สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
ขนมหวานไทย

เปิดเมนูขนมหวานโบราณน่าทาน สูตร ขนมตะลุ่ม เนื้อสังขยา หวานฉ่ำ ชื่นใจ

ขนมตะลุ่ม

สำหรับ ขนมตะลุ่ม ในสมัยก่อนคนไทยจะนิยมทำแค่เฉพาะงานเทศกาล อาทิ งานบุญ งานแต่ง หรืองานบวชเท่านั้น เพราะขนมชนิดนี้ต้องทำอย่างประณีต และใช้คนทำจำนวนมาก อีกทั้งจะต้องทำอย่างบรรจงที่สุด เนื่องจากขนม ตะลุ่มเป็นขนมชาววังที่แตกต่างจากขนมอื่นๆ ทั่วไป แต่ในปัจจุบันขนมชนิดนี้สามารถหาซื้อทานได้ในร้านขนมหวานแถวภาคกลาง หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวในเขตภาคกลางเท่านั้น เนื่องจากขนมชนิดนี้ค่อนข้างหาทานได้ยากมาก สำหรับคนที่กำลังหาเมนูขนมหวานทำง่ายๆ แต่ไม่รู้ว่าจะทำขนมชนิดไหนดี ขอแนะนำสูตรขนมตะลุ่มชาววังทำง่าย ไม่ยุ่งยาก มาให้ได้ลองทำตามกัน

วิธีทำ ขนมตะลุ่ม ฉบับมือใหม่ ทำง่ายๆ รสชาติอร่อยแบบชาววัง 

ขนมตะลุ่ม

ขนม ตะลุ่ม ถือว่าเป็นชาววังที่มีรสชาติหวานฉ่ำ หอมกลิ่นสังขยา ที่มาพร้อมกับเนื้อแป้งนุ่มนิ่มอร่อยจนหยุดทานไม่ได้ สำหรับคนที่สงสัยว่าขนมตะลุ่ม ต่างจาก ขนมถ้วย อย่างไร ต้องบอกเลยว่าหน้าขนมถ้วยตะไลเป็นกะทิ ในส่วนหน้าขนมตะลุ่มเป็นสังขยานั่นเอง นอกจากนี้วิธีทำขนมก็แตกต่างกันอีกด้วย ดังนั้นถ้าอยากลองทำขนมตะลุ่มจะต้องเตรียมส่วนผสมของหน้าสังขยา โดยมีวัตถุดิบดังนี้

  1. ไข่เป็ด 5 ฟอง
  2. หัวกะทิ 150 กรัม
  3. ใบเตย 5 ใบ
  4. น้ำตาละพร้าว 200 กรัม
ขนมตะลุ่ม

ส่วนผสม และวัตถุดิบของแป้งขนมที่ต้องเตรียม

  1. แป้งท้าวยายม่อม 50 กรัม
  2. กะทิ 30 กรัม
  3. เกลือ ¼ ช้อนชา
  4. น้ำปูนใส 10 กรัม
  5. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม

เมื่อได้เตรียมส่วนผสมของขนมตะลุ่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อมาจะเป็นในส่วนของวิธีทำขนมตะลุ่มตามฉบับมือใหม่ แต่เป็นสูตรชาววังอย่างง่ายที่มาพร้อมกับรสชาติ หวานฉ่ำของหน้าสังขยาที่อร่อยโดนใจคนชอบขนมไทยแน่นอน 

ขนมตะลุ่ม
  1. เริ่มแรกมาเตรียมแป้งกันก่อน โดยนำแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม หางกะทิ น้ำเปล่า เกลือ และน้ำปูนใส มาผสมในภาชนะที่เตรียมไว้ เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้ว พักไว้ก่อน
  2. ต่อมาเราจะมาทำหน้าสังขยา โดยให้ใส่ไข่เป็ด น้ำตาลมะพร้าว หัวกะทิ และใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป หลังจากนั้นใช้มือขยำส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง 
  3. นำหม้อนึ่งใส่น้ำแล้วนำไปตั้งเตาให้เรียบร้อย เปิดไฟแรง เมื่อน้ำเดือดให้ใส่ส่วนผสมที่เป็นแป้งลงไปในถ้วยตะไลประมาณครึ่งถ้วยปิดฝา นึ่งไว้ประมาณ 5 นาที เมื่อแป้งสุกแล้วให้ใส่หน้าสังขยาลงไปในถ้วยตะไล และทำการนึ่งต่อประมาณ 15 นาที
  4. หลังจากที่ครบกำหนดเวลานึ่งแล้วให้ทำการยกหม้อออกมาจากเตา พักไว้ให้เย็นก่อนนำไปเสิร์ฟ โดยสามารถเสิร์ฟได้ทั้งถ้วย หรือจะแคะขนมออกมาจัดวางไว้บนจานให้สวยงามก็ได้ตามใจชอบ
ขนมตะลุ่ม

หลังจากที่ได้ลองทำขนมตะลุ่มไปเรียบร้อยแล้วจะเห็นว่าวิธีทำขนมตะลุ่มโบราณชาววังนั้นไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งยังใช้เวลาในการทำขนมไทยโบราณไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าขนมชนิดนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมไทยที่มีขั้นตอนการทำที่ง่าย และใช้เวลาเพียงน้อยนิด เหมาะสำหรับคนมือใหม่ฝึกทำขนมทานเองสุดๆ นอกจากนี้รสชาติขนมหวาน หอมละมุน นุ่มลิ้นทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ 

แนะนำขนมตะลุ่ม สูตรใบเตย รสชาติอร่อย หอมกลิ่นใบเตย

ขนมตะลุ่ม

สำหรับคนที่ชอบขนมกลิ่นใบเตย ต้องไม่พลาดกับขนมตะลุ่ม สูตรใบเตย เป็นสูตรขนมไทยที่มีรสชาติหวาน หอมกลิ่นใบเตยตัดกับกลิ่นสังขยาได้อย่างลงตัว เรีกยได้ว่า ขนมตะลุ่มคือ ขนมแสนอร่อยหาซื้อยาก แต่มีขั้นตอนการทำที่ง่ายๆ คล้ายกับสูตรดั้งเดิม เพียงใส่น้ำใบเตยลงไปผสมกับส่วนผสมที่เป็นแป้ง จากนั้นนำมานึ่งให้สุก และใส่ส่วนผสมที่เป็นหน้าสังขยาลงไปนึ่งต่อจนขนมสุก พักไว้ให้เย็นเป็นอันเสร็จสิ้น เพียงแค่นี้ก็จะได้ขนมตะลุ่มสูตรใบเตยเมนูขนมไทยโบราณที่มีรสชาติอร่อย เนื้อขนมนุ่มละลายในปากทานได้ตลอดวัน

อ่านบทความอื่นๆ: 

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
ขนมหวานไทย

เปิดเมนูขนมหวานโบราณน่าทาน สูตร ขนมตะลุ่ม เนื้อสังขยา หวานฉ่ำ ชื่นใจ

ขนมตะลุ่ม

สำหรับ ขนมตะลุ่ม ในสมัยก่อนคนไทยจะนิยมทำแค่เฉพาะงานเทศกาล อาทิ งานบุญ งานแต่ง หรืองานบวชเท่านั้น เพราะขนมชนิดนี้ต้องทำอย่างประณีต และใช้คนทำจำนวนมาก อีกทั้งจะต้องทำอย่างบรรจงที่สุด เนื่องจากขนม ตะลุ่มเป็นขนมชาววังที่แตกต่างจากขนมอื่นๆ ทั่วไป แต่ในปัจจุบันขนมชนิดนี้สามารถหาซื้อทานได้ในร้านขนมหวานแถวภาคกลาง หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวในเขตภาคกลางเท่านั้น เนื่องจากขนมชนิดนี้ค่อนข้างหาทานได้ยากมาก สำหรับคนที่กำลังหาเมนูขนมหวานทำง่ายๆ แต่ไม่รู้ว่าจะทำขนมชนิดไหนดี ขอแนะนำสูตรขนมตะลุ่มชาววังทำง่าย ไม่ยุ่งยาก มาให้ได้ลองทำตามกัน

วิธีทำ ขนมตะลุ่ม ฉบับมือใหม่ ทำง่ายๆ รสชาติอร่อยแบบชาววัง 

ขนมตะลุ่ม

ขนม ตะลุ่ม ถือว่าเป็นชาววังที่มีรสชาติหวานฉ่ำ หอมกลิ่นสังขยา ที่มาพร้อมกับเนื้อแป้งนุ่มนิ่มอร่อยจนหยุดทานไม่ได้ สำหรับคนที่สงสัยว่าขนมตะลุ่ม ต่างจาก ขนมถ้วย อย่างไร ต้องบอกเลยว่าหน้าขนมถ้วยตะไลเป็นกะทิ ในส่วนหน้าขนมตะลุ่มเป็นสังขยานั่นเอง นอกจากนี้วิธีทำขนมก็แตกต่างกันอีกด้วย ดังนั้นถ้าอยากลองทำขนมตะลุ่มจะต้องเตรียมส่วนผสมของหน้าสังขยา โดยมีวัตถุดิบดังนี้

  1. ไข่เป็ด 5 ฟอง
  2. หัวกะทิ 150 กรัม
  3. ใบเตย 5 ใบ
  4. น้ำตาละพร้าว 200 กรัม

ส่วนผสม และวัตถุดิบของแป้งขนมที่ต้องเตรียม

ขนมตะลุ่ม
  1. แป้งท้าวยายม่อม 50 กรัม
  2. กะทิ 30 กรัม
  3. เกลือ ¼ ช้อนชา
  4. น้ำปูนใส 10 กรัม
  5. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม

เมื่อได้เตรียมส่วนผสมของขนมตะลุ่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อมาจะเป็นในส่วนของวิธีทำขนมตะลุ่มตามฉบับมือใหม่ แต่เป็นสูตรชาววังอย่างง่ายที่มาพร้อมกับรสชาติ หวานฉ่ำของหน้าสังขยาที่อร่อยโดนใจคนชอบขนมไทยแน่นอน 

ขนมตะลุ่ม
  1. เริ่มแรกมาเตรียมแป้งกันก่อน โดยนำแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม หางกะทิ น้ำเปล่า เกลือ และน้ำปูนใส มาผสมในภาชนะที่เตรียมไว้ เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้ว พักไว้ก่อน
  2. ต่อมาเราจะมาทำหน้าสังขยา โดยให้ใส่ไข่เป็ด น้ำตาลมะพร้าว หัวกะทิ และใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป หลังจากนั้นใช้มือขยำส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง 
  3. นำหม้อนึ่งใส่น้ำแล้วนำไปตั้งเตาให้เรียบร้อย เปิดไฟแรง เมื่อน้ำเดือดให้ใส่ส่วนผสมที่เป็นแป้งลงไปในถ้วยตะไลประมาณครึ่งถ้วยปิดฝา นึ่งไว้ประมาณ 5 นาที เมื่อแป้งสุกแล้วให้ใส่หน้าสังขยาลงไปในถ้วยตะไล และทำการนึ่งต่อประมาณ 15 นาที
  4. หลังจากที่ครบกำหนดเวลานึ่งแล้วให้ทำการยกหม้อออกมาจากเตา พักไว้ให้เย็นก่อนนำไปเสิร์ฟ โดยสามารถเสิร์ฟได้ทั้งถ้วย หรือจะแคะขนมออกมาจัดวางไว้บนจานให้สวยงามก็ได้ตามใจชอบ
ขนมตะลุ่ม

หลังจากที่ได้ลองทำขนมตะลุ่มไปเรียบร้อยแล้วจะเห็นว่าวิธีทำขนมตะลุ่มโบราณชาววังนั้นไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งยังใช้เวลาในการทำขนมไทยโบราณไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าขนมชนิดนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมไทยที่มีขั้นตอนการทำที่ง่าย และใช้เวลาเพียงน้อยนิด เหมาะสำหรับคนมือใหม่ฝึกทำขนมทานเองสุดๆ นอกจากนี้รสชาติขนมหวาน หอมละมุน นุ่มลิ้นทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ 

แนะนำขนมตะลุ่ม สูตรใบเตย รสชาติอร่อย หอมกลิ่นใบเตย

ขนมตะลุ่ม

สำหรับคนที่ชอบขนมกลิ่นใบเตย ต้องไม่พลาดกับขนมตะลุ่ม สูตรใบเตย เป็นสูตรขนมไทยที่มีรสชาติหวาน หอมกลิ่นใบเตยตัดกับกลิ่นสังขยาได้อย่างลงตัว เรีกยได้ว่า ขนมตะลุ่มคือ ขนมแสนอร่อยหาซื้อยาก แต่มีขั้นตอนการทำที่ง่ายๆ คล้ายกับสูตรดั้งเดิม เพียงใส่น้ำใบเตยลงไปผสมกับส่วนผสมที่เป็นแป้ง จากนั้นนำมานึ่งให้สุก และใส่ส่วนผสมที่เป็นหน้าสังขยาลงไปนึ่งต่อจนขนมสุก พักไว้ให้เย็นเป็นอันเสร็จสิ้น เพียงแค่นี้ก็จะได้ขนมตะลุ่มสูตรใบเตยเมนูขนมไทยโบราณที่มีรสชาติอร่อย เนื้อขนมนุ่มละลายในปากทานได้ตลอดวัน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
อาหารไทย

แชร์เมนูสุดคลาสสิก ข้าวผัดไข่ ข้าวนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมอบอวล ชวนทาน

ข้าวผัดไข่

ข้าวผัดไข่ จัดเป็นอาหารจานเดียวที่หลายคนชอบทานกันเป็นประจำก่อนไปทำงาน และยังเป็นอาหารจานด่วนสุดคลาสสิกมักจะมีขายตามร้านข้าวแกง หรือร้านอาหารตามสั่งทั่วไป โดยอาหารจานด่วนนี้จะมีความพิเศษตรงที่รสชาติกลมกล่อม หอมอบอวล ละมุนละไมสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูสุขภาพมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน สำหรับคนที่ชอบทานข้าวผัดเป็นประจำต้องไม่พลาด เพราะเรามีวิธีการทำข้าวผัดไข่ ง่ายๆ ให้ลองทำทานที่บ้านด้วยตัวเอง ว่าแต่จะทำง่ายแค่ไหนไปดูกันเลย

วิธีทำเมนูยอดนิยม ข้าวผัดไข่ อาหารจานเดียว ทำง่าย ไม่อมน้ำมัน

ข้าวผัดไข่

ในเวลาเร่งรีบแบบนี้อาหารเช้าก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน แต่จะทำเมนูไหนดีที่สามารถทำง่ายๆ ใช้วัตถุน้อย และไม่ต้องเสียเวลาทำอาหารนาน ขอแนะนำเมนูอาหารจานด่วน ข้าวผัดไข่แสนอร่อย รสชาติอ่อนละมุน หอมอร่อยเต็มปากเต็มคำ และในส่วนวิธีทำข้าวผัดไข่ ง่ายๆ ไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งยังได้เปลี่ยนข้าวสวยแสนธรรมดาเป็นข้าวผัดแสนอร่อยถูกใจคนทานอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ทำทานเองได้ง่ายๆ สบายๆ และยังสามารถทานได้ทั้งครอบครัว หรือจะห่อไปทานที่ทำงานก็สามารถพกพาสะดวก และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามาดูวิธีทํา ข้าวผัดไข่ ให้อร่อยถูกใจคนในครอบครัวกันเลย

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

ข้าวผัดไข่
  1. ข้าวสวยหุงสุก 1 ½ ถ้วยตวง
  2. น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
  3. ไข่เป็ด 2 ฟอง
  4. ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
  5. ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  6. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
  8. พริกไทย ½ ช้อนชา
  9. กระเทียมสับ ½ ช้อนชา

เมนูข้าวผัดไข่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ใช้วัตถุดิบน้อยมาก และที่สำคัญยังสามารถใช้ข้าวสวยที่ทานไม่หมดมาทำเป็นข้าวด้วยผัดได้ด้วย และในขั้นตอนต่อมาเราจะมาเข้าสู่วิธี ทำ ข้าวผัดไข่ง่ายๆ ใช้เวลาเพียงน้อยนิด ว่าแล้วไปลงมือทำกันเลย

ข้าวผัดไข่
  1. มาเริ่มต้นที่ขั้นตอนแรกกันได้เลย เริ่มจากนำกระทะมาตั้งเตาเปิดไฟปานกลาง จากนั้นใส่น้ำมันลงไปในกระทะ จากนั้นใส่กระเทียมลงไปผัดให้เข้ากันจนหอม ตอกใข่ลงไปยีให้สุกพอดี หลังจากนั้นใส่ข้าวสวยที่เตรียมไว้คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วย ซอสปรุงรส ซีอิ้วขาว และน้ำตาลทราย 
  2. หลังจากที่ผัดข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้นำต้นหอมโรยลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน พร้อมตักใส่จาน และโรยด้วยพริกไทย เพียงแค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ข้าวผัดไข่

ข้าวผัด ไข่ เป็นเมนูที่ทำง่ายๆ ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก แต่การทำข้าวผัดให้อร่อยจะต้องระวังการใส่น้ำมัน เพราะถ้าใส่น้ำมันเยอะเกินไปจะทำให้ข้าวผัดอมน้ำมันทานแล้วไม่อร่อย สำหรับใครที่คิดว่าข้าวผัดไข่โบราณรสชาติจืดไป หรือยากเพิ่มความอร่อยมากกว่านี้ ขอแนะนำให้เพิ่มมะนาว หรือน้ำพริกน้ำปลาราดลงไปในจานข้าวผัดจะทำให้รสชาติของอาหารมีความอร่อยจัดจ้านเพิ่มมากขึ้น 

เทคนิคทำข้าวผัดไข่ หอมอร่อย ไม่ติดกระทะ และข้าวไม่เป็นก้อน

ข้าวผัดไข่

ถึงแม้ว่าการทำข้าวผัดไข่จะเป็นเมนูที่ทำง่ายสุดที่ในเมนูอาหารสุขภาพ แต่ส่วนใหญ่จะมีปัญหาในการทำข้าวผัดติดกระทะ และข้าวติดกันเป็นก้อน ทำให้สีของข้าวผัดไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นเราจึงมีสูตร ข้าวผัดไข่ไม่ติดกระทะมาให้ได้ทำตามกัน โดยเริ่มแรกจะต้องวนน้ำมันให้ทั่วกระทะ และเทออกจะทำให้น้ำมันเคลือบกระทะได้ดี ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ข้าวร่วนไม่ติดกระทะแน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
ขนมเบเกอรี่

ขนมสุดฮิต ชิฟฟ่อนเค้ก แป้งนุ่มเด้ง ไขมันต่ำ หอมอร่อย

ชิฟฟ่อนเค้ก

ขนมแสนอร่อย ขนม ชิฟฟ่อนเค้ก เนื้อแน่นเด้ง ที่มาพร้อมกับรสชาติหวานละมุน ไม่เลี่ยน แถมเนื้อเค้กนุ่มเบาสุดๆ สำหรับขนมชนิดนี้มีหลากหลายสูตร ไม่ว่าจะเป็นสูตรชิฟฟ่อนเนยสด วานิลลา รวมถึงสูตรไส้มะพร้าว เป็นต้น ซึ่งแต่ละสูตรก็จะมีรสชาติที่มีความแตกต่างกันออกไป แถมยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย อีกทั้งขนมเค้กชิฟฟ่อนยังเป็นหนึ่งในเมนูขนมเค้กที่ทำง่ายๆ และเนื้อเค้กนุ่มฟูเหมือนที่เคยทานที่ร้านเบเกอรี่ทีเดียว

เข้าครัวเบเกอรี่ชวนทำ ชิฟฟ่อนเค้ก แป้งนุ่ม หอมละมุน ไขมันน้อย 

ชิฟฟ่อนเค้ก

ขนมเค้กมีหลากหลายสูตร แต่ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของขนมเบเกอรี่ต้องยกให้ ชิฟฟ่อนเค้ก หอมละมุน รสชาติหวานอร่อย สำหรับคนที่ทานขนมเค้กชิฟฟ่อนเป็นประจำ และต้องการอยากทำขนมทานเองในครอบครัว หรือทำฝากเพื่อนในวันพอเศษก็สามารถทำได้ เพราะมีขั้นตอนที่ทำไม่ยุ่งยาก มือใหม่ทำได้สะบายมาก และแน่นอนว่าเราก็จะมาทำขนมเค้กกันอีกเช่นเคย ซึ่งวันนี้ขอเสนอสูตรชิฟฟ่อนเค้กมะพร้าวอ่อนที่มีกลิ่นหอมมะพร้าว และเนื้อมะพร้าวกรุบกรอบแสนอร่อย

วัตถุดิบ ส่วนผสมที่ต้องเตรียมของไข่แดง

  1. แป้งเค้ก 100 กรัม
  2. เกลือ ¼ ช้อนชา
  3. ผงฟู ½ ช้อนชา
  4. กะทิ 30 กรัม
  5. น้ำมันมะพร้าว 50 กรัม
  6. น้ำมะพร้าว 30 กรัม
  7. ไข่แดง 5 ฟอง
  8. น้ำตาลทราย 50 กรัม
ชิฟฟ่อนเค้ก

ส่วนผสม และวัตถุดิบของไข่ขาว

  1. ไข่ดาว 5 ฟอง
  2. แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
  3. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  4. ครีมออฟทาร์ทาร์ ½ ช้อนชา
  5. เนื้อมะพร้าวอ่อน 1 ถ้วยตวง

วิธีทำชิฟฟ่อนเค้ก สูตรมะพร้าวอ่อนจะนำไข่มาตอกใส่ภาชนะ จากนั้นจะแยกไข่แดง และไข่ขาวออกจากกัน เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนผสมของแป้งเค้ก และวิปปิ้งครีมต่อไป ต่อมาจะเป็นขั้นตอนการทำชิฟฟ่อน เค้กเนื้อนุ่มโฮมเมคดังนี้

ชิฟฟ่อนเค้ก
  1. นำไข่แดง และน้ำตาลทรายใส่ลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนกว่าน้ำตาลทรายละลาย ใส่น้ำมะพร้าว น้ำมันมะพร้าว กะทิ เกลือ ผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำแป้งที่ร่อนพร้อมกับผงฟูใส่ลงไป และทำการตะล่อมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  2. ต่อมาจะเป็นขั้นตอนการทำส่วนผสมของไข่ขาว โดยการนำไข่ขาวตีเป็นฟองหยาบๆ แล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ตีให้เข้ากัน ใส่แป้งข้าวโพดแล้วตีให้เข้ากัน หลังจากนั้นทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีต่อไปจนกว่าจะตั้งยอด
  3. นำไข่ขาวบางส่วนมาใส่ในไข่แดง ตะล่อมเบาๆ จนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะเป็นเนื้อเดียวกัน นำไปเทใส่พิมพ์ ใช้ไม้พายปาดให้เสมอกัน แล้วเคาะพิมพ์ เพื่อไล่ฟองอากาศออก และโรยด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เวลา 30 นาที 
ชิฟฟ่อนเค้ก

หลังจากที่อบชิฟฟ่อนเค้ก สูตรมะพร้าวอ่อนเรียบร้อยแล้วให้นำมาออกมาพักไว้ให้เย็น เสร็จแล้วนำมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำ เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมเค้ก ชิฟฟ่อนเนื้อนุ่มๆ หอมหวาน เนื้อมะพร้าวกรุบกรอบเคี้ยวเพลินสุดๆ ไปเลย 

เทคนิคทำ ชิฟฟ่อนเค้ก เนื้อนุ่มฟู หน้าเรียบสวย ไม่แตก แถมอร่อยด้วย

ชิฟฟ่อนเค้ก

สำหรับมือใหม่ฝึกทำขนมชิฟฟ่อนเค้กครั้งแรก ต้องไม่พลาด เพราะเรามีเทคนิคการทำขนมเค้กให้หน้าเรียบสวย โดยหลังจากที่เตรียมส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ให้นำมาเทใส่พิมพ์ หลังจากนั้นเคาะพิมพ์ 2-3 ครั้ง เพื่อไล่อากาศออก เสร็จแล้วนำไปอบ 180 องศาเซลเซียส พยายามอย่าใช้ไฟแรงกว่านี้ เพราะจะให้ขนมไหม้ แถมหน้าขนมแตกอีกด้วย และอย่าอบขนมให้ฟูเกินไป ควรใช้เวลาอบประมาณ 25-30 นาที จะได้ขนมที่มีหน้าเนียนสวย พร้อมนำไปทานได้ นอกจากนี้ชิฟฟ่อน คือ ขนมที่สามารถนำไปทำขนมเมนูอื่นๆ ได้หลากหลาย หรือถ้าอยากทำเค้กวันเกิด เพียงขนมชิฟฟ่อนมาตกแต่งด้วยวิปปิ้งครีม และผลไม้นานาชนิดก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
อาหารสุขภาพ

ผัดผักรวมมิตร อาหารเพื่อสุขภาพ ทานได้ทุกวัน ไม่มีเบื่อ

ผัดผักรวมมิตร

ผัดผักรวมมิตร เป็นเมนูเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะอุดไปด้วยไฟเบอร์ที่ช่วยให้ขับถ่ายง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีวิตามิน และแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการอีกด้วย แค่นั้นยังไม่พอเมนูผัดผัก รวมมิตรหลากหลายสีสันยังเป็นอาหารที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย ดังนั้นหากอยากลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วน และหุ่นไม่พังต้องทานมีเมนูผัดผักเป็นประจำ รับรองว่าผอมหุ่นดีแน่นอน 

ขั้นตอนการทำ ผัดผักรวมมิตร ทำง่าย ผักกรุบกรอบ รสชาติละมุน 

ผัดผักรวมมิตร

ใครอยากลดน้ำหนัก สุขภาพดีมาทางนี้ เพราะเรามีเมนูยอดฮิตในการลดน้ำหนักอย่างง่าย อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่ขับถ่ายยากอีกด้วย และนั่นก็คือ ผัดผัก รวมมิตร กลิ่มหอม รสชาติอร่อยกลมกล่อม ผักกรุบกรอบ ซึ่งเมนูนี้สามารถทำทานได้ด้วยตัวเอง แถมยังทำง่ายมากๆ เพียงแค่มีผักสดๆ ก็สามารถทำได้แล้ว โดยสูตรผัดผักที่นิยมมากที่สุดคือ ผัดผักรวม 6 ชนิดใส่หมูนุ่มๆ รสชาติอร่อย เนื้อนุ่ม หอมอร่อยสุดๆ สำหรับผักที่นำมาทำอาหารสามารถหาซื้อได้ตามตลาดสดทั่วไป 

ส่วนผสม และวัตถุดิบทั่วไป

ผัดผักรวมมิตร
  1. บล็อกโคลี ½ ถ้วยตวง
  2. กะหล่ำปลี ½ ถ้วยตวง
  3. แครอท ½ ถ้วยตวง
  4. มะเขือเทศ 1 ลูก
  5. น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
  6. เนื้อหมู 5 ช้อนโต๊ะ
  7. ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
  8. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  9. ซีอิ้วขาว ½ ช้อนโต๊ะ
  10. น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
  11. เห็ดหอม 2 ดอก

สำหรับเมนูผัดผักรวมมิตรสามารถใส่วัตถุดิบอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพดอ่อน หรือถั่วลันเตา เพิ่มเข้าไป หรือหากชอบทานเห็ดก็สามารถเพิ่มเห็ดหอมอร่อยๆ ซึ่งการทำผัดผักรวมใส่เห็ดก็ไม่ยุ่งยาก และที่สำคัญได้สารอาหารจากเห็ดอีกเพียบ หลังจากที่เตรียมส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อยแล้วต่อมาจะเป็นขั้นตอนการทำผัดผักรวมอย่างง่ายๆ ดังนี้

ผัดผักรวมมิตร
  1. นำบล็อกโคลี กะหล่ำปลี แครอท มะเขือเทศ เห็ดหอม มาล้างทำความสะอาด จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พักไว้ก่อน ต่อมานำเนื้อหมูมาล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 
  2. นำกระทะมาตั้งเตา เปิดไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชที่เตรียมไว้ลงไป เจียวให้กระเทียมหอม จากนั้นใส่หมนูชิ้นลงไป ตามด้วยน้ำมันหอย ซีอิ้วขาว และน้ำตาลทราย ผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และผัดให้หมูสุกดี ใส่น้ำเปล่าเล็กน้อย เมื่อหมูสุกแล้ว ในขั้นตอนต่อมาจะใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไปผักให้เข้ากัน ใส่เห็ดหอม รอให้ผักสุกแล้วเปิดไฟ ยกออกจากเตา ตักผักส่จาน พร้อมเสิร์ฟได้
ผัดผักรวมมิตร

เป็นอันเสร็จเรียบร้อยกับขั้นตอนการทำผัดผักรวมมิตรสูตรผัดผักสามสีอย่างง่าย และไม่ยุ่งยาก ซึ่งรสชาติที่ทำเสร็จจะมีความหอมอร่อย รสชาติกลมกล่อม พร้อมทานคู่กับข้าวสวยร้อนอร่อยสุดๆ เลยทีเดียว สำหรับใครที่อยากทำอาหารเมนูอย่างง่าย ขอแนะนำผัดผักที่อุดไฟเบอร์มากมายที่ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก แถมยังวิตามินที่ช่วยให้ร่างกายสุขภาพดีอีกด้วย ดังนั้นถ้าอยากสุขภาพดีทุกวันต้องลองทำผัดผักรวมทำทานได้ทั้งครอบครัว

อาหารอร่อยบอกต่อผัดผักรวมมิตร ทานทุกวัน ได้สุขภาพที่ดี 

ผัดผักรวมมิตร

สำหรับใครที่ชอบทานผัดผักรวมมิตร แต่ไม่อยากทานแค่ผักอยากทานโปรตีนด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะทำสูตรไหนทานเย็นนี้ดี ต้องเลยว่าไม่ต้องกังวลไป เพราะมีสูตรผัดผักที่ทานแล้วต้องติดใจแน่นอน และเมนูที่มานำเสนอนั่นก็คือ ผัดผักรวมมิตรกุ้ง รสชาติอร่อย เนื้อกุ่งแน่นเด้ง ทานคู่กับผักอร่อยไม่เคยเปลี่ยน โดยวิธีทำผัดผักก็ง่ายนิดเดียว เพียงแค่ทำตามขั้นตอน และวิธีทำที่กล่าวมาข้างต้น และเปลี่ยนจากหมูเป็นกุ้งแทน จากนั้นนำมาผัดให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมทั้งหมกสุกดีแล้ว นำมาตักใส่จาน พร้อมทานได้แบบไม่อ้วนแน่นอน 

อ่านบทความอื่นๆ: 

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
อาหารนานาชาติ

เปิดเมนูยอดนิยม โซบะ อาหารญี่ปุ่น เส้นเหนียวหนึบ อิ่มอร่อยทุกเวลา

โซบะ

หากไปเที่ยวญี่ปุ่นจะต้องไปชิมอาหารยอดนิยมอย่าง โซบะ หรือเส้นหมี่ญี่ปุ่น สำหรับใครยังไม่เคยทานเรามาทำความรู้จักกับ โซบะคือ อาหารแบบดั้งเดิมที่มีลักษณะเป็นเส้นสีน้ำตาลอ่อน เหนี่ยวนุ่ม โดยเส้นโซบะทำมาจากแป้งบัควีทผสมกับน้ำนวดให้เข้ากัน แล้วนำตุ้มให้สุก ซึ่งเมนูนี้มีสองสูตร คือ โซบะสูตรเย็น โดยหลายคนจะสงสัยว่าโซบะเย็น กินยังไง สำหรับแบบเย็นจะทานคู่น้ำซอสญี่ปุ่นในช่วงอากาศร้อนๆ ส่วนโซบะแบบร้อนทานช่วงอากาศหนาวๆ จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นมากขึ้น 

ชวนทำอาหารญี่ปุ่น โซบะ เส้นนุ่ม หอมละมุน ทานได้ทุกเทศกาล

โซบะ

มาเอาใจคนชอบทานอาหารญี่กันบ้าง หลังจากที่ห่างหายจากการเข้าครัวไปนานแสนนาน วันนี้เราจะพาทุกคนมาเข้าครัวสไตล์ญี่กันบ้าง และเมนูพาทำก็คือ โซ บะ หรือหมี่ญี่ปุ่น เส้นเหนียวหนึบหนับ รสชาติกลมกล่อม สำหรับโซบะ วิธีทำง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และที่สำคัญวัตถุดิบน้อยมากๆ ดังนั้นคนที่ไม่เคยทำอาหารญี่ปุ่นมาก่อนต้องทำได้แน่นอน ซึ่งสูตรที่นำมาแชร์นั้นเป็นโซบะสูตรเย็นเหมาะสำหรับสภาพอากาศร้อนของบ้านเราสุดๆ

วัตถุดิบ และส่วนของหมี่เย็นผสมที่ต้องเตรียม

โซบะ
  1. เส้นโซบะ 300 กรัม
  2. น้ำซอสโซบะ 1 ขวด
  3. วาซาบิ ½ ช้อนชา
  4. ต้มหอม 1 ช้อนโต๊ะ
  5. สาหร่าย 5 กรัม
  6. น้ำเย็น หรือน้ำแข็ง 1 ถ้วยตวง

โซบะสูตรเย็นเป็นเมนูที่สามารถทำทานได้ทั้งทุกเทศกาล แต่จะทำบ่อยที่สุดจะเป็นช่วงสภาพอากาศร้อนๆ เพราะเมนูจะช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี เพราะเส้นโซบะ ประโยชน์มากมาย อาทิ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เพิ่มความสดุลของการไหวเวียนเลือด แถมยังช่วยชะลอความแก่อีกด้วย สำหรับส่วนผสมที่เป็นน้ำซอสหากไม่ชอบวาซาบิก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ หรือหากชอบทานวาซาบิสามารถใส่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมได้ ต่อมาจะเป็นวิธีทำโซบะทานเองที่บ้านดังนี้

โซบะ
  1. นำเส้นโซบะมาต้มในน้ำเดือดประมาณ 5 นาที ทำการคนเส้นเป็นระยะ เพื่อไม่ให้เส้นติดกับหม้อต้ม หลังจากนั้นนำเส้นมาแช่ในน้ำเย็น และน้ำแข็งประมาณ 1-2 นาที เพื่อน็อคเส้นโซบะไม่ให้สุกเกอนไป เสร็จแล้วนำออกมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ นำไปพักไว้ก่อน
  2. ขั้นตอนต่อมาจะเป็นการทำน้ำซอส เริ่มจากใส่น้ำซอสโซบะลงไปในถ้วยที่เตรียมไว้ จากนั้นใส่วาซาบิลงไป ใส่ต้นหอม คนส่วนผสมให้เข้ากัน 
  3. นำเส้นโซบะที่เตรียมไว้จัดใส่จานให้สวยงาม จากนั้นสาหร่ายมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปโรยบนเส้นโซบะ พร้อมเสิร์ฟคู่กับน้ำซอสสูตรเข้มข้น 

โซบะเส้นเหนียวนุ่ม ทานคู่กับน้ำซอสสูตรเข้มข้นยิ่งทำให้ทำให้รสชาติของเส้นมีความกลมกล่อม แถมยังมีกลิ่นหอมของวาซาบิอร่อยฟินสุดๆ นอกจากเมนูโซบะสูตรเย็นแล้วเส้นโซบะ ทำอะไรได้บ้าง ต้องบอกเลยว่าเส้นโซบะสามารถเป็นสูตรร้อนที่มีน้ำซุปเข้นข้น รสชาติกลมกล่อม 

แชร์ เมนูโซบะ สูตรร้อน ซดคล่องคอ ทำง่ายมากๆ แถมอร่อยเหมือนซื้อทานที่ร้าน

โซบะ

สำหรับใครที่ทานโซบะ แบบร้อนต้องไม่พลาดวิธีการทำโซบะอย่างง่าย โดยเส้นโซบะ ทำจากแป้งโซบะหลายอาจจะสังสัยว่าเส้นโซบะ อ้วนไหม ต้องบอกเลยว่าไม่อ้วนแน่นอน แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย สำหรับขั้นตอนในการทำเมนูโซบะ สูตรร้อน เริ่มจากนำเห็ดสไลด์ และเห็ดชิเมจิผัดกับน้ำมัน ปรุงรสด้วยน้ำซุปปลาแห้ง ตตักใส่ถ้วยพักไว้ก่อน ต่อมาลวกเส้นโซบะในน้ำเดือดนาน 1 นาที เสร็จแล้วนำไปพักไว้ จากนั้นทำน้ำซุป โดยการผสมน้ำสต๊อกต้มปลาแห้งเข้มข้น รอให้เดือด เสร็จแล้วนำมาเทใส่ถ้วยเส้นหมี่ แต่งหน้าด้วยผักกวางตุ้ง เห็ดผัสซอส ไข่ลวก เป็นเสร็จเรียบร้อย พร้อมได้ทาน 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
ขนมหวานไทย

แนะนำขนมโบราณ ขนมถ้วย เมนูแสนหวาน เนื้อนุ่ม หวาน มัน

ขนมถ้วย

หากพูดถึงขนมหวานที่สามารถหาซื้อทานได้ง่ายต้องยกให้ ขนมถ้วย เพราะเป็นขนมที่คนไทยชอบทานมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นขนมไทยโบราณที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน และคาดว่าจะนิยมไปตลอดกาล นอกจากนี้ขนมถ้วยโบราณยังสามารถทำทานได้ด้วยตัวเอง แถมขั้นตอนต่างๆ ยังไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องเตรียมวัตถุดิบเยอะแยะมากมายก็สามารถทำทานได้ที่บ้าน แถมรสชาติอร่อยด้วย 

ชวนเข้าครัวไทย สอนทำ ขนมถ้วย หวาน มัน ทำง่าย อร่อยสไตล์ชาววัง

ขนมถ้วย

หากใครกำลังหาขนมแสนอร่อยทาน แต่ไม่รู้ว่าจะทานขนมอะไรดี ขอแนะนำขนมถ้วย ขนมหวานสุดคลาสสิกที่มีหาซื้อได้ง่าย รสชาติขนมยังอร่อยไม่จำเจ อีกทั้งเนื้อแป้งนุ่มสุดๆ แต่ถ้าหากอยากลองทำทานด้วยตัวเอง วันนี้เรามีสูตรขนมถ้วยโบราณที่มีรสชาติหวาน มัน เค็ม อร่อยสุดๆ แถมทำออกมาแล้วน่าทานแน่นอน ที่สำคัญวิธีทำขนมถ้วย ง่าย ๆ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมายก็สามารถทำขนมทานเองได้ที่บ้าน แถมไม่ต้องไปหาซื้อทานให้เสียเวลาอีกด้วย 

วัตถุดิบ และส่วนผสมของแป้งที่เตรียม

  1. แป้งมัน 150 กรัม
  2. แป้งข้าวจ้าว 250 กรัม
  3. น้ำตาลปิ๊ป 250 กรัม
  4. น้ำเปล่า 400 กรัม
  5. ใบเตย 2 ถ้วยตวง
  6. กะทิ 200 กรัม
ขนมถ้วย

ส่วนผสม และวัตถุดิบของหน้าขนม

  1. หัวกะทิ 900 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 50 กรัม
  4. เกลือ 2 ช้อนชา

ขนมถ้วยเป็นขนมประเภทนึ่งที่มีเนื้อแป้งนุ่ม หวาน อร่อยฟินทุกคำ ดังนั้นคนที่ไม่ชอบขนมทอดสามารถลองทำขนมไทยชนิดนี้ทานได้ รับรองว่าอร่อยถูกใจแน่นอน และในลำดับต่อมาเราจะมาดูขั้นตอนการทำขนมหวานง่ายกัน

ขนมถ้วย
  1. เริ่มต้นด้วยการนำใบเตยมาล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ นำไปใส่ในเครื่องปั่นใส่น้ำเล็กน้อย ปั่นให้ละเอียด นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อเอาน้ำใบเตยไปใช้ต่อไป
  2. ขั้นตอนต่อมา เราจะนำแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน ใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นใส่น้ำปิ๊ปลงไป ใช้มันขยำให้เข้ากัน เทน้ำใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป ผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำมากรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อให้น้ำแป้งเนื้อเนียน 
  3. หลังจากที่เตรียมส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อมาจะเป็นการเตรียมหม้อใส่น้ำนพไปตั้งเตา ใช้ไฟแรง และขนมถ้วยเปล่าๆ มานึ่งรอประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นใส่น้ำแป้งขนมลงไปให้เต็มถ้วย ทำการนึ่งต่อไปประมาณ 10 นาที
  4. ในระหว่างที่รอขนมสุก เรามาทำหน้าขนมโดยการนำ แป้งมัน หัวกะทิ เกลือ น้ำตาล และน้ำเปล่า คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใช้ตะแกรงกรองน้ำกะทิอีกครั้ง
  5. นำน้ำราดกะทิมาหยอดใส่ในขนมถ้วยที่กำลังนึ่งอยู่ จากนั้นรอประมาณ 5 นาที เสร็จแล้ว ยกออกจากเตา และรอให้ขนมเย็นสักพัก แล้วค่อยนำออกมาใส่จานพร้อมทาน
ขนมถ้วย

เป็นอย่างไรบ้างกับขนมถ้วยชาววังที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน แถมรสชาติหวาน มัน เค็ม อร่อยกำลังดี และข้อดีของการทำขนมทานเองคือ ได้ทานขนมรสชาติตามที่เราต้องการ และยังได้ทานขนมสดใหม่ อีกทั้งวิธีทำขนมถ้วยก็ทำได้ไม่ยากอีกด้วย สำหรับคนที่อยากลองทำเมนูขนมไทยๆ ขายตามท้องตลาดก็สามารถทำตามสูตรขนมไทยที่เรานำมาแชร์ได้ รับรองกำไรปังแน่นอน 

สูตรลับ ขนมถ้วย ชาววัง เนื้อนุ่มนิ่ม ทานง่าย อร่อยด้วย 

ขนมถ้วย

ขนม ถ้วย ขึ้นชื่อว่าเป็นเมนูขนมไทยโบราณชาววังที่สามารถทำทานได้ทั้งครอบครัว แถมยังสามารถทำได้ในปริมาณที่ต้องการอีกด้วย สำหรับเคล็ดลับในการทำขนมถ้วยให้นุ่มนั้น ในขั้นตอนผสมแป้งจะต้องนำแป้งมาร่อนก่อนแล้วค่อยนำไปผสมกับส่วนผสมอื่นๆ เพราะจะทำให้ขนมมีเนื้อเนียนสวยน่าทาน 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
ขนมเบเกอรี่

ขอแนะนำสูตร มัฟฟินบลูเบอร์รี่ เนื้อนุ่มนิ่ม กลิ่นบลูเบอร์รี่หอมอบอวล

มัฟฟินบลูเบอร์รี่

มัฟฟินบลูเบอร์รี่ ถือว่าเป็นขนมเค้กที่มีก้อนกลมสุดน่ารัก ทานง่าย พกพาสะดวก อีกทั้งยังเป็นเบเกอรี่ที่มีความโดดเด่นด้วยบลูเบอรี่ที่เนื้อเข้มข้นจัดเต็ม รสชาติหวานละมุน หอมกลิ่นบลูเบอรี่เข้มข้น และหากใครได้ทานแล้วรับรองต้องติดใจจนต้องซื้อทานเพิ่มอีกชิ้นแน่นอน นอกจากนี้ขนมมัฟฟินบลูเบอรี่ยังเหมาะที่จะนำไปเป็นของฝากให้กับเพื่อน หรือญาติผู้ใหญ่ได้ด้วย แถมยังสามารถเก็บไว้นานโดยที่ยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง 

วิธีทำ มัฟฟินบลูเบอร์รี่ เนื้อนุ่มฟู รสชาติเปรี้ยวอมหวาน กลิ่นหอมชวนทาน

มัฟฟินบลูเบอร์รี่

มัฟฟิน บลูเบอร์รี่ ขนมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และยังเป็นขนมที่มีสูตรที่ทำง่ายๆ มือใหม่ก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องไปเรียนทำขนมให้เสียเวลา แถมยังทำออกมาแล้วรสชาติหวานละมุน รสชาติอร่อย เนื้อนุ่มอร่อยอีกด้วย นอกจากนี้หากจะทำขนมมัฟฟิน บลูเบอร์รี่ขายเป็นอาชีพหลักก็สามารถขายได้กำไร และลูกยังติดใจรสชาติของขนมจนต้องกลับมาซื้อทานอีก ดังนั้นใครที่กำลังอยากลองทำขนมชนิดนี้ด้วยตัวเอง สูตรและขั้นตอนการทำอย่างง่ายมาฝาก รับรองทำได้แน่นอน

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

มัฟฟินบลูเบอร์รี่
  1. แป้งเค้ก 200 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 150 กรัม
  3. ผงฟู 1 ช้อนชา
  4. นมสดรสจืด 150 กรัม
  5. กลิ่นเลม่อน 1 ช้อนชา
  6. บลูเบอร์รี่สด 150 กรัม
  7. น้ำมัน 100 กรัม
  8. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  9. เกลือ ½ ช้อนชา

สำหรับการทำขนมมัฟฟินบลูเบอร์รี่ให้อร่อยได้ความฟินในการทานขนมจะต้องใช้บลูเบอร์รี่สดจะทำให้รสชาติของขนมจะมีความหอมมากขึ้น และยังได้ทานเนื้อบลูเบอร์รี่อีกด้วย ในส่วนของส่วนผสมที่เป็นน้ำตาลทรายสามารถลดปริมาณลงได้หากไม่ชอบทานหวาน และต่อมาเราจะมาทำบลูเบอร์รี่มัฟฟิน สูตรโฮมเมคอย่างง่าย โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

มัฟฟินบลูเบอร์รี่
  1. นำไข่ไก่มาตอกใส่ภาชะที่เตรียมไว้ จากนั้นตีไข่ให้เป็นเนื้อเดียวกัน เติมน้ำตาลทรายลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใส่กลิ่นเลมอนลงไป เสร็จแล้วคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำมันพืช คนส่วนผสมอีกครั้งจนกว่าจะเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่นมข้นจืดลงไปคนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน
  2. นำแป้งมผสมผงฟู และเกลือ ผสมให้เข้ากันเข้ากัน จากนั้นนำไปเทใส่ส่วนผสมอื่นๆ ที่เตรียมไว้ เสร็จแล้วคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  3. หลังจากที่ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดีแล้ว ต่อมาให้ใส่บลูเบอร์รี่ลงไปผสมบางส่วน ค่อยๆ ใช้ไม้พายตำเบาๆ ให้บลูเบอร์รี่พอแตกเล็กน้อย เสร็จแล้วนำไปใส่ในถ้วยฟรอยรองด้วยกระดาษไขแบบมีลาย จากนั้นนำเข้าอบในตู้อบ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที หรืออบจนกว่าทุกอย่างจะสุกดี 
มัฟฟินบลูเบอร์รี่

ขนมเค้กสุดน่ารักอย่างมัฟฟินบลูเบอร์รี่โฮมเมครสชาติที่อบเสร็จใหม่ๆ จะมีความหวานละมุน เนื้อเค้กนุ่มฟู หอมกลิ่นบลูเบอร์รี่ และยังได้ทานเนื้อบลูเบอร์รี่แบบจัดเต็มอีกด้วย ดังนั้นคนที่ชอบทานขนมหวานสามารถลองสูตรมัฟฟินบลูเบอร์รี่ง่ายๆ มือใหม่ก็ทำได้แน่นอน 

ขนมมัฟฟินบลูเบอร์รี่ สูตรโยเกิร์ต รสชาติหวานอร่อย หอมกลิ่นโยเกิร์ต

มัฟฟินบลูเบอร์รี่

ขนมมัฟฟินบลูเบอร์รี่ หนึ่งในขนมที่สามารถทำทานได้เอง เพราะวิธีทำสามารถทำได้ง่าย อีกทั้งรสชาติอร่อยไม่แพ้ที่ซื้อมาทานเลยทีเดียว สำหรับคนที่ชอบทานโยเกิร์ตบ่อยๆ อยากทานโยเกิร์ตในขนมบ้าง ขอแนะนำ ฟินบลูเบอร์รี่ สูตรโยเกิร์ต ซึ่ววิธีการทำก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ทำตามสูตรที่กล่าวมาข้างต้น จากนั้นใส่โยเกิร์ตเข้าไปด้วย เพียงเท่านี้ก็สามารถนำขนมเข้าอบได้เลย หลังจากที่อบเสร็จแล้ว เอาขนมมาพักไว้ให้เย็น พร้อมทานได้

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net