สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
ขนมหวานไทย

สูตรลับขนมไทยยอดนิยม บัวลอยไข่หวาน

บัวลอยไข่หวาน
บัวลอยไข่หวาน

เมนูขนม บัวลอยไข่หวาน เป็นขนมไทยพื้นบ้านของชาวไทย ที่รู้จักกันทั่วทุกภูมิภาค แต่ละพื้นที่จะมีสูตรและเคล็ดลับที่แตกต่างกันไป โดยเอกลักษณ์และความพิเศษแป้งบอกบังลอยจะต้องเหนียวนุ่ม กะทิหอมหวานทานแล้วเข้ากันสุดๆเป็นขนมไทยอีกชนิดหนึ่งที่เป็นเมนูของว่างหลังอาหารยอดฮิตเลยค่ะ วันนี้เรามาเขาครัวพร้อมกันทำเมนูขนมบัวลอยไข่หวานกันเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับการทำขนม บัวลอยไข่หวาน       

  • แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
  • น้ำ 1/4 ถ้วย
  • เผือกนึ่งสุก (หรือสีผสมอาหารสีม่วง)
  • ฟักทองนึ่งสุก (หรือสีผสมอาหารเหลือง)
  • น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น (หรือสีผสมอาหารสีเขียว)
  • น้ำกะทิ 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่

ขั้นตอนและวิธีการทำขนมบัวลอยไข่หวาน

  1. ขั้นตอนแรกให้แบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 นวดผสมแป้งกับน้ำและเผือกนึ่งสุก ส่วนที่ 2 นวดแป้งกับน้ำและฟักทองนึ่งสุก ส่วนที่ 3 นวดแป้งกับน้ำใบเตย นวดผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ แล้วนำไปคลุกแป้งข้าวเหนียวบาง ๆ เตรียมไว้
  2. ใส่น้ำกะทิลงในหม้อ เติมน้ำตาลทรายและเกลือป่น คนผสมจนละลาย นำขึ้นตั้งไฟ พอเดือด รีบปิดไฟ ตักใส่ถ้วยเตรียมไว้
  3. ต้มน้ำในหม้อจนเดือด นำบัวลอยลงต้มทีละสีจนลอยขึ้นมา จากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำ ใส่ลงในถ้วย ตักกะทิที่เตรียมไว้ใส่ลงไป
  4. ตอกไข่ไก่ใส่ถ้วย ค่อย ๆ เทลงในหม้อน้ำกะทิ รอจนไข่สุกตามชอบ จากนั้นตักขึ้นใส่ลงในถ้วยบัวลอย
  5. พร้อมสำหรับขนมบัวลอยไข่หวาน

Categories
ขนมหวานไทย

ขนมเข่ง ขนมมงคลสำหรับคนจีน ทำง่ายได้ที่บ้าน

ขนมเข่ง
ขนมเข่ง

พูดถึงวันตรุษจีนสิ่งที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ก็คงจะเป็น “ขนมเข่ง ” ที่จะมีขายตามท้องตลาดมากมายในช่วงเทศกาลนี้เท่านั้น ในสมัยก่อนชาวจีนเหล่านี้ต้องการเสบียงที่มีอายุเก็บรักษาได้นาน เอาไว้ประทังชีวิตระหว่างเดินทางโดยเรือสำเภา และขนมเข่งที่เป็นแป้งกวนกับน้ำตาล ก็ตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้อย่างพอดิบพอดี เลยได้กลายมาเป็นอาหารสำคัญสำหรับชาวจีนในยุคแร้นแค้น ต้องอพยพหนีความยากลำบากนั่นเอง ดังนั้นในช่วงต่อมาที่ชาวจีนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และถึงวันไหว้เจ้า คนจีนเลยถือเอาขนมเข่ง มาเซ่นไหว้เทพเจ้า เพื่อเป็นที่ระลึกถึงวันที่ต้องปากกัดตีนถีบนั่นเอง  วันนี้เรามาเข้าครัวพร้อมกันทำเมนูขนมเข่งกันดีกว่าค่ะ ว่าแล้วก็เริ่มทำกันเลย

ส่วนผสมสำหรับทำขนมเข่ง

  • แป้งข้าวเหนียว 1 กิโล
  • มะพร้าวขูด 300 กรัม
  • น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม
  • น้ำ 1 ถ้วย
  • กระทงสำหรับใส่ขนม
  • น้ำมันพืชใช้ทากระทง

วิธีทำ

  1. พับกระทงใบตองสำหรับใส่ขนมเข่ง ทาน้ำมันพืชให้ทั่ว
  2. ผสมแป้งข้าวเหนียวกับน้ำ นวดให้นุ่ม ใส่น้ำตาลปี๊บตามลงไปแล้วนวดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  3. ใส่มะพร้าวขูดลงคนผสมจนเข้ากัน แล้วนำมาใส่กระทงที่พับเตรียมไว้ ใส่ปริมาณ 3/4 ของกระทง
  4. นำขนมไปนึ่งด้วยเตานึ่ง ใช้ไฟแรงที่มีน้ำเดือด ใช้เวลานึ่ง 45-50 นาที ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
  5. แล้วตัดกระทงส่วนที่เกินออกให้พอดีกับขนมเข่ง แล้วนำสีผสมอาหารสีแดงแต้มเป็นจุดตรงกลาง จึงเป็นอันเสร็จสำหรับเมนูขนมมงคล ของคนจีน
Categories
ขนมหวานไทย

เปิดสูตร กล้วยฉาบ เมนูสร้างรายได้อันดับหนึ่ง

กล้วยฉาบ
กล้วยฉาบ

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้มีเคล็ดลับการสร้างรายได้มาฝากกันค่ะ ลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมากเหมาะสำหรับคนว่างงานและเอาใจแม่บ้านสายถนอมอาหารเนื่องจากการทำกล้วยฉาบถือเป็นการถนอมอาหารชนิดหนึ่งแก้ปัญหาการทานกล้วยไม่ทันค่ะและสามารถนำมาเป็นสินค้าและจำหน่ายได้ เราไปเริ่มทำพร้อมๆกันเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับการทำกล้วยฉาบ รสหวาน

  • กล้วยน้ำว้าดิบ 10 ลูก
  • น้ำเกลือ (สำหรับแช่กล้วย)
  • น้ำมันพืช
  • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • เนยเค็ม 50 กรัม
  • งาขาวคั่วใส่หรือไม่ใส่ก็ได้

วิธีทำกล้วยฉาบรสหวาน

  1. ขั้นตอนแรกทำน้ำเชื่อมโดยใส่น้ำ น้ำตาลทราย และเกลือลงในกระทะ ตั้งไฟคนให้ละลายพอเดือดใส่เนยเค็ม คนให้เดือดพอข้น ไม่ต้องเหนียว ยกลงพักให้เย็นต้องคอยคนตลอดเพื่อไม่ให้น้ำตาลไหม้เนื่องจากน้ำตาลไหม้ได้ง่ายมาก
  2. ปอกเปลือกกล้วยน้ำว้า ใส่ลงไปแช่ในน้ำเกลือเพื่อไม่ให้กล้วยดำ (ในเวลาปอกใส่ถุงมือหรือใช้น้ำมันทามือเพื่อไม่ให้ยางกล้วยติดมือ)
  3. ฝานเป็นแผ่นบางตามความยาวของผล เรียงเป็นแผ่น ๆ ในถาดแห้ง หากเป็นแผ่นบางจะไดกล้วยฉาบที่กรอบและอร่อยมากขึ้นค่ะ
  4. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่กล้วยลงทอดทีละแผ่น ใช้ไฟกลางทอดจนกรอบเหลืองนิดหน่อย ไม่ต้องเหลืองมากเพราะตอนเอากล้วยขึ้นมาจะสีเข้มขึ้นอีกตามความร้อน เทน้ำเชื่อมลงไปและเพิ่มความหอมและความแปลกใหม่โดยการโรยงาขาวคั่วลงไป คลุกให้เข้ากันเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะสำหรับเมนูกล้วยฉาบ สามรถนำไปสร้างรายได้หรือทำไปแจกก็ได้นะคะ
Categories
ขนมหวานไทย

เปิดสูตรเมนู กล้วยบวชชี เมนูแสนง่ายเอาใจคนรักขนมไทย

กล้วยบวชชี
กล้วยบวชชี

สำหรับเมนู กล้วยบวชชี เป็นขนมชนิดหนึ่งที่คนไทยทั่วไปรู้จักเป็นอย่างดีซึ่งเป็นขนมที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่มีความเป็นมาเอกลักษณ์โดยเฉพาะกล้วยน้ำหว้ามะพร้าวหรือน้ำกะทิเป็นวัตถุดิบที่คนไทยนำมาใช้ประกอบอาหาร ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน วันนี้เราจึงมีขั้นตอนการทำกล้วยบวชชีสุดแสนจะง่ายมาฝากเพื่อนๆทุกคนด้วยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับการทำกล้วยบวชชี

  • กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี หากไม่มีสามารถใช้กล้วยไข่แทนได้ค่ะ
  • หางกะทิ 500 มิลลิลิตร
  • ใบเตย 2 ใบเพื่อเพิ่มความหอมให้กับน้ำกะทิ
  • น้ำตาลปี๊บ 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือปริมาณเล็กน้อย
  • หัวกะทิ 400 มิลลิลิตร

ขั้นตอนและวิธีการทำกล้วยบวชชี

  1. ขั้นตอนแรกเริ่มจากการปอกเปลือกกล้วยให้สะอาด หั่นให้เป็น ๔ ชิ้นต่อ ๑ ผล
  2. หลังจากนั้นนำกล้วยไปต้มในน้ำเดือดให้พอสุกเพื่อเอายางออก ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
  3. นำกะทิตั้งไฟปานกลางให้เดือดใส่กล้วยลงไป หรี่ไฟอ่อนรอ เพื่อให้ความหวานของกล้วยออกมา
  4. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ตามด้วยเกลือ ชิมรสให้ออกมัน หวาน เค็มเล็กน้อย รสกลมกล่อม เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับเมนูกล้วยบวชชีแสนอร่อย อย่าลืมนำไปทำตามกันนะคะ

      ข้อเสนอแนะสำหรับการทำ กล้วยบวชชี การทำเมนู ขนมไทยกล้วยบวชชีให้อร่อย กล้วยจะต้องเป็นกล้วยสวน ไม่ฝาด ไม่มีเมล็ด กะทิไม่ควรเคี่ยวจนแตกมัน เมื่อเวลากินจะติดลิ้น ปาก ไม่อร่อยชวนกิน

Categories
ขนมหวานไทย

ขนมจ่ามงกุฎ ขนมไทยสายมงคล อร่อยง่ายๆ ทำได้ไม่ยาก

ขนมจ่ามงกุฎ
ขนมจ่ามงกุฎ

สำหรับเมนูนี้ เป็น ขนม ที่ทำยากมี ขั้นตอนใน การทำ สลับซับซ้อน นิยมทำกันเพื่อใช้ประกอบ พิธีการ ที่สำคัญจริงๆ คำว่า “จ่ามงกุฎ” หมายถึง การเป็น หัวหน้าสูงสุดแสดงถึงความมี เกียรติยศสูงส่ง นิยมใช้เป็น ของขวัญ ใน งานเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่งถือเป็น การแสดงความยินดี และ อวยพร ให้มีความก้าวหน้า ในหน้าที่การวันนี้มีสูตรและขั้นตอนการทำขนมจ่ามงกุฎ มาฝากกันค่ะ ว่าแล้วเรามาลองทำเมนูนี้ไปพร้อมๆกันดีเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับการทำ ขนนจ่ามงกุฎ

  • เม็ดแตงโมแกะแล้ว 1/2 ถ้วย
  • นํ้าตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • นํ้าดอกมะลิ 1 ถ้วย
  • ทองคำ เปลวแท้ 2 แผ่น
  • แป้งสาลี 1 ถ้วย
  • ไข่แดงของไข่ไก่ 3 ฟอง

วิธีทำ

  1. เชื่อมนํ้าตาล โดยใช้นํ้าตาลกับนํ้าดอกมะลิตั้งไฟให้เดือด กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วตั้งไฟต่ออีก 5 นาที
  2. ล้างขัดกะทะทองเหลืองให้สะอาดเป็นเงา ตะแคงข้างหนึ่ง คั่วเม็ดแตงโม โดยใช้มือจุ่มลงในนํ้าเชื่อม แล้วกวาดไปมา จนน้ำ ตาลแห้งแล้ว ใช้มื่อจุม่ น้ำ เชื่อม ทำ เช่นนี้ต่อไปจน น้ำ ตาลเกาะเป็นหนามติดเม็ดแตงโมพองาม เก็บใส่ภาชนะ อย่าให้อากาศเข้า
  3. ระหว่างที่กวาดเม็ดแตงโมอยู่นั้น ต้องตะแคงกะทะและใช้ ผ้าขาวบาง เช็ดกะทะให้สะอาดอยู่เสมอ
  4. นวดแป้งกับไข่แดงจนนิ่มมือ ถ้ายังแห้งอยู่จึงเติมนํ้า แล้ว คลึงแป้งเป็นแผ่นบาง ๆ กดให้กลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร นำ แผ่นแป้งที่ตัดแล้ว ใส่ในถ้วยตะไลใช้มือ กดเบา ๆ ให้เป็นรูปก้นถ้วยตะไล ใช้ส้อมจิ้มให้ทั่วจึงเอาไป อบพอสุกกลายเป็นแป้งรองขนม
  5. การทำ มงกุฏ ให้เอานํ้าตาลทรายใส่หม้อเล็ก ๆ ใส่นํ้านิด หน่อย ตั้งไฟอ่อน ๆ พอนํ้าตาลละลายเอาเม็ดแตงโมที่ กวาดไว้แล้วลงจุ่มให้นํ้าตาลติดกับแป้งที่อบไว้รอบ ๆ
  6. ปั้นทองเอกกลม ๆ วางตรงกลาง ใช้มีดปลายแหลมผ่าเป็น 6 พู เหมือนผลมะยม แล้วปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ เท่าเม็ดถั่วเขียว วางบนยอดขนมที่ผ่าไว้ใช้ทองคำ เปลวตัดเป็นสี่เหลี่ยมชิ้น เล็ก ๆแตะตรงยอดมองเห็นเหมือนมงกุฏ กลเม็ดเคล็ดลับ การทำแป้งรองขนมจ่ามงกุฏ นั้นบางครั้งก็ต้องเติมนํ้าและบาง ครั้ง ก็ไม่ต้องเติม ทั้งนี้ แล้วแต่นํ้าในไข่ที่ใช้นั่นเองทองคำ เปลว ต้องแน่ใจว่าเป็นของแท้ เพราะถ้าเป็นของปลอม จะเป็นอันตรายมาก เนื่องจากสารตะกั่ว
Categories
ขนมหวานไทย

เปิดสูตรขนมไทยเอาใจคนรัก ฝอยทอง

ฝอยทอง
ฝอยทอง

ฝอยทอย เป็นขนมที่เผยแพร่เข้ามาในประเทศไทยพร้อมกับทองหยิบและทองหยอด ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดย ดอนญ่า มารี กีมาร์ เดอปิน่า (ท้าวทองกีบม้า, พ.ศ. 2202-2265) ลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น ภริยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ท้าวทองกีบม้ามีหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องเครื่องต้น เป็นผู้ทำอาหารเลี้ยงต้อนรับคณะราชทูตจากฝรั่งเศสที่มาเยือนกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น วันนี้เรามาเปิดสูตรการทำฝอยทองกันดีกว่าค่ะ ว่าแล้วก็ไปทำกันเลย

วัตถุดิบสำหรับการทำฝอยทอง

  1. ไข่แดงของไข่เป็ด 3 ฟอง
  2. ไข่แดงของไข่ไก่ 2 ฟอง
  3. กลิ่นดอกมะลิ ½ ช้อนชา
  4. ใบเตย 1 ใบ
  5. น้ำตาลทราย 600 ก.
  6. น้ำเปล่า 400 มล.
  7. เทียนอบ 1 ชิ้น เพื่อเพิ่มความหอม

วิธีการทำฝอยทอง

  1. ขั้นตอนแรกนำน้ำเปล่า น้ำตาลทราย ใบเตย กลิ่นมะลิ ลงต้มในกระทะทองเหลือง เปิดไฟแรง ห้ามคนเด็ดขาดไม่อย่างนั้นน้ำตาลจะตกผลึก
  2. หลังจากนั้นตีไข่ไก่และไข่เป็ดให้เข้ากัน นำไปกรองด้วยกระชอนตาถี่ จากนั้นตักไข่ใส่กรวยสำหรับทำฝอยทอง
  3. ตักใบเตยออก และหยอดไข่ให้เป็นสาย วนให้รอบกระทะทองเหลืองประมาณ 20 – 30 รอบ ต่อ 1 ชิ้น
  4. ใช้ไม้ปลายแหลม ค่อยๆช้อนฝอยทองขึ้นมาให้เป็นแผ่น วางพักไว้บนตะแกรง 30 นาที
  5. จุดเทียนหอมให้มีควันขึ้นมา แล้วจึงดับไฟ นำเทียนหอมและขนมฝอยทอง อบรวมกันด้วยภาชนะปิด 10 นาที เป็นอันเสร็จเรียบร้อยสำหรับการทำ ฝอยทอง ฝอยทองเป็น ขนมไทย ที่มีรสชาติหวานแนะนำให้ทานน้อยๆและอย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ
Categories
ขนมหวานไทย

สาคูเปียกมะพร้าวอ่อน เมนูขนมไทยง่าย ๆ ที่สามารถทำทานได้ทุกเวลา

สาคูเปียกมะพร้าวอ่อน
สาคูเปียกมะพร้าวอ่อน

กราบสวัสดีเหล่าพ่อบ้าน แม่บ้านทั้งหลายจ้า คิดออกหรือยังเอ่ยว่าจะทำขนมอะไรไว้ให้คนที่บ้านทานแล้วประทับใจดี ยังคิดไม่ออกใช่ไหมคะ วันนี้เราเลยเตรียมขนมไทยอร่อย ๆ มาฝาก เมนูนี้ก็คือ สาคูเปียกมะพร้าวอ่อน อยากรู้วิธีทำแล้วใช่ไหมคะ ไปติดตามกันได้เลย

ส่วนผสมขนม สาคูเปียกมะพร้าวอ่อน

1. สาคูเม็ดเล็ก

2. มะพร้าวอ่อน

3. กะทิ

4. น้ำเปล่า

5. น้ำตาลทราย

6. แป้งสาลี

7. เกลือป่น

วิธีทำ

1. นำสาคูที่เตรียมไว้ใส่ชาม จากนั้นนำน้ำเปล่ามาล้างแป้งออกให้สะอาด

2. ตั้งน้ำในกระทะที่เตรียมไว้รอจนน้ำเดือดแล้วใสเม็ดสาคูลงไป คนจนเป็นเม็ดใส

3. เมื่อสาคูสุกแล้วให้ใส่น้ำตาลลงไปคนให้น้ำตาลละลาย แล้วจึงใส่มะพร้าวอ่อนตาม

4. เตรียมกะทิไว้ราด ใช้กะทิผสมเกลือและแป้งสาลี นำขึ้นไปตั้งไปคนจนทุกอย่างเข้ากันดีแล้ว

5. จัดเสิร์ฟด้วยการตักสาคูลงก่อน แล้วราดน้ำกะทิตาม พร้อมเสิร์ฟกับเมนู สาคูเปียกมะพร้าวอ่อน

เป็นยังไงกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูขนมไทย สาคูเปียกมะพร้าวอ่อน ไม่ยากอย่างที่ทุกคนคิดเลยใช่ไหมคะ อยากให้ทุกคนได้ลองลงมือทำเมนูนี้กันดูนะคะ เคล็ดลับสำคัญ ของเมนูนี้ไม่มีอะไรมากแค่ต้องรอให้สาคูสุกเป็นสีใสจริง ๆ นะจ๊ะถึงจะอร่อย

Categories
ขนมหวานไทย

วุ้นกะทิใบเตย ขนมไทยง่าย ๆ ที่การทำเองน่าทานกว่าไปซื้อ

วุ้นกะทิใบเตย
วุ้นกะทิใบเตย

อันยองงงง กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะ วันนี้เราเตรียมเมนูขนมไทยแสนอร่อยมาฝากกัน ขนมชนิดนี้มีความซ้อนกันเป็น 2 ชั้น เดาถูกกันไหมคะว่าคืออะไร วุ้นกะทิใบเตยนั่นเองจ้า ทุกคนต้องชอบขนมชิดนี้แน่ ๆ อยากรู้วิธีทำใช่ไหมคะ ไปติดตามกันเลยจ้า

ส่วนผสมขนมวุ้นกะทิใบเตย

1. ใบเตยหั่นชิ้น 1 กำมือ

2. น้ำเปล่า

3. น้ำตาลทราย 

4. กะทิ

5. เกลือ

6. ผงวุ้น

วิธีทำ

1. นำใบเตยที่เตรียมไว้ไปปั่นผสมน้ำให้ละเอียด จากนั้นกรองเอาน้ำใบเตยด้วยผ้าขาวบาง 

2. นำน้ำใบเตยที่ได้ไปตั้งไฟใส่ผงวุ้นลงไป คนให้ผงวุ้นละลายแล้วใส่น้ำตาลทรายลงไป

3. เทน้ำใบเตยที่เตรียมไว้ใส่ถาด เคาะจนไม่มีฟองอากาศ หากมีฟองให้ช้อนฟองออก ทิ้งไว้จนเซ็ตตัว

4. ตั้งน้ำกะทิด้วยไฟกลาง ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นใส่ผงวุ้น คนจนผงวุ้นละลายดี ใส่น้ำตาลและเกลือ คนให้เข้ากัน 

5. นำกะทิไปเทบนวุ้นใบเตยที่เซ็ตตัวแล้ว เคาะจนไม่มีฟองอากาศ จากนั้นรอให้เซ็ตตัวอีกครั้ง หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำ เป็นอันเสร็จสำหรับเมนูวุ้นกะทิใบเตย

ทำง่ายและน่าทานมากเลยใช่ไหมคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูวุ้นกะทิใบเตยสูตรของเรา ทุกคนสามารถหาวัตถุดิบได้ตามท้องตลาดทั่วไปเลยนะ เป็นขนมที่มีขั้นตอนการทำน้อยมาก และได้ทานไวอีกด้วย เคล็ดลับของเมนูนี้ก็คือการเคาะฟองอากาศออก หากเคาะออกไม่หมด จะทำให้ตัวขนมมีความด้านนะจ๊ะ

 

Categories
ขนมหวานไทย

เมนู ลอดช่องน้ำกะทิ เมนูขนมไทยที่สามารถทานง่าย ๆ ได้ที่บ้าน

ลอดช่องน้ำกะทิ
ลอดช่องน้ำกะทิ

สวัสดีเจ้าาาาา ในช่วงเวลาอากาศร้อนแบบนี้จะทำอะไรก็ดูน่าหงุดหงิดไปเสียหมดทุกอย่าง แต่เมื่อเราได้ทำในสิ่งที่เราชอบหรือได้เปิดประสบการณ์ในการลงมือทำสิ่งใหม่อาจจะทำให้เรารู้สึกดีมากยิ่งขึ้น อย่างเช่นการได้ลองทำขนมไทยเพื่อคลายร้านอย่างเมนู ลอดช่องน้ำกะทิ ที่ทานคู่กับน้ำแข็งเกล็ดก็สามารถทำให้เย็นชื่นใจได้ วันนี้เราเลยเตรียมสูตรมาฝากทุกคนจ้า อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าวิธีทำจะง่ายขนาดไหน ไปติดตามกันได้เลย

ส่วนผสมขนม ลอดช่องน้ำกะทิ

1. ใบเตยหั่นชิ้น 500 กรัม

2. แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วยตวง

3. แป้งถั่วเขียว 4 ช้อนโต๊ะ

4. แป้งข้าวเจ้า 3 ถ้วยตวง

5. น้ำปูนใส 10 ถ้วยตวง

6. น้ำแข็งทุบละเอียด

7. น้ำเย็นจัด

8. น้ำตาลปี๊บ 4 ถ้วยตวง

9. กะทิ 5 ถ้วยตวง

10. เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ

ขั้นตอนการทำตัวลอดช่อง

1. นำ ใบเตย ที่เตรียมไว้มาใส่เครื่องปั่น ใส่น้ำปูนใสตามประมาณ 7 ถ้วยตวง ปั่นจนละเอียดกลายเป็นน้ำ นำน้ำใบเตยที่ได้มากรองจนไม่มีเศษใบเตยเหลืออยู่

2. นำแป้งมัน แป้งถั่วเขียว และแป้งข้าวเจ้าใส่ลงไปในหม้อน้ำใบเตยรอจนแป้งจมลงแล้วจึงคนจนแป้งทั้งหมดละลาย จากนั้นนำไปกรองอีกครั้งเพื่อไม่ให้แป้งจับตัว

3. นำน้ำใบเตยที่ผสมแป้งไปใส่ลงในกระทะ ใช้ไฟระดับปานกลาง กวนเรื่อย ๆ จนแป้งเริ่มเหนียวให้ใส่น้ำปูนใสที่เหลือลงไป กวนต่อจนแป้งเปลี่ยนเป็นสีใส

4. นำแป้งมาใส่ใน พิมพ์กดลอดช่อง กดลงไปในน้ำที่เย็นจัดเพื่อให้แป้งเซ็ทตัว 

ขั้นตอนการทำน้ำกะทิ

1. นำน้ำตาลปี๊บ กะทิ และเกลือใส่ลงในชามผสมจากนั้นขยำจนเนื้อทั้งหมดเข้ากันดี 

2. นำขึ้นไปเคี่ยวด้วยไฟปานกลางประมาณ 15 นาที ยกลงพักไว้ 

ขั้นตอนการเตรียมเสิร์ฟ 

1. ตักตัวลอดช่องใส่ถ้วย ตามด้วยน้ำกะทิ และน้ำแข็ง เสร็จแล้วจ้ากับเมนู ลอดช่องน้ำกะทิ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูขนมไทยยอดฮิตอย่าง ลอดช่องน้ำกะทิ ง่ายมาก ๆ เลยใช่ไหมคะทุกคน เมนูนี้นับเป็นเมนูขนมหวานที่ควรลองทำสักครั้งในชีวิต เตรียมไปลองหาวัตถุดิบตามท้องตลาดได้เลยน้า เคล็ดลับ ของเมนูนี้ก็คือการทำตัวลอดช่อง ต้องบีบใส่น้ำที่เย็นจัดเท่านั้นเพื่อการเซ็ทตัวที่ดีของลอดช่องนะจ๊ะ

Categories
ขนมหวานไทย

เมนู ฟักทองแกงบวด เมนูขนมไทยยอดฮิตที่ใครก็สามารถทำทานได้ง่าย ๆ ที่บ้าน

ฟักทองแกงบวด
ฟักทองแกงบวด

สวัสดีเจ้าาาาา ขนมไทยในปัจจุบันกำลังเลือนหายไปตามกาลและเวลา ด้วยความที่ได้รับอิทธิพลทางด้านต่าง ๆ ของต่างชาติเข้ามาทำให้เบเกอรี่เข้ามาทำแทนบ้าง วันนี้เราเลยเตรียมสูตรขนมไทยชนิดหนึ่งมาฝากทุก ๆ คน เมนูนี้ก็คือ ฟักทองแกงบวด นั่นเอง อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าวิธีทำจะง่ายขนาดไหน ไปติดตามกันได้เลยยย

ส่วนผสมขนม ฟักทองแกงบวด

1. ฟักทอง 500 กรัม

2. หัวกะทิ 200 มิลลิลิตร

3. หางกะทิ 250 มิลลิลิตร

4. ใบเตย 1 มัด

5. ปูนขาว 1 ถ้วยตวง

6. น้ำตาลมะพร้าว 80 กรัม

7. เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. นำปูนขาวไปผสมน้ำแล้วรอให้ตกตะกอน จากนั้นนำ น้ำปูนใส ไปแช่ฟักทองที่เตรียมไว้

2. นำน้ำปูนเทออก แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดมากกว่า 3 ครั้ง

3. ตั้งหม้อด้วยไฟกลางใส่หางกะทิ น้ำตาลมะพร้าว เกลือ และใบเตยลงในหม้อ ตั้งไปเรื่อย ๆ จนน้ำตาลละลายหมด แล้วรอให้กะทิเดือดจึงใส่ฟักทองหั่นชิ้นที่ล้างน้ำแล้วลงไป

4. เมื่อใส่ฟักทองลงไปแล้วให้เบาไป เคี่ยวจนกว่าฟักทองจะสุกโดยทั่วกัน ใส่หัวกะทิ เสร็จแล้วจ้ากับเมนู ฟักทองแกงบวด

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อน ๆ 

       กับเมนูขนมไทยยอดฮิตประจำบ้านอย่าง ฟักทองเเกงบวด วิธีทำของเราง่ายมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ ใครที่ชอบทานแต่ไม่เคยได้ลงมือทำเองลองเตรียมหาวัตถุดิบตามท้องตลาดมาโชว์ฝีมือให้คนที่บ้านทานได้น้าไม่ยากเลย เคล็ดลับ ของเมนูนี้ก็คือการที่เราใส่น้ำปูนใสในการแช่ฟักทองก็เพื่อไม่ให้ฟักทองยุบตัวหรือยุ่ยในขณะประกอบอาหาร