สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
ขนมหวานไทย

ขนมศิลาอ่อน ขนมไทยพื้นบ้าน แสนอร่อย สามารถทำกินเองได้ง่ายๆ

ขนมศิลาอ่อน ขนมไทยพื้นบ้าน แสนอร่อย สามารถทำกินเองได้ง่ายๆ
ขนมศิลาอ่อน ขนมไทยพื้นบ้าน แสนอร่อย สามารถทำกินเองได้ง่ายๆ

เชื่อว่าเด็กสมัยนี้หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อขนมศิลาอ่อนมาก่อน ขนมศิลาอ่อน ขนมไทยภาคเหนือที่มีลักษณะคล้ายกับขนมเปียกปูน โดยมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอยู่ที่ตัวเนื้อแป้งที่มีลักษณะนุ่มเหนียว รับประทานง่าย อร่อยกลมกล่อม หอมกลิ่นใบเตย เนื่องใช้ใบเตยเป็นวัตถุดิบในการทำขนม ซึ่งขนมศิลาอ่อนเป็นที่คนอำเภอสวี ของจังหวัดชุมพรที่รู้จักกันดี และเป็นที่นิยมของคนทั่วไป โดยนายสมชาติ วงศ์สุวัฒน์ เป็นบุคคลที่ได้รับการถ่ายทอดการทำขนมไทยมาจากพี่สาว (นางกุหลาบ ช่วยเต็ม) ได้พยายามดัดแปลงและพัฒนาขนมเปียกปูนที่มีความยุ่งยาก และเสียง่าย จนกระทั่งกลายเป็นขนมศิลาอ่อนที่มีความทันสมัยมากขึ้น โดยใช้วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น แถมมียังขั้นตอนการทำที่ง่ายมากๆ สามารถทำทานได้เองที่บ้าน ดังนั้นเราจึงไม่พลาดที่จะแนะนำสูตรขนมศิลาอ่อนแบบง่ายเหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหัดทำครั้งแรก ส่วนจะมีวัตถุดิบและวิธีการทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของขนมศิลาอ่อน

ขนมศิลาอ่อน” คือขนมไทยทางภาคเหนือมีลักษณะงหน้าตาสีและรสชาติใกล้เคียงกับ “ขนมเปียกปูน” แต่จะมีความแตกต่างกันที่เครื่องโรยหน้าขนม โดยขนมเปียกปูนจะใช้มะพร้าวโรยหน้า ส่วนขนมศิลาอ่อนจะใช้ถั่วโรยหน้าขนม และจุดแตกต่างที่เห็นได้ยังชัดเจนเลยคือส่วนผสมที่ใช้โดยขนมศิลาอ่อนจะมีส่วนผสมของน้ำกะทิอยู่ ส่วนขนมเปียกปูนไม่มีจึงต้องโรยด้วยมะพร้าวเพื่อเพิ่มความหอมมันเท่านั้นค่ะ ขนมศิลาอ่อน ทำมาจากแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งถั่วมาผสมกัน รวมถึงส่วนผสมของน้ำเชื่อมและกะทิ บางพื้นที่เรียกว่า “ขนมสะละอ่อน” หรือบ้างเรียก “ขนมสาลาอ่อน” บางที่ก็เรียกง่ายๆว่า “ขนมถาด” โดยขนมศิลาอ่อนมีส่วนผสมดังนี้

ส่วนผสมสำหรับทำขนมสิลาอ่อน

  1. ข้าวสารเจ้า 2 กิโลกรัม
  2. แป้งท้าวยายม่อม 300 กรัม
  3. น้ำปูนใส 20 ลิตร (ทำให้ขนมมีความยืดหยุ่น แต่ไม่ติดภาชนะ)
  4. น้ำตาลทราย 5 กิโลกรัม
  5. น้ำตาลปี๊บ 2 กิโลกรัม
  6. ใบเตย 1 กิโลกรัม
  7. กะทิคั้นแบบสดๆ 14 ลิตร
  8. ถั่วลิสงซอยโรยหน้าขนมสิลาอ่อน
ขนมศิลาอ่อน ขนมไทยพื้นบ้าน แสนอร่อย สามารถทำกินเองได้ง่ายๆ
ขนมศิลาอ่อน ขนมไทยพื้นบ้าน แสนอร่อย สามารถทำกินเองได้ง่ายๆ

ขั้นตอนวิธีการทำขนมสิลาอ่อน

หลังจากที่เราได้เตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำขนมสิลาอ่อนเรียบร้อย ต่อมาก็ถึงเวลาลงมือทำกันแล้วค่ะ ซึ่งสูตรขนมสิลาอ่อนนี้มีวิธีทำที่ง่ายมากๆเลยค่ะ โดยขนมสิลาอ่อน เป็นเมนูขนมหวานที่ใช้วิธีการกวนให้สุก แล้วนำมาเทใส่ถาด จัดการเกลี่ยหน้าให้เรียบ จากนั้นปล่อยให้ขนมเย็น แล้วจึงตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ โรยหน้าขนมด้วยถั่วลิสงซอย ที่สำคัญขนมหวานสูตรนี้ต้องใช้ความใส่ใจในการทำของแต่ละขั้นตอน โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้

วิธีทำขนมศิลาอ่อน

  1. เริ่มจากเตรียมน้ำปูนใส โดยการหมักน้ำปูนใสไว้ก่อน 3 วัน เพื่อให้ได้ได้น้ำปูนที่ไม่หยาบและไม่มีปูนติด จากนั้นเก็บเอาน้ำปูนใสมาทำขนม โดยให้เตรียมน้ำปูนในประมาณ 20 ลิตร
  2. เริ่มหมักข้าวสารเจ้าในน้ำปูนใสประมาณ 6 ชั่วโมง จากนั้นนำมาโม่เอาแป้งข้าวเจ้า แล้วพักเอาไว้ก่อน
  3. นำใบเตยมาปั่นกับน้ำปูนใส แล้วคั้นเอาน้ำใบเตย (กรองด้วยผ้าขาวบาง) พักเอาไว้ก่อน
  4. ผสมแป้ง โดยนำเอาแป้งข้าวเจ้า น้ำใบเตย และกะทิมาคนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  5. จากนั้นนำตั้งกระทะ แล้วนำแป้งที่ผสมทั้งหมดลงไปเคี้ยวในไฟปานกลาง จากนั้นปรุงรสด้วย น้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บ แล้วเคี้ยวต่อประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจนกว่าแป้งเหนียวหนืด
  6. จากนั้นเทแป้งใส่พิมพ์ หรือถาด จากนั้นพักไว้ให้เย็น แล้วนำไปหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ และโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด

เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับสูตรขนมศิลาอ่อนที่เรานำมาฝาก ขอบอกเลยว่าสูตรนี้เป็นสูตรแบบง่ายๆที่สามารถทำกินเองได้ที่บ้าน นอกจากนี้ขนมศิลาอ่อนยังเป็นขนมพื้นบ้านที่มีแหล่งที่มาจากบ้านควนตะล่อม ตำบลสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพร สามารถนำมารับประทานได้ทุกโอกาส เช่น หลังอาหารมื้อเช้าและเย็น อาหาว่าง หรืองานเลี้ยงสังสรรค์โอกาสต่างๆ แถมยังมีรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม หวาน มัน หอมกลิ่นใบเตย ส่วนใครที่กำลังอยากจะลองทำขนมศิลาอ่อนอย่าลืมนำสูตรที่เราแนะนำไปลองทำกันดูนะคะ

Categories
อาหารสุขภาพ

แกงส้มผักรวม เมนูอาหารไทยแสนอร่อย แถมมีประโยชน์ ช่วยควบคุมน้ำหนัก

แกงส้มผักรวม เมนูอาหารไทยแสนอร่อย แถมมีประโยชน์ ช่วยควบคุมน้ำหนัก
แกงส้มผักรวม เมนูอาหารไทยแสนอร่อย แถมมีประโยชน์ ช่วยควบคุมน้ำหนัก

ถ้าพูดถึงเมนูสำหรับคนรักสุขภาพ หลายๆคนจะนึกถึงเมนูที่มีผักเยอะๆ อย่างจำพวกเมนูสลัดผัก ผัดผัก ยำผักรวม เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันมีการนำผักหลายๆ ชนิดมารวมกันเพื่อประกอบอาหาร เนื่องจากผักหลายชนิดทำให้มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ต่างกัน และทำให้รสชาติของน้ำแกงอร่อยขึ้น ผักที่เห็นใช้บ่อย เช่น ผักกาดขาว ดอกแค แตงโมอ่อน ผักบุ้ง ผักกระเฉด เป็นต้น วันนี้เราจึงมีเมนูแบบไทยๆอย่างแกงส้มผักรวมมาแนะนำทุกคน โดยเมนูแกงส้มผักรวม เป็นอาหารไทยเพื่อสุขภาพที่เป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่ เพราะเมนูนี้อาหารที่มีพลังงานค่อนข้างต่ำ เป็นแกงน้ำใส มีรสชาติทั้ง เผ็ด เค็ม เปรี้ยว แล้วก็มีหวานปะแล่มๆ เป็นอาหารที่มีหลายรสชาติอยู่ในชามเดียวกัน

แกงส้มผักรวม เป็นอาหารที่นิยมรับประทานกันทุกภาค เพราะเป็นอาหารที่กินง่าย และมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ สามารถใส่ผักได้หลายชนิด จะใส่ผักชนิดเดียวหรือผักหลายชนิดรวมกันก็ได้ค่ะ ส่วนเนื้อสัตว์ที่ใส่นิยมใช้ ปลาและกุ้ง โดยเนื้อสัตว์ที่ใส่ในแกงจะนำมาโขลกปนกับเครื่องแกง ซึ่งเครื่องแกงจะประกอบด้วย พริกแห้ง หอมแดง กะปิ ถ้าจะให้มีรสเผ็ดเพิ่มขึ้น อาจใช้พริกขี้หนูสดสีแดง หรือพริกชี้ฟ้าแดงแทนพริกแห้งก็ได้ค่ะ สำหรับส่วนผสมและขั้นตอนการทำเมนูแกงส้มผักรวมจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูแกงส้มผักรวม

แกงส้มผักรวม” เป็นอาหารภาคกลาง ที่มีรสชาติเปรี้ยวนำ เหตุที่ถูกเรียกว่าแกงส้ม อาจเป็นเพราะน้ำแกงเป็นสีส้ม และใช้มะขามเปียกเป็นส่วนผสมทำให้มีรสเปรี้ยว โดยสูตรที่เรานำมาแนะนำนี้จะใช้ เนื้อสัตว์อย่างเนื้อปลาช่อน หรืออาจเรียกเมนูนี้ว่า แกงส้มผักรวมปลาช่อนก็ได้ค่ะ และยังสามารถเติมผักนานาชนิดลงไปในแกงส้มได้  เช่น ผักบุ้ง ดอกแค ยอดมะระ ผักกาดขาว ถั่วฝักยาว กวางตุ้ง ถั่วพู ผักกะเฉด  เป็นต้น การใส่ผักหลากหลายชนิด จะช่วยเติมสีสันทำให้แกงส้มน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น แกงส้มที่ใส่ผักที่หลากหลาย เรียกว่า “แกงส้มผักรวม” หรือบางครั้งอาจเรียกว่าแกงส้มรวมมิตร ส่วนจะมีวัตถุดิบและส่วนผสมอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

ส่วนผสมสำหรับทำแกงส้มผักรวม

  1. ปลาช่อนขอดเกล็ดหั่นชิ้น 500 กรัม
  2. เนื้อปลาช่อนต้มสุกโขลกละเอียด 100 กรัม
  3. ดอกแค 200 กรัม
  4. แครอทหั่นเป็นดอก 150 กรัม
  5. ผักกวางตุ้งหั่นท่อน 150 กรัม
  6. ดอกกะหล่ำ 100 กรัม
  7. ถั่วฝักยาว 100 กรัม
  8. น้ำปลา ¼ ถ้วยตวง
  9. น้ำมะขามเปียก ½ ถ้วยตวง
  10. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  11. น้ำเปล่า 5 ถ้วยตวง

ส่วนผสมน้ำพริกแกงส้ม

  1. พริกชี้ฟ้าแกะเม็ดออก ตัดท่อนสั้น แช่น้ำพอนิ่ม 500 กรัม
  2. พริกขี้หนูแห้งแช่น้ำพอนิ่ม 5 เม็ด
  3. หอมแดงซอย ¼ ถ้วยตวง
  4. กระเทียมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
  5. กระชายซอย ¼ ถ้วยตวง
  6. กะปิ 2 ช้อนชา
แกงส้มผักรวม เมนูอาหารไทยแสนอร่อย แถมมีประโยชน์ ช่วยควบคุมน้ำหนัก
แกงส้มผักรวม เมนูอาหารไทยแสนอร่อย แถมมีประโยชน์ ช่วยควบคุมน้ำหนัก

ขั้นตอนวิธีการทำแกงส้มผักรวม

หลังจากที่คุณได้รู้จักส่วนผสมของแกงส้มผักรวมแล้ว ต่อมาเรามาดูวิธีทำเมนูแกงส้มผักรวม และวิธีทำพริกแกงส้ม เลยค่ะ ซึ่งขั้นตอนการทำเมนูนี้มีไม่เยอะ สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ง่าย จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

  1. เริ่มต้นด้วยการทำพริกแกงส้ม โดยใส่ส่วนผสมน้ำพริกแกงส้มทั้งหมดลงไปในโถเครื่องปั่นน้ำ แล้วเติมน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง จากนั้นปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่หม้อ เติมน้ำเปล่าที่เหลือทั้งหมดลงไป แล้วยกขึ้นตั้งไฟจนเดือด
  2. ใส่เนื้อปลาช่อนโขลก แครอทหั่นเป็นดอก และดอกกะหล่ำ แล้วต้มพอสุก จากนั้นใส่ปลาช่อนขอดเกล็ดหั่นชิ้นลงไป ห้ามคนเด็ดขาด จากนั้นรอจนเดือดและเนื้อปลาสุก
  3. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ แล้วคนให้เข้ากัน
  4. ใส่ดอกแค ถั่วฝักยาว และผักกวางตุ้ง จากนั้นรอจนเดือดและผักสุก แล้วตักใส่ภาชนะ พร้อมจัดเสิร์ฟได้ค่ะ

คุณค่าทางโภชนาการ

แกงส้มผักรวม ถือเป็นอีกหนึ่งอาหารเพื่อสุขภาพ กินแล้วไม่อ้วน เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงานและไขมันต่ำ แถมยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ซึ่งแกงส้ม 1 ถ้วย นั้นมีปริมาณแคลอรี่เพียงแค่ 150 กิโลแคลอรี่เท่านั้นเองค่ะ นอกจากนี้ส่วนผสมต่างๆในเมนูนี้ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นผักนานาชนิดที่ใช้ได้แก่

  • ถั่วฝักยาว: ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ อีกทั้งช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมันซึ่งเป็นต้นเหตุของความอ้วนและโปรตีน
  • ดอกแค: สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ลดไข้ บำรุงตับ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
  • ผักกวางตุ้ง: ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงและรักษาสายตา เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • กะหล่ำดอก: ป้องกันปัญหาสุขภาพ เช่น โรคลักปิดลักเปิด กระดูกพรุน ภาวะวัยทอง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง เป็นต้น
  • แครอท: ช่วยบำรุงสายตา

นอกจากนั้นยังได้รับประโยชน์จากมะขามเปียก ที่มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีอีกด้วย อีกทั้งส่วนผสมอย่างเนื้อปลายังเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วยค่ะ

Categories
ขนมเบเกอรี่

คุกกี้ช็อคโกแลตชิพ คุกกี้แสนอร่อยขนาดพอดีคำ

คุกกี้ช็อคโกแลตชิพ คุกกี้แสนอร่อยขนาดพอดีคำ
คุกกี้ช็อคโกแลตชิพ คุกกี้แสนอร่อยขนาดพอดีคำ

เมื่อถึงหน้าเทศกาลหรืองานปาร์ตี้ที่ต้องมีของขวัญเล็กๆน้อยๆแลกเปลี่ยนกันและกันแบบนี้ หลายคนคงมีของที่ลิสต์ไว้มากมาย ซึ่งหนึ่งสิ่งที่เราเชื่อว่าต้องอยู่ในลิสต์อันดับต้นๆของใครหลายๆคนแน่ๆ นั่นก็คือขนมคุกกี้ ขนมหวานขนาดพอดีคำที่เหมาะจะมอบเป็นของขวัญ ของฝากสำหรับเทศกาลแห่งความสุข หรือเป็นส่วนหนึ่งของขนมในงานปาร์ตี้ที่สุด ซึ่งคุกกี้นั้นมีหลากหลายรูปแบบ แต่วันนี้เราขอแนะนำสูตรคุกกี้ช็อคโกแลตชิพ  คุกกี้ยอดนิยมที่ทำง่ายและรสชาติถูกใจหลายๆ คน พร้อมกับเคล็ดลับดีๆ ที่ทำให้คุกกี้ช็อคโกแลตชิพออกมาเพอร์เฟคทั้งรสชาติและรูปร่างหน้าตา แต่ก่อนจะไปดูวัตถุดิบและวิธีทำคุกกี้ช็อคโกแลตชิพ ทุกคนเคยสงสัยกันไหมว่าจุดเริ่มต้นก่อนจะมาเป็นคุกกี้แสนอร่อยนี้เป็นอย่างไร 

วันนี้เราก็มีคำตอบให้ทุกคนแล้วค่ะ โดยคำว่า Chocolate chips ถูกใช้ครั้งแรกในประเทศอังกฤษ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เป็นขนมสำหรับอัฟเตอร์นูนทีของชาวอังกฤษ ยังไม่ใช่คุกกี้แบบชาวอเมริกันคุ้นเคย จนกระทั่งสูตรคุกกี้ของคุณนายเวคฟิลด์สร้างกระแสโด่งดังไปทั่ว ในปี 1940 มีการเรียกช็อกโกแลตชิ้นเล็กๆ ที่ใส่ในคุกกี้ว่า “ชิพ” (chips) และในปีเดียวกันนี้เอง Nestle ก็ทำช็อกโกแลตแบบชิ้นเล็กสำหรับใส่คุกกี้ออกวางขายชื่อเรียกว่า Semi-Sweet Morsels แต่ผู้คนกลับคุ้นเคยและนิยมใช้คำว่า Semi-Sweet Chocolate Chips กันมากกว่า ทำให้ตั้งแต่นั้นมาคุกกี้ที่มีลักษณะแบบนี้จึงเป็นที่รู้จักในชื่อของ Chocolate Chip Cookies หรือคุกกี้ช็อคโกแลตชิพ นั่นเอง 

ส่วนผสมหลักของคุกกี้ช็อคโกแลตชิพ

คุกกี้ช็อคโกแลตชิพ หรือ Chocolate Chip Cookies เป็นขนมคุกกี้ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นอีกหนึ่งขนมอบแสนอร่อยที่เป็นที่โปรดปรานของคนทั่วโลก ซึ่งส่วนประกอบสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือ ช็อกโกแลตชิพ (Chocolate chips) เป็นช็อกโกแลตขนาดชิ้นเล็กใช้สำหรับใส่คุกกี้ ช่วยทำให้คุกกี้มีรสชาติที่เข้มข้นและอร่อยมากขึ้น ซึ่งสูตรคุกกี้ช็อกโกแลตชิพที่เรานำมาแนะนำวันนี้เป็นสูตรที่นำเข้าปากแล้วให้เนื้อสัมผัสที่กรอบ อร่อย หวาน หอมกลิ่นเนยอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก่อนจะลงมือทำตามขั้นตอนวิธีทำ เรามาเริ่มจัดเตรียมส่วนผสมทั้งหมดกันก่อนเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำคุกกี้ช็อคโกแลตชิพ

  1. แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
  2. ผงฟู 2 ช้อนชา
  3. เนยสดชนิดเค็ม 1 ถ้วย
  4. เนยขาวใช้สำหรับทาถาด เล็กน้อย
  5. น้ำตาลทรายป่น ½  ถ้วย
  6. น้ำตาลทรายแดงร่อนแล้ว ¼ ถ้วย
  7. ไข่ไก่ (ใช้เฉพาะไข่แดง) 1 ฟอง
  8. วานิลาชนิดน้ำหรือผง 1 ช้อนชา
  9. เกลือเล็กน้อย
  10. ช็อกโกแลตชิพ 75 กรัม
  11. มะม่วงหิมพานต์ ½ ถ้วย (ให้ถั่วอบสุก หรืออัลมอนด์ก็ได้ค่ะ)
คุกกี้ช็อคโกแลตชิพ คุกกี้แสนอร่อยขนาดพอดีคำ
คุกกี้ช็อคโกแลตชิพ คุกกี้แสนอร่อยขนาดพอดีคำ

ขั้นตอนวิธีการทำคุกกี้ช็อคโกแลตชิพ

หลังจากที่เราได้จัดเตรียมวัตถุดิบในการทำคุกกี้ช็อคโกแลตชิพกันเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มลงมือทำกันเลยค่ะ ซึ่งวิธีทำก็ง่ายมากๆ สามารถทำตามเองได้ที่บ้านค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการทำขนมหวาน หรือสำหรับมือใหม่ที่อยากลองทำคุกกี้ช็อคโกแลตชิพนี้ค่ะ ส่วนจะมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

  1. เริ่มร่อนแป้ง ผงฟู และเกลือ เข้าด้วยกันพักไว้ 
  2. จากนั้นตัดเนยสดเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนนำมาใช้ แล้วตีให้เนยอ่อนตัวจนขึ้นฟูเป็นสีนวลๆค่อยๆ เทน้ำตาลทรายป่นลงไปทีละน้อยจนหมด แล้วค่อยๆปาดก้นโถผสมด้วยพายยางไปด้วย
  3. ค่อยๆ เทน้ำตาลทรายแดงลงไปผสมจนหมด ตามด้วยไข่แดง และกลิ่นวานิลา เทลงไปผสมให้เข้ากัน ถ้าใช้เครื่องผสมก็ลดความเร็วเป็นความเร็วต่ำในการผสม
  4. ค่อยๆ เทแป้งที่เราร่อนผสมกับผงฟูและเกลือไว้แล้วลงไป (ข้อ1.) จากนั้นแบ่งใส่ทีละน้อย ตะล่อมให้เข้ากันอย่างเบามือ เพื่อเนื้อคุกกี้ที่ได้จะได้ไม่เหนียว จากนั้นใส่แป้งจนหมด ตามด้วยช็อกโกแลต มะม่วงหิมพานต์ ตะต่อมให้เข้ากันดี
  5. นำคุกกี้ที่ผสมเรียบร้อยแล้ว ไปแช่ในตู้เย็นพักไว้ก่อน จากนั้นมาเตรียมถาดสำหรับอบ โดยปูกระดาษรองอบ (ถ้าใช้กระดาษไข ให้ทาเนยขาวที่ถาดก่อน) จากนั้นปูด้วยกระดาษไข
  6. นำคุกกี้ออกมาจากตู้เย็น ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดพอดีคำต้องปั้นให้มีขนาดเท่าๆ กันด้วยนะคะ จะใช้ช้อนตวง หรือใช้ที่ชั่งน้ำหนักของคุกกี้แต่ละก้อนก็ได้
  7. วางคุกกี้ลงในถาดที่เตรียมไว้ โดยคุกกี้แต่ละชิ้นให้วางห่างกันประมาณ 1 นิ้ว เพราะเวลาอบเจ้าคุกกี้จะขยายออก ไม่อย่างนั้นคุกกี้จะติดกันเป็นแพค่ะ
  8. นำคุกกี้เข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้เวลาอบนานประมาณ 10-15 นาที หรือสังเกตุว่าขอบของคุกกี้เป็นสีเหลืองทอง ถึงสีน้ำตาล ก็แสดงว่าได้เวลานำออกจากเครื่องอบแล้ว
  9. นำคุกกี้ออกจากเตาอบ แกะคุกกี้มาพักไว้บนตะแกรง รอให้เย็นสนิทถึงจะเก็บใส่ภาชนะต่างๆ ที่มีฝาปิดสนิท พร้อมรับประทานแล้วค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับขนมคุกกี้ช็อคโกแลตชิพ นอกจากจะมีรสชาติอร่อยเข้มข้น หอมกลิ่นเนยแล้ว ยังเป็นเมนูขนมหวานไม่ว่าจะทำกินเอง หรือทำขายก็ดีไปหมดเลยค่ะ อีกทั้งยังสามารถทำเป็นของฝาก หรือของขวัญมอบให้แก่กันและกัน  เนื่องในโอกาสพิเศษก็ได้นะคะ แต่แนะนำว่าให้เก็บคุกกี้ไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท เพื่อรักษาความกรอบขอบคุกกี้ไว้ค่ะ และเพื่อความมั่นใจคุณสามารถใช้สก๊อตเทปใส่ซีลเพื่อป้องกันอากาศเข้าไปในกล่องก็ได้นะคะ 

Categories
อาหารนานาชาติ

ไก่ทอดเทบะซากิ อาหารญี่ปุ่นแสนอร่อย สามารถทำกินเองได้ง่ายๆ

ไก่ทอดเทบะซากิ อาหารญี่ปุ่นแสนอร่อย สามารถทำกินเองได้ง่ายๆ
ไก่ทอดเทบะซากิ อาหารญี่ปุ่นแสนอร่อย สามารถทำกินเองได้ง่ายๆ

สำหรับใครที่เคยเดินทางไปเยือนเมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ต้องไม่พลาดเมนูปีกไก่ทอดเทบะซากิ (Tebasaki) เป็นการนำปีกไก่มาคลุกเคล้ากับพริกไทยและงา แล้วหมักด้วยน้ำซอสสูตรเข้มข้น และที่สำคัญคือจะไม่ใช้แป้งในการทอด ไก่เทบะซากินั้นให้รสชาติกรอบนอกนุ่มใน มีรสชาติเข้มข้นกำลังดี ทานเป็นกับข้าวหรือจะกินเล่นก็ได้ค่ะ

Tebasaki (手羽先) เป็นภาษาญี่ปุ่น หมายความว่าการปีกไก่ทอดกรอบมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงชนิดพิเศษ และน้ำซอสสูตรเข้มข้น ทั้งซอสคาวและหวาน ซึ่งเมนูนี้แตกต่างจากไก่ทอดญี่ปุ่นเมนูอื่น ๆ เพราะไก่ทอดเทบะซากิทำจากปีกไก่ที่ติดกระดูกเสมอ ไม่มีการหมักและปรุงรสหลังจากทอดแล้ว สำหรับใครที่รู้สึกจำเจกับเมนูไก่ทอดแบบเดิมๆ เราขอแนะนำเมนูไก่ทอดเทบะซากิ ปีกไก่ทอดแบบฉบับญี่ปุ่นคลุกงา มีรสเผ็ดเล็กน้อย เป็นไก่ทอดที่มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน กรอบนอก นุ่มใน ซึ่งวันนี้เราก็มีขั้นตอนการทำไก่ทอดเทบะซากิ แบบฉบับญี่ปุ่น มาฝากจะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูไก่ทอดเทบะซากิ

ไก่ทอดเทบะซากิ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Tebasaki Chicken Wings เป็นอาหารญี่ปุ่นจานรสเด็ดจากแดนอาทิตย์อุทัย จัดเป็นเมนูไก่ที่มีวิธีการทอด และวัตถุดิบที่แตกต่างจากเมนูไก่อื่นๆ ของญี่ปุ่น แต่ก่อนจะไปดูขั้นตอนการทำ เรามาดูส่วนผสมของเมนูไก่ทอดเทบะซากิกันเลย

ส่วนผสมสำหรับเมนูไก่ทอดเทบาซากิ

  1. ปีกไก่ 5-6 ชิ้น (เลือกปีกไก่ที่ลักษณะสมบูรณ์ หนังตึง เนื้อแแน่น ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า)
  2. เกลือเล็กน้อย 1 ช้อนชา
  3. น้ำขิง 1 ช้อนชา
  4. แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
  5. ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
  6. เหล้าสาเก 2 ช้อนโต๊ะ
  7. ซอสมิริน 2 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาล 2 ช้อนชา
  9. กระเทียมบด 2 ช้อนชา
  10. ขิงบด 1 ช้อนชา
  11. งาขาว 2 ช้อนชา
  12. เม็ดพริกไทยดำโขรก 1 ช้อนชา
  13. พริกป่น 1 ช้อนชา
  14. น้ำเปล่าเล็กน้อย
  15. น้ำมันพืช สำหรับทอด 2 ถ้วยตวง
ไก่ทอดเทบะซากิ อาหารญี่ปุ่นแสนอร่อย สามารถทำกินเองได้ง่ายๆ
ไก่ทอดเทบะซากิ อาหารญี่ปุ่นแสนอร่อย สามารถทำกินเองได้ง่ายๆ

ขั้นตอนวิธีการทำไก่ทอดเทบาซากิ

ไก่ทอดเทบะซากิจัดเป็นอาหารตระกูลคาราอาเกะ ที่มีสูตรไก่ทอดในอินเตอร์เน็ตมากมายหลายแบบทั้ง แบบหมักไก่แล้วทอด แบบทอดแห้งๆ หรือทอดแล้วราดซอส ซึ่งสูตรที่เรานำมาแนะนำนี้เป็นสูตรทอดแล้วราดซอส มีวิธีทำง่ายๆ สามารถทำกินเองได้ที่บ้าน ดังนี้

วิธีทำไก่ทอดเทบะซากิ

  1. เริ่มเตรียมซอสเทบะซากิ โดยตั้งหม้อต้มใส่ ซอสถั่วเหลือง ซอสมิริน น้ำตาล กระเทียม และขิงบด แล้วต้มให้ส่วนผสมเข้ากันจนเหนียวข้น เติมน้ำเปล่านิดหน่อย
  2. เตรียมหมักไก่ โดยนำ สาเก และขิง มาหมักไก่ประมาณ 15 – 20 นาที จากนั้นนำ ไก่แล้วที่หมักแล้วมา ชุบผงแป้งมัน
  3. ตั้งกระทะน้ำมัน ความร้อนปานกลาง เมื่อน้ำมันร้อน ให้นำไก่ที่เตรียมไว้ลงไปทอดให้เปลี่ยนสีเหลืองกรอบ โดยทำการทอดสองครั้ง ครั้งแรกให้สังเกตุว่า ไก่เริ่มสุก ให้นำออกมาพักไว้ให้แห้ง จากนั้นนำไปทอดซ้ำอีก จะทำให้หนังกรอบ ในขณะที่เนื้อไก่นุ่ม
  4. นำไก่ที่ทอดเสร็จแล้วมาคลุกเคล้ากับซอสเทบะซากิที่เตรียมไว้ และโรยหน้าด้วย พริกไทย และ งาขาวคั่ว จากนั้นจัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟจะทานเป็นกับข้าวหรือทานเล่นๆก็ได้ค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคนสำหรับสูตรเมนูไก่ทอดเทบะซากิที่เรานำมาฝาก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารที่เหมาะกับเด็กๆ อีกด้วยค่ะ เพราะน้ำซอสค่อนข้างหวาน เด็กๆมักชอบรับประทาน ส่วนผู้ใหญ่ที่ชอบทานเผ็ดเราขอแนะนำให้ลองโรยพริกป่นญี่ปุ่นตัดเลี่ยนหน่อยได้ค่ะ หากใครที่อยากลองทำเมนูไก่ทอดเทบะซากิก็อย่าลืมนำสูตรที่เราแนะนำไปลองทำกันนะคะ หรือหากใครมีโอกาสได้ที่ไปเที่ยวเมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น เราขอแนะนำเมนูไก่ทอดเทบะซากิ โดยคุณสามารถหาซื้อทานได้ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นที่สถานีรถไฟ อย่างสถานีรถไฟนาโกย่า และร้านต่างๆในย่านซากาเอะ (Sakae) ก็มีขายอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ

Categories
อาหารไทย

แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ เมนูอาหารไทยหอมอร่อยถูกปาก พร้อมเคล็ดลับดับความขมของมะระ

แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ เมนูอาหารไทยหอมอร่อยถูกปาก พร้อมเคล็ดลับดับความขมของมะระ
แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ เมนูอาหารไทยหอมอร่อยถูกปาก พร้อมเคล็ดลับดับความขมของมะระ

แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารที่หลายคนชื่นชอบเพราะด้วยความที่เป็นอาหารมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และอร่อย แต่ที่มีส่วนประกอบของมะระผักที่มีรสชาติขม ทำให้ทานยาก หลายๆคนจึงไม่ค่อยชอบเจ้าผักชนิดนี้สักเท่าไร แต่ปัญหาความขมนี้จะหมดไปเพราะวันนี้เรามีสูตรการทำเมนูแกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ พร้อมเคล็ดลับดับความขมของมะระมาแนะนำทุกคน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบรสชาติขมของมะระ สำหรับคนที่ชื่นชอบรสชาติความขมของมะระ ให้ข้ามขั้นตอนการดับความขมของมะระได้เลยค่ะ นอกจากนี้ความขมของมะระยังมีสรรพคุณทางยามากมายต่อร่างกายอีกด้วย ซึ่งขั้นตอนการทำแกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ สูตรมะระไม่ขมที่เรานำมาฝากนี้เป็นสูตรที่ทุกคนสามารถทำตามไม่ง่ายๆที่บ้าน แถมยังอร่อยกลมกล่อมถูกปากคนที่ได้ลิ้มรสแน่นอนค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาดูการทำเมนูอาหารแกงจืดมะระยัดไส้หมูสับกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูแกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ

สำหรับวัตถุดิบและส่วนผสมของเมนูอาหารไทยอย่างแกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ สูตรไม่ขม มีทั้งหมด 2 ส่วนคือ ส่วนผสมหมูสับสำหรับยัดไส้ และส่วนผสมแกงจืดมะระยัดไส้ ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป โดยทั้ง 2 ส่วนมีวัตถุดิบและส่วนผสมดังนี้

ส่วนผสมหมูสับสำหรับยัดไส้

  1. หมูสับ 200 กรัม
  2. กระเทียม 5 กลีบ
  3. พริกไทยป่น ½  ช้อนโต๊ะ
  4. รากผักชี 1 ราก
  5. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำตาลทราย ½  ช้อนโต๊ะ
  7. วุ้นเส้นแช่น้ำให้นิ่ม 1 ห่อ

ส่วนผสมแกงจืดมะระยัดไส้ 

  1. มะละ 2 ลูก
  2. น้ำซุบกระดูกหมู 1 หม้อ
  3. เห็ดหอมแช่ 4 ดอก
  4. รากผักชี 1 ต้น
  5. กระเทียม 3 กลีบ
  6. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลทราย ½  ช้อนโต๊ะ
  8. ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ เมนูอาหารไทยหอมอร่อยถูกปาก พร้อมเคล็ดลับดับความขมของมะระ
แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ เมนูอาหารไทยหอมอร่อยถูกปาก พร้อมเคล็ดลับดับความขมของมะระ

ขั้นตอนวิธีการทำแกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ

เมนูอาหารแกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ สูตรไม่ให้ขมมีวิธีทำที่ง่ายมากๆเลยค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการทำอาหารที่บ้าน เพราะแต่ละขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากสามารถทำตามได้ง่ายๆค่ะ ซึ่งมีขั้นตอนวิธีการทำดังนี้

  1. นำมะระมาหั่นเป็นท่อนและใช้ช้อนด้ามสั้นคว้านไส้ขาวด้นในออก นำมะระมาทาเกลือทิ้งไว้10-15นาทีแล้วล้างออก (ทาเกลือเยอะ ๆ เลยนะคะ) แล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  2. นำกระเทียมและพริกไทย รากผักชีมาตำให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำหมูสับมาคลุกเคล้า ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายตำหมู กระเทียม และพริกไทย
  3. นำวุ้นเส้นที่แช่จนนิ่มแล้วลงไปคลุกกับหมูสับ จับหมูสับและวุ้นเส้นที่เราปรุงไว้มายัดใส่ในมะระ
  4. จากนั้นต้มน้ำซุบให้เดือด  ตามด้วยการใส่ รากผักชี กระเทียม และพริกไทยเม็ด แล้วนำกระดูกหมูใส่หม้อนำเห็ดหอมและมะระยัดไส้หมูสับที่เตรียมไว้ลงหม้อต้มประมาณ1ชั่วโมง จากนั้นตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ

เคล็ดลับการดับความขมของมะระ

แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ หรือต้มมะระยัดไส้หมูสับ ด้วยความที่เมนูนี้มีมะระเป็นส่วนประกอบทำให้รสชาติของเมนูนี้มีความขมที่อาจทำให้ใครหลายๆคนไม่ชอบ ดังนั้นเราจึงมีเคล็ดลับต้มมะระยังไงไม่ให้ขมมาฝาก โดยอ้างอิงจากเพจ เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว ที่ได้อธิบายถึงวิธีการต้มมะระยังไงให้ขมแบบพอดีๆ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

  1. ควรเลือกมะระที่แก่จัด ตาห่าง สีอ่อน เนื้อเต่ง แล้วคว้านเมล็ดออกจะยัดไส้หมูสับผสมสามสหาย อย่างรากผักชี กระเทียม พริกไทย หรือจะพ่วงวุ้นเส้นด้วยก็ไม่ว่ากัน
  2. ขณะที่ต้มนั้นควรต้มนานพอที่จะเกิดการไฮโดรไลซ์ของ Momordicines จนหมด เพราะถ้าต้มไม่นานพอแล้ว ความขมจะกระจายตัวในน้ำซุปทั่วจนกินกันไม่ได้เลยทีเดียว (จะเปิดฝาหม้อ/ปิดฝาหม้อก็ได้ค่ะ)
  3. ควรหมั่นใช้ช้อนลิ่มฟองออกเรื่อยๆ เพื่อกำจัด Momordicine I ที่เกาะอยู่กับลิ่มฟอง และไขมันนั้นจนหมดสิ้น แล้วจึงต้มต่อไปเรื่อยๆ จนนุ่มเปื่อย (บางร้านที่ไม่ช้อนลิ่มฟอง ทำให้พอเรากัดโดนลิ่มฟองนี่จะขมมากๆเลยค่ะ) เพียงแค่นี้ความขมของมะระก็จะลดลงค่ะ

เพียงแค่นี้เราก็จะได้แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับที่ไม่ขมทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ และสามารถทานได้หลายคน ส่วนใครที่กำลังอยากลองทำเมนูนี้ให้คนในครอบครัวทาน หรือให้เพื่อน ๆ ทานสามารถนำสูตรที่เราแนะนำไปใช้ได้เลยค่ะ นอกจากความอร่อยกลมกล่อม แล้วเมนูนี้ยังเป็นอีกหนึ่งเมนูแคลอรี่น้อยเหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักอีกด้วยค่ะ

Categories
อาหารสุขภาพ

แกงจืดตำลึงไก่สับ สูตรเมนูอาหารคลีนมีประโยชน์ ราคาแสนประหยัด

แกงจืดตำลึงไก่สับ สูตรเมนูอาหารคลีนมีประโยชน์ ราคาแสนประหยัด
แกงจืดตำลึงไก่สับ สูตรเมนูอาหารคลีนมีประโยชน์ ราคาแสนประหยัด

สาวๆคนไหนที่กำลังอยู่นช่วงไดเอทฟังทางนี้ค่ะ เพราะวันนี้เรามีอีกหนึ่งเมนูลดน้ำหนักอย่างแกงจืดตำลึงไก่สับมาฝากทุกคน ช่วงไดเอทเป็นช่วงที่ทุกคนต้องควบคุมอาหารให้ดี จะกินอะไรก็ต้องเช็คแคลอรี่ก่อนทุกครั้ง เมนูอาหารที่เลือกกินควรมีค่าแคลอรี่ที่ไม่มากจนเกินไป จะช่วยให้การลดน้ำหนักของคุณไปถึงเป้าหมายได้ง่ายมากขึ้นค่ะ ซึ่งสูตรการทำเมนูแกงจืดตำลึงไก่สับที่เรานำมาฝากนี้เป็นสูตรเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่อร่อย ทำตามได้ง่ายๆ แค่ผักข้างรั้วบ้านเรานี่เองค่ะ 

แกงจืดจัดเป็นซุปในสำรับอาหารจีนที่ทำให้กินอาหารได้คล่องคอ หรือกินกับข้าวอื่นในสำรับได้อร่อยขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายอบอุ่น แกงจืดนี้เป็นเมนูง่ายๆ ที่ใช้กระดูกหมูปรุงรสให้น้ำซุปหวาน ใส่เต้าหู้และตำลึงผักริมรั้วหาง่ายมาต้มรวมกัน จนเป็นแกงจืดยอดนิยมที่คนมักจะสั่งทานกันทุกร้าน สำหรับที่อยากจะลองทำกินเองก็สามารถทำตามสูตรที่เรานำมาแนะนำได้ ซึ่งสูตรนี้นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แถมยังเป็นสูตรอาหารคลีน แคลอรี่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักอีกด้วยนะคะ จะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูแกงจืดตำลึงไก่สับ

เมนูแกงจืดตำลึงไก่สับ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แถมยังเป็นอาหารคลีน แคลอรี่ต่ำ ที่คนที่กำลังอยู่ในช่วงไดเอทเลือกรับประทาน เพราะเป็นเมนูที่มีส่วนผสมหลักเป็นยอดตำลึงอ่อนและไก่สับ ซึ่งยอดตำลึงอ่อนมีเบต้าแคโรทีน แคลเซียม และมีกากใยที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี และเนื้อไก่ยังอุดมไปด้วยโปรตีน แถมสูตรที่เรานำมาฝากนี้ยังอร่อยถูกใจ ในราคาแสนประหยัด บางบ้านอาจไม่ต้องซื้อตำลึงเลยค่ะ เพราะมีขึ้นอยู่ตามรั้วบ้าน ส่วนวัตถุดิบและส่วนผสมทั้งหมดมีดังนี้ค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำแกงจืดตำลึงไก่สับ

  1. ไก่สับ 150 กรัม
  2. ยอดตำลึงอ่อนเด็ดใบ 100 กรัม
  3. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  4. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
  5. ซอสเห็ดหอม 1 ช้อนชา
  6. พริกไทยป่น ¼ ช้อนชา
  7. เต้าหู้ไข่หั่นเป็นท่อน 5 ท่อน

ส่วนผสม น้ำซุปกระดูกหมู

  1. น้ำเปล่า 2 ลิตร
  2. เกลือ 1 ช้อนชา
  3. ซุปหมูก้อน 1 ก้อน
  4. รากขึ้นฉ่าย 2-3 ราก
  5. กระเทียมบด 5 กลีบ
  6. พริกไทยเม็ด ½ ช้อนชา
แกงจืดตำลึงไก่สับ สูตรเมนูอาหารคลีนมีประโยชน์ ราคาแสนประหยัด
แกงจืดตำลึงไก่สับ สูตรเมนูอาหารคลีนมีประโยชน์ ราคาแสนประหยัด

ขั้นตอนวิธีการทำแกงจืดตำลึงไก่สับ

หลายคนคงทราบกันดีว่า ต้นตำลึงจัดเป็นพืชสารพัดประโยชน์ รับประทานได้ทั้งใบและผล แถมยังเป็นส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความอร่อยของเมนูนั้น รวมถึงเมนูแกงจืดตำลึงไก่สับด้วยค่ะ ซึ่งสูตรวิธีทำเมนูนี้ก็ง่ายมากๆเลยค่ะ เหมะสำหรับคนที่อยากลองทำเมนูแกงจืดตำลึงไก่สับกินเองที่บ้าน หรือคนที่เริ่มทำเมนูนี้ครั้งแรก โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้

  1. นำยอดตำลึงอ่อน มาล้างให้สะอาดแล้วเด็ดเอาเฉพาะใบยอดอ่อน ๆ 
  2. เตรียมหมักเนื้อไก่ โดยการผสมเนื้อไก่สับ ซีอิ๊วขาว ซอสเห็ดหอม และพริกไทยป่น คลุกเคล้าพอเข้ากัน แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที
  3. ต้มน้ำซุป โดยต้มน้ำเปล่าให้เดือด แล้วใส่ เกลือ ซุปหมูก้อน รากขึ้นฉ่าย กระเทียมบด และพริกไทยเม็ด ต้มจนเดือด แล้วปั้นเนื้อไก่สับที่หมักไว้เป็นรูปทรงกลมพอดีคำใส่ลงไปต้มให้สุก 
  4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา พอเดือดอีกครั้งให้ใส่เต้าหู้ไข่ และยอดตำลึงอ่อนเด็ดใบที่เตรียมไว้ใส่ลงในหม้อต้มอีกประมาณ 10-15 นาที แล้วคนให้เข้ากัน (สุก ไม่ควรต้มใบตำลึงให้นานเกิน เพราะเป็นการลำลายสารอาหาร) จากนั้นปิดไฟ ตักใส่ภาชนะ พร้อมจัดเสิร์ฟ

คุณค่าทางโภชนาการ

แกงจืดตำลึงไก่สับ มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย โดยตำลึง หรือ ผักตำลึงที่เป็นส่วนผสมหลักของเมนูนี้มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างโปรตีน วิตามินบี แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ไนอาซีน วิตามินซี เบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา และใยอาหาร ช่วยในระบบย่อยอาหารได้ดีขึ้น แถมเนื้อไก่สับยังมีโปรตีนที่จำเป็นต่อร่ายกาย เห็นประโยชน์ที่ดีอย่างนี้แล้ว ทุกคนอย่าลืมลองไปทำกันดูนะคะ รับรองว่าอร่อยถูกปาก แถมทานแล้วไม่อ้วนแน่นอนค่ะ

Categories
อาหารนานาชาติ

กุ้งกระเบื้อง อาหารเวียดนามกินคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย อร่อยง่ายๆทำกินเองได้

กุ้งกระเบื้อง อาหารเวียดนามกินคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย อร่อยง่ายๆทำกินเองได้
กุ้งกระเบื้อง อาหารเวียดนามกินคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย อร่อยง่ายๆทำกินเองได้

ใครที่ชื่นชอบเมนูปอเปี๊ยะทอดไม่ควรพลาดกับเมนูกุ้งกระเบื้อง (Goong Gra Buang) เช่นกันค่ะ ถึงแม้ว่าชื่อเมนูจะดูแปลกๆ แต่จริงๆแล้วเมนูนี้ก็คือเมนูประเภทปอเปี๊ยะ เป็นอีกหนึ่งเมนูทานเล่นหรือจะทานจริงจังก็อิ่มท้องได้ค่ะ เมนูกุ้งกระเบื้อง เป็นอาหารเวียดนามที่คนไทยนิยมรับประทานกันเป็นจำนวนมาก เมนูนี้มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม โดยเป็นการเนื้อกุ้งบดปรุงรสมาห่อกับแผ่นปอเปี๊ยะทอด ส่วนใหญ่มักทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย อร่อยกลมกล่อมหยุดกินไม่ได้แน่นอนค่ะ เชื่อว่าหลายคนคงกำลังสงสัยกันใช่ไหมคะ ว่าเมนูนี้มีวิธีการทำอย่างไร ดังนั้นวันนี้เราจึงมีสูตรการทำเมนูกุ้งกระเบื้องให้อร่อยในแบบฉบับอาหารเวียดนาม แถมวิธีการทำก็ง่ายทำกินเองได้ที่บ้าน พร้อมกับสูตรการทำน้ำจิ้มบ๊วย ให้อร่อยถูกปากคนที่ได้ลิ้มลองแน่นอนค่ะ ส่วนจะมีส่วนผสมและวิธีการทำอย่างไรบ้าง ตามเรามาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูกุ้งกระเบื้อง

กุ้งกระเบื้อง หรือที่ภาษาอังกฤษ เรียก Goong Gra Buang เป็นอาหารเวียดนามที่มีส่วนผสมหลักเป็นเนื้อกุ้งบดปรุงรสมาห่อเป็นรูปสามเหลี่ยมกับแผ่นแป้งปอเปี๊ยะทอดทำจากแป้งข้าวเจ้า ซึ่งเป็นแผ่นแป้งที่มีชื่อเสียงของเวียดนาม คนส่วนใหญ่นิยมทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย (Plum sauce) แต่ก่อนที่จะไปดูขั้นตอนการทำเมนูกุ้งกระเบื้องและน้ำจิ้มบ๊วย เรามาดูส่วนผสมทั้งหมดของเมนูนี้กันก่อนเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำกุ้งกระเบื้อง

  1. แผ่นปอเปี๊ยะทอด 4 แผ่น
  2. กุ้งขาวแกะเปลือก 20-25 ตัว
  3. มันหมูบด 200 กรัม
  4. รากผักชีบดละเอียด 2 ต้น
  5. กระเทียมบดละเอียด 3 กลีบ
  6. พริกไทยบดละเอียด ½ ช้อนโต้ะ
  7. ใบต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  8. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  9. แป้งมัน 2 ช้อนโต้ะ
  10. ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต้ะ
  11. น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วยตวง

ส่วนผสมสำหรับทำน้ำจิ้มบ๊วย

  1. เนื้อบ๊วยดองบด 5 เม็ด (ให้เลือกเม็ดใหญ่ๆ เนื้อเยอะๆ)
  2. น้ำบ๊วยดอง 3 ช้อนโต้ะ
  3. น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
  4. เกลือทะเล 2 ช้อนโต้ะ
  5. น้ำปลา 1 ถ้วย ( ถ้วยขนาด 200 ซีซี )
  6. น้ำส้มสายชู ถ้วยครึ่ง ( ถ้วยขนาด 200 ซีซี )
  7. กระเทียมบดละเอียด 3 ช้อนโต้ะ
  8. พริกบดละเอียด 3 ช้อนโต้ะ
  9. ถั่วลิสงบดละเอียด 1 ถ้วย
  10. น้ำเปล่า 2 ถ้วย
  11. แครอทซอย 1 ช้อนโต้ะ
กุ้งกระเบื้อง อาหารเวียดนามกินคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย อร่อยง่ายๆทำกินเองได้
กุ้งกระเบื้อง อาหารเวียดนามกินคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย อร่อยง่ายๆทำกินเองได้

ขั้นตอนวิธีการทำกุ้งกระเบื้อง

สำหรับวิธีทำเมนูกุ้งกระเบื้อง (Goong Gra Buang) กับ น้ำจิ้มบ๊วย (Plum sauce) เมนูอาหารอาหารเวียดนามที่เรานำมาแนะนำนี้มีขั้นตอนการทำแต่ละขั้นตอนที่เข้าใจง่ายมากๆ เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการทำอาหารกินเองที่บ้าน หรือคนที่เริ่มต้นทำเมนูกุ้งกระเบื้องกับน้ำจิ้มบ๊วยครั้งแรกค่ะ ส่วนจะมีขั้นตอนอะไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

วิธีทำเมนูกุ้งกระเบื้อง

  1. เริ่มจากการเตรียมเนื้อกุ้ง โดยเลือกกุ้งสดขนาดใหญ่พอดี โดยการเลือกกุ้งให้เลือกดูกุ้งที่สมบูรณ์ หัวไม่หลุด เปลือกไม่ลอก นำมาล้างให้สะอาด จากนั้นนำเนื้อกุ้งมาสับให้ละเอียดผสมกับมันหมูบดละเอียด จากนั้นใส่ รากผักชี กระเทียม และพริกไทยลงไป แล้วปรุงรสด้วย ซอสปรุงรส
  2. จากนั้นใส่ ใบต้นหอม แป้งมัน และ ไข่ขาวลงไป ผสมให้เข้ากับเนื้อกุ้ง (ช่วยให้เนื้อกุ้งเกาะตัวเป็นแผ่น) แล้วนำไปแช่เย็นให้เนื้อกุ้งเซ็ตตัว
  3. นำเนื้อกุ้งบดที่เตรียมไว้มาวางเกลี่ยๆบนแผ่นแป้งปอเปี๊ยะทอดให้ทั่ว และวางแผ่นแป้งปอเปี๊ยะทอดอีกแผ่นประกบ นำมาพักให้แห้งเตรียมทอด เพื่อให้ปอเปี๊ยะกรอบ และ เวลาทอดน้ำมันไม่กระเด็น
  4. ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อนด้วยไฟปานกลาง แต่ก่อนจะนำแผ่นแป้งปอเปี๊ยะกุ้งบดไปทอด ให้ใช้ไม้จิ้มฟันเจาะรู ให้น้ำมันเข้าไปได้(เพื่อที่จะได้ สุกง่ายขึ้น) จากนั้นนำแผ่นปอเปี๊ยะกุ้งบดลงไปทอด ให้สุกกรอบทั้งสองด้าน
  5. เมื่อแผ่นปอเปี๊ยะกุ้งกรอบได้ที่ ก็นำมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ

วิธีทำน้ำจิ้มบ๊วย

  1. ตั้งหม้อต้ม เติมน้ำ และใส่น้ำบ๊วย ตามด้วยเนื้อบ๊วยบด น้ำตาลทราย เกลือทะเล น้ำส้มสายชู น้ำปลา และกระเทียม จากนั้นเคี้ยวจนกระเทียมละลายจึงจะทำให้รสชาติของกระเทียมไม่กลบรสชาติของบ๊วย
  2. หลังจากต้มจนน้ำเริ่มเหนียว ให้ใส่พริกลงไป แล้วปิดไฟ และพักให้เย็น
  3. เสิร์ฟใส่ถ้วยน้ำจิ้ม แล้วโรยหน้าด้วยแครอทซอยและถั่วลิสง

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับเมนูกุ้งกระเบื้องกับน้ำจิ้มบ๊วย ซึ่งเมนูนี้ยังมีเคล็ดลับอร่อยอยู่ที่การเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ พร้อมกับวิธีการปรุงรสที่เป็นไปตามปริมาณที่เราแนะนำ รับรองเลยว่าวิธีทำเมนูกุ้งกระเบื้องกับน้ำจิ้มบ๊วย ที่เรานำมาฝากอร่อยถูกปากคนที่ได้ลิ้มลองรสชาติแน่นอนค่ะ นอกจากนี้เมนูนี้ยังเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารนานาชาติที่ได้รับความนิยมในไทยเป็นอย่างมากอีกด้วยค่ะ

Categories
อาหารไทย

แกงคั่วมะระปลาดุก เมนูอาหารไทยพื้นบ้านแสนอร่อย สูตรมะระไม่ขม

แกงคั่วมะระปลาดุก เมนูอาหารไทยพื้นบ้านแสนอร่อย สูตรมะระไม่ขม
แกงคั่วมะระปลาดุก เมนูอาหารไทยพื้นบ้านแสนอร่อย สูตรมะระไม่ขม

เอาใจสำหรับคนที่ชื่นชอบการกินมะระ แต่ไม่ชอบรสขมของมันกันค่ะ วันนี้เรามีเมนูสุดพิเศษที่อยากแนะนำอย่างแกงคั่วมะระปลาดุก ซึ่งสูตรที่เรานำมานี้เป็นสูตรขั้นตอนการทำที่ช่วยลดความขมของมะระ แต่ยังคงความอร่อยเข้มข้นกลมกล่อมจากเนื้อหวานๆ ของปลาดุก และผสมผสานกับรสชาติแซ่บๆของพริกแกงคั่วกะทิในแบบฉบับแกงคั่วอาหารไทยพื้นบ้าน เหมาะสำหรับทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆที่สุดเลยค่ะ และสามารถนำมาทานคู่กับขนมจีนก็ดีงามมากๆเลยค่ะ ส่วนใครที่ชื่นชอบความขมของมะระสามารถข้ามขั้นตอนการเตรียมมะระได้เลยค่ะ ขอบอกเลยว่าเมนูนนี้มีวิธีทำแต่ละขั้นตอนที่เข้าใจง่ายมาก ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเลยค่ะ เหมาะสำหรับคนที่หลงไหลในการทำอาหารกินเองหรือทำให้ครอบครัวกินที่บ้านมากๆเลยค่ะ รับรองว่าสูตรนี้ถูกปากคนที่ได้ลิ้มรสชาติแน่นอน อย่ารอช้าเรามาดูส่วนผสมและขั้นตอนการทำเมนูแกงคั่วมะระปลาดุกกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูแกงคั่วมะระปลาดุก

สูตรอาหารการทำเมนูแกงคั่วมะระปลาดุกที่เรานำมาแนะนำในวันนี้เป็นอาหารไทยเมนูอาหารพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความที่เป็นเมนูอาหารที่มีมะระเป็นส่วนประกอบจึงมีการเพิ่มขั้นตอนการทำเพื่อลดความขมของมะระ ซึ่งมะระเป็นผักที่ใช้ประกอบอาหารมากมายอย่างเช่น แกงมะระปลาขูด แกงมะระขี้นก อ่อมปลาดุกใส่ยอดมะระ สำหรับเคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนประกอบต้องมีคุณภาพ มีเทคนิคการเตรียมอาหาร และต้องมีการปรุงรสชาติที่ถูกต้องตามสูตรที่แนะนำ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมของพริกแกง และให้รสชาติมีความมันของกะทิพอดีๆ 

ส่วนผสมสำหรับทำเมนูแกงคั่วมะระปลาดุก

  1. พริกแห้ง 6 เม็ด (สามารถใส่ตามความชอบได้)
  2. เกลือ 1 ช้อนชา
  3. กระเทียมบด 2 ช้อนโต้ะ
  4. ข่าสับละเอียด 1 ช้อนโต้ะ
  5. ตะไคร้บด 3 ช้อนโต๊ะ
  6. ผิวมะกรูด 1 ช้อนชา
  7. รากผักชีบด 1 ช้อนโต๊ะ
  8. หอมแดงบด 2 ช้อนโต้ะ
  9. กะปิ 1 ช้อนชา
  10. เนื้อปลาดุก 1 ถ้วย (ควรใช้ปลาดุกสดๆ หรือใช้ปลาดุกรัสเซีย)
  11. มะระหั่นพอคำ 1 ถ้วย (ให้เลือกมะระจีนตาใหญ่ๆ หยักน้อยๆ จะได้มะระที่ไม่ขม)
  12. ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต๊ะ (เอาแกนใบออกด้วย)
  13. พริกสดซอย 1 ช้อนโต้ะ
  14. กะทิ 2 ถ้วย (กะทิ ให้เลือกใช้ กะทิคั้นสด เพราะความสดของกะทิช่วยให้อาหารเมนูแกงกะทิ มีความหอมแบบธรรมชาติ)
  15. น้ำเปล่า 2 ถ้วย
  16. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  17. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  18. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
แกงคั่วมะระปลาดุก เมนูอาหารไทยพื้นบ้านแสนอร่อย สูตรมะระไม่ขม
แกงคั่วมะระปลาดุก เมนูอาหารไทยพื้นบ้านแสนอร่อย สูตรมะระไม่ขม

ขั้นตอนวิธีการทำแกงคั่วมะระปลาดุก

สูตรการทำเมนูอาหารแกงคั่วมะระปลาดุกนี้มีวิธีทำที่ค่อนข้างเข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนที่กำลังสงสัยว่าแกงคั่วทำอย่างไร หรือคนที่กำลังมองหาว่ามะระทำอะไรกินได้บ้าง เพราะเมนูนี้ได้นำมะระและปลาดุกมาเป็นส่วนผสม แถมแต่ละขั้นตอนการทำก็เข้าใจง่ายอีกด้วย ซึ่งขั้นตอนวิธีการทำแกงคั่วมะระปลาดุกมีดังต่อไปนี้

วิธีทำเมนูอาหารแกงคั่วมะระปลาดุก

  1. เตรียมมะระไม่ให้ขม โดยต้องคว้านเอาไส้ขาวๆและเมล็ดออกให้หมด และนำมะระไปแช่น้ำเกลือ ให้มะระคายความขมก่อน จากนั้นให้นำไปลวกน้ำเกลือ 15 นาทีก่อน แล้วตักขึ้นมาแช่เย็นให้มะระยังคงความสด (การลวกมะระ จะช่วยให้ลดความขมของมะระลงได้)
  2. เตรียมเครื่องพริกแกง ให้นำข่า ตะไคร้ กระเทียม และ หอมแดง ให้นำไปคั่วกระทะ ให้หอมก่อน แล้วนำไปโขรกกับ พริกแห้ง เกลือ ผิวมะกรูด รากผักชี และกะปิให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน (จะทำให้พริกแกงมีความหอมแบบธรรมชาติ)
  3. ตั้งกระทะน้ำมัน นำพริกแกงที่เตรียมไว้ ลงไปผัดให้สุกหอม จากนั้นนำกะทิสดลงไปเคี่ยวจนกะทิแตกมัน
  4. เติมน้ำลงไป ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล พริกสด และ ใบมะกรูด รอให้น้ำเดือด จากนั้นใส่ ปลาดุก และ มะระ ลงไป เคี่ยวต่อจนสุก
  5. ตักแกงคั่วมะระปลาดุกให้ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ ทานคู่กับข้าวสวยหรือขนมจีน 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคนสำหรับเมนูอาหารแกงคั่วมะระปลาดุก เป็นอีกหนึ่งเมนูที่สามารถทำกินเองที่บ้านได้ง่ายๆเลยใช่ไหมคะ? แถมยังสามารถนำมาทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ และขนมจีนได้อีกด้วย แต่ก่อนจะจากกันไปในวันนี้เราก็มีอีกหนึ่งเคล็ดลับความอร่อยมาฝากนั่นคือการการล้างปลาดุก โดยต้องล้างให้เมือกที่ตัวปลาออกให้หมด ซึ่งการล้างปลาสามารถใช้แป้งมันถูกปลา ให้แป้งมันจับกับเมือกปลา และใช้เกลือล้างปลาอีกครั้ง เมือกปลาจะออกหมดเลยค่ะ

 

Categories
ขนมเบเกอรี่

ขนมปังไส้พริกเผาหมูหยอง ขนมปังปอนด์ยอดนิยมแสนอร่อย เหนียวนุ่ม หอมกลิ่นเนย

ขนมปังไส้พริกเผาหมูหยอง ขนมปังปอนด์ยอดนิยมแสนอร่อย เหนียวนุ่ม หอมกลิ่นเนย
ขนมปังไส้พริกเผาหมูหยอง ขนมปังปอนด์ยอดนิยมแสนอร่อย เหนียวนุ่ม หอมกลิ่นเนย

หมูหยองเป็นเมนูอาหารที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู และสามารถนำมาทานเป็นเครื่องเคียง หรือทานคู่กับข้าวสวย หรือข้าวเหนียวร้อนๆ ก็อร่อยสุดๆเลยค่ะ อีกทั้งหมูหยองยังนิยมนำมาทำเป็นไส้ขนมปังอีกหลายรูปแบบ และรูปแบบที่เรามักจะคุ้นเคยกันดีคงจะหนี้ไม่พ้นขนมปังไส้พริกเผาหมูหยอง ขนมปังเนื้อนุ่ม สอดไส้ในอัดแน่นไปด้วยหมูหยองน้ำพริกเผาแสนอร่อย หอมกลิ่นเนย ปัจจุบันขนมปังชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าเด็ก หรือผู้ใหญ่ก็ต่างชื่นชอบเจ้าขนมปังปอนด์ก้อนนี้ ซึ่งวันนี้เราก็มีสูตรการทำขนมปังหมูหยองน้ำพริกเผามาฝากทุกคน จะมีวัตถุดิบและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันได้เลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของขนมปังไส้พริกเผาหมูหยอง

ขนมปังไส้พริกเผาหมูหยอง เป็นขนมปังปอนด์สอดไส้หมูหยองและพริกเผา ขนมปังที่ได้กลิ่นหอมนมกรุ่น ๆ หวานนิดๆ แป้งนุ่มเหนียวกำลังดี บวกกับไส้พริกเผาหมูหยองเผ็ดๆ จริงๆเราสามารถดัดแปรงใส่ไส้อย่างอื่นก็ได้นะคะ ซึ่งสูตรที่เรานำมาฝากกันในวันนี้มีส่วนผสมที่หาซื้อได้ง่าย ตามร้านขายวัตถุดิบขนมเบเกอรี่ทั่วไป แถมขั้นตอนการทำก็ง่ายแสนง่าย แต่ก่อนจะไปดูขั้นตอนการทำ เรามาเริ่มเตรียมวัตถุดิบส่วนผสมกันก่อนเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำขนมปัง

  1. แป้งขนมปัง 525 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 90 กรัม
  3. เกลือป่น ½ กรัม
  4. ยีสต์ 10 กรัม
  5. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  6. นมข้นจืดตรานกเหยี่ยวฟอลคอน 200 ml.
  7. เนยเค็ม 75 กรัม
  8. เนยขาวไว้ทาแม่พิมพ์

ส่วนผสมสำหรับทำไส้หมูหยองน้ำพริกเผา

  1. หมูหยอง 100 กรัม
  2. เนยจืด ละลาย 3 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำพริกเผา 3 ช้อนโต๊ะ
  4. ครีมเทียมข้นหวาน ตราตรานกเหยี่ยวฟอลคอน   80 กรัม

ส่วนผสมสำหรับทาหน้าขนมปัง

  1. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  2. น้ำเปล่า  2 ช้อนโต๊ะ
  3. เนยจืดละลาย 20 กรัม
ขนมปังไส้พริกเผาหมูหยอง ขนมปังปอนด์ยอดนิยมแสนอร่อย เหนียวนุ่ม หอมกลิ่นเนย
ขนมปังไส้พริกเผาหมูหยอง ขนมปังปอนด์ยอดนิยมแสนอร่อย เหนียวนุ่ม หอมกลิ่นเนย

ขั้นตอนวิธีการทำขนมปังไส้พริกเผาหมูหยอง

หลังจากที่เตรียมส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว มาดูขั้นตอนการทำขนมปังไส้พริกเผาหมูหยองกันต่อเลยค่ะ ซึ่งสูตรที่เรานำมาฝากนี้ใช้วิธีทำขนมปังโดยการนวดแป้งเองด้วยมือ แถมยังนวดง่ายมากๆ ไม่ต้องกลัวด้วยว่าแป้งจะออกมาแข็ง ซึ่งวิธีนี้อาจจะทำให้เสียเวลาในการพักแป้ง แต่รับรองได้เลยว่าแป้งขนมปังที่ทำออกจะเหนียวนุ่มกำลังดี พร้อมกับกลิ่นหอมและรสชาติที่น่าประทับใจ อีกทั้งวิธีทำไส้พริกเผาหมูหยองยังง่ายมากๆ แถมรสชาติก็อร่อย เผ็ดนิดๆ หวานหน่อยๆ ถูกใจผู้ที่ได้ลิ้มลองแน่นอนค่ะ

ขั้นตอนวิธีการไส้พริกเผาหมูหยอง

  1. ทำไส้น้ำพริกเผาหมูหยอง โดยเริ่มจากการตวงครีมเทียมข้นหวานตราตรานกเหยี่ยวฟอลคอน  เทลงไปในชามผสม ตามด้วยเนยละลาย น้ำพริกเผา จากนั้นผสมให้เข้ากัน 
  2. นำหมูหยองลงไปใส่กับส่วนผสมที่เตรียมไว้ จากนั้นคนหรือขยำจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน

ขั้นตอนวิธีการขนมปังไส้พริกเผาหมูหยอง

  1. ใส่แป้งขนมปัง ลงไปในชามผสม ตามด้วย เกลือป่น น้ำตาล และยีสต์ แล้วตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากัน จากนั้นใส่นมข้นจืดตรานกเหยี่ยวฟอลคอน และกลิ่นวานิลลาลงไปในชามผสม แล้วตีจนแป้งจับตัวกัน
  2. จากนั้นใส่เนยลงไป ตีจนแป้งเนียนละเอียด ใช้ประมาณ 15- 20 นาที แป้งที่ได้จะยืดหยุ่นขึงเป็นฟิล์มได้ หลังจากนั้นรวบแป้งให้ตึง พักแป้งประมาณ 1 ชั่วโมง หรือ ฟูขึ้นมาเป็น 2 เท่า
  3. ระหว่างนั้นให้ทำที่ทาหน้าขนมปัง โดยนำไข่ไก่ น้ำเปล่า และเนยจืดละลาย ใส่ลงในชามผสม แล้วคนให้เข้ากัน 
  4. พอแป้งฟูได้ที่แล้ว ให้เริ่มการนวดด้วยมือ โดยการชกไล่ลมก่อน แล้วนวดประมาณ 1-2 นาที จากนั้นแบ่งแป้งน้ำหนักประมาณ 300 กรัม นำมาคลึงเป็นแผ่นๆ แล้วนำไส้หมูหยองน้ำพริกเผาที่เตรียมไว้วางลงไป จากนั้นปั้นเป็นก้อนลักษณะแท่ง นำไปไส่พิมพ์ขนมปังปอนด์ โดยให้ทาเนยขาวด้านในของแม่พิมพ์ก่อน จากนั้นใส่แป้งที่ปั้นไว้ลงไป
  5. รอประมาณ 30 นาที แป้งจะฟูเต็มแม่พิมพ์ โดยก่อนจะนำไปอบต้องเปิดไฟเตาอบก่อนให้ได้อุณหภูมิที่150 องศาเซลเซียส ต้องการก่อน จากนั้นทาหน้าขนมปังด้วยส่วนผสมที่เตรียมไว้ เพื่อรักษาความชุุ่มชื้นของผิวขนมปัง ให้นานที่สุด
  6. นำไปอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส โดยใช้เวลา 30 นาที เพียงแค่นี้ก็จะได้ขนมปังไส้พริกเผาหมูหยองแสนอร่อยแล้วค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับเมนูขนมปังไส้พริกเผาหมูหยอง บอกเลยว่าสูตรนี้แป้งขนมปังจะเหนียวนุ่ม อร่อย หอมกลิ่นเนย แถมไส้พริกเผาหมูหยองรสชาติเผ็ดๆ หวานนิดๆ ถูกปากทั้งเด็กและผู้ใหญ่แน่นอนค่ะ หากใครที่อยากจะลองทำเมนูนี้ก็อย่าลืมนำสูตรขั้นตอนการทำขนมปังไส้พริกเผาหมูหยองที่เราแนะนำไปลองทำดูได้นะคะ

 

Categories
ขนมหวานไทย

ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว เมนูขนมไทย อร่อยหอมกลิ่นใบเตย

ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว เมนูขนมไทย อร่อยหอมกลิ่นใบเตย
ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว เมนูขนมไทย อร่อยหอมกลิ่นใบเตย

ถ้าหากพูดถึง “ขนมไทย” บ้านเราทุกคนคงทราบดีว่ามีมากมายหลายเมนู และแต่ละเมนูก็ต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ถือได้ว่าเป็นเสน่ห์ของขนมไทยเลยก็ว่าได้ และหลายคนคงรู้จัก “ข้าวเหนียว” ของไทยดี นอกจากจะนำมารับประทานคู่กับ เมนูอาหารแล้ว ข้าวเหนียวยังสามารถนำมาดัดแปลงทำเป็นอาหาร และขนมได้หลากหลายเมนู ซึ่งวันนี้เราก็นำอีกหนึ่งเมนูขนมไทยที่ทำจากข้าวเหนียวมาฝาก นั่นคือ ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว ขนมไทยโบราณที่มีมานาน โดยการนำเอาข้าวเหนียวมานึ่งและนำเอาใบเตยที่มีความหอมผสมกับกะทิ และน้ำตาลทรายมาเป็นส่วนผสมกวนจนได้ที่ ทำให้ได้สีสันที่งดงาม และยังมีรสชาติหวานมันกลมกล่อม อีกทั้งยังสามารถนำมาสร้างเป็นอาชีพ เพื่อหารายได้เสริมค่ะ ส่วนจะมีวัตถุดิบและขั้นตอนการทำขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้วเป็นอย่างไร ทำอย่างไรให้อร่อยในแบบฉบับขนมไทย ตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว

ข้าวเหนียวแก้วใบเตย เป็นอีกหนึ่งขนมไทย สูตรโบราณ รสชาติอร่อย ที่ใช้วัตถุดิบไม่มาก และไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนที่ชอบกินขนมไทย โดยเฉพาะ เมนูข้าวเหนียว และกะทิ ซึ่งข้าวเหนียวแก้ว จะมีสีสันที่สดใสกว่าข้าวเหนียวมูน อีกทั้งยังมีรสหวานมันกลมกล่อม กลิ่นหอม เป็นขนมไทย อีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาด โดยมีวัตถุดิบที่หาซื้อได้ง่ายๆ ตามท้องตลาดทั่วไป ดังนี้

ส่วนผสมสำหรับทำขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว

  1. กะทิสด 1 กิโลกรัม
  2. ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
  3. น้ำตาล  1½  กิโลกรัม
  4. เกลือ 2 ช้อนชา
  5. สารส้มป่นละเอียด ½ ช้อนชา
  6. น้ำใบเตยคั้นข้นๆ (ใบเตยหั่นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย ปั่นกับน้ำ ½ ถ้วย) ¼ ถ้วย
  7. งาขาวคั่ว 1 ถ้วย
ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว เมนูขนมไทย อร่อยหอมกลิ่นใบเตย
ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว เมนูขนมไทย อร่อยหอมกลิ่นใบเตย

ขั้นตอนวิธีการทำขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว

หลังจากที่เราได้เตรียมส่วนผสมสำหรับทำขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้วเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องลงมือทำแล้ว ซึ่งสูตรนี้เป็นสูตรโบราณที่มีวิธีทำที่ค่อนข้างง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่หัดทำครั้งแรก หรือคนที่ชื่นชอบการทำขนมไทยก็สามารถนำสูตรนี้ทำได้นะคะ โดยมีขั้นตอนวิธีทำ ดังนี้

วิธีทำข้าวเหนียวแก้วใบเตย

  1. เริ่มเตรียมกระทงใบเตยสำหรับใส่ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว โดยเลือกใบเตยที่มีความกว้างประมาณ 1 นิ้ว ใช้ใบที่ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป แล้วใช้กรรไกรหรือมีดตัดใบเตยให้ยาวชิ้นละประมาณ 15 ซม. จากนั้นตัดแบ่งเป็น 5 ส่วนเท่าๆกัน (ตัดจากขอบใบถึงเส้นกลางใบ) แล้วนำใบเตยสอดขัดกันให้เป็นกระทงทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เย็บตรงมุมกระทงด้วยด้ายสีเขียวให้กระทงยึดติดกัน เรียงใส่ถาดประมาณ 30 กระทง เตรียมไว้
  2. เตรียมข้าวเหนียว โดยเริ่มจากล้างซาวข้าวเหนียว 2 ครั้ง แล้วนำไปแช่น้ำให้น้ำสูงจากข้าวประมาณ 3 ซม. จากนั้นใส่สารส้ม คนให้ละลาย แช่ข้าวเหนียวอย่างน้อย 3 ชั่วโมงขึ้นไป (สารส้มจะช่วยให้ข้าวเหนียวสุกใสเป็นเงา) เมื่อแช่ข้าวเหนียวจนครบตามเวลาให้เทน้ำที่แช่ข้าวแล้วล้างข้าวผ่านน้ำหลายๆครั้งอย่างเบามือจนกว่าน้ำจะใส ใส่ข้าวเหนียวลงในกระชอนพักให้สะเด็ดน้ำ 
  3. จากนั้นเริ่มทำข้าวเหนียวมูนโดยใส่น้ำในหม้อลังถึงประมาณ ¾  ของลังถึง ยกขึ้นตั้งบนไฟกลางจนน้ำเดือด จึงใส่ข้าวเหนียวที่พักไว้ลงในชั้นลังถึงที่ปูผ้าขาวบางที่ชุบน้ำหมาด ตลบชายผ้าขาวบางขึ้น นำไปนึ่งบนหม้อน้ำเดือดจนสุก แล้วนึ่งไว้ประมาณ 30 นาทีหรือจนกว่าจะสุก จากนั้นใส่ข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆลงในอ่างผสม ใส่หัวกะทิ คนให้ทั่ว แล้วปิดฝา รอจนข้าวเหนียวดูดน้ำกะทิจนเมล็ดข้าวเป็นเงามัน พักไว้ให้เย็น
  4. ใส่น้ำตาล และเกลือลงในอ่างผสมข้าวเหนียวมูนที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากันทั่ว แล้วใส่ลงในกระทะทอง ยกขึ้นตั้งบนไฟอ่อน กวนนานประมาณ 15 นาที ใส่น้ำใบเตย กวนต่อพอเหนียวเป็นยางมะตูม ข้าวเหนียวจับตัวกันดี ปิดไฟ แล้วยกลง
  5. ตักข้าวเหนียวใบเตยใส่กระทงใบเตยที่เตรียมไว้ จากนั้นโรยหน้าด้วยงาขาวคั่ว แล้วจัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลยค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะทุกคน สำหรับสูตรขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้วที่เรานำมาฝาก นอกจากสีสันที่สดใส รสราติอร่อยหวานมันกลมกล่อม หอมกลิ่นใบเตยแล้ว ยังสามารถนำไปทำเป็นอาชีพเสริมได้ อีกทั้งยังถือว่าเป็นการอนุรักษ์ความเป็นไทยอีกด้วย แนะนำเพิ่มเติมหากไม่มีสารส้มจะใช้น้ำที่ผสมปูนแดงหรือปูนขาวแทนก็ได้ค่ะ และก่อนนึ่งให้ล้างน้ำจนกว่าน้ำจะใส เพื่อป้องกันรสเฝื่อน นอกจากนี้สามารถทำเป็นข้าวเหนียวแก้วสีอื่นๆได้ โดยเลือกใช้ได้ทั้งสีจากธรรมชาติและสีผสมอาหาร อย่างเช่นข้าวเหนียวแดง ที่ใช้น้ำตาลปี๊บในการทำสีแดง สำหรับใครที่กำลังอยากลองทำขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้วอย่าลืมนำสูตรที่เราแนะนำไปลองทำกันนะคะ