สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
อาหารสุขภาพ

แกงไตปลา เมนูอาหารแกงตำรับปักษ์ใต้ กลิ่นหอมมีเอกลักษณ์

แกงไตปลา เมนูอาหารแกงตำรับปักษ์ใต้ กลิ่นหอมมีเอกลักษณ์
แกงไตปลา เมนูอาหารแกงตำรับปักษ์ใต้ กลิ่นหอมมีเอกลักษณ์

เมื่อพูดถึงอาหารทางใต้คงไม่มีใครที่จะไม่เคยลิ้มรสอาหารจานเด่นอย่างแกงไตปลา อาหารใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีที่มาจากชีวิตของคนภาคใต้ส่วนใหญ่ที่มักเกี่ยวข้องกับท้องทะเล อาหารการกินส่วนใหญ่จึงมาจากทะเล ซึ่งถ้ามีมากเกินรับประทานก็จะนำอาหารที่ได้จากทะเลนั้นมาทำการถนอมอาหาร โดยไตปลาทำมาจากการนำเอาพุงปลา และกระเพาะปลาที่มีอยู่มากในพื้นที่ มาใส่เกลือหมักดองไว้ ซึ่งถือเป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่งที่เป็นที่นิยมอย่างมากของภาคใต้ โดยใช้เวลาหมักประมาณ 1 เดือน นำมาทำแกงใส่เนื้อปลา ผัก ที่มีรสชาติเผ็ด เค็ม ร้อนแรง ใครที่ได้ลิ้มลองต้องร้องออกมาว่า หรอยจังฮู้!!!…แน่นอนค่ะ

แกงไตปลาเป็นอาหารรสชาติจัดมีทั้งแห้งและแบบน้ำ แล้วแต่ความชอบเลยค่ะ และด้วยความที่แกงมีความเผ็ดร้อนของเครื่องแกงที่เป็นเอกลักษณ์ มีรสชาติเข้มข้น จึงนิยมรับประทานร่วมกับผักหลาย ๆ ชนิดควบคู่กันไป เพื่อช่วยลดความเผ็ดร้อนลง โดยผักเหล่านั้นคนภาคใต้เรียกว่า ผักเหนาะ ซึ่งผักเหนาะของภาคใต้มีหลายอย่าง เช่น สะตอ ลูกเนียง ยอดมะม่วงหิมพานต์ และผักบางอย่างก็เป็นผักชนิดเดียวกับภาคกลาง เช่น ถั่วพู ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ แตงกวา หน่อไม้ นอกจากนี้แกงไตปลายังนิยมทานคู่กับขนมจีน แกล้มด้วยไข่เป็ดต้มยางมะตูม และผักสดนานาชนิด เรียกได้ว่าเมนูนี้เป็นเมนูยอดฮิตที่สามารถหาทานได้ตามร้านทั่วไป ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากแนะนำสูตรการทำแกงไตปลา ให้อร่อยในแบบฉบับอาหารภาคใต้ อีกทั้งสูตรที่เรานำมาฝากนี้เป็นสูตรที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะส่วนประกอบของแกงไตปลามีสรรพคุณทางยาที่ดีต่อสุขภาพค่ะ ส่วนจะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ตามเรามาดูเลยค่ะ

แกงไตปลา เมนูอาหารแกงตำรับปักษ์ใต้ กลิ่นหอมมีเอกลักษณ์
แกงไตปลา เมนูอาหารแกงตำรับปักษ์ใต้ กลิ่นหอมมีเอกลักษณ์

ส่วนผสมหลักของเมนูแกงไตปลา

แกงไตปลา หรือแกงพุงปลา เป็นอาหารภาคใต้ ที่มีสรรพคุณทางยาจึงถือเป็นอีกหนึ่งอาหารเพื่อสุขภาพ โดยมีไตปลาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ มีทั้งแบบที่ใสและไม่ใส่กะทิ โดยแบบใส่กะทิจะเป็นที่นิยมในบางท้องที่เท่านั้น ซึ่งสูตรที่เรานำมาแนะนำนี้เป็นสูตรที่ไม่ใส่กะทิ และใช้น้ำพริกแกงไตปลาสําเร็จรูป เพื่อความรวดเร็วในการทำ ส่วนจะมีวัตถุดิบและส่วนผสมอะไรบ้าง เรามาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำแกงไตปลา

  1. มะเขือเปราะ 10 ลูก
  2. หน่อไม้สดต้มแล้ว 5 หัว
  3. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  4. มะขามเปียก 1 ช้อนชา
  5. กะปิกุ้งเคย 1 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำพริกแกงไตปลาสําเร็จรูป 2 ขีด
  8. มะเขือพวง 1 ขีด
  9. ถั่วฝักยาว 1 ขีด
  10. ฟักทองหั่นพอดีคำ 1 ถ้วย
  11. ตะไคร้ 4 ต้น
  12. ใบมะกรูด 20 ใบ
  13. ไตปลา 1 ขวด
  14. ปลาทูนึ่งแกะก้างออก 2 ตัว
แกงไตปลา เมนูอาหารแกงตำรับปักษ์ใต้ กลิ่นหอมมีเอกลักษณ์
แกงไตปลา เมนูอาหารแกงตำรับปักษ์ใต้ กลิ่นหอมมีเอกลักษณ์

ขั้นตอนวิธีการทำแกงไตปลา

แกงไตปลา เป็นเครื่องจิ้มนี้เป็นที่มาของอาหารชาววังที่เรียกว่าแสร้งว่าหรือแสร้งว่าไตปลา ซึ่งเป็นการปรุงแบบเดียวกับน้ำพริกไตปลาเพียงแต่ตัดไตปลาที่มีกลิ่นเหม็นคาวออกไป แล้วใส่เครื่องปรุงอื่นลงไปแทน ดังนั้นวิธีทำแกงไตปลาจึงค่อนข้างที่จะละเอียด เพราะหากไม่ทำตามสูตรอาจทำให้แกงมีกลิ่นเหม็นคาวได้ ส่วนจะมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

  1. เริ่มจากการต้มน้ำไตปลาก่อน โดยใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด ลงไปเพื่อลดกลิ่นคาว ตามด้วยมะขามเปียกเพื่อตัดรสชาติ แล้วรอให้น้ำไตปลาเดือดก่อน จึงเติมน้ำสะอาดตามลงไปประมาณครึ่งแก้ว ห้ามคนเด็ดขาดเพราะจะทำให้ไตปลามีกลิ่นคาวได้
  2. ตั้งน้ำให้เดือด พอน้ำเดือดแล้วใส่น้ำพริกแกงไตปลาสําเร็จรูปลงไป แล้วเพิ่มความหอมด้วยการใส่กะปิกุ้งเคย จากนั้นคนให้น้ำพริกแกงและกะปิละลายเข้ากัน พอน้ำเดือดแล้วให้กรองเอาเฉพาะน้ำไตปลาที่เราต้มไว้ใส่ลงไปในหม้อ ดับกลิ่นด้วยการใส่ใบมะกรูด และใส่น้ำตาลปี๊บลงไปเพื่อตัดรสชาติ 
  3. เริ่มใส่ผัก โดยเริ่มใส่ฟักทองก่อน ระหว่างรอให้ตักฟองที่ลอยขึ้นมาออกได้ แล้วตามต่อด้วยการใส่ปลาทูนึ่งแกะก้างออกที่เตรียมไว้ ตามด้วยมะเขือพวง
  4. ใส่หน่อไม้สดที่ต้มแล้ว เมื่อฟักทองสุกดีแล้ว ให้ใส่มะเขือเปราะลงไป พอมะเขือเปาะสุกดีแล้ว ตามด้วยถั่วฝักยาวหั่น ระหว่างนั้นตั้งไฟเดือดประมาณ 5 นาที ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
  5. ลองชิมรสชาติได้ตามความชอบ แกงไตปลาควรมีรสชาติเผ็ดร้อนของเครื่องแกงสมุนไพร มีรสชาติออกเค็มตัดด้วยความหวานของน้ำตาลปี๊บเล็กน้อย เมื่อได้รสชาติที่ถูกใจแล้วให้ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟค่ะ 

คุณค่าทางโภชนาการ

แกงไตปลา เป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ และมีคุณค่าทางโภชนาการ เพราะมีสรรพคุณทางยาที่ดีต่อร่างกาย อีกทั้งไตปลาที่เป็นส่วนประกอบสำคัญยังเป็นของหมักดองที่มีโปรตีนสูง ซึ่งพริกแกงที่ใส่มีส่วนผสมของสมุนไพรต่างๆ ที่ล้วนมีสรรพคุณช่วยแก้ท้องอืด ความเผ็ดร้อนของพริกช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น มีคุณสมบัติช่วยให้เจริญอาหาร แก้คลื่นไส้อาเจียน แก้โรคบิด อีกทั้งในปลายังมีไขมันดี แถมผักที่เป็นส่วนผสมยังอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ เช่น ฟักทองที่มีวิตามินเอ มะเขือพวงช่วยย่อยอาหาร และข้อเด่นของผักทั้งหมดที่ใส่นี้มีกากใยที่ช่วยระบายท้องได้อย่างดีอีกด้วยค่ะ

 เห็นไหมว่าอาหารพื้นบ้านของคนไทยนั้นอุดมไปด้วยสารอาหามากมายและยังเป็นยาไปในตัว ดังนั้นยังลืมนำสูตรอาหารสุขภาพนี้ไปลองทำรับประทานเองที่บ้านนะคะ

Categories
อาหารสุขภาพ

เต้าหู้ไข่นึ่งหมูสับ เมนูสุขภาพ ทำให้ลูกกินก็ได้ ผู้ใหญ่กินก็ดี

เต้าหู้ไข่นึ่งหมูสับ เมนูสุขภาพ ทำให้ลูกกินก็ได้ ผู้ใหญ่กินก็ดี
เต้าหู้ไข่นึ่งหมูสับ เมนูสุขภาพ ทำให้ลูกกินก็ได้ ผู้ใหญ่กินก็ดี

หากคุณคิดถึงเมนูสุขภาพที่ทำง่าย อร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ วันนี้เรามีเมนูมาแนะนำ นั่นคือ เต้าหู้ไข่นึ่งหมูสับ คุณอาจมองว่าเป็นเมนูง่าย ๆ แต่ต้องบอกเลยว่า มันก็ต้องมีเคล็ดลับในการทำอยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงเมนูนี้ไปพร้อมกัน เพื่อให้คุณได้ทานเมนูสุขภาพ และ เตรียมไว้เพื่อลูกน้อยของคุณ

เต้าหูไข่นึ่งหมูสับ อร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ

เต้าหู้ไข่นึ่งหมูสับ เมนู เต้าหู้ ที่คุณต้องชอบ นอกจากอร่อยแล้ว ยังเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ ช่วยให้คุณลดน้ำหนักลงได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่อยากลองทำดู วันนี้เรามีส่วนผสมและวิธีทำมาฝากกัน รับรองว่าคุณจะทำตามได้อย่างแน่นอน

เต้าหู้ไข่นึ่งหมูสับ เมนูสุขภาพ ทำให้ลูกกินก็ได้ ผู้ใหญ่กินก็ดี
เต้าหู้ไข่นึ่งหมูสับ เมนูสุขภาพ ทำให้ลูกกินก็ได้ ผู้ใหญ่กินก็ดี

ส่วนผสมของ เต้าหูไข่นึ่งหมูสับ และวิธีทำ

สำหรับ เต้าหู้ ไข่ในที่นี้ราจะใช้อง CP นั่นคือ เต้าหู้ไข่ไก่ผสมแครอท/ เต้าหู้ไข่ไก่ผสมบล็อกโคลี และ เต้าหู้ไข่ไก่ผสมฟักทอง –หมูสับ – รากผักชี – กระทียม –พริกไทยโขลก 1 ช้อนชา –แครอทหั่นเต๋าเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ –ซีอิ๊วขาว 1 ข้อนชา –ซอสหอยนางรม 1 ช้อนชา ต้นหอมซอย และ น้ำตาลทราย 

วิธีทำ ให้คุณหั่นเต้าหู้ผักเป็นท่อน ๆ หนา 1 นิ้ว เตรียมใส่จาน หลังจากนั้นผสมหมูสับกับรากผักชี กระเทียม และ พริกไทยโขลกรวมกัน และ ผสมด้วยแครอทเต๋า รวมถึงซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม และ น้ำตาลเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นให้คุณปั่นหมูเป็นก้อนกลม ๆ วางไว้บนเต้าหู้ผัก cp หลังจากนั้นให้คุณนำหมูสุกไปตกแต่งด้วยต้นหอมซอย และ ตักใส่จาน คุณจะเห็นว่าวิธีการทำนั้นง่ายมาก เพียงแค่นี้ก็เป็นเมนู เต้าหูไข่นึ่งหมูสับ แล้ว

เต้าหู้ไข่นึ่งหมูสับ เมนูสุขภาพ ทำให้ลูกกินก็ได้ ผู้ใหญ่กินก็ดี
เต้าหู้ไข่นึ่งหมูสับ เมนูสุขภาพ ทำให้ลูกกินก็ได้ ผู้ใหญ่กินก็ดี

เต้าหู้ไข่นึ่งหมูสับ เมนูสุขภาพ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังหาเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่เกี่ยวกับ เต้าหู้  ผู้ใหญ่กินได้ เด็กกินดีก็อยากให้คุณได้ลองเมนูนี้ดู ส่วนใครมีฝีมือดีหน่อยก็สามารถทำขายได้เลย แถมยังลงทุนไม่มากอีกด้วย เพราะวัตถุดิบก็สามารถหาซื้อได้ง่าย และ คุณยังสามารถปรับลดเพิ่มส่วนผสมได้ตามที่ต้องการได้ แต่อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องของการเพิ่มลดส่วนผสมด้วยเพื่อให้อร่อยที่สุด

สำหรับใครที่ต้องการสูตรในการทำ วันนี้ก็มีให้คุณได้ลองกันดู รับรองว่าคุณจะเข้าใจในการทำมากยิ่งขึ้น และ ยังสามารถเพิ่มสัดส่วนต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง  ทำให้คุณได้ทำ เต้าหู้ไข่นึ่งหมูสับ ในแบบของคุณได้

Categories
อาหารสุขภาพ

แกงส้มผักรวม เมนูอาหารไทยแสนอร่อย แถมมีประโยชน์ ช่วยควบคุมน้ำหนัก

แกงส้มผักรวม เมนูอาหารไทยแสนอร่อย แถมมีประโยชน์ ช่วยควบคุมน้ำหนัก
แกงส้มผักรวม เมนูอาหารไทยแสนอร่อย แถมมีประโยชน์ ช่วยควบคุมน้ำหนัก

ถ้าพูดถึงเมนูสำหรับคนรักสุขภาพ หลายๆคนจะนึกถึงเมนูที่มีผักเยอะๆ อย่างจำพวกเมนูสลัดผัก ผัดผัก ยำผักรวม เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันมีการนำผักหลายๆ ชนิดมารวมกันเพื่อประกอบอาหาร เนื่องจากผักหลายชนิดทำให้มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ต่างกัน และทำให้รสชาติของน้ำแกงอร่อยขึ้น ผักที่เห็นใช้บ่อย เช่น ผักกาดขาว ดอกแค แตงโมอ่อน ผักบุ้ง ผักกระเฉด เป็นต้น วันนี้เราจึงมีเมนูแบบไทยๆอย่างแกงส้มผักรวมมาแนะนำทุกคน โดยเมนูแกงส้มผักรวม เป็นอาหารไทยเพื่อสุขภาพที่เป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่ เพราะเมนูนี้อาหารที่มีพลังงานค่อนข้างต่ำ เป็นแกงน้ำใส มีรสชาติทั้ง เผ็ด เค็ม เปรี้ยว แล้วก็มีหวานปะแล่มๆ เป็นอาหารที่มีหลายรสชาติอยู่ในชามเดียวกัน

แกงส้มผักรวม เป็นอาหารที่นิยมรับประทานกันทุกภาค เพราะเป็นอาหารที่กินง่าย และมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ สามารถใส่ผักได้หลายชนิด จะใส่ผักชนิดเดียวหรือผักหลายชนิดรวมกันก็ได้ค่ะ ส่วนเนื้อสัตว์ที่ใส่นิยมใช้ ปลาและกุ้ง โดยเนื้อสัตว์ที่ใส่ในแกงจะนำมาโขลกปนกับเครื่องแกง ซึ่งเครื่องแกงจะประกอบด้วย พริกแห้ง หอมแดง กะปิ ถ้าจะให้มีรสเผ็ดเพิ่มขึ้น อาจใช้พริกขี้หนูสดสีแดง หรือพริกชี้ฟ้าแดงแทนพริกแห้งก็ได้ค่ะ สำหรับส่วนผสมและขั้นตอนการทำเมนูแกงส้มผักรวมจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูแกงส้มผักรวม

แกงส้มผักรวม” เป็นอาหารภาคกลาง ที่มีรสชาติเปรี้ยวนำ เหตุที่ถูกเรียกว่าแกงส้ม อาจเป็นเพราะน้ำแกงเป็นสีส้ม และใช้มะขามเปียกเป็นส่วนผสมทำให้มีรสเปรี้ยว โดยสูตรที่เรานำมาแนะนำนี้จะใช้ เนื้อสัตว์อย่างเนื้อปลาช่อน หรืออาจเรียกเมนูนี้ว่า แกงส้มผักรวมปลาช่อนก็ได้ค่ะ และยังสามารถเติมผักนานาชนิดลงไปในแกงส้มได้  เช่น ผักบุ้ง ดอกแค ยอดมะระ ผักกาดขาว ถั่วฝักยาว กวางตุ้ง ถั่วพู ผักกะเฉด  เป็นต้น การใส่ผักหลากหลายชนิด จะช่วยเติมสีสันทำให้แกงส้มน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น แกงส้มที่ใส่ผักที่หลากหลาย เรียกว่า “แกงส้มผักรวม” หรือบางครั้งอาจเรียกว่าแกงส้มรวมมิตร ส่วนจะมีวัตถุดิบและส่วนผสมอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

ส่วนผสมสำหรับทำแกงส้มผักรวม

  1. ปลาช่อนขอดเกล็ดหั่นชิ้น 500 กรัม
  2. เนื้อปลาช่อนต้มสุกโขลกละเอียด 100 กรัม
  3. ดอกแค 200 กรัม
  4. แครอทหั่นเป็นดอก 150 กรัม
  5. ผักกวางตุ้งหั่นท่อน 150 กรัม
  6. ดอกกะหล่ำ 100 กรัม
  7. ถั่วฝักยาว 100 กรัม
  8. น้ำปลา ¼ ถ้วยตวง
  9. น้ำมะขามเปียก ½ ถ้วยตวง
  10. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  11. น้ำเปล่า 5 ถ้วยตวง

ส่วนผสมน้ำพริกแกงส้ม

  1. พริกชี้ฟ้าแกะเม็ดออก ตัดท่อนสั้น แช่น้ำพอนิ่ม 500 กรัม
  2. พริกขี้หนูแห้งแช่น้ำพอนิ่ม 5 เม็ด
  3. หอมแดงซอย ¼ ถ้วยตวง
  4. กระเทียมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
  5. กระชายซอย ¼ ถ้วยตวง
  6. กะปิ 2 ช้อนชา
แกงส้มผักรวม เมนูอาหารไทยแสนอร่อย แถมมีประโยชน์ ช่วยควบคุมน้ำหนัก
แกงส้มผักรวม เมนูอาหารไทยแสนอร่อย แถมมีประโยชน์ ช่วยควบคุมน้ำหนัก

ขั้นตอนวิธีการทำแกงส้มผักรวม

หลังจากที่คุณได้รู้จักส่วนผสมของแกงส้มผักรวมแล้ว ต่อมาเรามาดูวิธีทำเมนูแกงส้มผักรวม และวิธีทำพริกแกงส้ม เลยค่ะ ซึ่งขั้นตอนการทำเมนูนี้มีไม่เยอะ สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ง่าย จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

  1. เริ่มต้นด้วยการทำพริกแกงส้ม โดยใส่ส่วนผสมน้ำพริกแกงส้มทั้งหมดลงไปในโถเครื่องปั่นน้ำ แล้วเติมน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง จากนั้นปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่หม้อ เติมน้ำเปล่าที่เหลือทั้งหมดลงไป แล้วยกขึ้นตั้งไฟจนเดือด
  2. ใส่เนื้อปลาช่อนโขลก แครอทหั่นเป็นดอก และดอกกะหล่ำ แล้วต้มพอสุก จากนั้นใส่ปลาช่อนขอดเกล็ดหั่นชิ้นลงไป ห้ามคนเด็ดขาด จากนั้นรอจนเดือดและเนื้อปลาสุก
  3. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ แล้วคนให้เข้ากัน
  4. ใส่ดอกแค ถั่วฝักยาว และผักกวางตุ้ง จากนั้นรอจนเดือดและผักสุก แล้วตักใส่ภาชนะ พร้อมจัดเสิร์ฟได้ค่ะ

คุณค่าทางโภชนาการ

แกงส้มผักรวม ถือเป็นอีกหนึ่งอาหารเพื่อสุขภาพ กินแล้วไม่อ้วน เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงานและไขมันต่ำ แถมยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ซึ่งแกงส้ม 1 ถ้วย นั้นมีปริมาณแคลอรี่เพียงแค่ 150 กิโลแคลอรี่เท่านั้นเองค่ะ นอกจากนี้ส่วนผสมต่างๆในเมนูนี้ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นผักนานาชนิดที่ใช้ได้แก่

  • ถั่วฝักยาว: ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ อีกทั้งช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมันซึ่งเป็นต้นเหตุของความอ้วนและโปรตีน
  • ดอกแค: สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ลดไข้ บำรุงตับ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
  • ผักกวางตุ้ง: ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงและรักษาสายตา เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • กะหล่ำดอก: ป้องกันปัญหาสุขภาพ เช่น โรคลักปิดลักเปิด กระดูกพรุน ภาวะวัยทอง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง เป็นต้น
  • แครอท: ช่วยบำรุงสายตา

นอกจากนั้นยังได้รับประโยชน์จากมะขามเปียก ที่มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีอีกด้วย อีกทั้งส่วนผสมอย่างเนื้อปลายังเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วยค่ะ

Categories
อาหารสุขภาพ

แกงจืดตำลึงไก่สับ สูตรเมนูอาหารคลีนมีประโยชน์ ราคาแสนประหยัด

แกงจืดตำลึงไก่สับ สูตรเมนูอาหารคลีนมีประโยชน์ ราคาแสนประหยัด
แกงจืดตำลึงไก่สับ สูตรเมนูอาหารคลีนมีประโยชน์ ราคาแสนประหยัด

สาวๆคนไหนที่กำลังอยู่นช่วงไดเอทฟังทางนี้ค่ะ เพราะวันนี้เรามีอีกหนึ่งเมนูลดน้ำหนักอย่างแกงจืดตำลึงไก่สับมาฝากทุกคน ช่วงไดเอทเป็นช่วงที่ทุกคนต้องควบคุมอาหารให้ดี จะกินอะไรก็ต้องเช็คแคลอรี่ก่อนทุกครั้ง เมนูอาหารที่เลือกกินควรมีค่าแคลอรี่ที่ไม่มากจนเกินไป จะช่วยให้การลดน้ำหนักของคุณไปถึงเป้าหมายได้ง่ายมากขึ้นค่ะ ซึ่งสูตรการทำเมนูแกงจืดตำลึงไก่สับที่เรานำมาฝากนี้เป็นสูตรเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่อร่อย ทำตามได้ง่ายๆ แค่ผักข้างรั้วบ้านเรานี่เองค่ะ 

แกงจืดจัดเป็นซุปในสำรับอาหารจีนที่ทำให้กินอาหารได้คล่องคอ หรือกินกับข้าวอื่นในสำรับได้อร่อยขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายอบอุ่น แกงจืดนี้เป็นเมนูง่ายๆ ที่ใช้กระดูกหมูปรุงรสให้น้ำซุปหวาน ใส่เต้าหู้และตำลึงผักริมรั้วหาง่ายมาต้มรวมกัน จนเป็นแกงจืดยอดนิยมที่คนมักจะสั่งทานกันทุกร้าน สำหรับที่อยากจะลองทำกินเองก็สามารถทำตามสูตรที่เรานำมาแนะนำได้ ซึ่งสูตรนี้นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แถมยังเป็นสูตรอาหารคลีน แคลอรี่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักอีกด้วยนะคะ จะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูแกงจืดตำลึงไก่สับ

เมนูแกงจืดตำลึงไก่สับ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แถมยังเป็นอาหารคลีน แคลอรี่ต่ำ ที่คนที่กำลังอยู่ในช่วงไดเอทเลือกรับประทาน เพราะเป็นเมนูที่มีส่วนผสมหลักเป็นยอดตำลึงอ่อนและไก่สับ ซึ่งยอดตำลึงอ่อนมีเบต้าแคโรทีน แคลเซียม และมีกากใยที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี และเนื้อไก่ยังอุดมไปด้วยโปรตีน แถมสูตรที่เรานำมาฝากนี้ยังอร่อยถูกใจ ในราคาแสนประหยัด บางบ้านอาจไม่ต้องซื้อตำลึงเลยค่ะ เพราะมีขึ้นอยู่ตามรั้วบ้าน ส่วนวัตถุดิบและส่วนผสมทั้งหมดมีดังนี้ค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำแกงจืดตำลึงไก่สับ

  1. ไก่สับ 150 กรัม
  2. ยอดตำลึงอ่อนเด็ดใบ 100 กรัม
  3. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  4. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
  5. ซอสเห็ดหอม 1 ช้อนชา
  6. พริกไทยป่น ¼ ช้อนชา
  7. เต้าหู้ไข่หั่นเป็นท่อน 5 ท่อน

ส่วนผสม น้ำซุปกระดูกหมู

  1. น้ำเปล่า 2 ลิตร
  2. เกลือ 1 ช้อนชา
  3. ซุปหมูก้อน 1 ก้อน
  4. รากขึ้นฉ่าย 2-3 ราก
  5. กระเทียมบด 5 กลีบ
  6. พริกไทยเม็ด ½ ช้อนชา
แกงจืดตำลึงไก่สับ สูตรเมนูอาหารคลีนมีประโยชน์ ราคาแสนประหยัด
แกงจืดตำลึงไก่สับ สูตรเมนูอาหารคลีนมีประโยชน์ ราคาแสนประหยัด

ขั้นตอนวิธีการทำแกงจืดตำลึงไก่สับ

หลายคนคงทราบกันดีว่า ต้นตำลึงจัดเป็นพืชสารพัดประโยชน์ รับประทานได้ทั้งใบและผล แถมยังเป็นส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความอร่อยของเมนูนั้น รวมถึงเมนูแกงจืดตำลึงไก่สับด้วยค่ะ ซึ่งสูตรวิธีทำเมนูนี้ก็ง่ายมากๆเลยค่ะ เหมะสำหรับคนที่อยากลองทำเมนูแกงจืดตำลึงไก่สับกินเองที่บ้าน หรือคนที่เริ่มทำเมนูนี้ครั้งแรก โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้

  1. นำยอดตำลึงอ่อน มาล้างให้สะอาดแล้วเด็ดเอาเฉพาะใบยอดอ่อน ๆ 
  2. เตรียมหมักเนื้อไก่ โดยการผสมเนื้อไก่สับ ซีอิ๊วขาว ซอสเห็ดหอม และพริกไทยป่น คลุกเคล้าพอเข้ากัน แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที
  3. ต้มน้ำซุป โดยต้มน้ำเปล่าให้เดือด แล้วใส่ เกลือ ซุปหมูก้อน รากขึ้นฉ่าย กระเทียมบด และพริกไทยเม็ด ต้มจนเดือด แล้วปั้นเนื้อไก่สับที่หมักไว้เป็นรูปทรงกลมพอดีคำใส่ลงไปต้มให้สุก 
  4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา พอเดือดอีกครั้งให้ใส่เต้าหู้ไข่ และยอดตำลึงอ่อนเด็ดใบที่เตรียมไว้ใส่ลงในหม้อต้มอีกประมาณ 10-15 นาที แล้วคนให้เข้ากัน (สุก ไม่ควรต้มใบตำลึงให้นานเกิน เพราะเป็นการลำลายสารอาหาร) จากนั้นปิดไฟ ตักใส่ภาชนะ พร้อมจัดเสิร์ฟ

คุณค่าทางโภชนาการ

แกงจืดตำลึงไก่สับ มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย โดยตำลึง หรือ ผักตำลึงที่เป็นส่วนผสมหลักของเมนูนี้มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างโปรตีน วิตามินบี แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ไนอาซีน วิตามินซี เบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา และใยอาหาร ช่วยในระบบย่อยอาหารได้ดีขึ้น แถมเนื้อไก่สับยังมีโปรตีนที่จำเป็นต่อร่ายกาย เห็นประโยชน์ที่ดีอย่างนี้แล้ว ทุกคนอย่าลืมลองไปทำกันดูนะคะ รับรองว่าอร่อยถูกปาก แถมทานแล้วไม่อ้วนแน่นอนค่ะ

Categories
อาหารสุขภาพ

ผัดวุ้นเส้นเกาหลี เมนูเส้น น่ากิน สุขภาพดี

ผัดวุ้นเส้นเกาหลี เมนูเส้น น่ากิน สุขภาพดี
ผัดวุ้นเส้นเกาหลี เมนูเส้น น่ากิน สุขภาพดี

สำหรับคนที่อยากทาน ผัดวุ้นเส้น ความจริงแล้วมันมีผัดชนิดนี้อยู่หลายแบบมาก แต่ถ้าใครอยากกินแบบเกาหลี เราก็สามารถประยุกต์เมนูเหล่านี้ได้เช่นกัน อย่างเช่น วันนี้เราขอนำเสนอ ผัดวุ้นเส้นเกาหลี เมนูน่ากิน อร่อย เพื่อสุขภาพ รับรองว่าไม่จำเจแน่นอน งั้นเรามาทำความรู้จักเมนูนี้กันดีกว่า

ผัดวุ้นเส้นเกาหลี อร่อย ต้องลองให้ได้สักครั้ง

ใครที่เป็นสาวกเกาหลี เราก็ไมอยากให้คุณพลาดความอร่อยกับเมนู ผัดวุ้นเส้นเกาหลี เมนูดี ๆ ที่จะทำให้คุณมีความสุขได้ในทุกวัน เรามาดูกันว่า มีส่วนผสมและวิธีทำอะไรบ้าง 

ส่วนผสมและวิธีทำ ผัดวุ้นเส้นเกาหลี

ส่วนผสมของ ผัดวุ้นเส้นเกาหลี มีดังนี้ – สันในหมู 100 กรัม – ห็ดหอมแห้งแช่น้ำ 4 ดอก  -ผักปวยเล้ง 3 ต้น -ผักกวางตุ้ง 3 ต้น -แครอท ½ หัว -หัวหอมใหญ่ ½ หัว -วุ้นเส้น ตราต้นสน 1 ห่อ -กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ -ซอสถั่วเหลืองเกาหลี 4 ช้อนโต๊ะ –น้ำมันงา 5 ช้อนชา -พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา -งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ -งาดำคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ -เกลือ ¼ ช้อนชา- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ -น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ สำหรับวิธีทำ ให้คุณลวกผักปวยเล้ง และ ผักกวางตุ้งในน้ำเดือด แล้ว นำไปแช่เย็นเพื่อไม่ให้สุกเกินไป และ ก็ยกขึ้นให้สะเด็ดน้ำ ตัดเป็นท่อน ๆ ปรังรสด้วยน้ำมันงา  น้ำตาล และ เกลือ หลังจากนั้นให้หั่นสันหมูเป็นชิ้นพอดีคำ หมักด้วยซอสถั่วเหลืองเกาหลี 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 ช้อนชา น้ำตาลทรายครึ่งช้อนโต๊ะ และกระเทียมสับ 1 ช้อนชา คลุกให้เข้ากัน แล้วหมักไว้ 10 นาที หั่นเห็ดหอมแห้งแช่น้ำ แล้วคลุกกับซอสถั่วเหลืองเกาหลีครึ่งช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 ช้อนชา น้ำตาลทรายครึ่งช้อนโต๊ะ กระเทียมสับ 1 ช้อนชาคลุกให้เข้ากัน ให้คุณหั่นแครอท และ หัวหอม เป็นท่อน ๆ หลังจากนั้นนำวุ้นเส้นไปแช่ ลวกผักปวยเล้ง และ ผักกวางตุ้งแช่ในน้ำเย็น และ หมักสันในหมู ต่อมาเป็นการผัดเครื่อง คุณจะต้องตั้งกระทะและใส่น้ำมันเล็กน้อย ผัดแครอท และ นำขึ้นมาพักไว้ ตั้งกระทะอีกรอบ และ ให้ใส่หัวหอมลงไปผัดจนสุก หลังจากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ให้ผัดเนื้อหมูที่หมักไว้ ใส่เห็ดที่ปรุงรสและผัดให้สุก นำวุ้นเส้นที่แช่น้ำไว้มาผัด ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองเกาหลี 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 ช้อนชา และ น้ำตาลทราย 1ช้อนโต๊ะ ผัดจนสุกนิ่ม และ ผัดหมูที่เตรียมไว้ให้สุก และ นำส่วนผสมที่เตรียมไว้ทั้งหมด คลุกผสมให้เข้ากัน และ ตักใส่จาน นี่คือ เมนู ผัดวุ้นเส้น ที่คุณต้องลอง

ผัดวุ้นเส้นเกาหลี เมนูเด็ดที่รอให้คุณมาชิม

เพราะฉะนั้น ใครที่ชื่นชอบความอร่อยของ ผัดวุ้นเส้น ก็อยากให้คุณได้มาลองชิม ผัดวุ้นเส้นเกาหลี กัน รับรองว่า คุณจะชื่นชอบแน่นอน 

งั้นวันหยุดนี้ เราลองมาทำ ผัดวุ้นเส้นเกาหลี กันดีกว่า รับรองว่า ใครกินก็ติดใจแน่นอน แถมยังสามารถทำขายได้ด้วย

Categories
อาหารสุขภาพ

วิธีดูแลอาหารนักมวย วิธีเพิ่มน้ำหนักนักมวย ดูแลสุขภาพนักมวยอย่างไร

วิธีดูแลอาหารนักมวย วิธีเพิ่มน้ำหนักนักมวย ดูแลสุขภาพนักมวยอย่างไร
วิธีดูแลอาหารนักมวย วิธีเพิ่มน้ำหนักนักมวย ดูแลสุขภาพนักมวยอย่างไร

ชกมวยเป็นกีฬาต่อสู้ที่มีการเคลื่อนไหวสูงและมีความเข้มข้นสูงซึ่งต้องใช้ทั้งการออกกำลังกายแบบแอโรบิคและแบบไม่ใช้ออกซิเจนรวมถึงทักษะที่สำคัญ การชกมวยมีการแข่งขันทั้งในระดับสมัครเล่นและระดับมืออาชีพโดยการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นจุดสูงสุดของมวยสากลสมัครเล่น

อาหารนักมวยสำหรับการฝึก

เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการฝึกซ้อมนักมวยจำเป็นต้องแน่ใจว่าพวกเขาได้รับการเติมเชื้อเพลิงและให้น้ำอย่างเหมาะสม การรับประทานผักและผลไม้ที่หลากหลายจะทำให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุจำนวนมากเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยและส่งเสริมสุขภาพและการฟื้นตัวที่ดี การบริโภคอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตอย่างเพียงพอ (ขนมปังธัญพืชซีเรียล ฯลฯ ) โดยเฉพาะก่อนและหลังการฝึกจะช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการฟื้นตัว การบริโภคโปรตีน (เนื้อสัตว์ทางเลือกของเนื้อสัตว์นม ฯลฯ ) ควรกระจายไปทั้งวันในระดับปานกลางหลาย ๆ มื้อเช่นเดียวกับหลังการฝึกเพื่ออำนวยความสะดวกในการฟื้นตัวและการเจริญเติบโตที่ดีที่สุด (แทนที่จะให้อาหารมื้อใหญ่ในมื้อหลักหนึ่งหรือสองมื้อ)

ความต้องการสำหรับอาหารนักมวย

นักกีฬาหลายคนที่ตระหนักถึงน้ำหนักของตนจะไม่สามารถทดแทนการสูญเสียเหงื่อได้อย่างเพียงพอหลังการฝึกเนื่องจากจะแสดงเป็นน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นบนตาชั่ง อย่างไรก็ตามการคายน้ำอาจทำให้กำลังขับลดลงความสามารถในการใช้ออกซิเจน / ไม่ใช้ออกซิเจนลดลงเวลาในการตอบสนองลดลงและส่งผลต่อประสิทธิภาพการรับรู้ นอกจากนี้อาจทำให้ผลกระทบของการถูกกระทบกระแทกหรือการบาดเจ็บที่ศีรษะแย่ลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการชกมวย

การดูแลให้นักกีฬาได้รับความชุ่มชื้นอย่างเหมาะสมในแต่ละวันในการฝึกซ้อมเป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมประสิทธิภาพและสุขภาพที่ดี นักกีฬาควรดื่มของเหลวพร้อมอาหารและของว่างทุกมื้อและดื่มระหว่างการฝึก โดยทั่วไปแล้วเครื่องดื่มกีฬาไม่จำเป็นต้องใช้ในการฝึกซ้อม แต่อาจมีประโยชน์ในการแข่งขัน

เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักกีฬาและโค้ชที่จะต้องเข้าใจการลดน้ำหนักในระยะสั้นและระยะยาว การลดน้ำหนักในระยะยาวจำเป็นต้องลดไขมันในร่างกายและสามารถทำได้โดยการลดปริมาณพลังงานทั้งหมด ในช่วงเวลานี้สิ่งสำคัญคือต้องบริโภคอาหารที่ตอบสนองความหิวลดพลังงานอย่างเหมาะสมเพื่อลดไขมันในร่างกาย แต่ยังช่วยฝึกอบรมและส่งเสริมการฟื้นตัว ดังนั้นนักกีฬาจึงต้องมีกลยุทธ์ในการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนและหลังการฝึกอบรมเพื่อช่วยกระตุ้นและฟื้นตัวจากช่วงสำคัญ การลดการบริโภคพลังงานควรมาจากการ จำกัด “อาหารเสริม” (ช็อคโกแลตเค้กมันฝรั่งทอดอาหารขยะ ฯลฯ ) และลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตในวันพักผ่อนและอยู่ห่างจากช่วงสำคัญ ๆ

นักกีฬาบางคนอาจอดอาหารข้ามมื้ออาหารหรือลดปริมาณ / น้ำหนักของอาหารที่บริโภคในวันก่อนชั่งน้ำหนักเพื่อช่วยในการลดน้ำหนัก แม้ว่าจะได้ผล แต่กลยุทธ์นี้จะช่วยลดการบริโภคพลังงานและสารอาหารที่จำเป็น แต่กลยุทธ์ต่าง ๆ เช่นการลดการบริโภคเกลือการลดปริมาณของเหลวลงเล็กน้อยและการรับประทานอาหารที่มีกากน้อยจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและการทำงานร่วมกับนักกำหนดอาหารด้านกีฬาที่ได้รับการรับรองเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มน้ำหนักอย่างปลอดภัย

อาหารนักมวย หลังจากชั่งน้ำหนัก

ในการแข่งขันชกมวยสมัครเล่นนักกีฬาจะมีเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงหลังการชั่งน้ำหนักก่อนแข่งขัน เวลานี้ควรใช้เพื่อเติมเชื้อเพลิงใหม่สำหรับการแข่งขันและฟื้นตัวจากการสูญเสียของเหลวที่ใช้ในการทำน้ำหนัก การบริโภคของเหลว 150% ที่สูญเสียของเหลวด้วยโซเดียมที่มีของเหลวในการจิบบ่อยๆเล็กน้อยจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อาหารที่อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรตจะเป็นเชื้อเพลิงสำหรับนักกีฬาสำหรับการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง

วิธีดูแลอาหารนักมวย วิธีเพิ่มน้ำหนักนักมวย ดูแลสุขภาพนักมวยอย่างไร
วิธีดูแลอาหารนักมวย วิธีเพิ่มน้ำหนักนักมวย ดูแลสุขภาพนักมวยอย่างไร

อาหารนักมวย การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มระหว่างการแข่งขัน

เป็นเรื่องปกติที่นักกีฬาอาจรู้สึกกังวลหรือรู้สึกว่ากินยากก่อนการแข่งขัน การเลือกอาหารที่เบาย่อยง่ายไขมันต่ำไฟเบอร์ต่ำหรืออาหารเหลว (เช่นเครื่องดื่มทดแทนมื้ออาหารสปอร์ตบาร์แซนวิชง่ายๆบิสกิตแห้ง ฯลฯ ) ที่ใกล้เคียงกับการแข่งขันอาจเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการให้พลังงานในขณะที่ลดความไม่สบายในลำไส้ หลังจากการแข่งขันของพวกเขาหากนักมวยต้องการเพิ่มน้ำหนักอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นควรตรวจสอบน้ำหนักของตนเองและหากจำเป็นต้องลดน้ำหนักต่อไปก็ควรปรับปริมาณ / น้ำหนักทั้งหมดของอาหารและของเหลวที่บริโภคในช่วงที่เหลือของวัน ควรให้ความสำคัญกับอาหารที่มีเส้นใยน้อย / น้ำหนักน้อยที่ให้คาร์โบไฮเดรตและโปรตีนเพื่อเป็นพลังงานและการฟื้นตัวในขณะที่หลีกเลี่ยงอาหารมื้อใหญ่ / หนักเกินไปและการกินของเหลวปริมาณมากเพื่อที่จะทำให้น้ำหนักกลับมาอีกครั้ง

อาหารนักมวยการกู้คืนน้ำหนักหลังการแข่งขัน

การฟื้นตัวหลังการฝึกซ้อมและการแข่งขันสามารถเพิ่มขึ้นได้โดยการรับประทานอาหารหรือของว่างที่มีคาร์โบไฮเดรตเพื่อทดแทนการเก็บไกลโคเจนในกล้ามเนื้อ โปรตีนเพื่อเร่งการซ่อมแซมกล้ามเนื้อและของเหลวเพื่อทดแทนการสูญเสียเหงื่อ ควรรับประทานอาหารหรืออาหารว่างเพื่อการฟื้นฟูภายใน 30-60 นาทีหลังจากจบการฝึกซ้อมหรือการแข่งขัน บางครั้งไม่สามารถรับประทานอาหารหลักได้ทันทีหลังการฝึกซ้อม / การแข่งขัน ในสถานการณ์เหล่านี้แนะนำให้รับประทานของว่างทันทีหลังจากการฝึกเพื่อเตะเริ่มฟื้นตัวจากนั้นจึงจบขั้นตอนการพักฟื้นในมื้อหลักถัดไป อาหารว่างเพื่อการฟื้นฟูที่เหมาะสมซึ่งมีคาร์โบไฮเดรตโปรตีนและของเหลว ได้แก่ :

  • สมูทตี้ผลไม้ไขมันต่ำ
  • ซีเรียลบาร์ + เตตราแพ็คนมปรุงแต่งไขมันต่ำ
  • โยเกิร์ต + ผลไม้สับ + ขวดน้ำ
  • แซนวิชแฮมและชีส + เครื่องดื่มกีฬา 1 ขวด

อาหารนักมวย เคล็ดลับทางโภชนาการอื่น ๆ

นักกีฬาที่อายุน้อยควรได้รับอนุญาตให้เลื่อนระดับน้ำหนักเมื่ออายุมากขึ้น / เติบโตขึ้นและควรมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนการพัฒนาทักษะและการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการไม่ใช่การลดน้ำหนัก

นักกีฬาที่มีประสบการณ์และอาวุโสมากขึ้นควรพัฒนาแผนการลดน้ำหนักและการพักฟื้นส่วนบุคคลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเลือกแผนกน้ำหนักที่แข่งขันได้ร่วมกับนักกำหนดอาหารด้านกีฬาที่ได้รับการรับรอง

กลยุทธ์การสร้างน้ำหนักและการกู้คืนควรได้รับการทดลองและปรับแต่งก่อนการแข่งขันที่สำคัญ

อาหารนักมวย จำเป็นต้องใช้อาหารเสริมร่วมกับคำแนะนำจากนักกำหนดอาหารด้านกีฬาที่ได้รับการรับรอง อาหารเสริมบางชนิดได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเช่น ผงโปรตีนครีเอทีนและเครื่องดื่มเพื่อการกีฬาในขณะที่นักกีฬาคนอื่น ๆ อาจใช้เนื่องจากรับรู้ถึงประโยชน์ (รู้สึกดีขึ้น) เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่พิสูจน์แล้ว

Categories
อาหารสุขภาพ

ยำเต้าหู้ขาว รสชาติจัดจ้าน ประโยชน์ครบถ้วน

ยำเต้าหู้ขาว
ยำเต้าหู้ขาว

ยุคนี้หันไปทางไหนก็เห็นแต่อาหารแซ่บๆ ประเภทส้มตำและยำ แต่ความแซ่บอย่างเดียวคงไม่พอต้องรู้จักกินแต่พอดีและต้องมีเคล็ดลับในการเลือกวัตถุดิบให้พอเหมาะด้วย เพราะเมนูยำเป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนดูแลหุ่นเลือกรับประทาน เพราะเมนูยำนี้นอกจากจะอร่อยมีทั้งเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวาน ครบรสความแซ่บแล้ว ยังเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำและมีประโยชน์ครบถ้วน แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกใช้วัตถุดิบอะไรบ้างด้วยค่ะ ซึ่งเมนูยำส่วนใหญ่ไม่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ จึงไม่แปลกที่เป็นเมนูที่ถูกอกถูกใจคนไทยทั้งชายและหญิง จะกินเป็นอาหารจานหลักก็ได้หรือกินเล่นเป็นอาหารว่างก็ดีงาม  เพราะทั้งอิ่มท้องและไม่ทำให้อ้วน แถมช่วยเรื่องการขับถ่ายได้อีกด้วยค่ะ อีกทั้งยำรสจัดจ้านยังช่วยแก้เบื่ออาหารได้ดี เห็นประโยชน์ครบถ้วนแบบนี้ทางเราเลยไม่พลาดที่จะนำสูตรเมนูยำมาฝากทุกคน ซึ่งสูตรที่เรานำมาเป็นสูตรการยำเต้าหู้ขาว รสชาติจัดจ้าน โดยส่วนผสมที่เราเลือกมาก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และวิธีการทำก็ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ที่บ้าน จะเป็นอย่างไรบ้างตามเรามาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูยำเต้าหู้ขาว

เอกลักษณ์ของอาหารประเภทยำ คือ รสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ไขมันต่ำ เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ ซึ่งวัตถุดิบที่เราคัดสรรมาทำเมนูยำเต้าหู้ขาวก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ คนที่กำลังลดความอ้วนสามารถทานได้ค่ะ รับรองว่าเมนูนี้ไม่ทำให้อ้วน แต่อิ่มท้องแน่นอนค่ะ ถ้าทุกคนพร้อมกันแล้วเรามาดูวัตถุดิบและขั้นตอนการทำกันเลยค่ะ

วัตถุดิบและส่วนผสมสำหรับเต้าหู้ขาว

  1. เต้าหู้ขาวชนิดแข็ง 300 กรัม 
  2. น้ำมันมะกอกสำหรับทอด 10 มิลลิลิตร  

วัตถุดิบและส่วนผสมสำหรับน้ำยำ

  1. น้ำมะนาว 40 มิลลิลิตร 
  2. น้ำปลาลดโซเดียม 30 มิลลิลิตร 
  3. พริกขี้หนูแดง 5 เม็ด
  4. น้ำซุป 1 ถ้วยตวง 
  5. น้ำตาลจากหญ้าหวาน 20 กรัม  
  6. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  7. ขึ้นฉ่ายซอย 30 กรัม 
  8. หอมใหญ่ซอย 30 กรัม 
  9. หอมแดงซอย 30 กรัม 
  10. เนื้อแตงกวา แครอต หัวผักกาด และพริกชี้ฟ้าหั่นเป็นเส้นตามความชอบ
ยำเต้าหู้ขาว
ยำเต้าหู้ขาว

ขั้นตอนวิธีการทำยำเต้าหู้ขาว

สำหรับวิธีทำเมนูยำเต้าหู้ขาวก็ง่ายมากๆแล้วค่ะ ทุกคนสามารถทำทานกันเองที่บ้านได้ เพียงแต่เราต้องใส่ใจกับทุกขั้นตอนที่สำคัญต้องรักษาความสะอาดด้วย ซึ่งนี่ถือเป็นหลักใจหลักในการทำอาหารเลยค่ะ หลังจากที่เรารู้แล้วว่ามีวัตถุดิบอะไรบ้าง ต่อมาเรามาดูขั้นการตอนการทำกันเลยค่ะ รับรองว่าทั้งทำง่ายและใช้เวลาไม่นานค่ะ

  1. เริ่มแรกต้องเตรียมเต้าหู้ก่อน โดยการเทน้ำมันมะกอกลงในกระทะเล็กน้อยรอให้น้ำมันร้อน แล้วนำเต้าหู้ขาวลงไปทอดให้เปลี่ยนสีแล้วปิดไฟ นำเต้าหู้สุกออกจากกระทะ หลังจากนั้นนำมาหั่นให้เป็นชิ้นลูกเต๋าขนาดเท่า ๆ กัน แล้วพักไว้
  2. ต่อมาเตรียมภาชนะทำน้ำยำ โดยใส่น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาล และน้ำซุปลงไปเล็กน้อย แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นใส่หอมใหญ่ซอย ขึ้นฉ่ายซอย และหอมแดงซอยมาคลุกเคล้ากับน้ำยำ 
  3. นำเนื้อแตงกวา แครอต หัวผักกาด และพริกชี้ฟ้าที่หั่นเป็นเส้นใส่ลงไปคลุกเคล้ากับน้ำยำ
  4. นำเต้าหู้ที่พักไว้ ลงไปคลุกเคล้ากับน้ำยำพอเข้ากัน (ควรคลุกเคล้าเต้าหู้อย่างเบามือ ไม่งั้นเต้าหู้ของเราจะแตกได้นะคะ)แล้วจัดเสิร์ฟใส่จานให้สวยงามได้เลยค่ะ

สำหรับเมนูยำเต้าหู้ขาวมีประโยชน์มากมายอย่างน้ำยำที่มีรสชาติเผ็ดจัดจ้าน ช่วยเรื่องการขับของเสียออกจากร่ายกายทางผิวหนัง ออกมาเป็นเหงื่อ พริกขี้หนูแดงช่วยเจริญอาหารและรักษาอาการอาเจียน มะนาวมีวิตามินเอและซี อีกทั้งขึ้นฉ่ายที่ทำให้เมนูยำมีกลิ่นหอม เป็นผักที่มีโพแทสเซียมสูง ช่วยในการขยายหลอดเลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ช่วยในการปรับสมดุลของกรดและด่างในเลือดได้อีกด้วย ที่สำคัญต้องเลือกใช้วัตถุดิบที่สดใหม่และสะอาดด้วยนะคะ และคนเราไม่ควรกินเมนูยำทุกวัน เพราะยำเป็นอาหารรสเผ็ดจัดจ้าน หากกินทุกวันจะทำให้ระบบทางเดินอาหารระคายเคือง อาจเกิดอาการท้องเสียได้ 

Categories
อาหารสุขภาพ

ปลาทับทิมนึ่งแกล้มผัก พร้อมจิ้มแจ่วปลาร้า สไตล์บ้านๆ

ปลาทับทิมนึ่งแกล้มผัก พร้อมจิ้มแจ่วปลาร้า
ปลาทับทิมนึ่งแกล้มผัก พร้อมจิ้มแจ่วปลาร้า

เชื่อว่าหลายคนที่กำลังวางแผนลดน้ำหนัก แต่ก็ไม่อยากพลาดอาหารอร่อยกันใช่ไหมค่ะ? วันนี้เราก็มีเมนูอาหารที่อร่อย แถมยังเหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก แน่นอนว่าเมนูที่เรานำมาจะต้องใช้ปลาเป็นวัตถุดิบ ซึ่งเนื้อปลานี้สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัย หลายคนอาจคุ้นเคยกับเมนูปลาหลายเมนูอย่างเช่นปลาราดพริก หรือปลาสามรส แต่ด้วยวิธีการทำเมนูเหล่านั้นต้องนำปลาไปทอดในน้ำมันอาจจะไม่เหมาะที่จะเป็นอาหารลดน้ำหนัก หรืออาหารคลีนสักเท่าไร วันนี้เราจึงได้คัดสรรเมนูอาหารลดน้ำหนักที่อร่อยมากฝากทุกคน ซึ่งนั่นก็คือเมนูอาหารปลาทับทิมนึ่งแกล้มผัก ทานคู่กับจิ้มแจ่วปลาร้า เป็นอาหารคลีนเพื่อสุขภาพแบบไทย ๆ อร่อยอิ่มท้อง แถมมีคุณค่าทางสารอาหาร กินได้เยอะไม่ต้องกลัวอ้วนเลยค่ะ นอกจากนี้วิธีลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพต้องทำควบคู่กันไปทั้งควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ

ส่วนผสมหลักของเมนูปลาทับทิมนึ่งแกล้มผัก พร้อมน้ำจิ้มแจ่วปลาร้า

หลายคนคงทราบดีว่าปลาเป็นอาหารที่ให้โปรตีนสูงแต่ให้พลังงานต่ำ และเป็นอาหารที่ใครหลาย ๆ คนชอบทานโดยเฉพาะคนที่กำลังลดน้ำหนัก อีกทั้งยังสามารถทำเมนูต่างๆได้หลากหลายเมนูไม่ว่าจะเป็นต้ม ปิ้ง ทอด และนึ่ง ซึ่งวันนี้เราก็มีเมนูอาหารเพื่อสุขภาพมาฝากทุกคนอย่างปลาทับทิมนึ่งแกล้มผักโดยการนำผักรวมไปนึ่งพร้อมกับปลา หรือแกล้มผักสดก็ได้ค่ะ ทานคู่กับจิ้มแจ่วปลาร้าสไตล์อาหารอีสาน ซึ่งมีส่วนผสมที่หาซึ่งได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไปและขั้นตอนการทำที่ง่ายแสนง่ายดังนี้

วัตถุดิบและส่วนผสมเมนูปลาทับทิมนึ่งแกล้มผัก

  1. ปลานิลที่ขอดเกล็ดและชักไส้ออกแล้วขนาดกลาง 2 ตัว (ควรเลือกปลาที่สดใหม่ โดยให้เลือกปลาที่ตาใส ไม่มีสีขุ่น ตากลมโตไม่ลึกโบ๋ เกล็ดต้องมันเงา ไม่หลุดลอกออก หนังของปลาจะต้องมีเมือกคลุมรอบตัว เหงือกของปลาต้องมีสีแดงสด ครีบปิดสนิท และสุดท้ายเมื่อออกแรงกดบนตัวปลา เนื้อปลาจะแข็ง ไม่บุ๋มมาแรงกด)
  2. ตะไคร้ซอย ¼ ถ้วย
  3. กระเทียมกลีบเล็กโขลก 20 กลีบ
  4. ตะไคร้หั่นท่อน 2 ต้น
  5. ใบมะกรูด 4 ใบ
  6. ข่าซอย 2 แว่น
  7. เกลือสำหรับล้างปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูสำหรับล้างปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  9. เกลือสำหรับหมักปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  10. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  11. ผักนึ่ง ผักลวก และผักสดตามชอบ เช่น ต้นกวางตุ้งอ่อนนึ่ง ฟักทองนึ่ง เห็ดนึ่งกะหล่ำปลีนึ่ง บวบงูลวก ผักกาดเขียวจ้อย ผักแพว เป็นต้น

ส่วนผสมน้ำจิ้มแจ่วปลาร้า

  1. พริกขี้หนูแดง  15 เม็ด
  2. หอมแดง 7 หัว
  3. มะเขือเทศสีดา 2 ลูก
  4. กระเทียมกลีบใหญ่ 6 กลีบ
  5. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำปลา 1 ช้อนชา
  7. น้ำปลาร้าต้มสุก ½ ถ้วย
  8. น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนโต๊ะ 
  9. เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ
ปลาทับทิมนึ่งแกล้มผัก พร้อมจิ้มแจ่วปลาร้า
ปลาทับทิมนึ่งแกล้มผัก พร้อมจิ้มแจ่วปลาร้า

ขั้นตอนวิธีการทำเมนูปลาทับทิมนึ่งแกล้มผัก พร้อมน้ำจิ้มแจ่วปลาร้า

สำหรับเมนูปลาทับทิมนึ่งแกล้มผัก กับน้ำจิ้มแจ่วปลาร้าก็มีวิธีทำที่ไม่ได้ยุ่งยากเลยค่ะ โดยแบ่งวิธีการทำแยกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกการหมักปลาแล้วนำไปนึ่งกับผักที่ชื่นชอบ และส่วนที่ 2 การทำน้ำจิ้มแจ่วปลาร้ารสเด็ดสไตล์อีสานแท้ๆ อย่ารอช้าเรามาดูขั้นตอนการทำเมนูนี้กันเลยค่ะ

ขั้นตอนวิธีการทำเมนูปลาทับทิมนึ่งแกล้มผัก

  1. ทำการดับกลิ่นเหม็นคาวปลาก่อน เพราะปลาทุกชนิดต้องมีกลิ่นคาวอยู่แล้ว แต่จะมีกลิ่นคาวมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของปลา การดับกลิ่นเหม็นคาวสามารถทำได้ โดยใช้น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู ผสมกับเกลือ แล้วนำมาทาบนตัวของปลา จะช่วยดับกลิ่นเหม็นคาวได้ และยังทำให้เนื้อปลาไม่แตกหรือเละอีกด้วยค่ะ จากนั้นให้ล้างด้วยน้ำเปล่าออก และอย่าลืมล้างผักที่จะนำไปนึ่งด้วยน้ำเกลือนะคะ
  2. เริ่มต้นหมักปลา โดยการโขลกตะไคร้ เกลือสำหรับหมักปลา และกระเทียมรวมกันจนละเอียด ใส่น้ำปลาตามลงไป คนผสมกัน แล้วนำไปทาให้ทั่วตัวปลาทั้งผิวด้านนอกและภายในท้องปลาหมักไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 1 ชั่วโมง
  3. ตั้งหม้อนึ่งโดยให้ใช้ไฟที่แรงพอให้น้ำเดือดจัดๆ แล้วนำสมุนไพรอย่างตะไคร้หั่นท่อน ใบมะกรูด ข่าซอยใส่ลงในท้องปลาที่หมักไว้ วิธีนี้ช่วยดับกลิ่นเหม็นคาวได้ในขณะที่กำลังนึ่ง และยังทำให้ปลามีกลิ่นหอมสมุนไพรอีกด้วยค่ะ
  4. ใส่ปลาเรียงลงในซึ้งนึ่ง ตามด้วยการเรียงผักสดที่ต้องการนึ่งลงรอบ ๆ ตัวปลา แล้วจึงยกซึ้งนึ่งขึ้นวางบนหม้อต้มที่มีน้ำเดือดแล้ว จากนั้นปิดฝาให้สนิท รอประมาณ 15 นาทีหรือจนเนื้อปลาสุกดี แล้วปิดไฟ (ระหว่างรอเวลาก็ต้องหมั่นเปิดฝาหม้อบ่อย ๆเพื่อให้ไอน้ำที่มีกลิ่นคาวออกไปด้วยค่ะ ปลาจะได้ไม่มีกลิ่นเหม็นคาวค่ะ) 

ขั้นตอนวิธีการทำน้ำจิ้มแจ่วปลาร้า

  1. เริ่มต้นทำน้ำจิ้มแจ่วปลาร้า โดยนำพริกขี้หนูแดง หอมแดง มะเขือเทศสีดา กระเทียมกลีบใหญ่ คั่วในกระทะจนเกรียม
  2. ตำพริกขี้หนูแดง หอมแดง มะเขือเทศสีดา กระเทียมกลีบใหญ่ที่คั่วแล้ว รวมกันให้ละเอียดดี แล้วใส่มะเขือเทศตำให้เข้ากัน
  3. ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา น้ำปราร้า น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ แล้วชิมให้ได้รสพอดี
  4. ตักปลาใส่จานเคียงด้วยผักนึ่งหรือผักลวกต่าง ๆ เสิร์ฟคู่กันกับน้ำจิ้มแจ่วปลาร้า

สำหรับเมนูปลาทับทิมนึ่งแกล้มผักนี้ ให้พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภคประมาณ 136.58 กิโลแคลอรี, โปรตีนประมาณ 20.39 กรัม, ไขมัน 1.50 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 8.40 กรัม และไฟเบอร์ 1.89 กรัม นอกจากที่อร่อยแล้วยังมีประโยชน์อีกด้วย สำหรับคนรักสุขภาพไม่ควรพลาดเมนูนี้นะคะ

Categories
อาหารสุขภาพ

บะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่ ไขมันต่ำ พร้อมน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด

บะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่
บะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่

ปัจจุบันเทรนด์สุขภาพกำลังมาแรงจนฉุดไม่อยู่ ส่งผลให้ความนิยมในการบริโภคอาหารคลีนก็เหมือนจะยิ่งมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ซึ่งสาเหตุหลักอาจเป็นเพราะคนทั่วโลกเริ่มตระหนักว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ และปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เริ่มแย่ลงทุกวันอย่างเช่นปัญหาทางอากาศ ปัญหาเรื่องอาหารการกินที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้อาหารคลีนถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ที่จะช่วยส่งเสริมให้สุขภาพร่างกายของเราทุกคนดีขึ้น หรือบางคนที่กำลังวางแผนลดน้ำหนัก ฟิตหุ่น หรือเพิ่มน้ำหนักด้วยการกินอาหารคลีน ก็ต้องมีวินัยในการกินให้ดี ซึ่งการกินที่เหมาะสมควรกินสิ่งที่ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารและพลังงานเพียงพอเพื่อเผาผลาญอย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างการเลือกกินเนื้อสัตว์อย่างอกไก่หรือเนื้อปลา เลือกสรรไขมันดี และจำเป็นต้องบอกลา เนย นมวัว ชีส และใช้น้ำมันในการปรุงอาหารให้น้อยที่สุด 

จะเห็นได้ว่าการกินคลีนจะให้ความสำคัญในการเลือกวัตถุดิบส่วนผสมมาก ดังนั้นวันนี้เราจึงได้จัดสรรหาเมนูที่มีส่วนผสมที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกายมาฝากทุกคนอย่างเมนูบะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่ พร้อมน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด เมนูไขมันต่ำที่อุดมไปด้วยสารอาหาร แถมยังอร่อยและแซ่บถึงใจ จะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้างตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูบะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่

ปัจจัยที่ส่งเสริมให้สุขภาพดีขึ้น นาทีนี้คงหนีไม่พ้นอาหารเพื่อสุขภาพ หรืออาหารคลีนที่เป็นอีกหนึ่งเทรนด์มาแรงของคนยุคใหม่ที่เริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น เมนูบะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารคลีน เพราะมีส่วนผสมที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งวัตถุดิบส่วนผสมที่ใช้ทำนั้นจะเลือกเนื้อสัตว์อย่างเนื้อไก่ควรเลือกเนื้อส่วนอกไก่จะดีที่สุดค่ะ และเลือกใช้เส้นบะหมี่หยกอบแห้ง ตราเมนดาเกะ เพราะเส้นบะหมี่ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพดี ผสมสาหร่ายสไปรูไลน่า ซึ่งเป็นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งราดหน้่า สปาเก็ตตี้ ยากิโซบะ ผัดไทก้ามปู หรือขาห่านอบหม้อดิน หรือนำมาประกอบอาหารเจ หรือมังสวิรัติตามต้องการ ที่สำคัญหาซื้อได้ง่ายตามห้างหรือร้านค้าทั่วไป สำหรับความพิเศษของเมนูบะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่ที่เรานำมาฝากนี้คือเราจะทำลูกชิ้นไก่เอง เพื่อจะได้เลือกวัตถุดิบที่ดีประโยชน์ โดยมีส่วนผสมทั้งหมดดังต่อไปนี้

วัตถุดิบและส่วนผสมบะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่

  1. เนื้ออกไก่บด 1 กิโลกรัม
  2. พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  3. เกลือ 1 ช้อนชา
  4. ผงกระเทียมป่น 1 ช้อนชา (หรือจะใช้กระเทียมสดตำละเอียดก็ได้ค่ะ)
  5. เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
  6. ผักลวกและผักสดตามความชอบ เช่น กะหล่ำปลี ผักกาด คะน้า ถั่วงอก เป็นต้น
  7. ต้นหอมซอย 1 ต้น
  8. บะหมี่หยกเมนดาเกะ 1 ห่อ
  9. พริกป่นใส่ได้ตามความชอบ
  10. ข้าวคั่ว 1 ช้อนชา
  11. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
  12. ซีอิ้วขาว 2 ช้อนชา
  13. งาขาวคั่ว 1 ช้อนชา
บะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่
บะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่

ขั้นตอนวิธีการทำบะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่

สำหรับวิธีทําเมนูบะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่ก็ง่ายมากๆเลยค่ะ แต่จะใช้เสียค่อนข้างนาน โดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาทำลูกชิ้นไก่ เพราะสูตรนี้เราลงมือทำลูกชิ้นไก่เอง เพื่อให้ได้สารอาหารที่มีประโยชน์มากที่สุด ทุกคนสามารถทำทานกันเองที่บ้านได้ วัตถุดิบที่ต้องใช้จากข้างต้นก็หาซื้อง่ายราคาเส้นบะหมี่เมนดาเกะก็ถูกประมาณ 4 ก้อน 27 บาท เป็นอาหารคลีนที่อร่อย แถมยังใช้ต้นทุนต่ำอีกด้วยค่ะ ซึ่งมีขั้นตอนการทำดังนี้

  1. ก่อนอื่นเริ่มต้นทำลูกชิ้นไก่ โดยเตรียมภาชนะสำหรับผสมวัตถุดิบ แล้วนำอกไก่บด พริกไทยป่น เกลือ ผงกระเทียมป่น หรือกระเทียมสดตำละเอียด และเบคกิ้งโซดา ใส่ลงไปในภาชนะ จากนั้นก็นวดให้ส่วนผสมเข้ากัน ซึ่งระหว่างนวดให้ใส่น้ำแข็งลงไปด้วยประมาณ 3 ก้อน แล้วนวดๆบี้ๆจนน้ำแข็งละลายและส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันจนมีเนื้อที่เหนียวขึ้น
  2. นำส่วนผสมที่นวดแล้วไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 3 ชั่วโมง หรือค้างคืนได้ยิ่งดีค่ะ 
  3. เมื่อครบเวลาให้นำออกจากตู้เย็นแล้วนวดต่อให้เนื้อเหนียวหนึบๆ ต่อมาต้นน้ำให้เดือดจัดๆ แล้วหรี่ไฟให้น้ำอ่อนลง ห้ามให้เดือดปุดๆนะคะ จากนั้นปั้นลูกชิ้นไก่หย่อนลงไปในหม้อต้ม พอลูกชิ้นลอยขึ้นประมาณสัก 5 นาทีก็ตักออกแช่น้ำเย็นพักไว้ค่ะ (ลูกชิ้นไก่นี้สามารถทำเก็บแช่ตู้เย็นเอาไว้ทานได้นะคะ)
  4. ต่อมาตั้งหม้อเริ่มลวกบะหมี่หยกเมนดาเกะโดยใช้เวลาประมาร 3-4 นาที โดยคนเป็นครั้งคราว จากนั้นตักออกนำมาจัดใส่จาน ตามด้วยลูกชิ้นไก่ที่ทำไว้ รวมทั้งใส่ผักลวกหรือผักสดที่เตรียมไว้ เพียงแค่นี้ก็ได้บะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่
  5. ทำน้ำจิ้มแจ่ว โดยนำพริกป่น ข้าวคั่ว มะนาว ซีอิ้วขาว งาขาวคั่ว ผสมกันใส่ถ้วยแล้วเสิร์ฟคู่กับบะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่

สำหรับเมนูบะหมี่เมนดาเกะลูกชิ้นไก่เป็นอาหารที่กินแล้วไม่อ้วน และอิ่มท้อง แถมยังมีประโยชน์ต้องร่างกาย เพราะตัวเส้นบะหมี่ไขมันต่ำ ไม่มีโคเลสเตอรอล ไม่ใช้วัตถุกันเสีย ไม่แต่งกลิ่นสังเคราะห์ มีผสมสาหร่ายสไปรูไลน่า และแคลอรี่ต่ำ ส่วนลูกชิ้นไก่ก็มีโปรตีนสูงแต่พลังงานต่ำ ช่วยซ่อมแซมอวัยวะส่วนที่สึกเหรอในร่างกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยในการเจริญเติบโต และที่สำคัญช่วยควบคุมน้ำหนักอีกด้วยค่ะ

Categories
อาหารสุขภาพ

น้ำพริกปลาทูคั่วแห้ง สูตรโบราณ ครบถ้วนด้วยคุณค่าทางอาหาร

น้ำพริกปลาทูคั่วแห้ง
น้ำพริกปลาทูคั่วแห้ง

ใครที่ชื่นชอบน้ำพริกปลาทูไม่ควรพลาดบทความนี้ เพราะวันนี้เรามีอีกหนึ่งสูตรเมนูน้ำพริกมาฝาก ซึ่งสูตรที่เรานำมานี้เป็นน้ำพริกปลาทูคั่วแห้ง สูตรโบราณที่มีประโยชน์ครบถ้วนเต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร แถมทานแล้วไม่อ้วน เหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักด้วยค่ะ อีกทั้งยังเป็นอาหารที่หาทานได้ง่าย แต่บางร้านรสชาติอาจไม่ถูกปากคุณนัก ดังนั้นวันนี้เรามาเริ่มทำเมนูน้ำพริกปลาทูคั่วแห้งไปพร้อม ๆกันเลยค่ะ

หลายคนคงทราบกันดีว่าเจ้าเมนูน้ำพริกนี้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีการปรุงด้วยการนำสมุนไพร พริก กระเทียม หัวหอม เครื่องเทศกลิ่นแรง มาโขก บด รวมกัน อีกทั้งยังสามารถเพิ่มเนื้อสัตว์ใส่ลงไปด้วยก็ได้ค่ะ เมนูนี้ใช้สำหรับเป็นน้ำจิ้ม ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมรับประทานคู่กับผักลวด ผักสด ในปัจจุบันเมนูน้ำพริกได้รับความนิยมอย่างมากมีการนำน้ำพริกชนิดต่าง ๆ มาดัดแปลงเป็นอาหารหลากหลายประเภท รวมถึงนำมาผัดกับข้าว เช่น ข้าวผัดน้ำพริกนรก ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู เป็นต้น

ส่วนผสมหลักของเมนูน้ำพริกปลาทูคั่วแห้ง

เมนูน้ำพริกปลาทูคั่วแห้งมีส่วนผสมในการทำไม่เยอะมากนัก แต่อาจจะมีขั้นตอนการทำที่เยอะ แต่เชื่อเถอะค่ะว่ามันคุ้มค่าในการทำมาก ๆเลยค่ะ สมัยนี้มีร้านขายเมนูนี้จำนวนมาก โดยแต่ละร้านจะมีสูตรที่แตกต่างกันบ้าง แต่วันนี้เราได้นำน้ำพริกปลาทูคั่วแห้ง สูตรโบราณมาแนะนำบอกเลยว่าอร่อยถูกปากใครหลายๆคนแน่นอนค่ะ แถมยังเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารแคลอรี่น้อย ประมาณ 77 กิโลแคลอรี่ และมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายเลยค่ะ

น้ำพริกปลาทู ส่วนใหญ่จะใส่ปลาทูนึ่งเข้าไปตำร่วมด้วย แต่วันนี้เราจะใช้ปลาทูห่อใบตองแล้วนำไปปิ้งเพื่อให้ได้กลิ่นหอม แล้วปรุงรสให้ออกเผ็ด เปรี้ยว เค็ม รับประทานคู่กับผักสด ผักต้ม นานาชนิด ซึ่งมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำดังนี้

วัตถุดิบและส่วนผสมน้ำพริกปลาทูคั่วแห้ง

  1. ปลาทูย่าง 4 ตัว
  2. พริกจินดาสีแดงสด 20-25 เม็ด
  3. พริกหยวก 5 เม็ด
  4. หัวหอม 5 หัว
  5. กระเทียมกลีบใหญ่ 10 กลีบ
  6. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลทราย  ½  ช้อนโต๊ะ
  8. ใบตองสำหรับห่อปลาทู
  9. ไม้จิ้มฟัน (เอาไว้กลัดใบตอง)
  10. น้ำมันพืช
  11. ต้นหอม 1 ต้น
  12. ผักแกล้มตามความชอบ
น้ำพริกปลาทูคั่วแห้ง
น้ำพริกปลาทูคั่วแห้ง

ขั้นตอนวิธีการทำน้ำพริกปลาทูคั่วแห้ง

สำหรับเมนูน้ำพริกปลาทูคั่วแห้ง อยู่คู่สำรับของคนไทยมาช้านาน เมนูนี้มีวิธีทำที่ค่อนข้างเยอะ โดยจะใช้การปรุงน้ำพริกให้อร่อยด้วยการใช้ครก เพราะครกเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการปรุงอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ไทย และเชื่อว่าการตำอาหารด้วยครกจะทำให้อาหารอร่อย เพราะการตำจะทำให้รสชาติและสารต่างๆ ในพืชผักที่ถูกตำออกมา ทำให้ได้รสชาติดีกว่าการใช้เครื่องปั่น ซึ่งน้ำพริกปลาทูคั่วแห้งมีขั้นตอนการทำดังนี้

  1. เริ่มต้นด้วยการล้างผักผักแกล้มที่ซื้อมาทั้งหมดผ่านน้ำสะอาด หลังจากล้างผักเรียบร้อยให้ตั้งกระทะโดยใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้กระทะไหม้ แล้วทำการใส่พริกหอมแดงและกระเทียมลงไปคั่วให้สุกหรือให้มีกลิ่นไหม้เล็กน้อย จากนั้นให้นำไปพักไว้ แล้วนำพริกหยวกลงไปคั่วต่อให้สุกเหมือนกัน
  2. จากนั้นนำปลาทูที่ซื้อมาห่อด้วยใบตองแล้วนำไม้จิ้มฟันมาขัดหัวท้ายไว้ แล้วนำไปย่างหรือนำลงจี่ไฟในกระทะ ให้ใบตองไหม้เล็กน้อย โดยจะมีกลิ่นหอมของใบตอง
  3. นำพริกจินดาสีแดงสด กระเทียม และหัวหอมแดงที่คั่วเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาแกะเปลือกเอาส่วนที่ไหม้ออก แล้วแกะพริกหยวกที่คั่วไว้ โดยเอาส่วนเปลือกที่ไหม้ออกเช่นกัน และเอาไส้ของพริกหยวกและเม็ดด้านในออกด้วย หลังจากนั้น แล้วนำไปตำให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันจนเป็นเนื้อละเอียด
  4. เมื่อตำทุกอย่างเข้ากันจนละเอียดดีแล้ว ให้ทำการแกะเนื้อปลาทูที่เราย่างหรือจี่ไว้ โดยแกะเอาเฉพาะส่วนที่เป็นเนื้อปลา จากนั้นนำลงไปตำเข้ากับส่วนผสมที่เตรียมไว้ (ในข้อ4) ให้เข้ากันจนละเอียด
  5. ต่อมาทำการปรุงรสชาติน้ำพริกด้วย น้ำตาลทราย น้ำปลา และมะนาว ให้ได้รสชาติตามความชอบ
  6. เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วให้ตักน้ำพริกปลาทูคั่วแห้งใส่ถ้วย แล้วโรยหหน้าด้วยต้นหอมซอย เพื่อสร้างความหอมและสร้างสีสันให้ดูหน้ารับประทาน

เมนูน้ำพริกปลาทูคั่วแห้งเหมาะสำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนัก เพราะทานแล้วไม่อ้วน และเหมาะสำหรับทุกคน เพราะปลาทูที่เป็นส่วนผสมหลักนี้มีประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยบำรุงสมอง ช่วยให้หลับสนิท และผ่อนคลาย เป็นอาหารช่วยสร้างสมดุลการนอน เพราะมีทริปโตแฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการนอน โดยเมื่อร่างกายต้องการใช้งานจะเปลี่ยนทริปโตเฟนสารเป็นสื่อประสาทที่ชื่อว่า เซโรโทนิน ซึ่งมีส่วนเสริมสร้างฮอร์โมน ช่วยให้หลับลึก รวมถึงเปลี่ยนเป็นสารเมลาโทนินที่ส่งผลให้ง่วงนอน นอนหลับง่าย และทำให้ตื่นนอนด้วยความรู้สึกสดชื่น