สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
ขนมหวานไทย

ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว เมนูขนมไทย อร่อยหอมกลิ่นใบเตย

ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว เมนูขนมไทย อร่อยหอมกลิ่นใบเตย
ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว เมนูขนมไทย อร่อยหอมกลิ่นใบเตย

ถ้าหากพูดถึง “ขนมไทย” บ้านเราทุกคนคงทราบดีว่ามีมากมายหลายเมนู และแต่ละเมนูก็ต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ถือได้ว่าเป็นเสน่ห์ของขนมไทยเลยก็ว่าได้ และหลายคนคงรู้จัก “ข้าวเหนียว” ของไทยดี นอกจากจะนำมารับประทานคู่กับ เมนูอาหารแล้ว ข้าวเหนียวยังสามารถนำมาดัดแปลงทำเป็นอาหาร และขนมได้หลากหลายเมนู ซึ่งวันนี้เราก็นำอีกหนึ่งเมนูขนมไทยที่ทำจากข้าวเหนียวมาฝาก นั่นคือ ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว ขนมไทยโบราณที่มีมานาน โดยการนำเอาข้าวเหนียวมานึ่งและนำเอาใบเตยที่มีความหอมผสมกับกะทิ และน้ำตาลทรายมาเป็นส่วนผสมกวนจนได้ที่ ทำให้ได้สีสันที่งดงาม และยังมีรสชาติหวานมันกลมกล่อม อีกทั้งยังสามารถนำมาสร้างเป็นอาชีพ เพื่อหารายได้เสริมค่ะ ส่วนจะมีวัตถุดิบและขั้นตอนการทำขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้วเป็นอย่างไร ทำอย่างไรให้อร่อยในแบบฉบับขนมไทย ตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว

ข้าวเหนียวแก้วใบเตย เป็นอีกหนึ่งขนมไทย สูตรโบราณ รสชาติอร่อย ที่ใช้วัตถุดิบไม่มาก และไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนที่ชอบกินขนมไทย โดยเฉพาะ เมนูข้าวเหนียว และกะทิ ซึ่งข้าวเหนียวแก้ว จะมีสีสันที่สดใสกว่าข้าวเหนียวมูน อีกทั้งยังมีรสหวานมันกลมกล่อม กลิ่นหอม เป็นขนมไทย อีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาด โดยมีวัตถุดิบที่หาซื้อได้ง่ายๆ ตามท้องตลาดทั่วไป ดังนี้

ส่วนผสมสำหรับทำขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว

  1. กะทิสด 1 กิโลกรัม
  2. ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
  3. น้ำตาล  1½  กิโลกรัม
  4. เกลือ 2 ช้อนชา
  5. สารส้มป่นละเอียด ½ ช้อนชา
  6. น้ำใบเตยคั้นข้นๆ (ใบเตยหั่นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย ปั่นกับน้ำ ½ ถ้วย) ¼ ถ้วย
  7. งาขาวคั่ว 1 ถ้วย
ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว เมนูขนมไทย อร่อยหอมกลิ่นใบเตย
ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว เมนูขนมไทย อร่อยหอมกลิ่นใบเตย

ขั้นตอนวิธีการทำขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว

หลังจากที่เราได้เตรียมส่วนผสมสำหรับทำขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้วเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องลงมือทำแล้ว ซึ่งสูตรนี้เป็นสูตรโบราณที่มีวิธีทำที่ค่อนข้างง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่หัดทำครั้งแรก หรือคนที่ชื่นชอบการทำขนมไทยก็สามารถนำสูตรนี้ทำได้นะคะ โดยมีขั้นตอนวิธีทำ ดังนี้

วิธีทำข้าวเหนียวแก้วใบเตย

  1. เริ่มเตรียมกระทงใบเตยสำหรับใส่ขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้ว โดยเลือกใบเตยที่มีความกว้างประมาณ 1 นิ้ว ใช้ใบที่ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป แล้วใช้กรรไกรหรือมีดตัดใบเตยให้ยาวชิ้นละประมาณ 15 ซม. จากนั้นตัดแบ่งเป็น 5 ส่วนเท่าๆกัน (ตัดจากขอบใบถึงเส้นกลางใบ) แล้วนำใบเตยสอดขัดกันให้เป็นกระทงทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เย็บตรงมุมกระทงด้วยด้ายสีเขียวให้กระทงยึดติดกัน เรียงใส่ถาดประมาณ 30 กระทง เตรียมไว้
  2. เตรียมข้าวเหนียว โดยเริ่มจากล้างซาวข้าวเหนียว 2 ครั้ง แล้วนำไปแช่น้ำให้น้ำสูงจากข้าวประมาณ 3 ซม. จากนั้นใส่สารส้ม คนให้ละลาย แช่ข้าวเหนียวอย่างน้อย 3 ชั่วโมงขึ้นไป (สารส้มจะช่วยให้ข้าวเหนียวสุกใสเป็นเงา) เมื่อแช่ข้าวเหนียวจนครบตามเวลาให้เทน้ำที่แช่ข้าวแล้วล้างข้าวผ่านน้ำหลายๆครั้งอย่างเบามือจนกว่าน้ำจะใส ใส่ข้าวเหนียวลงในกระชอนพักให้สะเด็ดน้ำ 
  3. จากนั้นเริ่มทำข้าวเหนียวมูนโดยใส่น้ำในหม้อลังถึงประมาณ ¾  ของลังถึง ยกขึ้นตั้งบนไฟกลางจนน้ำเดือด จึงใส่ข้าวเหนียวที่พักไว้ลงในชั้นลังถึงที่ปูผ้าขาวบางที่ชุบน้ำหมาด ตลบชายผ้าขาวบางขึ้น นำไปนึ่งบนหม้อน้ำเดือดจนสุก แล้วนึ่งไว้ประมาณ 30 นาทีหรือจนกว่าจะสุก จากนั้นใส่ข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆลงในอ่างผสม ใส่หัวกะทิ คนให้ทั่ว แล้วปิดฝา รอจนข้าวเหนียวดูดน้ำกะทิจนเมล็ดข้าวเป็นเงามัน พักไว้ให้เย็น
  4. ใส่น้ำตาล และเกลือลงในอ่างผสมข้าวเหนียวมูนที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากันทั่ว แล้วใส่ลงในกระทะทอง ยกขึ้นตั้งบนไฟอ่อน กวนนานประมาณ 15 นาที ใส่น้ำใบเตย กวนต่อพอเหนียวเป็นยางมะตูม ข้าวเหนียวจับตัวกันดี ปิดไฟ แล้วยกลง
  5. ตักข้าวเหนียวใบเตยใส่กระทงใบเตยที่เตรียมไว้ จากนั้นโรยหน้าด้วยงาขาวคั่ว แล้วจัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลยค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะทุกคน สำหรับสูตรขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้วที่เรานำมาฝาก นอกจากสีสันที่สดใส รสราติอร่อยหวานมันกลมกล่อม หอมกลิ่นใบเตยแล้ว ยังสามารถนำไปทำเป็นอาชีพเสริมได้ อีกทั้งยังถือว่าเป็นการอนุรักษ์ความเป็นไทยอีกด้วย แนะนำเพิ่มเติมหากไม่มีสารส้มจะใช้น้ำที่ผสมปูนแดงหรือปูนขาวแทนก็ได้ค่ะ และก่อนนึ่งให้ล้างน้ำจนกว่าน้ำจะใส เพื่อป้องกันรสเฝื่อน นอกจากนี้สามารถทำเป็นข้าวเหนียวแก้วสีอื่นๆได้ โดยเลือกใช้ได้ทั้งสีจากธรรมชาติและสีผสมอาหาร อย่างเช่นข้าวเหนียวแดง ที่ใช้น้ำตาลปี๊บในการทำสีแดง สำหรับใครที่กำลังอยากลองทำขนมข้าวเหนียวใบเตยแก้วอย่าลืมนำสูตรที่เราแนะนำไปลองทำกันนะคะ

Categories
ขนมหวานไทย

ผลไม้รสหวาน มะยงชิดลอยแก้ว เย็นสดชื่นอมเปรี้ยวนิดๆ

มะยงชิดลอยแก้ว
มะยงชิดลอยแก้ว

ใคร ๆก็ทราบกันดีว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ยิ่งประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึงกลางเดือนพฤษภาคม นี่ถือว่าเป็นช่วงฤดูร้อนของบ้านเราเลย ยิ่งสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น อาจทำให้ใครหลายๆคนเหงื่อออกง่ายจนเหนียวตัวทำไห้ร่างกายไม่สดชื่น ซึ่งการคลายร้อนที่ดีที่สุดอีกหนึ่งทางเลือกคือเครื่องดื่ม และของหวาน ดังนั้นวันนี้เราจึงมีเมนูคลายร้อนมาแนะนำทุกคนอย่างเมนูมะยงชิดลอยแก้ว เมนูของหวานแสนอร่อยที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนๆ แถมวิธีทำก็ง่ายมากๆเลยค่ะ 

มะยงชิดที่ใช้ทำเมนูนี้จะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ซึ่งในประเทศไทยมีแหล่งผลิตมะยงชิดพันธุ์ดีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งคือจังหวัดพิจิตร โดยผลผลิตมะยงชิดของจังหวัดพิจิตรเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะผลใหญ่ เนื้อแข็ง และมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย เหมาะที่จะใช้สำหรับทำเมนูมะยงชิดลอยแก้วค่ะ อย่ามัวช้า!! เรามาดูวิธีทำมะยงชิดลอยแก้ว กันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูมะยงชิดลอยแก้ว

มะยงชิด เป็นผลไม้หน้าร้อนที่ดีต่อสุขภาพ ด้วยความที่มันเป็นผลไม้สีเหลืองอมส้ม มีลักษณะเป็นรูปวงรีคล้ายไข่ไก่ และมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ผู้ประกอบการจึงนิยมนำมาแปรรูปมากมาย อีกทั้งมะยงชิดเป็นผลไม้ที่ขายได้ราคาค่อนข้างสูง เพราะหากินได้ยากเนื่องจากมะยงชิดจะออกผลปีละ 1 ครั้งเท่านั้น นาน ๆทีเราถึงจะได้ลิ้มรสเจ้าผลไม้ชนิดนี้ จึงไม่แปลกที่หลายๆคนจะชื่นชอบและรีบหาซื้อมารับประทานกัน สำหรับส่วนผสมของเมนูมะยงชิดลอยแก้วมีไม่มากเลยค่ะ แต่ก่อนที่จะไปดูวัตถุดิบส่วนผสม เรามาดูวิธีการเลือกผลไม้มะยงชิดสำหรับมะยงชิดลอยแก้วกันก่อนดีกว่าค่ะ

วิธีการเลือกมะยงชิด

  1. เลือกผลที่มีสีเหลืองอมส้มประมาณ 80เปอร์เซ็นต์ และมีสีเขียวตรงขั้วเล็กน้อย
  2. เลือกผลที่มีรอยด่าง รอยโรค หรือแมลงน้อย ๆ
  3. เลือกแบบที่สุกพอดี ไม่ควรเลือกแบบสุกจนเกินไปเพราะเนื้อจะเละ ช้ำ ไม่อร่อย
  4. เลือกแบบรสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อแน่น มียางเพียงเล็กน้อย

วัตถุดิบและส่วนผสมเมนูมะยงชิดลอยแก้ว

  1. มะยงชิด 8-10 ลูก 
  2. น้ำสะอาด 1 ลิตร  
  3. น้ำตาล 250 กรัม  
  4. เกลือ 1 ช้อนชา  
  5. ใบเตย 2-3 ใบ  
มะยงชิดลอยแก้ว
มะยงชิดลอยแก้ว

ขั้นตอนวิธีการทำมะยงชิดลอยแก้ว

สำหรับวิธีทำเมนูของหวานมะยงชิดลอยแก้ว ก็ง่ายมากๆเลยค่ะ สามารถทำทานเองได้ที่บ้าน โดยมีขั้นตอนการทำดังต่อไปนี้

  1. นำมะยงชิดไปล้างด้วยน้ำเกลือ เพื่อล้างยางออก จากนั้นปอกเปลือกมะยงชิด เตรียมไว้ โดยใช้วิธีปอกมะยงชิดดังนี้
  • เริ่มลงมือจากกึ่งกลางของก้นมะยงชิด โดยใช้คมมีดปาดพยายามให้บางที่สุด ไล่ไปเรื่อย ๆ จนถึงหัว ที่สำคัญอย่าให้เปลือกขาดจากกันในตอนปาด เพื่อริ้วที่สวยงามคะ
  • พอถึงตอนคว้านมะยงชิดเพื่อเอาเม็ดออก เริ่มทางกลับกันคือเริ่มจากหัวแทน ล้วงมีดเข้าไปคว้านรอบๆ เม็ดด้านในให้ทั่ว แล้วบั้งปลายเพื่อดันเม็ดออกมา เท่านี้ก็จะได้มะยงชิดสวยๆ แบบไร้เม็ดแล้วค่ะ
  1. ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ใส่ใบเตยลงไป จากนั้นให้ปรุงรสด้วยเกลือป่น น้ำตาลทราย รอจนน้ำตาลละลาย ปิดไฟและพักไว้จนเย็น
  2. นำมะยงชิดที่เตรียมไว้ใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำเชื่อม เติมน้ำแข็งป่น หรือนำไปแช่ช่องฟรีซ เก็บไว้ทานมื้อถัดไปก็ได้เช่นกันค่ะ

เสร็จไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับเมนูมะยงชิดลอยแก้ว เมนูของหวานคลายร้อน ใครที่ได้กินก็สดชื่น แถมมะยงชิดยังเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์มากมายอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของมะยงชิดมีดังนี้

  1. มีเบต้าแคโรทีนสูง 230 ไมโครกรัม ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระสูง 
  2. มีวิตามินซีค่อนข้างสูง ช่วยบำรุงสายตา 
  3. เป็นผลไม้แคลอรี่ต่ำ 
  4. บำรุงผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่ง อ่อนเยาว์
  5. ระบบขับถ่ายดีเพราะมีกากใยสูง 
  6. อุดมไปด้วยโปรตีนและธาตุเหล็ก ที่จะช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง 
  7. ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  8. มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน 
  9. ลดความเสี่ยงของการเกิดโรค มะเร็ง เบาหวาน ความดัน 
  10. ป้องกันอาการโรคโลหิตจางได้ 
Categories
ขนมหวานไทย

ขนมเปียกปูนข้าวโพด ขนมไทยรสชาติหวานหอมที่ลงตัว

ขนมเปียกปูนข้าวโพด
ขนมเปียกปูนข้าวโพด

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ทำให้ช่วงนี้หลายคนต้องอยู่บ้าน หรือ work from home ซึ่งหลายคนอาจจะเบื่อที่ต้องอยู่บ้านเป็นเวลานาน จึงทำให้เกิดกระแสที่กำลังมากแรงอย่างการทำขนมหวาน บางคนถึงขั้นลงทุนไปเรียนทำขนมกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแก้เบื่อเวลาอยู่บ้าน หรือทำขายหารายได้เสริม ซึ่งเมนูขนมหวานแต่ละเมนูมีความยากง่ายที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะขนมไทยโบราณบางเมนูที่มีขั้นตอนการทำที่ละเอียดอ่อน จึงไม่แปลกที่ส่วนใหญ่ผู้คนจะเลือกซื้อทานมากกว่าทำกินเอง แต่หากใครที่กำลังมองหากิจกรรมทำระหว่างอยู่บ้าน แถมยังอาจสร้างรายได้ให้คุณได้อีกด้วย เราขอแนะนำให้ลองทำขนมไทยโบราณอย่างเมนูขนมเปียกปูนข้าวโพด ซึ่งเป็นขนมไทยโบราณรสหวานหอม ที่หาซื้อรับประทานได้ง่ายในปัจจุบัน แถมวัตถุดิบยังหาได้ง่าย และมีวิธีทำไม่ยุ่งยากเลยค่ะ จะทำกินเองหรือทำให้คนในครอบครัวกินก็ได้ค่ะ หรือจะลองทำขายในช่วงนี้ก็เป็นไอเดียที่ดีเลยค่ะ อีกทั้งเมนูขนมไทยนี้ยังเหมาะสำหรับเลี้ยงในงานบุญต่าง ๆเช่น งานบวช งานแต่ง งานบุญขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น โดยสูตรที่เรานำมาแนะนำนี้เป็นสูตรจาก คุณแม่หญิงแพรวา ที่สามารถทำตามได้ง่ายไม่ยุ่งยากเลยค่ะ แถมยังทำออกมาให้มีลักษณะที่น่ารัก ชวนน่ารับประทานมาก ๆเลยค่ะ จะมีวิธีทำอย่างไรบ้าง ตามเรามาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูขนมเปียกปูนข้าวโพด

เมืองไทยเราจะมีผลไม้ตามฤดูกาลที่หลากหลายรวมทั้งมะพร้อมที่เป็นส่วนผสมที่สำคัญในการทำเมนูของหวานไทยโบราณ ขนมเปียกปูน จัดเป็นเมนูที่ดัดแปลงมาจากขนมกวนหรือกาลาแม เป็นขนมไทยโบราณอีกชนิดหนึ่งที่ยังหาทานได้ในปัจจุบัน ซึ่งขนมเมนูนี้มีหลากหลายรสชาติ เช่น ขนมเปียกปูนใบเตย ขนมเปียกปูนฟักทอง โดยวันนี้เราขอนำเสนอสูตรขนมเปียกปูนข้าวโพด ขนมเนื้อนิ่มๆ สีเหลืองรองด้วยมะพร้าวขูดขาว ราดหน้าด้วยกะทิสด ทำให้ขนมหวาน มัน อร่อย น่าลิ้มลอง อย่ารอช้า! ตามเรามาดูวัตถุดิบส่วนผสมและวิธีทำกันเลยค่ะ

วัตถุดิบและส่วนผสมเมนูขนมเปียกปูนข้าวโพด

  1. กะทิเรียลไทย 1 ½ ถ้วยตวง
  2. ข้าวโพด 350 กรัม 
  3. น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง
  4. แป้งข้าวเจ้า 80 กรัม 
  5. แป้งเท้ายายม่อม 40 กรัม 
  6. แป้งถั่วเขียว 15 กรัม 
  7. น้ำตาลปิ๊บ 100 กรัม 
  8. น้ำตาลทราย 40 กรัม 
  9. เกลือป่น ½ ช้อนชา 
  10. มะพร้าวขูดขาว 

วัตถุดิบและส่วนผสมสำหรับทำกะทิราดหน้า

  1. กะทิเรียลไทย (ขวดเล็ก) 1 ขวด 
  2. เกลือป่น ½ ช้อนชา 
  3. แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ 
  4. ใบเตย 3 – 4 ใบ  
ขนมเปียกปูนข้าวโพด
ขนมเปียกปูนข้าวโพด

ขั้นตอนวิธีการทำขนมเปียกปูนข้าวโพด

สำหรับวิธีทำเมนูขนมไทยอย่างขนมเปียกปูนข้าวโพด ก็ง่ายมาก ๆเลยค่ะ ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนขนมไทยโบราณชนิดอื่นๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดทำ หรือมือเก่าที่เคยทำมาแล้วก็สามารถทำตามสูตรที่เรานำมาแนะนำได้เลยค่ะ ซึ่งสูตรที่เรานำมาจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยแต่ละส่วนมีขั้นตอนการทำดังต่อไปนี้

ส่วนที่1: ทำเปียกปูนข้าวโพด

  1. เริ่มด้วยการผสมน้ำปูนใส ข้าวโพด และกะทิเรียลไทย นำไปใส่เครื่องปั่น แล้วปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำไปกรองด้วยผ้าขาวเตรียมไว้
  2. เทน้ำข้าวโพดผสมกับแป้งข้าวจ้าว แป้งท้าวยายม่อม แป้งถั่วเขียว น้ำตาลทราย และน้ำตาลปี๊บ แล้วคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
  3. นำกระทะขึ้นตั้งไฟกลาง แล้วกวนจนส่วนผสมเริ่มข้น ปรับเป็นไฟอ่อน จากนั้นกวนต่ออีกจนแป้งสุก  

ส่วนที่ 2 : ทำน้ำกะทิสำหรับราดหน้า

  1. เทกะทิเรียลไทย ตามด้วยเกลือ แป้งข้าวเจ้า และใบเตยลงในหม้อต้ม ตั้งไฟกลาง แล้วคนจนกะทิข้นขึ้นแล้วยกลงจากเตา พักไว้

ส่วนที่ 3 : บีบไส้ พร้อมจัดเสิร์ฟ

  1. ตักเปียกปูนข้าวโพดใส่ถ้วย หรือใส่ถุงบีบแล้วบีบใส่ถ้วยเล็กๆที่รองด้วยมะพร้าวขูดขาวเตรียมไว้
  2. นำน้ำกะทิที่ทำไว้มาราดบนขนมเปียกปูนข้าวโพด หรือถ้าต้องการเพิ่มความสวยงามก็โรยด้วยงาขาว เพียงเท่านี้ก็จะได้ “เปียกปูนข้าวโพด” ที่น่ารับประทานและพร้อมจัดเสิร์ฟแล้วค่ะ

เป็นยังไงกันบ้างคะทุกคน? สำหรับเมนูขนมเปียกปูนข้าวโพด เนื้อนุ่ม หวาน มัน อร่อย แถมยังมีลักษณะที่น่ารัก สีสันน่ารับประทาน วิธีทำไม่ได้ยากเลยใช่ไหมคะ? จะทำรับประทานเอง หรือทำทานพร้อมกับครอบครัวด้วยก็ได้ค่ะ เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมไทยที่ทำขายก็ปัง ได้กำไรแน่นอนค่ะ และที่สำคัญหาซื้อส่วนผสมได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไปเลยค่ะ

Categories
ขนมหวานไทย

ขนมไข่ปลาฟักทอง ขนมไทยโบราณหาทานยาก อร่อยนุ่มหนึบ

ขนมไข่ปลาฟักทอง
ขนมไข่ปลาฟักทอง

หากใครเคยไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดแถบสุพรรณบุรี อ่างทอง อาจจะเคยเห็นขนมไข่ปลา ซึ่งเป็นขนมไทยสไตล์พื้นบ้านในแถบจังหวัดที่มีการปลูกต้นตาล และหลายคนอาจจะเคยซื้อชิมมาแล้วบ้าง เจ้าขนมชนิดนี้ถือจะมีชื่อที่แปลกเหมือนอาหารคาว แต่ความจริงแล้วมันคือขนมหวานที่อร่อยมาก ๆค่ะ โดยขนมไข่ปลามีจุดเด่นที่รูปทรงที่มีเอกลักษณ์เป็นวงกลมและมีเส้นไขว้พาดกันคล้ายรูปล้อเกวียน แถมยังมีกลิ่นหอมเนื้อตาลประกอบกับความเหนียวนุ่ม หวาน มัน เค็ม กำลังดี ด้วยเหตุนี้ขนมไข่ปลาจึงอร่อยถูกใจผู้ที่ได้ลิ้มลอง บอกเลยว่าอร่อยไม่แพ้ขนมไทยเมนูอื่น ๆเลยค่ะ อีกทั้งขนมนี้ยังเหมาะสำหรับทำเลี้ยงรับรองแขก ใช้เป็นขนมถวายพระในงานบุญ หรือทำเป็นอาชีพก็ได้ ด้วยความที่มีลักษณะเป็นสีเหลือง คล้ายกับสีทองคำ มีรูปร่างที่คล้ายวงกลมหรือวงจักร จึงทำให้ได้อีกชื่อหนึ่งว่า ขนมกงเกวียน มีความหมายถึงการหมุนไปข้างหน้า หรือการก้าวไปข้างหน้า เช่นเดียวกับพระธรรมจักรจึงจัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งขนมไทยมงคลที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ

ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีทำขนมไข่ปลามากฝากทุกคน แต่ช่วงนี้เนื้อตาลหาซื้อยากมากเลยค่ะ เราจึงขอประยุกต์ใช้ฟักทองแทน เพราะหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป ขนมไข่ปลาฟักทองมีขั้นตอนในการทำขนมที่ง่ายไม่ยุ่งยากเลยค่ะ จะมีส่วนผสมและขั้นตอนอร่อยไรบ้างตามเรามาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูขนมไข่ปลาฟักทอง

ขนมกง หรือ ขนมไข่ปลา เป็นขนมพื้นเมืองชนิดหนึ่งของทางพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย แถบจังหวัดสมุทรสาครที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียวหรือแป้งสาลี และเนื้อลูกตาลมาใช้เป็นส่วนผสม เพราะมันมีเนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม หวานกำลังดี แต่ในปัจจุบัน หาทานค่อนข้างยากมากเลยค่ะ ดังนั้นวันนี้เราจะดัดแปลงทำเป็นขนมไข่ปลาฟักทอง โดยสูตรนี้จะเป็นการนำฟักทองมาประยุกต์ใช้แทนเนื้อลูกตาล ซึ่งมีส่วนผสมดังต่อไปนี้

วัตถุดิบและส่วนผสมขนมไข่ปลาฟักทอง

  1. ฟักทองสุกบด 330 กรัม
  2. แป้งข้าวเหนียว 250 กรัม
  3. แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม
  4. แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ 
  5. น้ำกะทิ 1 ถ้วยตวง
  6. เกลือป่น ½  ช้อนชา
  7. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผสมแป้ง)
  8. น้ำตาลทราย 500 กรัม
  9. น้ำเปล่า 800 มิลลิลิตร
  10. ใบเตย 6 ใบ
  11. งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
  12. มะพร้าวทึนทึกขูด 60 กรัม
ขนมไข่ปลาฟักทอง
ขนมไข่ปลาฟักทอง

ขั้นตอนวิธีการทำขนมไข่ปลาฟักทอง

เมนูขนมไทยโบราณอย่างขนมไข่ปลา แต่วันนี้เรามีสูตรการทำขนมไข่ปลาฟักทองมาชวนทุกคนทำตามกัน ซึ่งหลายคนอาจเคยลิ้มลองรสชาติกันมาบ้างแล้ว สมัยนี้หาซื้อทานยากมาเลยค่ะ เพราะส่วนใหญ่สูตรและวิธีทำขนมไทยนั้นค่อยข้างมีความละเอียดและซับซ้อน หลายคนจึงเลือกหาซื้อกินดีกว่า แต่เรามีขั้นตอนการทำขนมไข่ปลาฟักทองที่ทำง่ายไม่ยุ่งยาก สามารถทำทานเองได้ที่บ้าน โดยมีขั้นตอนการทำดังต่อไปนี้ 

วิธีทำขนมไข่ปลาฟักทอง

  1. เริ่มแรกปอกเปลือกฟักทอง แล้วหั่นเป็นชิ้นและล้างให้สะอาดใส่จาน จากนั้นนำไปนึ่งให้สุก 
  2. เมื่อฟักทองสุกดีแล้ว ให้นำลงภาชนะแล้วบดให้เละ และพักไว้ให้เย็น
  3. หลังจากฟักทองเริ่มเย็นตัวแล้ว ให้ผสมฟักทองกับแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน เกลือ น้ำตาลทราย หลักจากนั้นคลุกให้เข้ากัน
  4. หลังจากนั้นนำน้ำใส่หม้อต้ม ตามด้วยน้ำตาลทราย และใบเตย ตั้งด้วยไฟปานกลางจนหอมใบเตยจึงตักออก (หรือจะยังไม่ตักออกก็ได้ค่ะ)
  5. ระหว่างรอน้ำเชื่อมเดือด ให้ปั้นแป้งที่ผสมในข้อ 3 ให้เป็นรูปไข่ปลาสลิดเตรียมไว้ (หรือจะปั้นไปต้มไปก็ได้ค่ะ)
  6. เมื่อปั้นแป้งเสร็จแล้ว ให้นำแป้งที่ปั้นลงต้มในน้ำเชื่อมที่เดือด แล้วรอจนตัวไข่ปลาลอย จึงตักขึ้นใส่ถาดสแตนเลส พักไว้ให้เย็น
  7. จัดใส่จานเสิร์ฟ พร้อมโรยมะพร้าวทึนทึกขูด และงาขาวคั่ว (มะพร้าวทึนทึกควรคลุกกับเกลือเล็กน้อยก่อนนำไปโรยหน้าขนม)

จบไปแล้วสำหรับวิธีทำขนมไข่ปลาจากฟักทอง ขนมไทยโบราณที่เป็นที่รู้จักของคนรุ่นหลัง เป็นอีกหนึ่งขนมหวานที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันอนุรักษ์ พัฒนารูปแบบ เพิ่มช่องทางการขาย และประชาสัมพันธ์ช่วยให้ขนมไข่ปลากลับมาเป็นที่นิยมได้อีกครั้งค่ะ แถมยังมีรสชาติที่อร่อย เหนียวนุ่ม หวาน มัน เค็ม กำลังดี ถูกปากคนไทยแน่นอนค่ะ

Categories
ขนมหวานไทย

ขนมกรวยโบราณ แป้งนุ่ม อร่อยหวานมัน หอมกลิ่นกะทิ

ขนมกรวยโบราณ
ขนมกรวยโบราณ

สาวกขนมหวานไม่ควรพลาดกับเมนูขนมกรวยโบราณ เป็นขนมไทยที่มีชื่อตามลักษณะของขนมที่ได้นำเอาขนมใส่ลงในกรวยใบตองแล้วนึ่งให้สุก หรืออาจจะเรียกตามส่วนผสมที่ใส่ในกรวยก็ได้ เช่น ขนมฟักทอง ขนมเผือก ขนมกล้วยและอีกอย่างคือขนมถ้วยหน้ากะทิ ถึงแม้ว่าขนมถ้วยจะนำไปนึ่งใส่ในถ้วย แต่เมื่อใดที่ขนมถูกนำไปนึ่งใส่กรวยก็จะเรียกว่าขนมกรวยได้เช่นกัน 

ขนมกรวย เป็นขนมไทยโบราณที่ชาวไทยพุทธและมุสลิมนิยมทํารับประทานกันมากในสมัยก่อน ส่วนในปัจจุบันขนมชนิดนี้เริ่มหารับประทานได้ยาก คนรุ่นใหม่อาจจะไม่ค่อยรู้จักกันสักเท่าไรนัก แต่มันมีวิธีการทำที่ง่ายมาก ๆเลยค่ะ รสชาติความหวานจากตัวขนม ตัดกับรสเค็มจากหน้าขนม แถมอร่อย หวาน มัน หอมกลิ่นกะทิ ถูกปากใครหลายๆคนแน่นอนค่ะ ขนมกรวยจึงเป็นอีกหนึ่งขนมไทยโบราณที่ควรส่งเสริมมุ่งเน้นให้อนุรักษ์ไว้ ส่วนจะมีขั้นตอนวิธีทำอย่างไรบ้าง ตามเรามาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูขนมกรวยโบราณ

ขนมกรวยโบราณ เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมไทยมีส่วนผสมและขั้นตอนวิธีทำที่ไม่ได้ยุ่งยากนัก โดยขนมชนิดนี้มีส่วนประกอบที่เป็นส่วนผสมหลัก 3 ชนิด คือ แป้ง น้ำตาล และมะพร้าว ซึ่งเป็นส่วนผสมที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป แถมยังใช้ต้นทุนต่ำ ลักษณะของขนมชนิดนี้จะมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นตังขนมที่ทําจากแป้งข้าวจ้าว แป้งมัน แป้งข้าวโพด และน้ำตาลทราย และส่วนที่เป็นหน้าขนม จะประกอบด้วย กะทิ แป้งและเกลือ โดยการหยอดแป้งขนมลงในกรวยใบตองและนําไปนึ่งให้สุก ซึ่งสูตรขนมกรวยที่เรานำมาแนะนำนี้มีวัตถุดิบและส่วนผสมทั้งหมดดังนี้

วัตถุดิบและส่วนผสมสำหรับทำตัวขนม 

  1. แป้งข้าวเจ้า 110 กรัม
  2. แป้งถั่วเขียว 1 ช้อนโต๊ะ 
  3. น้ำตาลปี๊บ 150 กรัม 
  4. เกลือ ½ ช้อนชา 
  5. กะทิ 500 มิลลิลิตร
  6. ใบเตย 2 – 3 ใบ 

วัตถุดิบและส่วนผสมสำหรับสำหรับทำหน้าขนม

  1. แป้งข้าวเจ้า 3 ช้อนโต๊ะ
  2. กะทิ 240 มิลลิลิตร
  3. เกลือ 1 ช้อนชา 
ขนมกรวยโบราณ
ขนมกรวยโบราณ

ขั้นตอนวิธีการทำขนมกรวยโบราณ

สำหรับวิธีทำเมนูขนมกรวยโบราณให้อร่อยชวนน่ารับประทานก็ง่ายมาก ๆเลยค่ะ สูตรที่เรานำมานี้สามารถทำรับประทานได้ 6-8 คนเลยค่ะ แต่ก่อนจะลงมือทำขนมกรวยเราต้องเตรียมกรวยใบตองสำหรับใส่ขนมก่อน ซึ่งมีวิธีทำกรวยใบเตย และขั้นตอนการทำขนมกรวยโบราณดังนี้

วิธีการเตรียมทำกรวยใบตอง

  1. เริ่มแรกตัดใบตองประมาณ 2-4 ก้าน แล้วเช็ดทำความสะอาด จากนั้นทำการฉีกใบตองขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร
  2. ต่อมาตัดแบบด้วยกระดาษเป็นครึ่งวงกลมโดยมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 16.5 เซ็นติเมตร แล้ววางทาบลงบนใบตอง
  3. ตัดใบตองให้เป็นครึ่งกลมตามแบบระดาษครึ่งวงกลมที่เตรียมไว้ แล้วม้วนใบตองที่ตัดแล้วให้เป็นรูปกรวยโดยมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร
  4. เมื่อม้วนเป็นรูปกรวยแล้วเกล็ดด้วยไม้กลัดที่ปากกรวย

ขั้นตอนการทำขนมกรวยโบราณ

  1. ผสมแป้งข้าวเจ้า และแป้งถั่ว ใส่ในภาชนาผสม โดยเติมน้ำลงทีละน้อย แล้วลงมือนวดอย่างน้อย 10 นาที จากนั้นเติม น้ำตาลปี๊บ และน้ำเล็กน้อย นวดต่อไปจนเข้ากันดี แล้วพักไว้ 10 นาที
  2. ทำส่วนหน้าขนมโดยการผสมแป้ง กะทิ และเกลือ แล้วคนให้เข้ากัน
  3. ตั้งลังถึงต้มน้ำให้เดือด อย่าใส่นํ้ามาก เพราะหากน้ำเริ่มเดือด น้ำจะท่วมขนมได้
  4. เสียบกรวยใบตองที่ทำไว้ลงในรูของลังนึ่ง โดยให้เหลือรูว่าง เพื่อให้ไอน้ำพลุ่งขึ้นข้างบนได้ด้วย หยอดแป้งที่ผสมแล้วลงในกรวยประมาณ ¾ ของกรวย แล้วยกขึ้นนึ่งประมาณ 5 นาที จากนั้นหยอดส่วนหน้ากะทิข้างบนปากกรวยให้เต็มกรวยพอดี แล้วนึ่งต่ออีกประมาณ 4 นาที จึงยกลงจากหม้อนึ่ง พักไว้จนขนมเย็นสนิทจึงจัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

เทคนิคเคล็ดลับที่ทำให้ขนมกรวยโบราณอร่อยมากยิ่งขึ้น

  1. ส่วนผสมของแป้งเมื่อผสมแล้วต้องเหลวไม่ข้นมาก
  2. เวลาผสมแป้งค่อยๆ ตะล่อมแป้งให้เข้ากันโดยใช้พายไม้หรือช้อนไม้ช่วย
  3. ตอนนึ่งขนมให้ใส่น้ำ ½  ของลังถึง ถ้าใส่น้ำมาก นอกจากจะเดือดท่วมขนมแล้ว จะทำให้ขนมแฉะ ไม่น่ารับประทานอีกด้วยค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคนสำหรับสูตรการทำขนมกรวยโบราณที่เรานำมาฝาก ขอบอกเลยว่าสูตรนี้เมื่อคุณแกะขนมออกจากห่อใบตองแล้วเนื้อแป้งของขนมจะไม่ติดใบตองแน่นอนค่ะ แถมเนื้อขนมก็สีขาวนวล หอมกลิ่นกะทิ และกลิ่นแป้งอ่อนๆ ยิ่งได้ลิ้มลองรสชาติของขนมที่หวาน มัน เค็มเล็กน้อยก็อร่อย เหมาะสำหรับเสิร์ฟเป็นขนมหวานในหลายๆโอกาส

Categories
ขนมหวานไทย

ทองม้วน ขนมไทย ทำกินเองก็ได้ ทำขายก็ดี

ทองม้วน ขนมไทย ทำกินเองก็ได้ ทำขายก็ดี
ทองม้วน ขนมไทย ทำกินเองก็ได้ ทำขายก็ดี

ทองม้วน ขนมไทย น่าทานที่หลายคนรู้จักกันดี และ ยังหาทานได้ง่าย ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้ แม้ว่า ขนมไทย ชนิดนี้จะมีหลายสูตรมาก แต่ต้องบอกเลยว่า สูตรการทำโดยทั่วไปจะมีความคล้ายคลึงกัน เพียงแต่อาจเพิ่มลดส่วนผสมลงบ้างตามที่ต้องการ เพราะฉะนั้นใครที่อยากทำขนมนี้ ก็สามารถทำได้เลยตามสูตรที่จะนำมาเสนอกันในวันนี้

ทองม้วน ขนมกรอบ กินง่าย รสชาติดี

ใครที่ชื่นชอบ ขนมไทย คุณจะต้องเคยกิน ทองม้วน แน่นอน ขนมชนิดนี้ คุณสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายของฝากทั่วไป และ บางจังหวัดก็มีสูตรเฉพาะด้วย อย่างเช่น ทองม้วนสด ราชบุรี แบบนี้ก็จะไว้ได้ไม่นาน เพราะไม่ใช่ทองม้วนแบบทั่วไปนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้เรามีสูตร ทองม้วน มาฝากกัน เพื่อให้คุณได้ลองทำกันดู

ส่วนผสม และ วิธีทำ ทองม้วน

สำหรับ ส่วนผสมของ ทองม้วน อันนี้จะเป็นส่วนผสมสำหรับผู้ทาน 10-12 คน โดยจะมี แป้งสาลี (แป้งเค้ก) 1 ถ้วยตวง -นํ้าตาลทรายเม็ดละเอียด ๆ 1/2 ถ้วยตวง – , น้ำกะทิข้น  1/2 ถ้วยตวง -น้ำปูนใส 2 ช้อนโต๊ะ -ไข่ไก่ 1 ฟอง -นํ้าเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ -เกลือป่น 1/8 ช้อนชา -งาดำคั่วหรืองาขาว (ตามชอบ) 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันพืชสำหรับทาพิมพ์ สำหรับวิธีทำ จะเริ่มจากการร่อนแป้งสาลีใส่ชาม และ ใส่น้ำตาลลงไป พยายามน้ำตาลกระจายให้เข้ากับแป้ง ทำหลุมตรงกลางแป้งเอาไว้ หลังจากนั้นให้ตีไข่ไก่ให้แตกเข้ากัน หลังจากนั้นผสมกับหัวกะทิ น้ำปูนใส และเกลือคนให้เข้ากัน และ เทลงในหลุมแป้ง ใช้ที่ตีไข่คนให้แป้งค่อย ๆ ตกลงในหลุมนั้น จนแป้งกับเครื่องปรุงเข้ากันดี หลังจากนั้นใส่งา แต่อย่าคนมาก จะทำให้แป้งแข็ง หลังจากนั้น ให้นำพิมพ์ ทองม้วน มาอังไฟโดยใช้ไฟอ่อนจนร้อน และ ใช้ลูกประคบแตะน้ำมันพืชทาพิมพ์ให้ทั่วทั้ง 2 ด้าน อังให้ร้อนและตักแป้งหยอดบนพิมพ์ด้านหนึ่ง และ ปิดพิมพ์บีบให้สนิท แป้งส่วนเกินจะไหลออกมาเอง หลังจากนั้นให้คุณนำพิมพ์ที่หยอดแป้งแล้วอังไฟ พลิกกลับข้างพอเหลือง ก็ยกจากเตาปิ้ง ใช้มีดกรีดส่วนที่อยู่นอกพิมพ์ทิ้งไปเปิดพิมพ์ ใช้ปลายมีดแซะขึ้น และใช้นิ้วชี้มือที่จับมีดกดแผ่นทองม้วนกับมีด ลอกออกจากพิมพ์ วางบนเขียงและม้วนหรือพับทันทีขณะที่ยังร้อนจัด ควรใช้พิมพ์ปิ้งสัก 2 พิมพ์สลับกัน ขณะตักแป้งหยอด คนแป้งบ้าง ถ้าข้นไปต้องเติมน้ำลงทีละน้อย หากแป้งข้นมาก จะหนา

ทองม้วน ขนมไทย แสนอร่อยที่คุณทำเองได้

แม้ว่าวิธีทำจะมาก และต้องอาศัยความชำนาญในการทำด้วย แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าคุณทำได้แล้ว คุณจะชื่นชอบแน่นอน เพราะถ้าคุณทำอร่อยก็สามารถทำเป็นอาชีพเสริม หารายได้เพิ่มด้วย

นี่คือ การทำ ทองม้วน ขนมไทย ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง รับรองว่า เด็ดแน่นอน

Categories
ขนมหวานไทย

ลอดช่องน้ำกะทิ อร่อย หวานมัน ต้องลองทำ

ลอดช่องน้ำกะทิ อร่อย หวานมัน ต้องลองทำ
ลอดช่องน้ำกะทิ อร่อย หวานมัน ต้องลองทำ

ลอดช่องน้ำกะทิ เมนูขนมหวานที่หลายคนชื่นชอบ เพราะกินแล้วชื่นใจ ยิ่งในช่วงหน้าร้อนยิ่งได้รับความนิยมอย่างมาก หลายคนจึงอยากลองทำเมนูนี้ดู  บางคนอาจมองว่าทำได้ยาก แต่ความจริงแล้ว ถ้าคุณทำตามสูตรก็สามารถทำได้ และ ในวันนี้เราจะมาพูดถึงสูตรการทำ ลอดช่อง กัน รับรองว่าถ้าดูสูตรแล้ว คุณทำเป็นแน่นอน

ลอดช่องน้ำกะทิ ขนมไทยหวานชื่นใจ ใครกินก็ติดใจ

เมนูง่าย ๆ ต้อนรับหน้าร้อนที่ทุกคนชื่นชอบ อย่าง ลอดช่องน้ำกะทิ เมนูยืนหนึ่งที่ทุกคนคิดถึง สำหรับใครที่กลัวว่าจะทำไม่ได้ วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องส่วนผสมไปพร้อมกัน ความจริงแล้วเรื่องส่วนผสมนั้นคุณสามารถปรับเปลี่ยนได้ โดยดูที่จำนวนคนทาน หรือว่า รสชาติที่ต้องการหวานมากน้อย เป็นต้น 

ส่วนผสมของ ลอดช่องน้ำกะทิ และ วิธีทำมีอะไรบ้าง

ส่วนผสมของตัว ลอดช่อง จะมี แป้งมัน 30 กรัม -แป้งข้าวเจ้า 125 กรัม – น้ำใบเตย 125 กรัม -น้ำปูนใส 650 กรัมน้ำเย็นจัด สำหรับการพักเส้น ในส่วนของน้ำกะทิ จะมีน้ำตาลปี๊ป 320 กรัม -เกลือ 5 กรัม -หัวกะทิ 400 กรัม และ น้ำแข็งป่น สำหรับวิธีทำ คือ คุณจะต้องผสมแป้งข้าวเจ้ากับแป้งมันก่อน หลังจากนั้นให้คุณเทน้ำใบเตย คนจนน้ำใบเตยเข้ากับแป้ง และตั้งไฟอ่อน หลังจากนั้นให้คุณเทน้ำปูนใสลงไป กวนจนน้ำใบเตยเหนียวข้น และ มีสีเขียวใส หลังจากนั้นให้คุณเทแป้งใส่ที่กดเส้น หลังจากนั้นให้เตรียมน้ำเย็น กดเส้นลอดช่องใส่น้ำ เพื่อให้แป้งจับตัวเป็นเส้น  หลังจากนั้นให้คุณเคี่ยวน้ำตาลปี๊ป และ ใส่หัวกะทิลงไป เปิดไฟอ่อนคนจนกว่าน้ำตาลจะละลาย และ ใส่เกลือเล็กน้อยเพิ่มความมัน หลังจากนั้นให้คุณยกลงจากเตา หลังจากนั้นให้คุณเตรียมแก้วใส่ลอดช่อง ตักน้ำแข็งให้เต็ม และ เทน้ำกะทิลงไป นี่คือ ส่วนผสมและวิธีทำ ลอดช่องน้ำกะทิ ที่คุณสามารถทำเองได้เลย

ลอดช่องน้ำกะทิ อร่อย ใครก็ทำได้

คุณจะเห็นได้ว่า ส่วนผสมของ ลอดช่องกะทิ นั้นทำได้ง่ายมาก เพียงแต่ว่าต้องมีเทคนิคในการคนส่วนผสมอยู่บ้าง เพราะว่ามันต้องใช้ไฟอ่อนในการทำ คุณจึงต้องทำความเข้าใจในส่วนนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณอยากทำให้อร่อย คุณจะต้องทำบ่อย ๆ และ ลองให้คนอื่นชิมดู ถ้าใช้ได้ให้คุณทำขายเลย เป็นการเพิ่มรายได้เสริมอีกทางหนึ่งด้วย

ทั้งหมดนี้ คือ วิธีทำ ลอดช่องน้ำกะทิ หอม หวาน อร่อย รับรองเลยว่า คุณจะได้กิน ลอดช่อง แสนอร่อย และ สร้างรายได้อย่างที่คุณต้องการด้วย

Categories
ขนมหวานไทย

ทองหยิบ ขนมไทยแสนอร่อย ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก

ทองหยิบ ขนมไทยแสนอร่อย ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก
ทองหยิบ ขนมไทยแสนอร่อย ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก

สำหรับใครที่ชื่นชอบ ขนมไทย คุณจะต้องรู้จักขนม ทองหยิบ แน่นอน ขนมสีเหลืองสวยเนียน กินแล้วรู้สึกหวานสดชื่น ใครทียังไม่เคยลองทาน ลองหาโอกาสไปชิมกันดูนะ ส่วนใหญ่ตามร้านขายขนมหวานจะมีขายกันอยู่แล้ว เพราะเป็นขนมยอดฮิตที่หลายคนชื่นชอบ งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่า มีสูตรการทำอย่างไรบ้าง

ทำ ทองหยิบ ยากไหม

สำหรับคนที่เป็นมือใหม่หัดทำ ขนมไทย ความจริงแล้ว มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะส่วนใหญ่แล้วสูตรจะมีการวัดสัดส่วนของเครื่องปรุงต่าง ๆ มาเรียบร้อยแล้ว คุณก็แค่ทำตามเท่านั้นเอง เรามาดูกันดีกว่าว่า ทองหยิบ มีวิธีการทำอย่างไรบ้าง 

ส่วนผสมในการทำ ทองหยิบ มีอะไรบ้าง มีวิธีการทำอย่างไร

ส่วนผสมของ ทองหยิบ จะมีอยู่ไม่กี่อย่าง เริ่มจาก -ไข่เป็ด 10 ฟอง –น้ำตาลทราย 5 ถ้วย – น้ำลอยดอกมะลิ 5 ถ้วย  คุจะเห็นได้ว่า วัตถุดิบเหล่านี้ สามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากทำเมนูนี้จริง ๆ มันก็ไม่ยากเลย เรามาดูวิธีทำกันดีกว่า

สำหรับ ขนมไทย ชนิดนี้ ก่อนอื่น คุณจะต้องตอกไข่ ระวังไม่ให้ไข่แดงแตก แล้วแยกไข่แดงออกมาจากไข่ขาว หลังจากนั้นให้นำไข่แดงที่แยกมาวางไว้ตรงผ้าขาวบาง ให้บีบให้ผ่านผ้าขาวบาง เมื่อไข่แดงเนียนละเอียดแล้ว คราวนี้ก็ตีไข่ให้เข้ากัน โดยต้องตีให้เนียนฟูเลย แต่ถ้าคุณมีเครื่องตีก็จะช่วยให้คุณสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เมื่อเนื้อเนียนละเอียดฟูอย่างที่ต้องการแล้ว ต่อมาให้คุณใส่น้ำลอยดอกมะลิลงไป และ ใส่น้ำตาลลงไปด้วย เคี่ยวให้งวด หลังจากนั้นให้ใช้ช้อนตักไข่ และ ไปหยอดในน้ำเชื่อม พยายามหยอดให้แผ่เป็นแผ่นบาง ๆ แล้วพลิกกลับไปกลับมาเพื่อให้สุกทั้ง 2 ด้าน หลังจากนั้น นำขนมมาแช่น้ำให้สะอาด จีบจีบให้ได้ 5 แฉก และ จัดใส่ถ้วยเล็ก ๆ แค่นี้ก็กินได้แล้ว

นี่คือ ส่วนผสม และ  วิธีทำของ ทองหยิบ ที่คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับการทำขนมของคุณ รับรองว่า ขนมของคุณจะออกมาอร่อยแน่นอน

ทองหยิบ ขนมไทยน่ากินที่คุณต้องกินให้ได้สักครั้ง

ความจริงแล้ว กระแสความดังของ ขนมไทย ตัวนี้มาจาก ละครเรื่อง บุเพสันนิวาส ที่มีฉากทำขนมที่เรียกกันว่า ทองหยิบ ในปัจจุบันด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมขนมนี้จึงได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน 

นี่คือ สูตร ขนมไทย ทองหยิบ ที่คุณสามารถทำได้ตัวเอง ในตอนแรกอาจจะต้องลองผิดลองถูกอยู่บ้าง แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าคุณเป็นสาวกขนมหวาน จะต้องทำได้แน่นอน

Categories
ขนมหวานไทย

เมนูขนมไทยครองแครงอัญชันกะทิสด หอมหวาน เคี้ยวนุ่มหนึบหนับ

ครองแครงอัญชันกะทิสด
ครองแครงอัญชันกะทิสด

เมนูขนมไทย “ครองแครงอัญชันกะทิสด” เป็นขนมไทยที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน เมนูนี้ทำด้วยแป้งกดบนพิมพ์ให้เป็นรูปคล้ายฝาหอยแครง จึงเป็นที่มาของชื่อเมนูครองแครง และยิ่งได้ต้มกับกะทิสดๆ ยิ่งเริ่มความอร่อย หอม หวาน มันครบเครื่อง เนื้อของแป้งครองแครงก็นุ่มหนึบหนับ แถมสีสันยังสดใสชวนน่ารับประทานมากเลยค่ะ สีที่นำมาใช่เป็นสีจากธรรมชาติรับรองว่ามีประโยชน์และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายค่ะ เป็นอีกเมนูขนมหวานที่เราอยากนำเสนอให้ทุกคนได้ลองทำตามกัน บอกเลยว่าขั้นตอนการทำไม่ยากอย่างที่ทุกคนคิดแน่นอนค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูขนมครองแครงอัญชันกะทิสด

วัตถุดิบในการทำเมนูขนมไทยครองแครงอัญชันกะทิสด ก็มีไม่มากและไม่ยุ่งยาก หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป ขนมครองแครง เป็นขนมที่เราสามารถเลือกใส่สีสันได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นสีฟ้า สีเขียว หรือสีชมพู เป็นต้น ถ้าจะให้ดีเราขอแนะนำให้ใช้สีจากธรรมชาติ เพราะสีจะได้น่ากิน แถมมีประโยชน์ อย่างดอกอัญชันที่เรานำมาประกอบเป็นส่วนผสมในเมนูนี้ ตัวสีจะไม่โดด และในสีฟ้าธรรมชาติชวนให้หน้าตาของขนมน่ากินยิ่งขึ้น อย่ารอช้าเรามาดูส่วนผสมและวิธีทำครองแครงกันเลยค่ะ

วัตถุดิบส่วนผสม

  1. แป้งมัน 1 ถ้วย
  2. แป้งข้าวเจ้า 1/3 ถ้วย
  3. น้ำเปล่า 2/3 ถ้วย
  4. ดอกอัญชันนำมาต้มคั้นเอาแต่น้ำ 1/2 ถ้วย (ใช้สีอื่นก็ได้ตามความชอบ)
  5. กะทิสด 3 ถ้วย
  6. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
  7. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  8. ใบเตยหอม 5 ใบ
ครองแครงอัญชันกะทิสด
ครองแครงอัญชันกะทิสด

ขั้นตอนวิธีการทำ

  1. เริ่มต้นด้วยการผสมแป้งข้าวเจ้า และแป้งมัน เข้าด้วยกัน จากนั้นนำน้ำอัญชันผสมลงไปทีละน้อย
  2. นวดแป้งให้เข้ากัน จนแป้งขึ้นเงา
  3. โรยแป้งนวลลงไปในแม่พิมพ์ จากนั้นก็จับแป้งมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ แล้วกดลงบนแม่พิมพ์
  4. ตั้งหม้อนำขนมไปต้มจนขนมกลายเป็นสีใส จนขนมเริ่มลอยตัวขึ้น แล้วตักออกมาแช่น้ำเย็น
  5. ต่อมาทำกะทิสด โดยต้มกะทิกับน้ำตาล ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย และเพิ่มความหอมด้วยใบเตย(มัดใบเตยให้เป็นก้อน) ต้มด้วยไฟอ่อน อย่าให้กะทิเดือดเด็ดขาด!! เพราะจะกลายเป็นแกงกะทิทันที
  6. ตักตัวครองแครงใส่ถ้วย จากนั้นก็ราดน้ำกะทิ ตามด้วยงาคั่วหอมๆ พร้อมเสิร์ฟ

นอกจากนี่ขนมครองแครง ไม่ใช่แค่ครองแครงอัญชันกะทิสดเท่านั้น แต่สามารถทำออกมาได้อีกหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น ครองแครงกรอบ ครองแครงแห้ง ครองแครงแก้ว บอกเลยว่าเมนูนี้มีความหลากหลาย แถมยังอร่อยถูกปากใครหลายๆคนอีกด้วย ขั้นตอนการทำก็ง่ายแสนง่าย หรือจะทำขายก็ไม่ผิดหวัง เพราะเป็นเมนูขนมหวานที่ยังได้รับความนิยมจากผู้คนตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน

Categories
ขนมหวานไทย

มะพร้าวแก้ว ขนมไทย หอมกลิ่นใบเตย อร่อยถึงเนื้อมะพร้าว

มะพร้าวแก้ว
มะพร้าวแก้ว

หากใครได้มีโอกาสไปเที่ยวเชียงคาน ก็จะเห็นว่ามีของฝากให้ซื้อหลากหลายและหนึ่งในนั้นก็คือเมนูขนมไทยอย่าง “มะพร้าวแก้ว” เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทขนมหวานทานเล่น และเหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝากทุกเทศกาลมากเลยค่ะ ซึ่งวัตถุดิบอย่างมะพร้าว ก็มีส่งให้ผลิตตลอดฤดูกาล โดยส่วนใหญ่จะถูกรับมาจากชาวสวนแถวจังหวัดเพชรบูรณ์ แล้วนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของกลุ่มชาวบ้าน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย และปัจจุบันถือว่าเป็นสินค้าเอกลักษณ์ของ อ.เชียงคาน จ.เลย ใครที่เคยไปเยือนเชียงคานต้องซื้อมะพร้าวแก้วติดไม้ติดมือเป็นของฝากให้คนสนิทแน่นอนค่ะ (มาเที่ยว อ.เชียงคาน ต้องนึกถึงมะพร้าวแก้ว) โดยวันนี้เรามีสูตรทำขนมมะพร้าวแก้วมาฝากทุกคนค่ะ ขั้นตอนการทำก็ง่ายนิดเดียว ไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงเชียงคานก็สามารถหาทานเมนูนี้ได้ค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูขนมหวานมะพร้าวแก้ว

วัตถุดิบส่วนผสมหลักๆ ของเมนูขนมหวาน “มะพร้าวแก้ว” ส่วนใหญ่คือมะพร้าว ควรเลือกมะพร้าวที่อ่อนกำลังดี มีเนื้อหนาพอประมาณ ไม่ใช่อ่อนแบบเนื้อใส และไม่หนาจนเหมือนมะพร้าวแก่ ซึ่งหากได้เนื้อมะพร้าวที่กำลังดีจะทำให้รสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้น ลักษณะจะเป็นแผ่นบางๆ ขนาดเล็ก เส้นยาว มีรสหวานอ่อนๆ ปัจจุบันมีการเพิ่มสีสันให้มีหลายหลากสีชวนน่ารับประทานยิ่งขึ้น วิธีทำมะพร้าวแก้วก็แสนง่าย ทำได้ที่บ้าน อย่ารอช้าเรามาดูส่วนผสมและขั้นตอนวิธีทำกันเลยค่ะ

วัตถุดิบส่วนผสม

  1. มะพร้าวอ่อนกำลังดี ขูดเส้น 200 กรัม
  2. น้ำตาลทราย180 กรัม
  3. น้ำลอยดอกมะลิ 80 กรัม
  4. น้ำใบเตยคั้นข้น (ใช้เพิ่มสีสัน สามารถทำสีธรรมชาติสีอื่นมาใช้ได้ตามความชอบ)
  5. น้ำอัญชันเข้มข้น (ใช้เพิ่มสีสัน สามารถทำสีธรรมชาติสีอื่นมาใช้ได้ตามความชอบ)
มะพร้าวแก้ว
มะพร้าวแก้ว

ขั้นตอนวิธีการทำ

  1. ตั้งกระทะทองด้วยความร้อนไฟปานกลาง ใส่น้ำลอยดอกมะลิ และน้ำตาลทรายลงในกระทะทอง แล้วเคี่ยวจนน้ำตาลละลายดี
  2. ใส่มะพร้าวอ่อนกำลังดีขูดเส้น เคี่ยวต่อจนแห้งลง จากนั้นใส่น้ำใบเตยหรือน้ำอัญชันลงไป เคี่ยวต่อจนน้ำตาลเริ่มตกผลึกและแห้งลง แล้วยกออกจากความร้อน
  3. ใช้ช้อนตะล่อมใส่ลงในพิมพ์ ผึ่งลมให้แห้งประมาณ 6-8 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จากนั้นแกะออกจากพิมพ์ใส่ขวดโหลปิดฝาให้สนิท หรือจัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

เมนูขนมหวานมะพร้าวแก้ว เป็นผลิตภัณฑ์ของฝากที่สามารถเก็บไว้รับประทานนานถึงหนึ่งเดือน เป็นมะพร้าวแปรรูปของฝากจากหลายจังหวัด เช่น มะพร้าวแก้วนครปฐม จากอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม มะพร้าวแก้วน้ำหอม หรือที่เราคุ้นๆ กันก็มะพร้าวแก้วเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย และอีกหลายจังหวัดก็มีขาย แต่แหล่งแปรรูปส่วนใหญ่จะอยู่ที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย