สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
ขนมเบเกอรี่ อาหารนานาชาติ

ไดฟูกุไส้ถั่วแดงสตรอวเบอร์รี่ของหวานยอดฮิต จากแดนซากุระ

ไดฟูกุ จัดเป็นขนมจากแดนญี่ปุ่นชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมรับประทานกันอย่างมาก ซึ่งไม่สามารถบอกได้เลยว่ามีไดฟุกุ ร้านไหนอร่อย บ้างเพราะแต่ละร้านก็มีความอร่อยที่ต่างกันไป เพราะด้วยธรรมชาติของขนมไดฟูกุจะมีเนื้อแป้งที่มีความหนึบผสมความนุ่ม เป็นลักษณะเนื้อสัมผัสแป้งที่แตกต่างจากเนื้อแป้งในขนมไทยที่เราคุ้นชิน รวมถึงความเข้ากันของไส้ต่าง ๆ รวมถึงผลไม้สด อาทิ สตรอวเบอร์รี่ที่เข้ากับเนื้อแป้งกันอย่างลงตัว ทำให้ขนมไดฟูกุ นั้นเป็นขนมหวานเนื้อหอมยอดนิยมที่คนไทยชื่นชอบอย่างมากเลยทีเดียว และสำหรับใครที่อยากจะลองลงมือทำขนมแสนอร่อยได้ฟูกุนี้ ทางเว็บไซต์จะพามาทำ ไดฟูกุไส้ถั่วแดงสตรอวเบอร์รี่แบบไม่เหมือนใคร ตามเรามาได้เลยค่ะ 

ไดฟูกุ

ขอบคุณภาพจาก Pixabay 

วิธีทำไส้ไดฟุกุ เตรียมวัตถุดิบ และวิธีการทำง่าย ๆ 

1.น้ำสะอาด 30 มิลลิลิตร (ช่วยไม่ให้ไส้ ไดฟูกุ ร่วนจนเกินไป) 

2.น้ำตาลทราย 250 กรัม 

3.เกลือป่น 1 ช้อนชา

4.ถั่วแดงต้ม 2 ถ้วยตวง (หากอยากทำ ไดฟูกุโอริโอ้ ก็ปรับวัตถุดิบทำไส้เป็นขนมโอรีโอ้ หรือไส้ที่ต้องการได้เลย) 

5.หัวกะทิ 300 ซีซี

1.ขั้นตอนการทำไส้ สำหรับ วิธีทำไดฟูกุไส้ช็อคโกแลต จะมีวิธีการทำไส้แตกต่างกัน สำหรับไส้ถั่วแดงเริ่มจากการกวนถั่วแดง ก่อนนำถั่วแดงมาต้ม ต้องแช่น้ำทิ้งไว้ 10 ชั่วโมงเพื่อให้ถั่วแดงนิ้ม และต้มสุกง่าย เมื่อต้มถั่วแดงเสร็จแล้ว นำมาผสมกับวัตถุดิบ ดังนี้ น้ำสะอาด น้ำตาลทราย เกลือป่น หัวกะทิ ผสมทุกอย่างให้เข้ากั 

2.นำใส่ภาชนะตั้งไฟ ปรับระดับไฟเบาค่อนไปปานกลาง ทำการกวนต่อเนื่อง เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเริ่มเหนียวเข้ากัน ตักขึ้นพักบนภาชนะ จากนั้นปั้นไส้ถั่วแดงถั่วเป็นวงกลม ขนาดของไส้นั้นตามความต้องการ

ไดฟูกุ

ขอบคุณภาพจาก Pixabay

วิธีทำแป้งไดฟุกุ และการห่อ เตรียมวัตถุดิบ และวิธีการทำง่าย ๆ  

1.แป้งข้าวโพด 50 กรัม  ( สำหรับทำขนมไดฟูกุ 8 – 10 ชิ้น )

2.แป้งข้าวเหนียว 250 กรัม 

3.แป้งมัน 150 กรัม 

4.น้ำตาลทราย 85 กรัม 

5.สีผสมอาหาร 2 หยด 

6.นมสด 200 – 300 มิลลิกรัม  (ใส่นมสด แทนการใส่น้ำสะอาด เพราะเป็น สูตรไดฟูกุแป้งนุ่ม

7.สตอรส์เบอร์รี่ 7 – 8 ผล 

ไดฟูกุ

ขอบคุณภาพจาก Pixabay

1.ขั้นตอนแรกนำแป้งมันมาคั่วในกระทะต่อเนื่อง เปิดไฟระดับปานกลาง คั่วจนเป็นสีเหลือง ยกลงพักไว้ การทำแป้ง ไดฟูกุสูตร นี้สามารถดัดแปลงทำได้กับทุกไส้ 

2.ใส่แป้งข้าวเหนียว น้ำตาลทราย นมสด แป้งข้าวโพด สีผสมอาหาร ผสมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้นนำลงไปกวนในกระทะจนเหนียวหนึบ ยกลงมาพัก 

3.เมื่อคลายความร้อนแล้วนำมาคลุกแป้งมันที่คั่วเรียบร้อยแล้ว จากนั้นใช้ไม้รีดจนแบน จากนั้นนำไส้ถั่วแดงที่ปั้นทิ้งไว้มาคลุมสตรอวเบอร์รี่ แล้วจึงใช้แป้งไดฟูกุคลุมไส้อีกครั้งจนมิดชิด หากไส้มีขนาดใหญ่ก็สามารถรีดแป้งไม่บางจนเกินไป จะสามารถหุ้มไส้ ไดฟุกุสตรอวเบอร์รี่ และถั่วแดงได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องแป้งขาด ไส้ถั่วแดงทะลุ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนขนมไดฟูกุแสนอร่อยแล้ว 

สูตรแพนเค้กเนื้อนุ่มฟู สไตล์ญี่ปุ่น แสนอร่อย ใครกินก็ต้องติดใจ

สมัครบาคาร่า

Categories
อาหารนานาชาติ อาหารสุขภาพ อาหารไทย

ข้าวผัดแซลมอน เมนูที่คนชอบสาวกแซลมอนห้ามพลาด 

ข้าวผัดแซลมอน เมื่อกล่าวถึงเมนูนี้หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นหู จะคุ้นกับเมนูแซลมอนที่เป็นเมนูรับประทานกันแบบดิบ จริง ๆ แล้วปลาชนิดหนึ่งที่สามารถรับประทานแบบดิบได้ เพราะรสชาติดี สามารถนำมาดัดแปลงทำเป็นเมนูอาหารอื่น ๆ แบบสุกได้ อีกทั้งยัง ข้าวผัดแซลมอนประโยชน์ ต่อสุขภาพมากมาย  อย่างที่เราได้เห็นคนทำเมนูน่ารับประทาน เช่นกัน โดยที่รสชาตินั้นก็มีความอร่อยคนละรูปแบบกับปลาดิบ จะรอช้าอยู่ทำไม วันนี้เรามาชวนเข้าครัวทำเมนูอินเตอร์ผสมผสานแบบไทย ไว้รับประทานง่าย ๆ ในครอบครัวค่ะ 

ขอบคุณภาพจาก Unsplash 

ข้าวผัดแซลมอน ทำง่ายมีวัตถุดิบ และขั้นตอนดังนี้ 

1.กระเทียมไทยหั่น 15 กลีบ 

2.เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ (เคล็ดลับจาก ข้าวผัดแซลมอน Tiktok )

3.ข้าวสวย 3 ถ้วยตวง  (ข้าวสวยหุงค้างคืนจะเหมาะในการนำมาทำข้าวผัดที่สุด) 

4.เนื้อปลาแซลมอนหั่นชิ้นสำหรับทำ ข้าวผัดแซลมอน 1 ถ้วยตวง 

5.ซีอิ้วขาว 2 ช้อนชา 

6.น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

7.ต้นหอมซอย 2 ข้อนโต๊ะ 

8.น้ำปลา 2 ช้อนชา 

9.แครอทหั่น ½ ถ้วยตวง 

10.หอมหัวใหญ่หั่น ¼ ถ้วยตวง

11.มะนาว 1 ซีก 

12.พริกขี้หนู (หั่น ) 10 เม็ด 

13.ไข่ไก่ 2 ฟอง 

14.ผงปรุงรส 1 ช้อนชา 

15.แตงกวาหั่นชิ้น 1 ถ้วยตวง

16.มะเขือเทศหั่น 1 ถ้วยตวง 

17.โชยุ 2 ช้อนชา เพื่อเพิ่มรสชาติความเป็น ข้าวผัดแซลมอนแบบญี่ปุ่น

ขอบคุณภาพจาก Unsplash

1.ขั้นตอนแรกของการทำเมนู ข้าวผัดแซลมอน เริ่มจากนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่เนยสด กระเทียมไทยสับ ผัดจนหอม จากนั้นใส่แครอทลองไปผัด ขั้นตอนนี้จะผัดสักพัก 1- 2 นาทีเพื่อให้แครอทสุก 

2.เมื่อผัดจนแครอทเริ่มสุก ให้เร่งระดับไฟแรงขั้น จากนั้นใส่ไข่ไก่ และหัวหอมใหญ่ซอยลงไปผัด ตามด้วยเนื้อปลาแซลมอนลงไปผัด (ขั้นตอนนี้ผัดแค่พอแซลมอนสลบ) สำหรับใครที่ชอบสไตล์ ข้าวผัดแซลมอนเทอริยากิ สามารถเปลี่ยนจากวิธีผัดเนื้อปลา เป็นย่างกับซีอิ้วหวานแทน แล้วค่อนนำมาผัดรวมกับข้าวทีหลังก็ได้ค่ะ  

3.ใส่ข้าวสวยลงไปผัดให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ตามด้วยมะเขือเทศหั่น จากนั้นปรุงรสชาติด้วยน้ำปลา โชยุ ซีอิ้วข้าว น้ำตาลทราย ผงปรุง ชิมรสชาติตามชอบใจ จากนั้นผัดต่อจนส่วนผสมเข้ากัน 

4.เมื่อผัดข้าวผัดจนได้ที่ให้ใส่หอมซอยลงไปตบท้ายจากนั้นผัดต่ออีกนิดหน่อย เป็นอันเสร็จขั้นตอนกสนทำเมนูข้าวผัดแซลมอน 

วิธีการเสิร์ฟข้าวผัดแซลมอล และวิธีการรับประทานเพื่อให้ได้อรรถรส

ข้าวผัดแซลมอนนั้นรับประทานแบบเปล่า ๆ ก็อร่อย สามารถเสิร์ฟได้ทั้งแบบแยกเนื้อปลาแซลมอน หรือเสิร์ฟแบบรวมกันก็ได้ อีกทั้งยังเพิ่มฉ่ำได้เพียงแค่เติมมายองเนส จะกลายเป็น ข้าวผัดแซลมอนมายองเนส  ทันทันทีและหากใครที่ยังคงติกรสชาติในแบบสไตล์ไทย ๆ โดยรับประทานแกล้มด้วยแตกกวาชิ้น สำหรับคนชอบความจัดจ้าน สามารถเพิ่มพริกขี้หนูหั่น บีบมะนาวลงไปตัดความมันความเลี่ยนของรสชาติเนื้อปลา 

สำหรับเมนูข้าวผัดแซลมอนนี้ เป็นเมนูที่ทำง่าย รับประทานได้ทุกเพศทุกวัย เป็นเมนูที่เหมาะอย่างยิ่งในการทำรับประทานกันในครอบครัว อีกทั้งสำหรับคนที่ทำเมนูอาหารขาย ก็สามารถนำเมนูนี้เพิ่มเป็นเมนูอีกหนึ่งเมนูให้ลูกค้าได้ลองรับประทานกัน รับรองได้ว่าเป็นเมนุที่ทำกินก็ง่าย ทำขายก็รวยอย่างแน่นอน 

และหากว่าใครอยากจะลองดัดแปลงปรับเปลี่ยนวิธีการทำให้มีความหลากหลายขึ้นก็สามาเข้าไปดูวิธีทำเมนู ข้าวผัดแซลมอน Pantip ได้เลย รับลองได้ว่าได้เมนูข้าวผัดแซลมอนหลากหลายเมนูมาทำกันอย่างแน่นอน 

ขอบคุณภาพจาก Pixabay 

จีคลับ

Categories
อาหารนานาชาติ

เป็ดปักกิ่ง อาหารชาติจีนที่ได้รับความนิยม

เป็ดปักกิ่ง เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมของอาหารสัญชาติจีน และในประเทศไทยของเรานั้นก็นิยมนำมารับประทานกันเป็นอย่างมาก และยิ่งหนังของเป็ดที่มีความกรอบ พร้อมกับการเสิร์ฟตอนร้อน ๆ เป็นอะไรที่ลงตัวกันมาก ในอดีตวิธีการย่างเป็ดปักกิ่งจะนำมาเป็นวิธีการเสียบไม้ย่าง และย่างไฟด้วยความร้อนซึ่งวิธีนี้ทำให้เสียเวลามาก ปัจจุบันมีวิธีการทำเป็ดปักกิ่งอย่างไรมาดูกันเลย

วิธีการทำเป็ดปักกิ่งในปัจจุบัน ทำง่าย  ๆ ใช้เวลาไม่นาน

ปัจจุบันนี้การจะทำอะไรก็ต้องเร่งรีบไปหมดและยิ่งต้องใช้เวลาในการทำอาหารยิ่งประหยัดเวลาเท่าไหร่มันจะเป็นผลดี และวิธีการทำเป็ดปักกิ่ง ที่เราจะมาแจกสูตรในวันนี้ก็เป็นวิธีง่าย ๆ ที่สามารถทำได้โดยใช้เวลาไม่นานเลย มาบอกต่อให้ท่านผู้อ่านด้วยค่ะทำอย่างไรมาดูกันเลย

สำหรับเครื่องปรุงเป็ดปักกิ่ง มีดังนี้

  • เป็ดโป๊ยไฉ่ น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม
  • แบะแซ ปริมาณ 1 ถ้วย
  • เต้าเจี้ยว ปริมาณ 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย ปริมาณ 1 ถ้วย
  • แป้งสาลี แป้งมัน อย่างละ 1 ถ้วย
  • น้ำมันหมู 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำเป็ดปักกิ่ง สามารถทำได้ดังนี้

  • นำเป็ดมาล้างทำความสะอาด โดยจะต้องเอาเครื่องในออกให้สะอาด แล้วเป่าลมเข้าตัวเป็ดให้พอง
  • ต้มน้ำให้เดือด หม้อนึ่งใส่แปะแซลงไป เอาเป็ดลงไปลวก
  • แล้วเอานำแขวนตะขอ ผึ่งลมจนแห้ง
  • นำมาย่างในเตาเป็ด ใช้ระดับความร้อนต่ำสุด ใช้เวลาประมาณ 7 นาที
  • วิธีทำน้ำจิ้มเป็ดปักกิ่ง
  • นำเอาเต้าเจี้ยวมาต้มเคี่ยวกับน้ำตาล ประมาณ 2 ชม. จนเปื่อยแล้วกรองเอากากทิ้ง ให้มีรสหวานเค็มตามใจชอบ
  • ใช้แป้งสาลีกับแป้งมัน นวดให้เข้ากันจนเหนียว แล้วปั้นเป็นท่อนกลมๆ แล้วตัดเป็นก้อนเล็ก ๆ 
  • ใช้ไม้คลึงแผ่เป็นแผ่นบางๆ นำไปผึ่งไฟในกระทะที่มาน้ำมันให้สุกเกรียม เก็บใส่ตู้เย็น เวลาทานจึงเอามานึ่งอีกที

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเมนูอาหารที่เรานำเสนอมาวันนี้

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเมนูเป็ดปักกิ่งที่เราได้แนะนำกันไปในวันนี้หวังว่าทุกท่านจะสามารถนำไปปรับใช้ที่ครัวในบ้านได้ และเหมาะมากกับสถานการณ์เช่นนี้ที่ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 อยู่ หลายท่านคงไม่กล้าออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านเพราะกลัวที่จะเสี่ยงกับการรับเชื้อ  เราขอเป็นส่วนหนึ่งในการบอกต่อวิธีการทำอาหาร วิธีการทำขนมและเมนูอื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมหรือเป็นที่รู้จักเพื่อให้ท่านอยู่บ้านอย่างไม่เหงาเพราะคงจะต้องสนุกกับการทำอาหารจากสูตรที่เราแนะนำและโอกาสหน้าเราจะมาแนะนำเมนูอะไรนั้นฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะ

ไฮโลออนไลน์

Categories
อาหารนานาชาติ

จะดีกว่าไหม ถ้าทำแตงกวาดองเองในราคาประหยัดงบ

แตงกวาเป็นผักชนิดหนึ่งที่คนไทยเรารู้จักกันดี ซึ่งสามารถนำมารับประทานได้ทั้งแบบปรุงสุกและแบบดิบเลย หรือการเลือกใช้วิธีถนอมอาหารเพื่อให้สามารถเก็บไว้กินได้เป็นเวลานานอย่างวิธีการดอง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เรานิยมทำกันค่ะซึ่งวิธีทำแตงกวาดองทำอย่างไรนั้น มาดูกันเลย

แตงกวาดองสูตรประหยัดงบ ทำง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก

โดยเดิมทีวัฒนธรรมการทำแตงกวาดองเริ่มจากจากสมัยการสร้างกำแพงเมืองจีน หรือแม้แต่ทางนิวยอร์กก็นิยมนำแตงกวามาดองเช่นกัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับบทความนี้งั้นหรอ เพราะว่าเราจะพาทุกคนมาทำแตงกวาดองกันนั่นเองค่ะ จะมีวิธีทำอย่างไรนั้นมาดูกันเลย

ขั้นตอนการดองมีดังนี้

  1. เตรียมแตงกวาเพื่อใช้ในการดอง โดยแตงกวาที่เราจะใช้ในการดองส่วนใหญาจะเป็นแตงกวา Kirby เรียกได้ว่าเป็นแตงกวาแบบดั้งเดิมเลยทีเดียว ที่สำคัญยังขึ้นชื่อเรื่องความหวานกรอบอีกด้วย
  2. นำแตงกวามาทำความสะอาดด้วยการล้างน้ำ อาจจะใช้เกลือเป็นตัวช่วยในการล้างจะทำให้สามารถชะล้างสิ่งสกปรกออกได้เป็นอย่างดี 
  3. เมื่อทำความสะอาดแตงกวาเรียบร้อยแล้ว หากต้องการที่จะทำให้เกิดความสะดวกต่อการทาน ให้นำมาหั่นเป็นแนวยาว แต่ถ้าต้องการดองเป็นลูก ๆ เลยก็สามารถนำลงวางในโถได้เลย
  4. นำขวดโหลที่เตรียมไว้นั้นไปผ่านความร้อน โดยการเทน้ำร้อนใส่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยเทน้ำออก จากนั้นตั้งขวดโหลทิ้งไว้
  5. เมื่อเริ่มเย็นหน่อยให้น้ำแตงกวาที่เตรียมไว้นั้นมาจัดเรียงในขวดโหลให้สวยงาม
  6. ใส่เกลือโคเชอร์ลงไปในชาม 3-4 ช้อนโต๊ะ 
  7. เติมน้ำแล้วปิดฝาให้สนิทเป็นอันเรียบร้อย

และนี่ก็เป็นเพียงสูตรจากทางเราเท่านั้น

และนี่ก็เป็นเพียงสูตรจากทางเราเท่านั้นเพราะสูตรการทำอาหารสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบของคนทำ และคนทาน ดังนั้นในสูตรการทำแตงกวาดองของเราในบทความนี้อาจจะเป็นไอเดียการดองอาหารให้ใครหลาย ๆ คนได้สามารถนำไปพัฒนาและต่อยอดได้ โดยอาจจะทำให้ดีขึ้น หรือนำไปสู่การคิดค้นวิธีการใหม่ ๆ แฃะถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาในการทำอาหารนั่นเอง หากใครลองใช้สูตรการดองแตงกวาที่เราแนะนำไปข้างต้นแล้ว ไม่ทราบว่าจะทานกับเมนูอะไร เราขอแนะนำให้ทานกับเมนูสไตล์ญี่ปุ่น หรือ เกาหลี เป็นอะไรที่เข้ากันมาก ๆ อย่างไรก็ตามทาง chefoldschool.com ขอฝากให้ท่านผู้อ่านทุกท่านติดตามการนำเสนอสูตรอาหาร วิธีอาหารหรือขนมต่าง ๆ เช่น อาหารไทย, อาหารนานาชาติ และ ขนมหวานไทย เป็นต้น โดยวิธีการทำเป็นวิธีง่าย ๆ สามารถทำได้ที่บ้านได้เลย

ไฮโลไทย

Categories
อาหารนานาชาติ อาหารสุขภาพ

สลัดนิซัวส์แซลมอน อาหารเพื่อสุขภาพ สไตล์ฝรั่งเศส 

สลัดนิซัวส์แซลมอน

ตอนนี้เราจะเห็นว่าเทรนด์การกินอาหารคลีนกำลังมาแรงในกลุ่มคนวัยทำงาน และผู้สูงอายุ เนื่องจากอาหารคลีนมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนั้นวันนี้เราเอาใจคนรักสุขภาพด้วยเมนู สลัดนิซัวส์แซลมอน เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ สุดหรูหรา สไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งสลัดนิซัวส์ เป็นอาหารจานเดียวประจำท้องถิ่นเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองเล็ก ๆ แถบชายหาดเมดิเตอร์เรเนียน เมนูอาหารส่วนใหญ่ก็จะมีคุณค่าทางคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน เพราะพื้นที่แถบนั้นอุดมไปด้วยผักสด ผลไม้สด น้ำมันมะกอก และอาหารทะเลอีกมากมาย นี่จึงเป็นที่มาของสลัดนิซัวส์ หรือสลัดของชาวนีซ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีการทำเมนูสลัดนิซัวส์ พร้อมกับเพิ่มคุณค่าให้กับสลัดจานนี้ด้วยการนำเอาเนื้อแซลมอนชิ้นหนา ๆ มาจี่ในกระทะพอเหลืองทองทั้ง 2 ด้าน เพื่อเพิ่มรสชาติและรสสัมผัสที่อร่อยไม่แพ้สลัดจานอื่นเลยค่ะ

ส่วนผสมของเมนู สลัดนิซัวส์แซลมอน สไตล์ฝรั่งเศส

เมนู สลัดนิซัวส์แซลมอน เป็นอีกหนึ่งเมนู อาหารสุขภาพ สไตล์ฝรั่งเศส ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมายทั้งจาก ส่วนผสม หลักอย่าง ผัก ผลไม้ ไข่ไก่ และแซลมอน ซึ่งความจริงแล้วต้นตำรับเมนูสลัดนิซัวส์ของชาวนีซจะใช้เนื้อปลากะตักหรือปลาทูน่า แต่วันนี้เราจะเลือกใช้เนื้อปลาแซลมอน เพราะเราอยากให้เมนูนี้สามารถรับประทานได้ทุกวัย หากคุณไม่ชอบเนื้อปลาแซลมอนสามารถใช้เนื้อปลากะตักหรือปลาทูน่าแทนได้ แต่ก่อนที่คุณจะไปดูขั้นตอนและวิธีทำสลัดนิซัวส์แซลมอน เรามาเตรียมส่วนผสมทั้งหมดกันก่อนดีกว่าค่ะ

ส่วนผสมสำหรับเมนูสลัดนิซัวส์แซลมอน

  1. ไข่ไก่ 3 ฟอง
  2. มันฝรั่งเปลือกแดง 6 หัว
  3. ถั่วแขก 150 กรัม
  4. เนื้อปลาแซลมอนชิ้นใหญ่ 2 ชิ้น
  5. น้ำส้มสายชูหมักไวน์แดง 3 ช้อนโต๊ะ
  6. ดิจองมัสตาร์ด 1 ช้อนชา
  7. มะเขือเทศสีดา 150 กรัม
  8. มะกอกสีดำไร้เมล็ด ¼ ถ้วยตวง
  9. น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
  10. เกลือป่น เล็กน้อย
  11. พริกไทยดำบด เล็กน้อย
  12. น้ำเปล่า
สลัดนิซัวส์แซลมอน

ขั้นตอนและวิธีทำเมนูสลัดนิซัวส์แซลมอน

หลังจากที่เราได้เตรียมส่วนผสมทั้งหมดของเมนู สลัดนิซัวส์แซลมอน เรียบร้อยแล้ว ต่อมาจะเป็นขั้นตอนและ วิธีทำ เมนูสลัดนิซัวส์ แซลมอน ซึ่งขั้นตอนการทำก็ง่ายมาก ๆ เลยค่ะ แถวยังใช้เวลาในการทำไม่นาน เพียงแต่เราต้องใส่ใจกับทุกขั้นตอนที่สำคัญต้องรักษาความสะอาดด้วย โดยมีขั้นตอนและวิธีทำ ดังนี้

ขั้นตอนและวิธีทำเมนูสลัดนิซัวส์แซลมอน

  1. ตั้งหม้อต้มไข่ไก่ในน้ำเปล่าจนเดือด จากนั้นปิดไฟและปิดฝาพักไว้ 15 นาที เทน้ำร้อนทิ้งแล้วเติมน้ำเย็นแช่ไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่จานพักไว้
  2. ตั้งหม้อต้มมันฝรั่งเปลือกแดง และถั่วแขก จนสุก หรือจนเนื้อเริ่มนิ่ม จากนั้นนำมันฝรั่งเปลือกแดงมาหั่นผ่าครึ่ง ใส่จานพักไว้
  3. ตั้งกระทะไฟร้อนปานกลาง แล้วใส่น้ำมันมะกอกพอเคลือบกระทะ จากนั้นโรยเกลือป่น และพริกไทยดำบดบนเนื้อปลาแซลมอน จี่ปลาในกระทะด้านละ 1 นาที หรือให้สุกตามที่ต้องการ
  4. นำเนื้อปลาแซลมอนสุกแล้ว ออกมาหั่นเป็นแผ่นบาง ๆ ตามขวาง 
  5. เริ่มเตรียมน้ำสลัด โดยการใส่เกลือป่น พริกไทยดำบด น้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชูหมักไวน์แดง และดิจองมัสตาร์ดในชามผสม จากนั้นตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  6. ใส่มะเขือเทศและมะกอกสีดำลงไปเคล้าให้เคลือบน้ำสลัด จากนั้นตักลาดบนเนื้อปลาแซลมอนที่หั่นแล้ว พร้อมเสิร์ฟคู่กับไข่ต้ม มันฝรั่งเปลือกแดงต้มสุก และถั่วแขกลวกสุก

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเมนูสลัดนิซัวส์แซลมอน หรือ Nicoise Salad เมนูนี้ครบถ้วนไปด้วยรสชาติและรสสัมผัสของดินแดนชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามินที่หลากหลาย มีประโยชน์แก่ร่างกายไม่ว่าจะเป็น เนื้อปลาแซลมอนที่ย่อยง่าย ป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง หรือ หัวใจ เหมาะกับสำหรับผู้สูงอายุ หรือคุณที่มีโรคประจำตัวเยอะ ๆ เช่น เบาหวาน ความดัน และไขมัน ไข่ต้ม เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสมอง มีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือดได้เป็นอย่างดี และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณ เส้นผม และเล็บมีสุขภาพดี ยิ่งได้ทานคู่กับน้ำสลัดนิซัวส์ก็จะได้รสชาติที่อร่อยอมเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชูหมักไวน์แดง นอกจากนี้สลัดยังปรุงด้วยน้ำมันมะกอก ช่วยลดคอเลสเทอรอลได้อีกด้วย เมนูสลัดนิซัวส์แซลมอนจึงเหมาะสำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพ

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

pg slot ฝากถอน ไม่มี ขั้นต่ำ เว็บตรง

Categories
อาหารนานาชาติ

พิซซ่าโฮมเมด สไตล์อิตาเลียน เครื่องแน่นทำง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก

พิซซ่าโฮมเมด

หากพูดถึงเมนูพิซซ่า หลายคนคงจะนึกถึง พิซซ่า สไตล์อิตาเลียน เนื่องจากพิซซ่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี สมัยก่อนพิซซ่าถูกยกให้เป็นอาหารสำหรับคนยากจน เพราะมันถูกขายตามท้องถนน พร้อมท็อปปิ้งหลากหลาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปเมนูพิซซ่าได้ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง พร้อมกับผู้คนทั่วโลกต่างรอคอยที่จะไปลิ้มลองรสชาติพิซซ่า สไตล์อิตาเลียนแท้ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเนเปิลส์ ปัจจุบันพิซซ่า ได้รับความนิยมอย่างมากจากทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย สังเกตได้จากร้านพิซซ่าอิตาเลียนหลาย ๆ ร้านในไทยที่ขายดีอย่างมาก ถึงแม้มันจะมีราคาที่สูงด้วยเช่นกัน แต่สำหรับใครที่อยากจะทพิซซ่า สไตล์อิตาเลียนกินเองที่บ้านกับครอบครัว ในบทความนี้เราก็มีสูตรวิธีการทำพิซซ่าโฮมเมด สไตล์อิตาเลียน เครื่องแน่น รสชาติอร่อยอย่างกับนั่งเครื่องบินไปกินถึงเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลีมาแนะนำทุกคนค่ะ

ส่วนผสมของเมนู พิซซ่าโฮมเมด สไตล์อิตาเลียน

เมนู พิซซ่า โฮมเมด สไตล์อิตาเลียน เป็นเมนู อาหารนานาชาติ ที่คนไทยหลายคนชื่นชอบกันเป็นจำนวนมาก แต่จะให้เสียเงินไปกินถึงประเทศอิตาลีก็ดูจะยุ่งยากเกินไป ดังนั้นวันนี้เราจึงมีสูตรวิธีการทำพิซซ่าโฮมเมด สไตล์อิตาเลียน เครื่องแน่น มาฝากทุกคน ซึ่งเมนูนี้มีส่วนผสมที่หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือสั่งกับทางร้านออนไลน์ที่มีส่วนผสมขายค่ะ แต่ก่อนที่เราจะไปดูขั้นตอนและวิธีการทำเมนูพิซซ่าโฮมเมด สไตล์อิตาเลียน เรามาเตรียมส่วนผสมทั้งหมดกันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งส่วนผสมทั้งหมด มีดังนี้

ส่วนผสมสำหรับทำแป้งพิซซ่า สไตล์อิตาเลียน

  1. แป้งอเนกประสงค์ไม่ฟอกขาว 2½ ถ้วย (300 กรัม)
  2. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  3. ยีสต์แห้งชนิดแอคทีฟ ½ ช้อนชา หรือยีสต์สำเร็จรูป saf-instant ¾ ช้อนชา 
  4. เกลือเพชรคริสตัล kosher เล็กน้อย
  5. น้ำอุ่น (105 ° F ถึง 115 ° F) 7 ออนซ์ 
  6. น้ำมันมะกอก Extra Virgin Olive Oil 1 ช้อนโต๊ะ
  7. แป้งเซมะลีเนอร์และแป้งอเนกประสงค์ สำหรับโรยหน้าพิซซ่า

ส่วนผสมสำหรับทำซอสพิซซ่า สไตล์อิตาเลียน

  1. มะเขือเทศกระป๋องบดหรือมะเขือเทศบด 1 ถ้วย (แนะนำมะเขือเทศ CIRIO Peeled Tomatoes กระป๋อง)
  2. กระเทียมสดขูดหรือกด 2-3 กลีบ
  3. น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น 1 ช้อนชา 
  4. เกลือโคเชอร์ 2-3 หยิบมือ หรือตามความชอบ
  5. พริกไทยดำสดป่น ¼ ช้อนชา

ส่วนผสมท็อปปิ้งโรยหน้าพิซซ่า 

  1. ปาร์มีจาโนเรจจาโน หรือชีสขูดละเอียด 2-3 ช้อนโต๊ะ หรือตามความชอบ
  2. มอสซาเรลล่าชีส 7 ออนซ์ หั่นเป็นลูกเต๋าขนาด ½ นิ้ว
  3. ใบโหระพาสดใบใหญ่ 5-6 ใบ สำหรับตกแต่ง หรือใส่ตามความชอบ
  4. พริกป่นละเอียดใส่ตามความชอบ
พิซซ่าโฮมเมด

ขั้นตอนและวิธีการทำพิซซ่า สไตล์อิตาเลียน

จากส่วนผสมข้างต้น เราจะเห็นว่าเมนู พิซซ่า สไตล์อิตาเลียนมีส่วนผสมทั้งหมด 3 ส่วน นั่นหมายความว่าคุณต้องทำทั้งหมด 3 วิธี คือ วิธีทำแป้งพิซซ่า วิธีทำซอสพิซซ่า และวิธีโรย หน้าพิซซ่า โดยมีขั้นตอนและวิธีทำ ดังนี้

วิธีทำแป้งพิซซ่า สไตล์อิตาเลียน 

  1. นำแป้งอเนกประสงค์, น้ำตาล, ยีสต์และเกลือผสมลงไปในชามขนาดกลาง จากนั้นเติมน้ำอุ่นและน้ำมันมะกอก แล้วคนส่วนผสมทั้งหมดด้วยช้อนไม้จนแป้งเริ่มเข้ากัน
  2. โรยแป้งอเนกประสงค์ลงบนเคาน์เตอร์สำหรับนวดแป้ง จากนั้นนั้นแป้งที่ผสมไว้ลงไปนวดเป็นเวลา 3 นาที แป้งควรจะเหนียวเล็กน้อย แต่ไม่ควรติดบนเคาน์เตอร์ เมื่อเวลาครบแล้ว แป้งควรจะเรียบ ยืดหยุ่นเล็กน้อย จากนั้นใส่น้ำมันมะกอกลงในชามผสมขนาดใหญ่เล็กน้อย แล้วใส่แป้งที่นวดแล้วลงไปในชาม
  3. ปิดชามด้วยผ้า หรือพลาสติกแรป แล้วปล่อยให้แป้งโดขึ้นพูในอุณหภูมิห้องครัวที่อบอุ่นไม่ควรเย็นเกินไปเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจนกว่าแป้งจะมีขนาดใหม่เป็นสองเท่า 
  4. เปิดเตาอบไว้ที่ 550 ° F ( 285 องศาเซลเซียส) เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง 

วิธีทำซอสพิซซ่า พร้อมนำแป้งเข้าเตาอบ

  1. ขณะที่เตากำลังอุ่นให้เตรียมส่วนผสม ผัดมะเขือเทศบด กระเทียมสับ น้ำมันมะกอก พริกไทยและเกลือ ใส่ลงไปในชามขนาดเล็ก 

วิธีโรยหน้าพิซซ่า พร้อมนำแป้งเข้าเตาอบ

  1. แยกแป้งออกเป็นสองส่วนขนาดเท่ากัน วางแป้งโดบนจานขนาดใหญ่หรือบนเคาน์เตอร์ที่โรยแป้งไว้ แล้วคลุมด้วยพลาสติกแรป จากนั้นพักแป้งไว้ 5-10 นาที
  2. จากนั้นโรยแป้งอเนกประสงค์บนแป้งโดเล็กน้อย แล้วใช้มือทั้งสองข้างค่อย ๆ ยืดแป้งพิซซ่าหนึ่งก้อนให้เป็นวงกลมขนาดประมาณ 10 นิ้ว ถ้าแป้งเด้งกลับหรือยืดหยุ่นเกินไป ให้พักแป้งต่ออีก 5 นาที ขอบแป้งอาจหนาขึ้นเล็กน้อย แต่ตรงกลางแป้งต้องบาง
  3. โรยหรือทาแป้งเบา ๆ ด้วยน้ำมันมะกอก จากนั้นใช้ช้อนขนาดใหญ่ตักซอสพิซซ่าประมาณ ½ ถ้วยตวงลงบนแป้งพิซซ่า เว้นขอบขนาด ½ นิ้วหรือ ¾ นิ้วไว้ทุกด้าน แล้วใช้หลังช้อนเกลี่ยให้ทั่วแผ่น และโรยชีสขูดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะลงบนซอสพิซซ่า ตามด้วยใส่มอสซาเรลล่าชีส แล้วเกลี่ยให้ทั่วพิซซ่า จากนั้นใช้มือฉีกใบโหระพา โรยใบโหระพาให้ทั่วแผ่นพิซซ่า นำแผ่นพิซซ่าไปใส่เตาอบที่อุ่นไว้ จากนั้นใช้เวลาอบ 7-8 นาที หรือจนกว่าชีสจะเดือดปุด ๆ และขอบของพิซซ่าเป็นสีน้ำตาลเล็กน้อย
  4. นำพิซซ่าออกจากเตาอบ จัดใส่ถาดอาหารขนาดถึงพิซซ่า พร้อมเสิร์ฟทันที
Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

ufabetฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
อาหารนานาชาติ

ปาเอญ่า (Paella) ข้าวอบสเปนแสนอร่อย กลิ่นหอมชวนลิ้มลอง

ปาเอญ่า

ถ้าหากพูดถึงประเทศสเปน หลายคนคงจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงาม แหล่งรวมมรดกทางวัฒนธรรมอันน่าตื่นตา และอาหารรสชาติอร่อยสไตล์ยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ ถึงแม้อาหารสเปนอาจไม่คุ้นหู หรือคุ้นปากชาวไทยเหมือนกับอาหารอิตาเลียน แต่หากคุณมีโอกาสได้ลิ้มลองอาหารสเปนเราขอแนะนำ ปาเอญ่า (Paella) หรือข้าวอบสเปน อาหารขึ้นชื่อประจำชาติของประเทศสเปนที่คนไทยมักเรียกว่าข้าวผัดสเปน แต่จริง ๆ แล้วเมนูนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเอาข้าวไปผัดในกระทะเลย ความจริงมันคือการนำเอาข้าวที่หุงสุกแล้วมาผสมกับเนื้อสัตว์และน้ำสต็อกในกระทะแบนใบใหญ่แล้วทำการอบต่างหาก 

สิ่งที่ทำให้เมนูปาเอญ่าน่าลิ้มลองคือ เมนูนี้อัดแน่นไปด้วยเครื่องซีฟู้ดเน้น ๆ แถมยังมีรสชาติเข้มข้นสุด ๆ และหน้าตาสวยงามชวนน่ารับประทาน ที่สำคัญเมนูปาเอญ่าน่า เป็นการผสมผสาน 3 วัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน นั่นคือ วัฒนธรรมสเปน วัฒนธรรมโรมัน และวัฒนธรรมอาหรับ จึงไม่แปลกที่นักชิมทั่วโลกต่างรอต่อแถวเพื่อลิ้มลองรสชาติสักครั้ง แต่สำหรับใครที่ไม่อยากเสียเงินนั่งเครื่องบินไปถึงประเทศสเปน ในบทความนี้เราก็มีขั้นตอนและวิธีการเมนูปาเอญ่า (Paella) หรือข้าวอบสเปนให้อร่อยไม่แพ้สูตรต้นตำรับมาฝากทุกคน รับรองเลยว่าสูตรนี้จะต้องถูกปากคุณและคนในครอบครัวแน่นอน

ส่วนผสมของเมนู ปาเอญ่า (Paella) หรือข้าวอบสเปนแสนอร่อย

เมนู ปาเอญ่า (Paella) หรือ ข้าวอบสเปน เป็นเมนู อาหารนานาชาติ ที่หลายคนอยากลิ้มลองรสชาติดูสักครั้ง ปาเอญ่ามีลักษณะเป็นข้าวที่ติดอยู่ก้นกระทะ เป็นข้าวที่กรอบเกรียมแต่ไม่ได้ไหม้ ให้ความรู้สึกกรุบกรอบ กลิ่นหอม รสชาติอร่อย เมนูปาเอญ่าสูตรดั้งเดิมมักใส่เนื้อไก่ หรือเนื้อกระต่าย บางครั้งก็ใส่ซีฟู้ด ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณไปพบกับขั้นตอนการทำเมนูปาเอญ่า ซีฟู้ด ซึ่งสูตรนี้เราเอามาจากช่อง YouTube ที่มีชื่อว่า CentralFood TV แต่ก่อนจะไปดูขั้นตอนและวิธีการ เรามาดู ส่วนผสม ทั้งหมดของเมนูปาเอญ่า กันก่อนเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำเมนูปาเอญ่า (Paella)

  1. กุ้งขาว / หอยแมลงภู่ / ปลาหมึก ตามความชอบ
  2. น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา
  3. หอมใหญ่สับ ¼ ลูก 
  4. ข้าวสาร 1 ถ้วย 
  5. ใบไทม์ 2-3 ต้น
  6. กระเทียมบุบ 1 กลีบ 
  7. มะเขือเทศสับ ½ ถ้วย 
  8. เกลือ เล็กน้อย
  9. พริกไทยป่น ตามความชอบ
  10. น้ำสต๊อกไก่ 1 ถ้วย 
  11. หญ้าฝรั่น 
  12. ถั่วลันเตาเขียว ½ ถ้วย 
  13. พริกหยวกแดงหั่นเส้น ตามความชอบ
ปาเอญ่า

ขั้นตอนและวิธีการทำเมนูปาเอญ่า (Paella)

หลังจากที่เราได้จัดเตรียมส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเรามาดูขั้นตอนและวิธีทำเมนู ปาเอญ่า (Paella) หรือที่คนไทยมักเรียกว่า ข้าวผัดสเปน กันต่อเลยค่ะ ซึ่งความจริงแล้วเมนูปาเอญ่าไม่ได้มีการผัดเหมือนข้าวผัดบ้านเราสักเท่าไร ส่วนใหม่นิยมไปในทางหมกมากกว่า คือต้มข้าวกับน้ำซุปจนสุกระดับหนึ่งก่อน แล้วค่อยปิดฝาปล่อยให้ข้าวระอุ กลิ่นหอม แล้วยกมารับประทานทั้งกระทะ แต่จะมีขั้นตอนและวิธีทำอย่างไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

ขั้นตอนและวิธีการทำเมนูปาเอญ่า (Paella)

  1. เริ่มต้นด้วยการเตรียมน้ำสต๊อก แล้วใส่หญ้าฝรั่นลงไป
  2. นำส่วนผสมซีฟู้ด หอยแมลงภู่ กุ้ง และปลาหมึกหั่นแว่น ไปย่างจนสุก จากนั้นนำไปพักไว้ก่อน
  3. ตั้งกระทะให้ร้อน แล้วใส่น้ำมันมะกอกลงไป จากนั้นตามด้วยลันเตาเขียว แล้วผัดใส่เครื่องปรุงรส เกลือ พริกไทย แล้วเอาขึ้นมาพักไว้ 
  4. นำพริกหยวกแดงหั่นเส้นไปผัดจนสุก แล้วพักไว้เช่นกัน
  5. ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอก และใส่ผัดหอมใหญ่หั่นเต๋าลงไปผัดจนนิ่ม
  6. จากนั้นใส่กระเทียมทุบ ใบไทม์ และมะเขือเทศสับ ลงไปผัดให้เข้ากัน
  7. ใส่ข้าวลงไปในกระทะ แล้วผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เคลือบข้าว แล้วปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยป่น
  8. เติมน้ำ 9. ต๊อกที่ผสมกับหญ้าฝรั่นลงไปกระทะไฟใช้อ่อน จากนั้นปิดฝากระทะทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จนข้าวระอุ กลิ่นหอมออกมา
  9. พอข้าวสุก ตักใส่กระทะทรงแบน จากนั้นใส่เครื่องซีฟู้ด ถั่วลันเตาเขียว และพริกหยวกแดงหั่นเส้น ที่เตรียมไว้ แล้วตกแต่งด้วยใบไทม์สด เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเมนูปาเอญ่า (Paella) หรือข้าวอบสเปนที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้ ขอบอกเลยว่าเมนูจานเด็ดนี้นอกจากจะรสชาติอร่อย กลิ่นหอมน่าลิ้มลองแล้ว ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมาย พร้อมทั้งอัดแน่นไปด้วยข้าวและซีฟู้ดเน้น ๆ เราเชื่อว่าเมนูจานนี้จะต้องถูกอกถูกใจชาวไทยค่ะ

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

ufabetฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
อาหารนานาชาติ

แฮ่กึ๊น เมนูอาหารจีนทอดแบบง่ายๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย

แฮ่กึ๊น

ใครที่ชื่นชอบอาหารจีนฟังทางนี้ค่ะ วันนี้เรามีเมนูอาหารจีนประเภทเมนูของทอดสีทองกรอบที่มีชื่อเรียกว่า “แฮ่กึ๊น” มาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว โดยคำว่า แฮ่ แปลว่า กุ้ง ส่วนคำว่า กึ๊น แปลว่า ม้วนกระดาษ พอเอาสองคำนี้มารวมกันจะหมายถึง ม้วนกระดาษที่ทำจากกุ้ง หรือความหมายตามพจนานุกรมหมายถึง ชื่ออาหารแบบจีนชนิดหนึ่ง ใช้เนื้อกุ้งกับมันหมูแข็งที่บด หรือสับละเอียดแล้วผสมแป้งสาลีกับเครื่องปรุงรส นวด หรือโขลกจนเหนียว นำมาห่อม้วนให้แน่นด้วยฟองเต้าหู้เป็นท่อนกลม ๆ ยาว ๆ นึ่งแล้วทอดให้สุก กินกับน้ำจิ้มบ๊วยรสหวาน แต่ในปัจจุบันแฮ่กึ๊นนิยมทำเป็นท่อนยาวกลมห่อด้วยฟองเต้าหู้ พอทอดเสร็จค่อยตัดเฉียงหรือตัดเฉียงก่อนนำไปทอดค่ะ

จริงๆแล้วเมนูของทอดสีเหลืองทองกรอบมักมีชื่อเรียกภาษาจีนว่า “ฮ่อยจ๊อ” กับ “แฮ่กึ๊น” ซึ่ง 2 เมนูนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอาหารคู่แฝด แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่แตกต่างกัน คือ วัตถุดิบที่นำมาทำและความหมายของชื่อ พร้อมกับจุดเด่นที่แตกต่างกัน คือ ฮ่อยจ๊อ มีส่วนประกอบหลักเป็น “ปู” ส่วน แฮ่กึ๊น มีส่วนประกอบหลักเป็น “กุ้ง” โดยวันนี้เราได้คัดเอาสูตรการทำเมนูแฮ่กึ๊นและสูตรน้ำจิ้มบ๊วยมาแนะนำทุกคน จะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูแฮ้กึ้น กับน้ำจิ้มบ๊วย

ปัจจุบันแฮ้กึ้น เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารจีนที่มีขายในไทยอย่างแพร่หลาย โดยมีทั้งแบบแฮ้กึ้นสดซื้อกินที่ร้าน กับแบบแฮ่กึ๊นสดแช่แข็งที่สามารถซื้อกลับไปทอดกินเองที่บ้านได้ สำหรับใครที่อยากจะลองทำเมนูนี้กินเอง เราก็มีสูตรมาแนะนำ แถมเรายังนำสูตรการทำน้ำจิ้มบ๊วยหวานมาทุกคนอีกด้วย แต่ก่อนที่จะไปดูขั้นตอนการทำเมนูแฮ้กึ้น กับน้ำจิ้มบ๊วยหวาน เรามาดูส่วนผสมกันก่อนเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับเมนูแฮ้กึ้น

  1. ฟองเต้าหู้ ขนาดพอดี 2 แผ่น
  2. มันหมูบด ½ ถ้วย
  3. เนื้อกุ้งบด 1 ถ้วย
  4. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
  5. น้ำตาลเล็กน้อย
  6. พริกไทย 1 ช้อนโต้ะ
  7. รากผักชีบด 1 ช้อนโต้ะ
  8. กระเทียมบด 1 ช้อนชา
  9. แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต้ะ
  10. ไข่แดง 1 ฟอง
  11. น้ำมันสำหรับทอด
  12. ผัดสดอย่าง แตงกวา ผัดกาดหอม มะเขือเทศ

ส่วนผสมน้ำจิ้ม

  1. บ๊วยน้ำส้มสายชู ½ ถ้วย
  2. เกลือสมุทร ½ ช้อนชา
  3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
  4. เนื้อบ๊วยดองยี (10 เม็ด) ¼ ถ้วย
  5. น้ำบ๊วยดอง 1 ช้อนโต๊ะ
แฮ่กึ๊น

ขั้นตอนวิธีการทำแฮ้กึ้น กับน้ำจิ้มบ๊วย

แฮ้กึ้นเป็นชื่อเรียกเป็นภาษาจีน ส่วนภาษาอังกฤษเมนูนี้เรียกว่า shrimp-rolled สำหรับวิธีทำเมนูแฮ้กึ้น กับน้ำจิ้มบ๊วยหวาน สูตรนี้มีขั้นตอนการทำที่ค่อนข้างเข้าใจง่ายเหมาะสำหรับคนที่รักการทำอาหารกินเองที่บ้าน แล้วคนที่เริ่มทำเมนูนี้ครั้งแรก จะมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

ขั้นตอนการทำแฮ้กึ้น

  1. เริ่มการการนำเนื้อกุ้งบด และ มันหมูบด ไปแช่เย็น ใช่ช่องแช่แข็งก่อน 1 คืน การทำไส้สำหรับทำแฮ้กึ้นนี้ ต้องทำในอุณหภูมิที่ต่ำ จะช่วยให้ไส้ไม่เละ รุ่ย เนื้อเนียน น่ารับประทาน
  2. นำ เนื้อกุ้งบด และ มันหมูบด มาผสมให้เข้ากัน จากนั้นปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว พริกไทยบด กระเทียมบด และ รากผักชีบด
  3. จากนั้นทำการนวดไส้ให้จับตัวเป็นก้อน ขั้นตอนนี้ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญ หากไม่สามารถนวดไส้ให้ได้ที่ ไส้ก็จะไม่จับตัว เนื้อรุ่ย ไม่น่ารับประทาน
  4. เมื่อเราได้ไส้แฮ้กึ้น แล้วให้นำมาห่อด้วย ฟองเต้าหู้ ให้เป็นแท่ง โดยใช้ไข่แดงทา เพื่อให้ฟองเต้าหู้จับตัวไม่หลุดออกจากไส้ เวลานำไปทอดไข่แดงโดนความร้อนไข่แดงจะสุกและจับตัวกับฟองเต้าหู้ ทำให้ฟองเต้าหู้ไม่หลุดจากเนื้อไส้ สำหรับคนที่ไม่ชอบไข่แดง แนะนำให้ใช้ไม่จิ้มฟันจิ้มที่ฟองเต้าหู้ เพื่อยึดฟองเต้าหู้กับไส้ ไม่ให้หลุดออกจากกัน
  5. เตรียมหม้อนึ่ง จากนั้นนำแฮ้กึ้นไปนึ่งให้ไส้สุก โดยขั้นตอนนี้ใช้เวลานึ่งประมาณ 10 นาที ไม่ควรนึ่งนานกว่านี้ เพราะจะทำให้แฮ้กึ้นเละ จากนั้นนำแฮ้กึ้น มาพักให้เย็นก่อน
  6. จากนั้น นำแฮ้กึ้นที่นึ่งแล้วมาหั่น เป็นชิ้น ขนาดพอดีคำ และนำไปคลุกกับแป้งข้าวโพด เพื่อเตรียมสำหรับนำไปทอด
  7. ตั้งกระทะน้ำมัน ความร้อนปานกลาง จากนั้นนำแฮ้กึ้นที่หั่นไว้ลงไปทอด สำหรับการทอดนี้ ทอดให้แป้งข้าวโพดเหลือง และ ฟองเต้าหู้กรอบ ก็พอ จากนั้นนำมาพักให้ สะเด็ดน้ำมัน
  8. เสิร์ฟใส่จาน จัดหน้าด้วย แตงกวา ผัดกาดหอม มะเขือเทศ พร้อมทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยหวาน

ขั้นตอนการทำน้ำจิ้มบ๊วยหวาน

  1. เคี่ยวน้ำส้มสายชู เกลือ น้ำตาล เนื้อบ๊วย และ น้ำบ๊วย เข้าด้วยกันในกระทะทองเหลืองด้วยไฟอ่อนจนข้นเหนียวปิดไฟ ชิมรสให้หวาน เปรี้ยว เค็ม หอมกลิ่นบ๊วย
  2. ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟทานคู่กับแฮ้กึ้นทาน

เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคนสำหรับสูตรการทำแฮ้กึ้น กับน้ำจิ้มบ๊วย นอกจากเมนูนี้จะอร่อยถูกปากคนที่ได้ลิ้มลองแล้ว น้ำจิ้มบ๊วยหวานที่เรานำมาฝากยังเป็นน้ำจิ้มที่มีรสหวาน เปรี้ยว เค็ม หอมบ๊วยดอง ไม่มีรสเผ็ด จึงเป็นน้ำจิ้มที่เด็กทานได้ ใช้จิ้มกับอาหารเมนูทอดได้ดี เพราะรสเปรี้ยวช่วยตัดความเลี่ยนของอาหาร นอกจากนี้น้ำจิ้มบ๊วยหวานยังสามารถผสมกับน้ำจิ้มอื่น ช่วยให้มีรสหวานเปรี้ยวและกลิ่นหอมขึ้นอีกด้วยค่ะ

เว็บพนันฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
อาหารนานาชาติ

แซลมอนซาชิมิ ทำกินเองก็ฟินได้

แซลมอนซาชิมิ

ประเทศญี่ปุ่นเป็นชาติที่โด่งดังในเรื่องวัฒนธรรมด้านอาหาร ถ้าหากให้พูดถึงอาหารยอดนิยมประจำชาติของประเทศญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ หลาย ๆ คนต้องนึกถึงเมนู “แซลมอนซาชิมิ” อย่างแน่นอนค่ะ เพราะเป็นกระแสนิยมอย่างมาก 

วิธีเตรียมทำแซลมอนซาซิมิ

แซลมอนซาชิมิ

สำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นหรือชอบแซลมอนแล้วอยากกินแต่ไม่อยากออกจากบ้านนะคะ เรามีสูตรอาหารทำกินที่บ้านหรือสูตรการทำแซลมอนซาซิมิ มาฝากทุกคนกันค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียม หลัก ๆ คือ มีด เขียง ผ้าเช็ดเพื่อทำความสะอาดค่ะ และวิธีการทำเป็นอย่างไรไปดูกันเลยค่ะ

1.เริ่มขอดเกล็ดปลาแซลมอนให้เรียบร้อย

2.ล้างทำความสะอาดตัวปลาแซลมอนให้สะอาดทั้งภายใน และภายนอกอีกครั้ง 

3.เช็ดทำความสะอาดตัวปลาแซลมอน เพื่อนำน้ำมันที่อยู่บริเวณตัวปลาแซลมอนออกไป และทำการสังเกตความสดของปลาแซลมอน โดยการเช็คจากบริเวณส่วนเหงือกของปลาแซลมอนว่ามีสีแดงสดไหม หากดวงตาของปลาแซลมอนไม่มีต้อสีขาว หรือฝ้าสีขาว แสดงว่าปลานั้นยังคงความสดอยู่

ขั้นตอนการแล่ปลาแซลมอน

แซลมอนซาชิมิ

1.ขั้นตอนการแล่ปลาแซลมอนนั้นจะต้องมีการใช้มีดที่มีความคม มีความหนา และมีน้ำหนักพอสมควร เพราะจะทำให้สามารถแล่ปลาแซลมอนได้ง่ายขึ้น จะเป็นมีดที่ทำจากเหล็ก หรือสแตนเลสก็ได้เช่นกันค่ะ 

2.ส่วนแรกที่ต้องทำการเฉือนออกก็คือตำแหน่งที่อยู่ใต้ครีบบน หรือก็คือใต้บริเวณเหงือกของปลานั่นเองค่ะ ทำการตัดทั้งครีบบน และเหงือกออกพร้อมกันได้เลย

3.ส่วนต่อมาคือส่วนใต้ท้องของปลาแซลมอน ทำการตัดครีบท้องของปลาแซลมอนออก หลังจากนั้นค่อยๆ นำมีดแล่เฉือนไปบนแกนกลางกระดูกสันหลังของปลาแซลมอน 

4.เมื่อได้ชิ้นปลาแซลมอนออกมา 2 ส่วนแล้ว นำชิ้นปลาแซลมอนที่มีแกนกลางกระดูกนั้นมาตัดเฉือนออก และตัดเฉือนส่วนท้องของปลาแซลมอนซึ่งเป็นส่วนที่มีก้างออกเช่นกัน 

5.เมื่อนำก้างของปลาแซลมอนออกจนหมดแล้ว ให้ทำการตัดแบ่งส่วนของชิ้นเนื้อปลาแซลมอนให้มีขนาดที่เหมาะสม ในส่วนนี้เราสามารถกำหนดเองได้ และค่อยๆ เฉือนเนื้อปลาแซลมอนออกจากหนังของปลาแซลมอน และตัดเฉือนชิ้นเนื้อปลาแซลมอน ออกเป็นพอดีคำ เพียงเท่านี้ เราก็จะได้รับประทานแซลมอนซาชิมิอย่างฟินๆ และเอร็ดอร่อยได้แล้วค่ะ 



นี่ก็เป็นวิธีทำหรือเป็นทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการแล่ปลาแซลมอนที่เราเอามาฝากให้ทุกคนได้ไปทำกินเองที่บ้านแบบฟินๆกันนะคะ นอกจากนั้นบางคนอาจจะคิดว่าการกินปลาแซลมอนดิบๆ นั้นไม่ดี ที่จริงถ้าหากเราเลือกปลาแซลมอนที่ดี การกินปลาแซลมอนแบบสดหรือกินแบบซาชิมิก็มีประโยชน์นะคะ ข้อดีของปลาแซลมอนสด ก็คือการมีความสดของเนื้อปลา แถมยังอัดแน่นไปด้วยคุณค่าของสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะกรดไขมันโอเมก้า 3 เพราะยังไม่ถูกนำไปผ่านกรรมวิธีทำใด สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่า ปลาแซลมอนนั้นมีความสดใหม่จริงๆ นั่นเองค่ะ

สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
อาหารนานาชาติ

หย่าเก่ย ขาหมูตุ๋นสมุนไพร ฉบับเวียดนาม รสเข้มข้น

หย่าเก่ย

เมนูขาหมูตุ๋นสมุนไพร (หย่าเก่ย) แบบฉบับเวียดนาม เป็นอาหารเวียดนาม อีกหนึ่งอัตลักษณ์ของคนไทยเชื้อสายเวียดนาม ที่มีหน้าตาและรสชาติคล้ายกับพะโล้หมูบ้านเรา แต่เมนูนี้ไม่มีส่วนผสมของผงพะโล้นะคะ ส่วนสีก็ใช้การเคี่ยวน้ำตาลให้ไหม้แทนสีพะโล้และก็แทนซีอิ้วหวาน เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารนานาชาติที่เราอยากแนะนำทุกคนให้ลองทำรับประทานที่บ้าน เพราะเมนูนี้ถือว่าเมนูที่แต่ละขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการทำอาหารที่บ้าน หรือคนที่เริ่มทำเมนูหย่าเก่ยเป็นครั้งแรก นิยมทำรับประทานในเทศการรวมญาติต่างๆ วันตรุษญวน วันไหว่บรรพบุรุษ ส่วนใหญ่มักทานแบบห่อกับผักกาดหอมหรือใบชะพลู(ผักอีเลิด) ต้นหอมผักชี ทานกันเป็นคำ ๆเข้าถึงรสชาติสุดๆเลยค่ะ หรือจะทานคู่กับข้าวสวยร้อนก็ฟินสุดๆเลยค่ะ เรามาดูส่วนผสมและขั้นตอนการทำกันเลยนะคะ

ส่วนผสมหลักของเมนูขาหมูตุ๋นสมุนไพร (หย่าเก่ย)

ขาหมูตุ๋นสมุนไพร หรือภาษาเวียดนามจะเรียกกันว่า”หญ่าเก่ย” เป็นอาหารเวียดนาม โดยสูตรที่เรานำมาแนะนี้สูตรดั่งเดิม แบบฉบับเวียดนาม มีส่วนผสมของเครื่องสมุนไพรอย่างพริกไทยเม็ดและก็พริกแห้งซึ่งทำให้มีรสชาติที่เผ็ดรสเข้มข้น หอมกลิ่มสมุนไพรต่างๆ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และ แต่งรสชาติ ด้วย กะปิ น้ำตาล และ เต้าเจี้ยว ส่วนเนื้อหมูที่เลือกใช้คือส่วนที่เป็นขาหมู หรือหากใครไม่ชอบขาหมูสามารถเลือกใช้เนื้อหมูส่วนอื่นได้ เช่น กระดูกอ่อน หมูสามชั้น เอ็นหมู แทนได้แล้วแต่ความชอบเลยค่ะ เมนนี้มีขั้นตอนการทำที่ง่ายมากๆ แต่ก่อนที่เราจะไปดูวิธีทำขาหมูตุ๋นสมุนไพร (หย่าเก่ย) เรามาดูส่วนผสมทั้งหมดของเมนูนี้กันเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำเมนูขาหมูตุ๋นสมุนไพร (หย่าเก่ย)

  1. เนื้อส่วนขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
  2. ข่านำมาซอยเป็นแผ่น 1 หัว
  3. ตะไคร้หั่นเป็นท่อน 4-5 ต้น
  4. ใบมะกรูด ฉีก 5-8 ใบ (ให้เอาแกนใบออกจะทำให้น้ำแกงไม่ขมแกนใบ)
  5. กะปิ 2 ช้อนโต้ะ (ใช้กะปิคลองโคลน)
  6. น้ำตาล 4 ช้อนโต้ะ
  7. ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
  8. น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
  9. เต้าเจี้ยวบดอย่างดี 2 ช้อนโต้ะ
  10. เหล้าขาว 3 ช้อนโต้ะ
  11. น้ำเปล่า 1 ถ้วย
หย่าเก่ย

ขั้นตอนวิธีการทำขาหมูตุ๋นสมุนไพร (หย่าเก่ย)

สำหรับวิธีทำเมนูอาหารเวียดนามขาหมูตุ๋นสมุนไพร ให้อร่อยกลมกล่อม หอมกลิ่มสมุนไพร รสเข้มข้น มีขั้นตอนที่แสนง่ายสามารถทำกินเองได้ที่บ้าน โดยเคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้คือการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การปรุงรสชาติ และการตุ๋นขาหมูให้เปื่อย ส่วนจะมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

  1. เริ่มจากการให้ขูดขนขาหมูออกให้หมดก่อน แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำ ให้ขนาดหนาเล็กน้อย เนื่องจากการต้มต้องใช้เวลานาน หากหั่นบาง เนื้อหมูจะเปื่อยก่อนที่หนังหมูจะเปื่อยได้
  2. หมักหมู โดยใส่ส่วนผสมอย่าง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะปิ น้ำตาล ซอสน้ำมันหอย น้ำปลา เต้าเจี้ยว และเหล้าขาว หมักให้เข้ากัน และแช่เย็นไว้ประมาณ 1 คืน จะได้เนื้อหมูที่มีรสชาติอร่อย
  3. จากนั้นตั้งหม้อต้มใส่น้ำให้เต็มหม้อ และนำส่วนผสมที่หมักไว้ลงไปต้ม แต่เคี้ยวด้วยไฟปานกลาง หากน้ำแห้งแล้ว แต่ หมูยังไม่เปื่อย ให้เติมน้ำลงไปเพิ่ม อย่าปล่อยให้น้ำแห้งจนไหม้
  4. เคี้ยวไปเรื่อย ๆ จนน้ำลดลงเหลือครึ่งหม้อ สังเกตได้ว่า เนื้อหมูเริ่มนุ่ม น้ำซุปเค้มข้น ก็เป็นอันเสร็จ สามารถตักเสิร์ฟพร้อมรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ และผักกาด ต้นหอม ผักชี เข้ากันๆ ยิ่งกัดโดนพริกไทยเม็ด ข่า ตะไคร้ ยิ่งได้รสชาติทั้งเผ็ดทั้งหอมเครื่องสมุนไพร พริกแห้งเป็นลูกโดดแต่ละคำที่ได้ทานเข้าไปรับรองว่าไม่ผิดหวังในรสชาติเมนูขาหมูตุ๋นสมุนไพร (หย่าเก่ย)แน่นอนค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับเมนูอาหารเวียดนามขาหมูตุ๋นสมุนไพร (หย่าเก่ย) เป็นเมนูอาหารเวียดนามที่สามารถเก็บไว้รับประทานได้นานตามที่ต้องการ เพราะเมนูนี้สามารถเก็บใส่ตู้เย็นไว้ได้เป็นเดือนๆเลยค่ะ ส่วนน้ำซุปก็อร่อยกลมกล่อม หอมกลิ่นสมุนไพร แถมยังสามารถนำไปต้มใส่ไก่, เป็ด หรืออาหารอย่างอื่นได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเมนูเดียวสามารถทำกินได้อีกหลายเมนูเลยค่ะ รับรองว่าเมนูขาหมูตุ๋นสมุนไพร (หย่าเก่ย) ที่เรานำมาฝากอร่อยถูกปากคนที่ได้ลิ้มลองรสชาติแน่นอนค่ะ

สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา วอเลท