สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
อาหารไทย

ยำขนมจีน สูตรน้ำปลาร้า อร่อยเหมือนกินที่ร้าน

ยำขนมจีน

เมนูแซ่บที่เราอยากนำเสนอในวันนี้ คือ เมนู ยำขนมจีน แซ่บนัว กินแล้วติดใจ สูตรยำใส่ปลาร้า จะอร่อยแค่ไหน มาลองเข้าครัวทำกิน

ส่วนผสมในการทำ ยำขนมจีน

ยำขนมจีน

ยำ ขนมจีน เมนูยำที่เรานึกถึงมักได้แก่ ยำวุ้นเส้น ยำเล็บมือนาง ยำรวมมิตร และยำหมูยอ แต่พอพูดถึงขนมจีนที่คนส่วนใหญ่นำมาราดน้ำยาชนิดต่าง ๆ เช่น น้ำยาแกงไตปลา น้ำยาแกงเขียวหวาน น้ำยาน้ำพริกและขนมจีนซาวน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้เพราะ การรับประทานขนมจีนมีมานานแล้ว 

สำหรับการนำเส้นขนมจีนมายำ เริ่มเป็นกระแสเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้วันนี้ แอดมินมีเคล็ดลับดี ๆ มาฝากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการกินขนมจีน

วัตถุดิบ

ยำขนมจีน

ยำขนมจีนเมนูเส้นสูตรเด็ด เมื่อวัตถุดิบที่จะต้องเตรียมมาทำ เป็นวัตถุดิบที่พบได้ในครัวเรือนทั่ว ๆ ไป

  • ขนมจีน 1 จับ 
  • หมูยอนำมาหั่นชิ้น½ ถ้วย
  • ปลาทูทอด 1 ตัว เอาแต่เนื้อ
  • ถั่วฝักยาว ½ ถ้วย นำมาหั่นเป็นท่อน ๆ 
  • หัวหอมแดงหั่นซอย 3 หัว
  • ผักชีฝรั่งหั่นซอย ½ ถ้วย
  • ต้นหอม 1 ต้น
  • พริกป่น 1 ชช
  • พริกแดงจินดา 3 เม็ด 
  • น้ำปลา 3 ชต.
  • น้ำปลาร้า 1 ชต.
  • น้ำมะนาว 3 ชต.
  • น้ำตาลทรายแดง 1/2 ชช.
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ชช.

วิธีทำ

ยำขนมจีน

ขั้นตอนที่ 1 อันดับแรก ปรุงน้ำยำสำหรับทำยำขนมจีน ใส่ ปลาร้า น้ำตาล น้ำปลา และน้ำมะนาว ใช้ช้อนคนจนน้ำตาลละลาย ใส่พริกป่น หัวหอมแดง และพริกแดงจินดา คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ในส่วนของความเผ็ด ใครต้องการรสจัดจ้าน เพิ่มพริกได้เลย หรือ ใครที่อยากเบารสเผ็ด ให้ลดปริมาณพริกจากสูตรที่ให้ไปเช่นกัน

ขั้นตอนที่ 2 ปลาทูนึ่ง แกะเอาแต่เนื้อ จากนั้นใส่ลงในส่วนผสมน้ำยำ ตามด้วยหมูยอ โดยหมูยอ จะนำไปทอดหรือนึ่ง อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วเทหมูยอลงไป เคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง

ยำขนมจีน

ขั้นตอนที่ 3 เส้นขนมจีนที่เราเตรียมไว้ ใส่ลงในส่วนผสมน้ำยำที่เตรียมไว้เป็นลำดับที่ 3 ขั้นตอนนี้ ต้องเบามือตอนคลุกส่วนผสมเส้นขนมจีนกับน้ำยำ เพื่อที่ว่า น้ำยำจะซึมเข้าไปในเส้นขนมจีน

ขั้นตอนที่ 4 ถือว่าเป็นขั้นตอนลำดับสุดท้ายนั่นก็คือ การเติมผักชีฝรั่ง ถั่วฝักยาวและต้นหอม คลุกให้เข้ากัน ตักใส่จาน แล้วเตรียมเสริ์ฟได้เลย

ยำขนมจีน

ยำ ขนมจีน เมนูเด็ดจานนี้ เหมาะสำหรับนำมาใช้ควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี กินเท่าไหร่ ก็ไม่อ้วน ดังนั้น ใครที่อยากกินเมนูเส้นให้อิ่ม แต่ต้องการจะดูแลสุขภาพไปด้วยพร้อมกัน เมนูขนมจีนจานนี้ถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว ได้ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตะมินและเกลือแร่ 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

หมูโสร่ง ของว่างไทยโบราณ ทำเป็น มัดใจคนรัก

หมูโสร่ง

หมูโสร่ง อาหารว่างโบราณ พันเส้นหมี่ยังไงไม่ให้หลุด หมูโสร่งใช้เส้นอะไรได้บ้าง คำตอบอยู่ในบทความ

ส่วนผสมในการทำ หมูโสร่ง

หมู โสร่ง เป็นอาหารว่างโบราณ ที่เดี๋ยวนี้ หากินได้ค่อนข้างยากแล้ว บางครั้งอยากกิน แต่ไม่พบรายชื่อเมนูอาหารดังกล่าวภายในร้านอาหาร ก็ทำให้อดกินไปอย่างน่าเสียดาย

หมูโสร่ง

ความเป็นมาของเมนูดังกล่าว เข้ามาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จากการเปิดการค้า ทำให้ชาวโปรตุเกศและชาวญี่ปุ่น เป็นผู้นำเมนูดังกล่าวเข้ามา เริ่มต้น ใช้หมูบดและเส้นหมี่ซัว เป็นส่วนประกอบหลักในการทำเมนูนี้ ต่อมา เปลี่ยนจากหมูบดมาเป็นไก่บด ก็ยังอร่อยเหมือนเดิม

วัตถุดิบ 

หมูโสร่ง
  • หมูบด300 กรัม
  • รากผักชี10 ราก
  • กระเทียม5 กลีบ
  • เม็ดพริกไทยดำ1/2 ช้อนโต๊ะ
  • เส้นหมี่ซั่ว1 ถุง
  • น้ำมันปาล์ม1 ขวด
  • ไข่ไก่2 ฟอง
  • ไข่เค็ม (ใช้เฉพาะไข่แดง)4 ฟอง
  • ซอสปรุงรส1 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งข้าวโพด2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำจิ้มไก่ ยี่ห้ออะไรก็ได้

วิธีทำ 

หมูโสร่ง

ขั้นตอนที่ 1 นำกระเทียม รากผักชี พริกไทยดำ โขลกรวมกัน ควร โขลก 3 เกลอ แบบหยาบ ๆ เวลาเคี้ยวหมู จะได้กลิ่นหอมและรสสัมผัสของ 3 เกลอ แล้วมาดูขั้นตอนการทำ หมูโสร่ง ขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนที่ 2 นำหมูบดมาหมักด้วยซอส รสดีรสหมู รากผักชีกระเทียมพริกไทยโขลกหยาบ แป้งข้าวโพด ไข่แดง ไข่ไก่ คลุกส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน

เคล็ดลับความอร่อย:  ถ้าไม่อยากให้หมูบดเหลวจนเกินไป ควรใช้เฉพาะไข่แดง สำหรับการใส่แป้งข้าวโพด ใส่เพื่อทำให้หมูนุ่มและแป้งจับตัวกันมากขึ้น เวลาทอดหมู จะได้ไม่เละอันเป็นอีกหนึ่งวิธีทำ

หมูโสร่ง

ขั้นคอนที่ 3 หมี่ซัวลวกเพียงแค่ 1 นาที ก็พอ กระทั่งเส้นหมี่ซัวนิ่ม นำเส้นหมี่มาแช่ในน้ำเย็นได้เลย ซึ่งควรเป็นเส้นหมี่ซัว สำหรับทำหมูโสร่ง

ขั้นตอนที่ 4 นำหมูที่หมักแล้วมาห่อกับไข่แดงของไข่เค็ม ขนาดของหมูบด ปั่นเป็นก้อนกลมเท่าก้อนมะยม นำเส้นหมี่ซัว 3 เส้นพันกับหมู

ขั้นตอนที่ 5 นำหมูที่พันกับเส้นหมี่ซัวจนครบทุกก้อนแล้ว 

หมูโสร่ง

มาทอดในน้ำมัน เน้นว่า น้ำมันต้องท่วม ใช้อุณหภูมิประมาณ 200 องศาเซลเซียส กระทั่งเส้นหมี่ซัวเริ่มเหลืองนิด ๆ ให้ปรับอุณหภูมิไฟขึ้นมาเป็น 240 องศาเซลเซียส เทคนิคนี้ ทำให้หมูไม่อมน้ำมัน เมื่อทอดหมูจนสุกแล้ว ก็ตักขึ้นมาจากกะทะ พักไว้ กระทั่งสะเด็ดน้ำมัน ก็นำมารับประทานกับน้ำจิ้มไก่ยี่ห้ออะไรก็ได้

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

ยำไข่แดงเค็มหมูยอ รสชาติจัดจ้าน ยำอร่อย กินไม่เบื่อ

ยำไข่แดงเค็มหมูยอ

เมนูที่เราจะมาแนะนำให้เพื่อนๆได้ลองทำตามคือ ยำไข่แดงเค็มหมูยอ ไข่แดงเยิ้ม ๆ อร่อย เอามายำ อยากรู้เหลือเกิน ยำไข่แดงเค็มต้องลวกไหม มาดูกัน

ส่วนผสมของ ยำไข่แดงเค็มหมูยอ

ยำไข่แดงเค็ม หมูยอ เมนูยำแซ่บ ๆ อร่อยเน้น ๆ ทั้งไข่แดงนำไปนึ่ง รวมถึงหมูยออร่อย ๆ ที่นึ่งสุกแล้ว จะเป็นรสชาติออริจินอล หรือรสชาติพริกไทยดำ ต่างนำมายำเมนูอาหารดังกล่าวได้ไม่ยาก

ยำไข่แดงเค็มหมูยอ

หมูยอ ถือได้ว่า เป็นการนำเนื้อหมูมาแปรรูป ทำให้เนื้อหมูมีรสชาติที่แปลกใหม่ขึ้น อีกทั้งยังอร่อยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้เพราะหมูยอสามารถนำมาดัดแปลงทำได้หลายเมนูเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการนำมาทำแหนมเนือง ยำหมูยอ หรือนำมาใช้กินคู่กับข้าวเหนียวส้มตำ ก็ถือได้ว่า เมนูดังกล่าว อร่อยแล้ว

มาถึงเมนูที่แอดมินกำลังจะเสนอในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งเมนูแซ่บ ๆ ที่ควรลองหัดทำดู โดยเฉพาะ การเตรียมน้ำยำนั้น เป็นเรื่องที่เตรียมไม่ยากเลย เพราะน้ำยำนั้น สามารถปรุงรสได้ตามชอบ ขอเพียงใช้น้ำมะนาวจริงเท่านั้น ก็สามารถทำน้ำยำหอมกลิ่นมะนาวได้แล้ว

วัตถุดิบยำไข่แดงเค็มหมูยอ

ยำไข่แดงเค็มหมูยอ
  • หมูยอ1 แท่ง
  • ไข่แดงเค็มตามชอบ
  • พริกแดงบดละเอียด2 ช้อนโต๊ะ(หรือตามชอบ)
  • หอมแขก2 หัว
  • ขึ้นช่ายตามชอบ
  • ผักชีฝรั่งตามชอบ
  • น้ำตาลปีบละลาย2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว3 ช้อนโต๊ะ (หรือตามชอบ)
  • น้ำปลา1/2ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลาร้า 

วิธีทำ

ยำไข่แดงเค็มหมูยอ

ขั้นตอนที่ 1เตรียมปรุงน้ำยำที่จะนำมาทำ ยำไข่แดงเค็ม หมูยอ นั่นก็คือ พริก น้ำปลา น้ำตาล มะนาว ปลาร้า ลงในชามผสม

ขั้นตอนที่ 2 อยากกินให้อร่อย อย่าตั้งคำถาม ยำหมูยอไข่แดงเค็มกี่แคล ให้ใส่หมูยอ ไข่แดงเค็มลงไป จากนั้นชิมรสตามชอบ 

ขั้นตอนที่ 3 นำผักที่เตรียมไว้ใส่ในชามผสม คลุกให้เข้ากัน เทใส่จาน แล้วจัดเสริ์ฟ เป็น ยำหมูยอไข่แดงเค็มราคา ไม่แพง เพราะทำเอง

เทคนิคพิเศษ 

ยำไข่แดงเค็มหมูยอ

1.อย่าลืมหั่นมะนาวฝานลงไป เพราะมะนาวฝานจะไปช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้กับเมนูดังกล่าวนี้

2.นำหมูยอกับไข่แดงเค็มไปนึ่งในลังถึงประมาณ 5 นาที กระทั่งสุก ยกลงจากเตา รอจนเย็น ก็นำมาใช้งานได้แล้ว

ยำไข่แดงเค็มหมูยอเมนูแซ่บ กินกับอะไรก็อร่อย เป็นเมนูเด็ด ใช้เวลาปรุงเพียงไม่นาน ก็สามารถนำเมนูนี้มารับประทานได้แล้ว อีกทั้งในเรื่องของการเตรียมส่วนผสม เป็นของที่มีในครัวเรือนอยู่แล้ว และการซื้อหมูยอ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเข้าร้านสะดวกซื้อ ก็หามาทำได้

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

มาเปลี่ยนเมนู ข้าวผัดปลาเค็ม ที่แสนธรรมดาให้กลายเป็นเมนูพิเศษกัน

ข้าวผัดปลาเค็ม

ข้าวผัดปลาเค็ม เชื่อว่าเมนูหลาย ๆ คนคงรู้จักกันดีซึ่งก็เป็นเพียงเมนูอาหารจานหนึ่งที่ธรรมดา ๆ ทั่วไปไม่ได้มมีอะไรพิเศษ แต่มาพบกับพวกเรา chefoldschool.com กันทั้งที เมนูนี้ต้องไม่ธรรมดา โดยเราจะรังสรรค์ให้มีสีสันและเพิ่มความน่าสนใจ น่าทาน เข้าไปอีก ทำอย่างไรนั้น มาดูกันเลย 

ข้าวผัดปลาเค็ม นิยมทานมากในมาเก๊า

ข้าวผัดปลาเค็ม

เชื่อหรือไม่ว่าเมนูที่แสนจะธรรมดาอย่างข้าวผัดปลาเค็ม ที่คนไทยอย่างเราเห็นได้กันโดยทั่วไป กลับเป็นที่นิยมอย่างมากในมาเก๊า ซึ่งในบทความนี้เราจะมาทำเมนูข้าวผัดปลาเค็มที่ไม่ธรรมดากัน ทำอย่างไรนั้นมาดูกันเลย ขั้นตอนการเตรียมเครื่องปรุงและวัตถุดิบในการทำ มีดังนี้

ข้าวผัดปลาเค็ม
  1. วัตถุดิบแรกของเราที่เรียกได้ว่าเป็นพระเอกของเมนูนี้ คือลาที่เราจะเอามาทำเป็นปลาเค็ม เราจะเลือกเป็นปลาอินทรีย์เค็มนะคะ
  2. เตรียมข้าวสวยแค่ 1 ถ้วยพอ
  3. กระเทียม ทำการสับให้ละเอียด โดยจะใช้แค่ 2 กลีบ
  4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  5. พริกจินดาแดงซอย 2 เม็ด
  6. ซอสปรุงรสตามใจชอบ 2 ช้อนชา
  7. ซอสหอยนางรม 2 ช้อนชา
  8. น้ำมันพืช 
  9. หอมแดงซอย 
  10. พริกขี้หนูซอย
  11. มะนาว 

เมื่อเตรียมวัตถุดิบเรามาเริ่มรังสรรค์เมนูธรรมดา ให้กลายเป็นเมนูที่แสนพิเศษกันเถอะ

ข้าวผัดปลาเค็ม
  • ก่อนอยื่นเราต้องทำการล้างปลาอินทรีย์เค็มด้วยน้ำเกลือกันก่อนนะคะ จากนั้นให้ล้างตามมาด้วยน้ำสะอาด
  • จากนั้นนำปลาที่ผ่านการทำความสะอาดมาซับน้ำให้แห้ง
  • ตั้งกระทะโดยในการทำช่วงแรก ๆ นั้นเราจะใช้ไฟอ่อน
  • เติมน้ำมันพืชลงไปในกระทะ รอให้เกิดความร้อนนิด ๆ แล้วให้นำปลาอินทรีย์เค็มลงทอดได้เลย
  • เมื่อทอดไปเรื่อย ๆ พอรู้สึกว่าสีของเนื้อปลาเริ่มเหลือง ให้ตัดขึ้นพักไว้
  • เมื่อปลาดค็มที่ทอดเสร็จแล้วเริ่มเย็น ให้ตัดแบ่งปลาเค็มออกมาเป็น 2 ส่วน โดยส่วนหนึ่งสับให้ละเอียด และอีกส่วนนั้นเราจะสับเป็นชิ้น ๆ เพื่อใช้ในการตกแต่งหน้าตาอาหาร
ข้าวผัดปลาเค็ม
  • มาถึงขั้นตอนการผัดข้าว ให้เราตั้งกระทะโดยใช้ไฟแรง
  • จากนั้นก็ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย ตามด้วยกระเทียมและพริกลงเจียว
  • แล้วใส่ไข่ลงผัดให้ไข่หอมตาด้วยข้าวสวยลงผัด คลุกเคล้าให้แห้ง
  • เติมปลาเค็มที่สับละเอียดลงไป
  • จากนั้นสามารถปรุงรสได้ตามใจชอบ ด้วยเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  • เมื่อสุกเรียบร้อยแล้วให้ตักมาใส่จาด จัดความสวยงามด้วยชิ้นปลาที่ตัดไว้ เพิ่มสีสันด้วยพริกสดทั้งแบบดิบที่เป็นสีเขียวและแบบสุกที่เป็นสีแดง หั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วนำมาเรียงใส่จานให้สวยงาม

เป็นอย่างไรบ้างกับเมนูธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของเรา 

ข้าวผัดปลาเค็ม

หากใครอยากลองทำข้าวผัดปลาเค็มแบบพิเศษ ๆ แบบนี้ ลองทำตามสูตรข้างต้นกันดูนะคะ แล้วจะติดใจยกให้เป็นอาหารจานโปรดกันเลยทีเดียว และสำหรับครั้งต่อไป chefoldschool.com จะมาแนะนำเมนะไรนั้นโปรดติดตามกันด้วยนะคะ

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

ปลา ราดพริก ฟูกรอบ น้ำราดแซ่บ ๆ กินกับเมนูไหนก็ได้

ปลาราดพริก

ปลา ราดพริก 3 รส อาหารไทยที่รสชาติครบเครื่อง ทั้ง เปรี้ยว เผ็ด หวาน วันนี้เรามีสูตรทอดอย่างไรให้ฟูกรอบ เนื้อปลาแน่น ๆ ไม่อยากพลาดก็มาดูกันเลย

ปลา ราดพริก ส่วนผสมในการทำ

ปลาราดพริก

ปลา ราด พริก ใครที่เบื่อเมนูทอดเดิม ๆ เช่น ปลาทอด ปลานึ่ง ลองเปลี่ยนมาเป็น การทำน้ำราดแซ่บ ๆ ราดลงบนตัวปลา เราก็จะได้เมนูอาหารเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเมนู โดยวันนี้ ปลาที่จะนำมาทำเมนูดังกล่าว จะเป็นปลานิลที่เรารู้จักอีกทั้งยังเป็นปลาที่หาซื้อง่ายมาก ไม่มีตลาดไหน ไม่ขายปลานิล อีกทั้ง ปลานิลยังมีหลายขนาดอีกด้วย ใครต้องการกินเนื้อปลาเยอะ ๆ ให้เลือกตัวใหญ่เข้าไว้ แต่ต้องเพิ่มในส่วนของวัตถุดิบที่จะนำมาทำเมนูดังกล่าว ซึ่งการเลือกปลานิล ต้องเลือกปลาสด โดยดูว่า ตายังใสหรือเปล่า ? รวมถึงเหงือกต้องแดง กดไปที่พุงปลา แล้วไม่ยุบ ก็ถือได้ว่า นำมาทำปลานิลสำหรับราดซอสได้แล้ว

ปลาราดพริก

ปลาราดพริก วัตถุดิบ

  • ปลา 1 ตัว
  • กระเทียม 40 กรัม
  • พริกแดงจินดา 50 กรัม
  • พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด
  • ผักชี 2 ต้น
  • น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 6 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

ปลาราดพริก

ขั้นตอนที่ 1 พริกแดงจินดานำมาหั่นเป็นเส้นยาวเอาไว้บางส่วน ที่เหลือ เตรียมนำไปปั่นร่วมกับวัตถุดิบอื่น ๆ ที่จะนำมาทำปลาราดพริก

ขั้นตอนที่ 2 ผักชี หั่นเอาเฉพาะก้านและใบสวย ๆ สำหรับแต่งหน้า ในส่วนของราก ใส่ลงไปในโถปั่น ให้ปั่นรวมกับพริกแดงจินดา และกระเทียม จากนั้นปั่นจนละเอียดเพื่อเอาไว้ราด เนื้อปลาราดพริก

ชั้นตอนที่ 3 ปลา ต้องล้างให้สะอาด ผึ่งลม สะเด็ดน้ำให้แห้ง จากนั้นนำตัวปลามาบั้ง

ขั้นตอนที่ 4 เกลือมาทาทั่วตัวปลาเพียงเล็กน้อย จากนั้น ตั้งกะทะ รอกระทั่งน้ำมันร้อนจัด นำปลานิลที่ทาเกลือแล้วไปทอดประมาณ 6 นาที โดยไม่ลืมกลับตัวปลา เพื่อมาทอดอีกด้านในเวลา 6 นาทีเท่าเดิม เมื่อพบว่า ปลาเหลืองทั้ง 2 ฝั่งแล้ว ก็ให้ตักขึ้นมาจากกะทะ

ขั้นตอนที่ 5 นำ 3 เกลอที่เราเตรียมไว้ ไปผัดในกะทะ ผัดจนกระทั่งได้กลิ่นหอม ในส่วนของการปรุงรส นำเครื่องปรุงที่เราได้เตรียมไว้ เช่น น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาล น้ำเปล่า ผัดส่วนผสมทั้งหมดจนละลายเข้ากันดี 

ขั้นตอนสุดท้าย ตักน้ำราดขึ้นมาจากกะทะ ราดลงบนตัวปลา แล้วตกแต่งด้วยผักชีกับพริกจินดาที่เราหั่นเป็นริ้วยาวมาจัดวาง เพื่อทำให้ปลาราดพริกดูน่ารับประทานมากขึ้น

ปลาราดพริก

การเลือกปลาที่จะนำมาทำเมนูนี้ สามารถเปลี่ยนเป็นปลาอื่น ๆ ได้ เช่น ปลาทับทิม รวมถึง ปลากะพง ก็เป็นปลาที่นำมาทำเมนูราดพริกได้ ซึ่ง การรับประทานปลา ถือได้ว่า มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นโปรตีนอย่างดีที่กินแล้วไม่อ้วน สายไดเอทควรรับประทานเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งกินคู่กับเมนูไหนก็ได้ เพราะเมนูนี้ มีความเปรี้ยว หวาน เผ็ด รวมอยู่ในจานนี้อยู่แล้ว จะกินกับต้มจืดและข้าวสวยร้อน ๆ เป็นอะไรที่เข้ากันเหลือเกิน

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

เอ็นข้อไก่ทอด กรอบอร่อย กินกับซอสพริก อร่อยแล้ว 

เอ็นข้อไก่ทอด

เอ็นข้อไก่ทอด ทำแบบไหนถึงจะกรอบและอร่อย เอ็นข้อไก่ไม่ใส่แป้ง มีจริงหรือ ? มาร่วมหาคำตอบไปด้วยกันในบทความนี้เลย

ส่วนผสมในการทำ เอ็นข้อไก่ทอด

เอ็นข้อไก่ทอด

เอ็นข้อไก่ทอดซื้อจากที่ไหนได้บ้าง ? โดยปกติแล้ว สามารถซื้อเอ็นข้อไก่แช่แข็งจากร้าน CP Fresh Mart โดยมีน้ำหนักสุทธิอยู่ที่ 1 กิโลกรัม ก็สามารถนำมาทำเอ็นข้อไก่สูตรเด็ดได้แล้ว ถามว่า เอ็นข้อไก่ มีประโยชน์หรือเปล่า ? พบว่า เอ็นข้อไก่ มีคอลลาเจนสูง ดังนั้น จะไปช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง ทำให้ดูไม่แก่เร็วจนเกินไปนัก อีกทั้ง ยังมีแคลเซียมสูง บำรุงกระดูก ทำให้เมนูนี้ น่ารับประทานมากยิ่งขึ้นไปอีก

มาถึงแนวทางในการทำเมนูเอ็นข้อไก่ สูตรนี้ใช้แป้งทอดกรอบ เพื่อไปเพิ่มความกรุบกรอบให้เกิดขึ้นระหว่างกำลังเคี้ยว อีกทั้ง ถ้าต้องการเพิ่มคุณค่าทางสารอาหาร เพิ่มงาขาวลงไปด้วย ก็จะทำให้ร่างกายได้รับแคลเซี่ยมเพิ่มขึ้นไปอีก 

เอ็นข้อไก่ทอด

วัตถุดิบ เอ็นข้อไก่ทอด

  • 1.เอ็นข้อไก่ 300 กรัม
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
  • กระเทียมสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
  • งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งทอดกรอบ 30 กรัม
  • น้ำมันพืช สำหรับทอด 

วิธีทำ

เอ็นข้อไก่ทอด

ขั้นตอนที่ 1 นำเอ็นข้อไก่ไปล้างและทำความสะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ จากนั้น นำเอ็นข้อไก่ไปผสมกับซีอิ้วขาวและพริกไทยป่น นำส่วนผสมทั้ง 2 ชนิด มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้น พักไว้ 30 นาที เพื่อที่ว่าน้ำหมักจะค่อย ๆ ซึมซับเข้าไปในเอ็นข้อไก่ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการทำเอ็นข้อไก่ทอด

ขั้นตอนที่ 2 นำแป้งทอดกรอบที่เตรียมไว้ ตามด้วยกระเทียมสับ งาขาวที่นำไปคั่วเอง ผสมลงใน เอ็นข้อไก่ราคา ซึ่งถ้าทำเอง ราคาก็จะถูก

เอ็นข้อไก่ทอด

ขั้นตอนที่ 3 กะทะตั้งไฟ ในการนำเอ็นไก่ ไปทอด ควรใช้ไฟปานกลางเท่านั้น นำเอ็นข้อไก่ที่เตรียมไว้ในชามผสม ทอดในกะทะ รอจนกระทั่งเอ็นข้อไก่ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ก็ถือว่าเอ็นข้อไก่ สุกแล้ว นำมารับประทานได้

ขั้นตอนที่ 4 ตักเอ็นข้อไก่ ขึ้นมาจากกะทะ นำมาพัก กระทั่งสะเด็ดน้ำมัน ก็สามารถนำเอ็นข้อไก่มากินเล่น โดยน้ำจิ้ม หาซื้อได้ทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำจิ้มไก่ ยี่ห้อไหนก็ได้ เช่น น้ำจิ้มไก่ตราแม่ประนอม หรือ จะเป็นซอสพริก ก็อร่อยไม่แพ้กัน

เอ็นข้อไก่ทอด เป็นเมนูของกินแล่น ควรกินตอนร้อน ๆ ที่เพิ่งตักขึ้นมาจากกะทะ หลายคนนำมากินกับเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ เพราะ เอ็นข้อไก่สามารถนำมากินเป็นกับแกล้มได้ หรือ ถ้าไม่ต้องการกินกับแกล้ม นำเอ็นข้อไก่มากินคู่กับข้าวเหนียว ส้มตำ ก็อร่อย และเป็นการกินที่ค่อนข้างลงตัวและออกรส ทำให้การกินในมื้อดังกล่าว ไม่น่าเบื่อจนเกินไปนัก เพราะฉะนั้น ใครมีเวลา ลองเข้าครัว ฝึกทำเมนูดังกล่าวดู

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

ผัดไทย ทีเด็ดอยู่ตรงซอสผัด อร่อยเด็ด มัดใจลูกค้า

ผัดไทย

ผัดไทย อาหารไทยที่ดังไกลถึงเมืองนอก มีดีที่ซอสผัด ผัดไทยใส่อะไรบ้าง เตรียมไม่ยากเลย อยากรู้ ทำยังไง ต้องลอง แล้วจะรู้ ทำไม่ยาก

ผัดไทย ส่วนผสมในการทำ

ผัดไทย

ผัดไทยเมนูเส้นแสนอร่อย นำมาผัดในกะทะร้อน ๆ เป็นเมนูเส้นที่คิดโดยคนไทยตั้งแต่สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม หากินได้ทั่วประเทศ แต่ถ้าจะเอารสชาติแบบต้นตำรับ ต้องเป็นที่ภาคกลางเท่านั้น ในส่วนของที่มา ช่วงเวลานั้น สภาพเศรษฐกิจค่อนข้างตกต่ำ ทำให้มีความจำเป็นต้องงดบริโภคข้าว หันมาบริโภคผัดไทยที่เป็นเมนูเส้นกันมากขึ้น อีกทั้งการรับประทานอาหารเมนูนี้ เชื่อว่า เป็นการรวมพลังสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในช่วงเวลาข้าวยากหมากแพงก็ยิ่งทำให้ การบริโภคอาหารเมนูนี้ ค่อนข้างเป็นที่นิยมอยู่พอสมควร ด้วยรสชาติที่อร่อยและลงตัว ครบด้วยสารอาหารหลักทั้ง 5 หมู่ ก็ยิ่งทำให้ ความนิยมในเมนูนี้ เป็นที่พูดถึงกันมากขึ้น

วัตถุดิบผัดไทย

ผัดไทย
  • มันกุ้ง 1 ช้อนโต๊ะ 
  • กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ 
  • ไชโป๊ 1 ช้อนโต๊ะ 
  • เต้าหู้แข็งหั่นแท่ง 3 ช้อนโต๊ะ
  • กุ้งสด 8 ตัว 
  • เส้นผัดไทยแช่น้ำ 150 กรัม
  • น้ำผัดไทย 2 ทัพพี
  • ถั่วงอก 100 กรัม
  • ใบกุ้ยช่าย 30 กรัม 
  • ไข่เป็ด 2 ฟอง 
  • ถั่วงอก (สำหรับทานเคียง)
  • กุ้ยช่าย (สำหรับทานเคียง) 
  • ถั่วลิสงป่น (สำหรับทานเคียง) 
  • น้ำตาลทราย (สำหรับทานเคียง)
  • พริกป่น (สำหรับทานเคียง)
  • มะนาว (สำหรับทานเคียง)
  • วัตถุดิบน้ำผัดไทย
  • น้ำตาลมะพร้าว 200 กรัม
  • น้ำปลา 200 มิลลิลิตร
  • น้ำมะขามเปียก 200 มิลลิลิตร 

วิธีทำ

ผัดไทย

ขั้นตอนที่ 1 ให้เริ่มจากการทำ ซอสผัดไทย นำน้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา และน้ำมะขามเปียกเคี่ยวจนส่วนผสมทั้งหมดละลาย ให้พักไว้

ขั้นตอนที่ 2 ขั้นตอนการผัดเครื่อง ใส่น้ำมันลงในกะทะ ตามด้วย มันกุ้ง หอมแดง ไชโปว้ และเต้าหู้ ผัดส่วนผสมดังกล่าวทั้งหมดให้มีกลิ่นหอม แล้วค่อยใส่กุ้งสดลงไป ผัดจนกุ้งสดสุก ตามด้วยเส้นผัดไทย และคำถามที่ว่า ผัดไทยใช้เส้นอะไร แล้วแต่สะดวก แต่คนนิยมใช้เส้นจันเพราะอร่อย กำลังดี

ขั้นตอนที่ 3 ผัดเส้นกับน้ำซอสจนกระทั่งรู้สึกว่าเข้ากันดีแล้ว นำถั่วงอก กุ้ยช่าย ใส่ลงในกะทะ ผัดให้เข้ากัน ตอกไข่เป็ด สูตรนี้เป็น ผัดไทยสูตรโบราณ เลยใช้ไข่เป็ด กระทั่งไข่เป็ดเริ่มสุก ผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง

ผัดไทย

ขั้นตอนทื่ 4 ตักใส่จาน เสริ์ฟและกินคู่กับต้นกุ้ยช่ายสด หัวปลี แต่สำหรับบ้านไหนที่ไม่สะดวกหาเส้นสำหรับทำผัดไทยโดยเฉพาะ สามารถนำเส้นเล็กมาแทนเส้นผัดไทยได้เช่นเดียวกัน ในส่วนของรสชาติจากสูตรที่ให้ไป จะมีรสชาติเปรี้ยว เค็ม หวาน รสชาติค่อนข้างกลมกล่อมอยู่แล้ว ทำให้เมนูผัดไทย เป็นเมนูที่แม้แต่ชาวต่างชาติ นิยมสั่งมากินเวลาแวะเที่ยวเมืองไทย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

แซนวิชโบราณ ของกินเล่น สูตรเด็ดย้อนวันวาน อร่อย เข้มข้น

แซนวิชโบราณ

แซนวิชโบราณ เมนูนี้ทำง่าย ไส้แน่น ทำกินเองอร่อย หรือจะทำขาย แซนวิชโบราณสูตรที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ถูกปากคนไทยอย่างแน่นอน

ส่วนผสมในการทำแซนวิชโบราณ

แซนวิชโบราณ

แซนวิชโบราณของกินเล่นในช่วงสายหรือช่วงเวลาใดก็ได้ บางคน นำมากินเป็นอาหารช่วงเช้าก่อนไปทำงานด้วยซ้ำ เพราะกินแล้วก็อิ่มเชนเดียวกัน สำหรับส่วนผสมในการทำแซนวิช ส่วนผสม สามารถหาซื้อ ได้ที่ร้านสะดวกซื้อ ไม่ว่าจะเป็น ขนมปัง รวมถึงไส้ต่าง ๆ ที่จะนำมาทำแซนวิช เช่น โบโลน่า และตัวหลักในการทำแซนวิชแบบโบราณคือหมูหยอง เมื่อส่วนผสมครบ ก็เริ่มต้นทำแซนวิชสูตรโบราณไส้แน่น ๆ กันได้เลย

วัตถุดิบ แซนวิชโบราณ

  • ขนมปังแซนด์วิช 4 แผ่น
  • หมูหย็อง
  • โบโลน่า หรือแฮม 2 แผ่น
  • น้ำสลัดแซนด์วิช
แซนวิชโบราณ

ส่วนผสม น้ำสลัดแซนด์วิช (สูตรไข่แดงล้วน)

  • น้ำตาลทราย 100 กรัม
  • ไข่แดงไข่ไก่ เบอร์ใหญ่ 2 ฟอง
  • นมข้นหวาน 100 กรัม
  • มายองเนส 120 กรัม
  • น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • พริกไทยขาว 1 ช้อนชา
  • น้ำมันรำข้าว 180 มิลลิลิตร
  • สีผสมอาหารสีเหลือง ปริมาณตามชอบ

วิธีทำ แซนวิชโบราณ

แซนวิชโบราณ

ขั้นตอนที่ 1 แยกไข่แดงออกมาจากไข่ขาว จากนั้น นำไข่แดงมาตีกับน้ำตาลลงในถ้วย ตีจนส่วนผสม แซนวิชโบราณ เข้ากันดี

ขั้นตอนที่ 2 นำส่วนผสมดังกล่าวไปตุ๋น โดยการวางชามผสมในขั้นตอนที่ 1 ในการทำ 

แซนวิชโบราณขายส่ง มาวางลงในหม้อตุ๋นในขณะที่น้ำกำลังเดือดจัด ๆ จากนั้น ปรับมาเป็นไฟอ่อน ๆ ตุ๋นประมาณ 7 นาที หรือทดสอบโดยการใช้นิ้วจุ่มลงไป ถ้ารู้สึกว่าอุ่น ๆ ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว

ขั้นตอนที่ 3 ให้ยกชามในส่วนผสมขั้นตอนที่ 1 ลงจากเตา ผสมสีผสมอาหาร พริกไทยป่น รวมถึง น้ำมันลงไป เพื่อเตรียมทำ แซนวิชโบราณไส้ทะลัก

แซนวิชโบราณ

ขั้นตอนที่ 4 ขั้นตอนนี้ ให้คนส่วนผสมทุกอย่างกระทั่งรู้สึกเข้ากันดี หรือ ถ้ารู้สึกว่า สีผสมอาหารดูซีดไป ให้เติมลงในชามได้อีก

ขั้นตอนที่ 5 รอจนส่วนปสมในข้อ 4 เย็นตัวลง จากนั้น นำน้ำสลัดที่เตรียมไว้มาปาดลงบนแผ่นขนมปัง ใช้จำนวนขนมปังทั้งหมดประมาณ 4 แผ่น โดยที่ทุกชั้นต้องทาครีม ให้เริ่มจาก ชั้นแรก วางโบโลน่า ชั้นที่ 2 หมูหยอง และชั้น 3 โปะด้วยโบโลน่าแล้วนำแซนวิชแผ่นที่ 4 ปิดทับ ถือว่าเสร็จแล้ว รับประทานได้เลย

แซนวิชโบราณ

แซนวิช โบราณ ของกินเล่นไทย ๆ ไม่ต้องง้อใคร ส่วนผสมไส้ ทำง่ายนิดเดียว แต่อร่อย นำมาทาขนมปังแล้วเลือกไส้ที่จะนำมาทำแซนวิช จะเปลี่ยนจากโบโลน่ามาเป็นแฮมก็อร่อย และลงตัวเช่นเดียวกัน

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

ต้มแซ่บ อร่อยยกกำลัง 10 ซดร้อน ๆ อร่อยถึงใจ

ต้มแซ่บ

ต้มแซ่บ เมนูอาหารอีสาน ซดร้อน ๆ แซ่บซี้ดซ้าด ถ้าอยากรู้ว่า ต้มแซ่บใส่อะไรบ้าง ก็มาดูได้ในบทความ ทำไม่ยาก อยากทำเป็น ต้องติดตาม!

ส่วนผสมในการทำ ต้มแซ่บ

ต้มแซ่บ

ต้มแซ่บเมนูอีสานที่ค่อนข้างได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และร้านอาหารอีสานทุกร้าน จะมีเมนูนี้ภายในร้าน เอาไว้ให้ลูกค้าสั่งเสริม กินคู่กับส้มตำและเมนูอีสานอื่น ๆ ในส่วนของการทำนั้น ก็ไม่ได้แตกต่างจากการทำเมนูต้มยำสักเท่าไหร่ ทั้งที่แท้จริงแล้ว เป็นคนละเมนู และเพื่อน ๆ จะรู้คำตอบในบทสรุปของการทำว่า อะไรคือความแตกต่างระหว่างต้มยำกับเมนูที่กำลังกล่าวถึงอยู่ในขณะนี้ ?

วัตถุดิบต้มแซ่บ

ต้มแซ่บ

ส่วนประกอบน้ำซุป

  • น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์หรือยี่ห้อใดก็ได้ 5 ถ้วยตวง
  • กระดูกหมูอ่อน 300 กรัม
  • ข่าแก่ 2 กรัม
  • ตะไคร้ 15 กรัม (2 ต้น)
  • ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
  • ผงปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา 
ต้มแซ่บ

ส่วนประกอบเครื่องปรุงรส

  • พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด (ปรับลดได้ตามต้องการ)
  • น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
  • พริกป่น (ปรับลดได้ตามต้องการ)
  • ต้นหอมซอย / ผักชีฝรั่งซอย แล้วแต่เรา

หมายเหตุ : ข้าวคั่วซื้อสำเร็จรูปหรือจะทำเอง โดยการนำข้าวสารที่ยังไม่หุง เอามาตำให้เมล็ดข้าวแตก จากนั้นนำไปคั่วในกะทะร้อน ๆ กระทั่งได้กลิ่นหอม ก็นำมาใช้งานได้

วิธีทำ

ต้มแซ่บ

ขั้นตอนที่ 1 การจะทำต้มแซ่บ ให้อร่อยนั้น เริ่มจากการเตรียมน้ำซุป เอาไว้สำหรับทำ ต้มแซ่บกระดูกอ่อน เพราะถ้าปรุงน้ำซุปให้อร่อยตั้งแต่ต้น เราก็จะได้น้ำซุปสำหรับซดร้อน ๆ คล่องคอ มากินคู่กับคอหมูย่าง หรือ ส้มตำได้ เริ่มจาก เทน้ำสะอาดลงในหม้อที่กำลังตั้งไฟ เติมผงปรุงรส ลงไปในหม้อรวมถึงเกลือป่น เพราะเกลือป่นจะไปเพิ่มความหอมให้กับการเตรียมน้ำซุป

ขั้นตอนที่ 2 รอกระทั่งน้ำเดือด นำกระดูกอ่อน ต้มลงในหม้อ ระหว่างนั้น ก็คอยช้อนฟองสีขาวออกให้หมด

ขั้นตอนที่ 3 กระทั่งช้อนฟองขาวจนหมด ให้ลดความแรงของไฟลงมา ต้มต่อไปจนกระดูกหมูเปื่อย แล้ว ค่อย เติมข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดที่ได้นำมาฉีก จัดการปรุงรสที่ชอบได้เลย 

ขั้นตอนที่ 4 มาถึงขั้นตอนสำคัญ ปรุงรสอย่างไรให้อร่อยเหมือน ต้มแซ่บไก่ แต่เปลี่ยนวัตถุดิบมาเป็นกระดูกอ่อน ทำได้โดยการ เหยาะน้ำปลา พริกขี้หนูสวน ข้าวคั่ว ตามด้วยพริกป่น จากนั้น ปิดไฟได้เลย แล้วถึงค่อยเติมน้ำมะนาว โรยผักชีฝรั่งซอยและต้นหอมซอย ตักซุปขึ้นมาจากหม้อ ก็รับประทานได้แล้ว

ต้มแซ่บ

ต้มแซ่บมีความคล้ายต้มยำ ทว่า ไม่ใช่ เพราะถ้าเป็นต้มยำ จะไม่มีการใส่ข้าวคั่วเป็นอันขาด เพราะต้มยำนั้น จะเน้นไปที่การใส่น้ำพริกเผาตามด้วยนม ก็จะเป็นต้มยำน้ำข้น แต่ถ้าไม่ใส่น้ำพริกเผา ก็จะเป็นต้มยำน้ำใส แตกต่างจากต้มแซ่บที่ต้องมีส่วนผสมของข้าวคั่ว ทำให้เมนูต้มเมนูนี้ มีกลิ่นหอม ทั้งจากน้ำมะนาวสด รวมถึง กลิ่นข้าวคั่ว เหมาะสำหรับซดร้อน ๆ ในช่วงหน้าฝนหรือหน้าหนาว กินกับอะไรก็อร่อย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารไทย

ข้าวหน้าไก่ ข้น ๆ อร่อย กินได้ทุกคน 

ข้าวหน้าไก่

ข้าวหน้าไก่ สูตรเด็ดที่อร่อยเทียบเท่า สูตรข้าวหน้าไก่ฉบับราชวงศ์ อยากรู้ต้องทำแบบไหน เอาเคล็ดลับดี ๆ จากเราไปได้เลย

ข้าวหน้าไก่ ส่วนผสมในการทำ

ข้าวหน้าไก่

ข้าวหน้าไก่เมนูที่กินได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็ก คนทำงาน และผู้สูงวัย เป็นเมนูอาหารที่สามารถทำเองได้เลย เพราะส่วนประกอบหลัก เป็นเนื้อไก่ จะเลือกสะโพกไก่ หรือเนื้อตรงบริเวณสันใน อยู่ที่ว่า จะเลือกเนื้อส่วนใด? ซึ่งการทำเมนูดังกล่าว ใช้วัตถุดิบน้อย และสามารถหาซื้อจากตลาดนัดได้เลย

วัตถุดิบข้าวหน้าไก่

ข้าวหน้าไก่

ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ เน้นวัตถุดิบสดเท่านั้น รสชาติของอาหารเมนูนี้ ถึงจะอร่อย โดยมีวัตถุดิบต้องเตรียมดังนี้

  • น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
  • เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทย เล็กน้อย
  • น้ำซุป 2 ถ้วยตวง
  • แป้งมันฝรั่ง 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
  • หนังไก่ 2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกชี้ฟ้าสีเขียวและสีแดงหั่นตามขวาง และ ต้นหอม สำหรับทานเป็นเครื่องเคียง

ขั้นตอนการทำ

ข้าวหน้าไก่

ขั้นตอนที่ 1 เตรียมน้ำสต็อคไก่ สำหรับทำ ข้าวหน้าไก่ โดยการนำโครงกระดูกไก่ มาต้มกับรากผักชี กระทียม พริกไทย

ขั้นตอนที่ 2 ชิ้นส่วนที่จะนำมาทำ ข้าวหน้าไก่อบ จะเป็นในส่วนของสะโพก ทำได้โดยการเลาะหนังออกจากชิ้นส่วนสะโพก โดยหนังไก่เก็บไว้ทอดเอาน้ำมัน ในขณะเดียวกันไม่ลืมเลาะเนื้อไก่ออกจากกระดูก นำเนื้อไก่มาหั่นเป็นลูกเต๋า

ขั้นตอนที่ 3 หมักเนื้อไก่ด้วยน้ำตาลทราย ซีอิ้วขาว ซีอิ้วหวาน น้ำมันงา รวมถึงซอสปรุงรสและแป้งมันฝรั่ง หมักทิ้งไว้ 15 นาที เพื่อเตรียม ข้าวหน้าไก่ กินได้อร่อยด้วย

ข้าวหน้าไก่

ขั้นตอนที่ 4 นำหนังไก่ที่เราเลาะออกมาจากส่วนสะโพก ทอดเอาเฉพาะน้ำมัน จากนั้น นำหนังไก่ออกมาจากกะทะ นำเนื้อไก่หั่นเต๋าไปผัด

ขั้นตอนที่ 5 รอกระทั่งไก่เปลี่ยนสี เติมน้ำสต็อคที่เตรียมไว้ ผัดให้เข้ากัน เพิ่มซีอิ้วดำหวานเพื่อสีสันที่สวยงาม ตามด้วยเหล้าจีน ทำให้รสชาติและสีสันเข้มข้นขึ้นสักเล็กน้อย เพราะต้องนำไปกินรวมกับข้าวสวย

ขั้นตอนที่ 6 จากนั้นรอกระทั่งส่วนประสมทั้งหมดเข้ากันและเดือด ต้องการทำให้ส่วนผสมของไก่ข้นและเหนียว เท แป้งมันฝรั่ง ในลักษณะค่อย ๆ เท กระทั่งเหนียวข้น ก็ให้เลิกเทแป้ง

ข้าวหน้าไก่

ขั้นตอนที่ 7 ตักไก่ราดบนข้าวที่เตรียมไว้ใส่จาน นำต้นหอมกับพริกชี้ฟ้าเขียวและแดงมาตกแต่งจาน เตรียมรับประทานได้เลย

ข้าวหน้า ไก่ เมนูที่ทำมาจากไก่ เต็มไปด้วยประโยชน์ ทั้งจากโปรตีนจากไก่ การเลาะหนังไก่ออกแล้วเอาเฉพาะเนื้อ สำหรับผู้ที่กำลังจะควบคุมน้ำหนัก เมนูนี้เหมาะสมยิ่งนัก จะซื้อกินหรือทำกิน เอาที่สะดวก ขอเพียงกินแล้วดีต่อใจและสุขภาพก็อร่อยและเพียงพอแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ: