้ง

ขั้นตอนที่ 5 มาถึงเต้าหู้ที่เราเตรียมไว้ นำมาใส่ในกะทะได้เลย ขั้นตอนนี้ต้องอดทนรอสักนิด เพื่อให้น้ำซุปดูดซึมเข้าไปในเต้าหู้ แล้วค่อยตอกไข่ไก่ลงไป ปิดไฟ เวลาเสริฟ ตักใส่ชาม โรยต้นหอม แล้วรับประทานได้เลย ความอร่อยขอการันตี ไม่แพ้ ซุปกิมจิบอนซอน หรือ ซุปกิมจิกระดูกหมู แม้แต่น้อย

น้ำซุปกิมจิ

น้ำซุป กิมจิฟังดูเหมือน น่าจะทำกินเองยากใช่ไหมคะ ? ทว่าเมื่อได้ดูส่วนผสม เตรียมไม่ยากเลย ซึ่งเครื่องปรุงทั้งหมดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการกินกิมจิ หาซื้อตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำได้เลย รับประกัน มีจำหน่ายพร้อมให้เราได้หยิบกลับมาทำซุปกิมจิให้อร่อยเหมือนที่เกาหลี

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บไซต์ที่รวบรวมพนันออนไลน์ไว้ทั้งหมด

Categories
ขนมหวานไทย ขนมเบเกอรี่

โตเกียวสังขยาสูตรโบราณ เมนูอาหารว่าง ทำขายก็ปัง

โตเกียวสังขยาสูตรโบราณ

โตเกียวสังขยาสูตรโบราณ ขนมไทย แต่ชื่อกลับไม่ไทย เป็นขนมหน้าโรงเรียนที่ใครต่างก็ชอบกิน วันนี้ขอนำเสนอ สูตรโตเกียวโบราณ เตรียมอะไรบ้าง ดูไปด้วยกัน

ส่วนผสมในการทำ โตเกียวสังขยาสูตรโบราณ

โตเกียวสังขยาสูตรโบราณ

โตเกียวสังขยาสูตรโบราณ เป็นอีกหนึ่งขนมที่มีความแปลก นำมากินเล่นในยามว่าง ช่วงพักเบรค หรือรองท้องตอนหิว ทว่า ในขณะเดียวกัน ความที่ขนมชนิดนี้ มีจำนวนไส้หลายแบบ ทั้งไส้หวานและไส้เค็ม โดยเฉพาะไส้เค็มที่ถึงขั้น ได้มีการนำไส้กรอกหรือไข่นกกระทามาทำไส้ขนมโตเกียว กินเข้าไปครั้งใด เรียกได้ว่า อิ่มจนไม่ต้องง้อข้าว แล้วแบบนี้ จะไม่ลองเข้าครัวหัดทำขนมโตเกียวกันหรือ

วัตถุดิบโตเกียวสังขยาสูตรโบราณ

โตเกียวสังขยาสูตรโบราณ

โตเกียวสังขยาสูตรโบราณ วัตถุดิบที่จะนำมาทำโตเกียวสังขยา แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก แป้งทำขนมโตเกียว ส่วนที่ 2 ไส้สังขยา โดยมีวัตถุดิบต้องเตรียมดังนี้

วัตถุดิบ ทำตัวแป้ง

  • ไข่ไก่จำนวน 4 ฟอง
  • แป้งสาลีเอนกประสงค์ ประมาณ 195 กรัม
  • น้ำตาลทราย 180 กรัม
  • น้ำประมาณ 3/4 ถ้วยตวง
  • เบคกิ้งโซดา 1 ชช
โตเกียวสังขยาสูตรโบราณ

ส่วนผสม สำหรับทำไส้ขนมโตเกียว

  • ไข่ไก่จำนวน 4 ฟอง
  • น้ำตาลทรายขาว 120 กรัม
  • เนยยี่ห้อใดก็ได้ 1 1/2 ชต.
  • นมประมาณ 3/4 ถ้วยตวง
  • แป้งข้าวโพดประมาณ 3 ชต.
  • เกลือป่น 1/2 ชช.
  • กลิ่นวานิลา 1 ชต.

วิธีทำ

โตเกียวสังขยาสูตรโบราณ

ขั้นตอนที่ 1 ผสมแป้งเอนกประสงค์กับเบคกิ้งโซดา จากนั้นเทน้ำเปล่าลงไป คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี ตอกไข่ไก่พร้อมกับใส่น้ำตาลลงไปในอ่างผสม ขั้นตอนนี้ ต้องคนส่วนผสมดังกล่าวกระทั่งน้ำตาลละลาย ดูเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นเตรียมขั้นตอนต่อไปในการทำโตเกียวสังขยาสูตรโบราณ

ขั้นตอนที่ 2 เตรียมชามผสมอีกใบ เพื่อทำ โตเกียวนิ่มไส้สังขยา เริ่มจาก ตอกไข่ลงในชามผสมที่เตรียมไว้ ตามด้วยน้ำตาลทราย ต้องตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายให้ละลาย แล้วเทนมอุ่น ๆ ลงไป คนส่วนผสมดังกล่าวให้เข้ากันอีกครั้ง นำขึ้นตั้งไฟ กวนจนส่วนผสมทั้งหมดข้นและเหนียวจับเป็นก้อน ตามด้วยเนย และทำการคนส่วนผสมอีกครั้ง เมื่อพบว่า เข้ากันดีแล้ว ยกลงจากเตา พักให้เย็น

โตเกียวสังขยาสูตรโบราณ

ขั้นตอนที่ 3 นำส่วนผสมแป้งที่เตรียมไว้แล้ว ละเลงในกะทะที่กำลังร้อน โดยกะทะที่เลือก ควรเป็นกะทะแบน ก่อนใส่ไส้สังขยา รอจนแป้งสุก เมื่อแป้งสุกแล้ว ตักไส้ขนมใส่บนตัวแป้ง แล้วทำการม้วนปิด แซะออกมาจากกะทะแบนและนำมารับประทาน

เคล็ดลับง่าย ๆ กินขนมโตเกียวให้อร่อย ต้องกินตอนขนมยังร้อน ๆ กินกับชาร้อน อร่อยลงตัวนัก

โตเกียวสังขยาสูตรโบราณ

โตเกียวสังขยาสูตรโบราณสามารถหาซื้อจากตลาดนัดใกล้บ้าน ซึ่งก็จะมีหลายไส้ด้วยกัน ทั้งไส้หวานอย่างไส้สังขยาที่กำลังพูดถึงอยู่ในขณะนี้ ไปจนถึงไส้เค็มอย่าง ไส้ไข่นกกระทา ไส้กรอก อยู่ที่ว่า ใครพร้อมในวัสดุชนิดใด ดังนั้น ขนมโตเกียวถึงเป็นอีกหนึ่งขนมที่นำมามิกซ์แอนด์แมทข์ปรับเปลี่ยนไส้ได้ตลอดเวลา ทำให้การกินขนมโตเกียว มีอรรถรสมากยิ่งขึ้น

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บพนันด้านกีฬาออนไลน์ที่กำลังเป็นที่นิยม

Categories
อาหารไทย

ต้มขาหมู เปื่อยนุ่ม ละลายในปาก ทำได้ที่บ้าน

ต้มขาหมู

ต้มขาหมู  อร่อย ไม่ง้อร้าน อยากรู้ ต้มขาหมูใส่อะไรบ้าง เคล็ดลับความอร่อย เคี้ยวขาหมูแล้วละลายในปาก ทำอย่างไร ? มาดูกัน

ส่วนผสมในการทำ ต้มขาหมู

ต้มขาหมูเมนูอาหารแสนอร่อย ใครกินเป็นต้องติดใจในรสชาติของ ต้มขาหมูสูตรโบราณ เนื้อเด้ง ๆ เปื่อยยุ่ย อีกทั้งยังหอมเครื่องเทศ มาดูกัน วัตถุดิบมีอะไรบ้าง ?

วัตถุดิบสำหรับทำต้มขาหมู

ต้มขาหมู
  • ขาหมูประมาณ 2 กิโลกรัม
  • ไข่เป็ดจำนวน 10 ฟอง
  • ผักกาดดอง เอาแบบเปรี้ยว 200 กรัม
  • รากผักชี 20 กรัม
  • กระเทียมจีนประมาณ 40 กรัม
  • พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 2 กิโลกรัม
  • ซอสถั่วเหลือง หรือโชยุญี่ปุ่น จำนวน 15 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บประมาณ 8 ช้อนโต๊ะ

และแล้วก็มาถึง วิธีทำต้มขาหมูให้เปื่อย เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

วิธีทำ ต้มขาหมู แสนอร่อย เคี้ยวนุ่มโดนใจ

ขั้นตอนที่ 1 เทน้ำลงในหม้อ รอจนน้ำเดือด นำไข่เป็ดไปต้มจนสุก ถ้าต้องการให้ไข่แดงอยู่ตรงกลาง ใช้ทัพพีคนไข่ให้ทั่ว

ขั้นตอนที่ 2 ต้มขาหมูให้อร่อย ต้องไม่ลืมรากผักชี กระเทียม พริกไทย นำมาโขลกเข้าด้วยกัน

ต้มขาหมู

ขั้นตอนที่ 3 ก่อนจะเรียนรู้ วิธีต้มขาหมูพะโล้ ให้นำขาหมูไปทอดเสียก่อน โดยการเทน้ำมันลงในกะทะ รอน้ำมันเดือด แล้วเอาขาหมูไปทอด ทอดให้หนังหมูส่วนนอกตึง ก็เป็นอันใช้ได้ ตักขึ้นมาพักไว้ ตามด้วย การนำกระเทียม รากผักชี พริกไทยมาผัดรอจนกระทั่งหอม พักไว้ ลำดับถัดมา ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อตุ๋น นำน้ำตาลปี๊บมาผัด ใช้ไฟกลาง ผัดจนน้ำตาลละลายเป็นสีคาราเมล แล้วถึงนำซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น ผัดไปพร้อมกับน้ำตาลปี๊บ จากนั้น ค่อยเร่งไฟแรง ตามด้วยสามเกลอ นำมาผัดเข้าด้วยกัน 

ขั้นตอนที่ 4 ใกล้ถึงขั้นตอน ต้มขาหมูให้เปื่อยกี่นาที ทว่าก่อนอื่น นำขาหมูที่ทอดแล้วพร้อมผักกาดดองใส่ลงในหม้อตุ๋น เทน้ำเปล่า จากนั้นคนส่วนผสมให้เข้ากัน กระทั่งน้ำเดือด ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน ต้มประมาณ 3.30 ชั่วโมง ก็ได้เมนูขาหมูที่เปื่อยยุ่ย น่ารับประทาน

สูตรน้ำจิ้มขาหมู

ต้มขาหมู
  • น้ำตาลทราย 1 ชต.
  • กระเทียม 20 กรัม
  • พริกแดงจินดา 10 กรัม
  • น้ำส้มสายชู 6 ชต.
  • เกลือ 1 ชช.

วิธีทำ ให้นำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นรวมกัน หรือจะใช้วิธีการโขลกเอาก็ได้ จากนั้น ตักใส่ถ้วย เวลารับประทาน ให้ราดบนขาหมูได้เลย 

ต้มขาหมู

ต้มขาหมูเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ใช้เครื่องปรุงไม่มาก ทว่า อาจต้องใช้เวลารอตุ๋นสักพักเพื่อให้ได้มาซึ่งความอร่อย แต่แม้จะรอตุ๋นนานแค่ไหนก็ตาม ทำเป็นแล้ว ไม่ผิดหวัง นอกจากอร่อยโดนใจ ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้อีกหลายเมนู เช่น ก๋วยจั๊บขาหมู ก๋วยเตี๋ยวขาหมู เส้นหมี่ผัดราดขาหมู เป็นต้น ดังนั้น เมนูหมู ๆ จานนี้ จะยังคงเป็นที่นิยมไปอีกนาน 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บพนันที่ไม่ได้มีแค่กีฬา

Categories
ขนมเบเกอรี่

โดนัทนมสด อวบอ้วน เนื้อนุ่มเข้มข้น น่ากิน

โดนัทนมสด

โดนัทนมสด อร่อย เข้มข้น หอม ๆ มัน ๆ โดนใจเหมือนกิน โดนัทดังกิ้น จะมีขั้นตอนทำอย่างไร มาดูกัน

ส่วนผสมในการทำ โดนัทนมสด

โดนัทนมสด เรียกได้ว่าเป็นการนำความชื่นชอบในการรับประทานนมสดมามิกซ์แอนด์แมทช์ให้กับขนมเบเกอรีของชาวตะวันตกอย่างโดนัท ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ในเวลาต่อมานั่นก็คือ ความลงตัว อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อว่า นมสดจะสามารถนำมาใช้ทำโดนัทได้ ซึ่งถ้าใครสนใจ อยากจะลองทำกินเองสักครั้ง แอดมินมีสูตร โดนัท วิธีทำ มาฝากผู้สนใจดังนี้ ไม่แน่ว่า ฝึกทำจนคล่องและเก่ง อาจจะเปิดร้านขายเป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมในสภาวะข้าวยากหมากแพงในช่วงนี้ขึ้นมาได้

วัตถุดิบสำหรับทำโดนัทนมสด

โดนัทนมสด

อุปกรณ์รวมถึงวัตถุดิบทั้งหมด หาซื้อจากร้านเบเกอรีได้เลย มีครบครันเพื่อนำกลับมาใช้ทำขนมสุดแสนอร่อยเทียบเท่า สูตรโดนัท มิสเตอร์โดนัท ได้

1.แป้งสาลียี่ห้ออะไรก็ได้ 500 กรัม

2.ยีสต์สำเร็จรูปสำหรับทำขนมปังหวาน 11 กรัม

3.เกลือป่นเสริมไอโอดีน 5 กรัม

4.นมผง 90 กรัม

5.น้ำตาลทราย 80 กรัม

6.เนยเค็ม 60 กรัม

7.ผงฟู 1 ½ ช้อนชา

8.ไข่ไก่เบอร์ 2 1 ฟอง

9.นมรสจืด อุณหภูมิห้อง 250 กรัม

10.กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

วิธีทำโดนัทง่าย ๆ แบบโดนใจ สูตรไม่ใส่สารเสริม

โดนัทนมสด

ขั้นตอนที่ 1 นำส่วนผสมทั้งหมดอันได้แก่ แป้งสาลี ยีสต์ เกลือป่นเสริมไอโอดีน น้ำตาล ผสมรวมกัน ใช้หัวตีรูปตะขอตีส่วนผสมให้พอเข้ากัน

ขั้นตอนที่ 2 ถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำ โดนัทนมสด นั่นก็คือตีไข่แดง 1 ฟอง นมสดไปพร้อมกับกลิ่นวานิลลา ตีต่อจนแป้งจับตัวเป็นก้อน แล้วใส่เนยสดชนิดเค็ม 60 กรัม นวดจนก้อนโดเนียนแล้วปิดเครื่อง

โดนัทนมสด

ขั้นตอนที่ 3 ตัดก้อนโดน้ำหนัก 40 กรัม นำมาคลึงเป็นรูปทรงกลม เจาะรูตรงกลางเพื่อขึ้นรูปเป็น สูตรโดนัททอดทำขายอร่อย ๆ แล้ววางในถาดที่โรยด้วยแป้งนวล พักไว้ แป้งโดนัทจะขึ้นเป็น 2 เท่า

ขั้นตอนที่ 4 นำโดนัทไปทอดไฟอ่อนกระทั่งสุกเหลืองแล้วตักขึ้น พักให้เย็น แล้วโรยน้ำตาลหรือน้ำตาลไอซิ่ง ได้ตามชอบ หรือในบางราย ปรับเปลี่ยนมาเป็นโดนัทไข่เค็ม ก็ทำได้ไม่ยาก ซึ่งในส่วนของซอสไข่เค็มที่จะนำมาใช้ทำ โดนัทจิ๋ว หรือขนาดปกติ สามารถซื้อซอสสำเร็จรูปได้ตามห้างสรรพสินค้า แผนกเบเกอรี หรือจะเป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับเบเกอรี ก็จะมีจำหน่ายซอสไข่เค็ม จากนั้นถึงค่อยบีบซอสดังกล่าวลงในชิ้นโดนัทตามชอบ แล้วโรยผงไข่เค็ม เพียงเท่านี้ก็จะได้โดนัดรสชาติใหม่ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้มารับประทาน

โดนัทนมสด

ไม่น่าเชื่อว่า นมสดจะสามารถนำมาใช้ทำโดนัทแสนอร่อยได้ กระทั่ง เกิดเป็นกระแสฮิต ต้องสั่งมากินทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งสูตรโดนัทดังกล่าวที่ให้ไป สามารถนำมาปรับใช้ได้ตามชอบ โดยไม่ต้องออกไปยืนต่อแถวซื้อโดนัทกินเองอีกต่อไปแล้ว 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://gclubspecial168.com เว็บพนันออนไลน์ที่กำลังมาแรง

Categories
ขนมเบเกอรี่

ชีสเค้กชูเฟล ละมุนลิ้น ละลายในปาก

ชีสเค้กชูเฟล

ชีสเค้กชูเฟล สูตรฝรั่งเศสที่แอดมินสรรหามาฝากคงสามารถตอบคำถาม ชูเฟลชีสเค้กคือ ได้ไม่ยาก ใครอยากรู้ ทำอย่างไร ต้องติดตาม

ส่วนผสมในการทำ ชีสเค้กซูเฟล

ชีสเค้กชูเฟล สูตรนี้จะอร่อยเท่า ชูเฟลชีสเค้ก after you หรือไม่ มาดูส่วนผสมไปพร้อมกัน

ชีสเค้กชูเฟล

วัตถุดิบ

ชีสเค้กชูเฟล จุดเด่นของเค้กชนิดนี้คือความนุ่มฟูเหมือนละลายในปาก โดยมีวัตถุดิบต้องเตรียมดังนี้

1.ครีมชีส 100 กรัม

2.มัสการ์โปเนชีส 100 กรัม

3.แป้งข้าวโพด 30 กรัม

4.น้ำตาลทราย 80 กรัม

5.นมสดชนิดจืด 80 กรัม

6.วิปครีม 50 กรัม

7.ไข่ไก่ 7 ฟอง เลือกเป็นไข่แดง

8.ไข่ไก่ 3 ฟอง เลือกเฉพาะไข่ขาว

9.น้ำมะนาว 8 กรัม

10.พิมพ์เค้กกลม 2 ปอนด์

11.กระดาษไขสำหรับรองพิมพ์เค้ก

13.ถาดพร้อมตะแกรงสำหรับนำมาอบแบบหล่อน้ำ

ขั้นตอนการทำ ชีสเค้กชูเฟล

ชีสเค้กชูเฟล

ขั้นตอนที่ 1 ให้เริ่มต้นวอร์มเตาอบ อุณหภูมิที่ใช้ประมาณ 160 องศาเซลเซียส ในส่วนของพิมพ์ขนาด 2 ปอนด์ ให้นำกระดาษไขมาตัดแล้วรองด้านข้างกับด้านล่างพิมพ์ขนาด 2 ปอนด์ไว้

ขั้นตอนที่ 2 เตรียมอ่างผสม แล้วนำนมสด วิปปิ้งครีม แป้งข้าวโพดประมาณ 15 กรัม น้ำตาล 40 กรัม มัสการ์โปรเนชีสและครีมชีสลงในอ่างผสมแล้วใช้ไม้พาย ค่อย ๆ ตะล่อมให้ส่วนผสมดังกล่าวดูเข้ากันดี นำไข่แดงและกลิ่นวานิลลาเทลงในอ่างผสม คนให้ส่วนผสมดังกล่าวเข้ากันอีกครั้งจากนั้นนพักไว้ ในกรณีที่ส่วนผสมในอ่างดูไม่เนียน กรองด้วยกระชอนสัก 1 ครั้ง

ขั้นตอนที่ 3 ในการทำชีสเค้กชูเฟลให้อร่อยอยู่ที่การตีไข่ขาใให้ตั้งยอดหรือที่เราเรียกกันว่าเมอแลง ให้ใช้ความเร็วปานกลางในการตีไข่ขาวกระทั่งสังเกตดูว่าเป็นฟองหยาบหรือยัง จากนั้นให้น้ำตาลทรายขาวครั้งละ 40 กรัมลงในโถปั่น ตีไข่ขาวต่อ ขั้นตอนนี้ ให้หมั่นสังเกตอีกครั้งว่าฟองเริ่มละเอียดหรือยัง ถ้าละเอียดแล้ว ให้ผสมแป้งข้าวโพดพร้อมน้ำตาลที่เหลือ คนจนกระทั่งดูเข้ากัน ตามด้วยน้ำมะนาว ตีต่อจนไข่ขาวสามารภตั้งยอดเองได้อีกทั้งยังมีผิวที่มีลักษณะมันวาว

ชีสเค้กชูเฟล

ขั้นตอนที่ 4 เริ่มต้นแบ่งเมอร์แลงออกเป็น 3 ส่วน โดยให้ตักเมอแรงส่วนแรกผสมลงในอ่างที่มีไข่แดง นำพายยางมาตะล่อมให้ส่วนผสมไข่ขาวกับไข่แดงเข้ากัน พยายามทำอย่างเบามือ จากนั้นตามด้วยเมอร์แลงส่วนที่ 2 และ 3 จนหมด เตรียมตักใส่แม่พิมพ์ขนาด 2 ปอนด์ที่เตรียมเอาไว้ ในส่วนของถาดอบให้ใส่น้ำร้อนแล้วถึงนำพิมพ์ขนาด 2 ปอนด์มาวางลงบนถาด โดยให้พิมพ์ 2 ปอนด์สัมผัสกับน้ำร้อนบนถาดโดยตรงในเตาอบที่เราวอร์มเอาไว้แล้ว ขั้นตอนนี้ใช้เวลาอบประมาณ 50 นาที

ขั้นตอนที่ 5 ระหว่างทำการอบ ให้คอยสังเกตุไปด้วยว่า หน้าชีวเค้กเป็นสีน้ำตาลทองรวมถึงพองแล้วหรือไม่ เมื่อเห็นว่าได้ตามลักษณะที่บอก ปิดไฟเตาอบ โดยไม่ลืม เปิดฝาเตาอบทิ้งไว้เพื่อลดอุณหภูมิภายในเตาให้ค่อย ๆ เย็นลงมาเรื่อย ๆ พักเค้กและรอจนกระทั่งอุณหภูมิในเตาอบลดลงและเย็น

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://paperindustrymag.com เว็บตรงไม่ผ่านตัวแทน บริการออนไลน์ตลอด 24 ชม. ฝากถอนง่าย ไม่ยุ่งยาก รอไม่นาน