สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
อาหารสุขภาพ

เกี๊ยวน้ำ กินกับน้ำซุปหอม ๆ อร่อยเด็ด มัดใจคนที่บ้าน

เกี๊ยวน้ำ

เกี๊ยวน้ำ เมนูง่าย ๆ กินกับน้ำซุปร้อน ๆ คล่องคอ และอร่อยกว่เกี๊ยวน้ำ 7-11 อยากรู้ รสชาติเป็นยังไง ต้องติดตาม

ส่วนผสมในการทำเกี๊ยวน้ำ

เกี๊ยวน้ำ

เกี๊ยว น้ำ ไม่จำเป็นต้องซื้อจากร้านสะดวกซื้อ หรือซื้อจากร้านอาหาร เพราะทั้งเนื้อหมูและเนื้อกุ้ง ต้นทุน ราคาค่อนข้างสูง มีหรือราคาเกี๊ยวน้ำจะถูก เพราะฉะนั้น ถ้าอยากประหยัดและลดต้นทุน อีกทั้งใช้เวลาทำไม่นาน เพราะเตรียมส่วนผสมน้อย วันนี้ ลองมาทำเกี๊ยวน้ำกันดีกว่า เพราะการทำอาหารเมนูนี้ ง่ายนิดเดียวจริง ๆ 

วัตถุดิบ เกี๊ยวน้ำ

เกี๊ยวน้ำ
  1. แผ่นเกี๊ยว 20 แผ่น 
  2. กุ้งสับ 100 กรัม
  3. หมูสับ 100 กรัม 
  4. กระเทียม 1 กลีบ 
  5. พริกไทยขาวเม็ด 1 ช้อนชา 
  6. รากผักชี 3 ราก 
  7. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ 
  8. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ 
  9. ไข่ไก่ 1 ฟอง 
  10. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ 
  11. น้ำซุปกระดูกหมู 1 ลิตร 
  12. ต้นหอมซอย ตามชอบ 
  13. ผักกวางตุ้ง ตามชอบ 
  14. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

เกี๊ยวน้ำ

ขั้นตอนที่ 1 พริกไทยควรเลือกเป็นพริกไทยขาวเม็ด นำมาโขลกรวมกับรากผักชี และกระเทียม จนละเอียด เพระส่วนผสมดังกล่าว ช่วยทำให้ เกี๊ยวน้ำ มีรสชาติที่ดีขึ้นมาได้

ขั้นตอนที่ 2 นำกุ้งและหมูมาสับให้ละเอียด หรือจะใช้เครื่องบดกุ้ง บดหมูก็ได้ นำกุ้งใส่ในชามผสม ตามด้วยหมูบด กระเทียม รากผักชี พริกไทยหรือที่เราเรียกว่าสามเกลอที่โขลกแล้ว นำมาผสมรวมกัน ตามด้วย น้ำตาล ซอสปรุงรส น้ำมันงา ซอสหอยนางรม และไข่ไก่ คนให้เข้ากัน โดยยังไม่ต้องไปตั้งคำถามว่า เกี๊ยวน้ำกี่แคล

เกี๊ยวน้ำ

ขั้นตอนที่ 3 ตักไส้ที่ผสมแล้ว นำมาวางลงบนแผ่นเกี๊ยวที่เตรียมไว้ ตักไส้ขึ้นมาประมาณ 1 ช้อนชา จากนั้นจัดการห่อให้สวยงาม โดยมีเทคนิคง่าย ๆ นั่นก็คือ นำน้ำเปล่ามาทาตรงขอบของแผ่นเกี๊ยว วิธีนี้จะทำให้ แผ่นเกี๊ยวห่อติดกันแน่น อีกทั้งเวลาต้ม ก็จะไม่แตกอีกด้วยอันเป็นอีกหนึ่งเกี๊ยวน้ำสูตร ที่น่าลองทำดู

ขั้นตอนที่ 5 รอน้ำเดือดจัด จากนั้นนำเกี๊ยวไปต้ม พอสุก ตักใส่ชาม

ขั้นตอนที่ 6 เทน้ำซุปกระดูกหมูลงในหม้อ จากนั้นใช้ไฟกลาง รอกระทั่งน้ำซุปเดือด

เกี๊ยวน้ำ

ขั้นตอนที่ 7 ใช้ผักกวางตุ้ง ต้มจนผักกวางตุ้งสุก นำมาเทใส่ชามที่ใส่เกี๊ยว โรยต้นหอมที่นำมาซอยแล้ว เสริ์ฟและรับประทานได้เลย

เห็นหรือยัง การทำเกี๊ยวน้ำนั้นไม่ยากเลย ขอเพียงเตรียมส่วนผสมให้พร้อม รวมถึงเรียนรู้เทคนิคในการห่อเกี๊ยว เพียงเท่านี้ เราก็จะได้เกี๊ยวแสนอร่อยมาซดร้อน ๆ แล้ว อีกทั้งเมนูนี้ ยังเหมาะสมกับเด็ก ๆ อีกด้วย เพราะกินง่าย รสชาติไม่จัด 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารสุขภาพ

ผัดผัก รวมมิตร จานเดียวเอาอยู่ คุณค่าทางสารอาหารครบ

ผัดผัก รวมมิตร

ผัดผัก รวมมิตร เมนูเพื่อสุขภาพ อร่อยและควบคุมน้ำหนักได้ ผัดผักรวมมิตรใส่อะไรบ้าง วันนี้มีเคล็ดลับดี ๆ มาบอก

ส่วนผสมในการทำ ผัดผัก รวมมิตร

ผัดผัก รวมมิตร

วัตถุประสงค์ของการทำเมนู ผัดผักรวมมิตร นี้เกิดมาจาก ความต้องการที่จะนำผักเหลือในตู้เย็น นำมาผัดรวมกัน เช่น แครอท ข้าวโพดอ่อน บล็อคโคลี ถั่วลันเตา และหน่อไม้ฝรั่ง มาผัดรวมกัน ในส่วนของเนื้อสัตว์ เลือกได้ตามชอบ จะเป็นผัดผักรวมกุ้ง หรือ ผัดผักรวมมิตรหมูสับ เราก็จะได้เมนูจานเด็ดมารับประทานแล้ว อีกทั้งยังไม่อ้วน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก รวมถึง ผู้ที่สนใจดูแลใส่ใจร่างกาย ดังนั้น วันนี้ แอดมิน จะขอนำเสนอสูตรผัดผักรวมแสนอร่อย มานำเสนอให้กับเพื่อน ๆ ทุกคน

ผัดผักรวมมิตรมีวัตถุดิบอะไรบ้าง

ผัดผัก รวมมิตร
  • บล็อคโคลีครึ่งหัว
  • กะหล่ำปลีครึ่งหัวเล็ก
  • มะเขือเทศ1 ลูก
  • แครอท 1/2หัวเล็ก
  • หมูหั่นชิ้น2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย1/2 ช้อนชา
  • ซอสหอยนางรม2 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว1/2 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า1 ช้อนโต๊ะ
  • กะเทียมสับ

วิธีทำ

ผัดผัก รวมมิตร

ขั้นตอนที่ 1 นำบล็อคโคลีและแครอทไปลวกในน้ำที่กำลังเดือดปุด ๆ จากนั้น ลองสังเกตุดูว่าสีของผัก สดขึ้นแล้วหรือยัง ถ้าพบว่า สีของผักที่เราลวกนั้น เปลี่ยนเป็นสีสดแล้ว ให้ นำขึ้นมาพักเพื่อสะเด็ดน้ำ เตรียมทำผัดผักรวมมิตร ขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนที่ 2 ใส่น้ำมันพืชลงในกะทะ ขั้นตอนนี้ใช้ไฟกลางเท่านั้น จากนั้นนำกระเทียมที่เราเตรียมไว้ ลงไปทอดในกะทะ รอจนกระเทียมที่เจียวออกมานั้นเป็นสีเหลืองทองและมีกลิ่นหอม จากนั้นถึงเข้าสู่ขั้นตอนทำผัดผักรวม 5 ชนิด หรือเท่าที่เราสามารถเตรียมได้

ผัดผัก รวมมิตร

ขั้นตอนที่ 3 ใส่บล็อคโคลี แครอท กะหล่ำปลี และมะเขือเทศ ลงไปผัด หรือถ้าบ้านไหนมีเห็ด สามารถเติมเห็ดลงไปได้ ก็จะกลายเป็นผัดผักรวมมิตร 5 อย่าง ระหว่างกำลังผัด วิธีผัดผักให้อร่อย ต้องใส่น้ำลงไปในผักที่เรากำลังจะผัดให้น้ำดูขลุกขลิก 

ขั้นตอนที่ 4 ใส่หมูหั่นชิ้นลงไปผัด เลือกเป็นหมูสับก็ได้ สำหรับหมูหั่นชิ้น อาจนำไปลวกก่อนก็ได้ ผัดกระทั่งหมูสุก ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย น้ำตาลทราย และซีอิ๊วขาว ผัดและคลุกส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟ ตักผัดผักใส่ในจาน เตรียมรับประทานได้เลย

ผัดผัก รวมมิตร

วิธีกินผัดผักรวมมิตรให้อร่อย ควรต้องกินคู่กับทอดมัน ต้มส้มปลาทู กินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ เข้ากันดีเหลือเกิน อิ่ม อร่อย ได้ประโยชน์ขนาดนี้ ไม่ต้องซื้อกินที่ร้านอาหารตามสั่งอีกต่อไปแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารสุขภาพ

น้ำเต้าหู้ สูตรเข้มข้น ทำเอง กินได้หลายวัน

น้ำเต้าหู้

น้ำเต้าหู้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เสริ์ฟความอร่อย จัดต็มเรื่อง วิธีทำน้ำเต้าหู้สูตรเข้มข้น ทำแบบไหน อย่าพลาด

น้ำเต้าหู้ ส่วนผสมในการทำ

น้ำเต้าหู้

น้ำ เต้าหู้ ที่จำหน่ายอยู่ตามท้องตลาด เป็นเครื่องดื่มที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง นอกจากหาซื้อง่าย ยังมีหลายสูตรเด็ดให้เลือก เช่น น้ำเต้าหู้งาดำ น้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง น้ำเต้าหู้ชาเขียว และ น้ำเต้าหู้ร้อน รวมถึง น้ำเต้าหู้เย็น ซึ่งในแต่ละสูตร เช่น ถ้าเป็นน้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง จะประกอบไปด้วย แมงลัก ถั่วจ๋า ถั่วแดง สาคู รวมถึงวุ้นใส หั่นเป็นท่อน ก็จะทำให้สูตรน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องเมนูนี้อิ่มและอร่อย ในราคาที่ไม่แพง เหมาะนำมากินในช่วงเย็นสำหรับผู้ที่ต้องการไดเอท ในส่วนของความหวาน มีทั้งหวานน้อย พอดี ๆ ไปจนถึงหวานมาก อยู่ที่ว่า ลูกค้าชอบแบบไหน แต่ถ้ากินเพื่อสุขภาพควรลดความหวานลงมา

น้ำ เต้าหู้ มีวัตถุดิบอะไรบ้าง

  1. ถั่วเหลืองซีก 500 กรัม
  2. น้ำสะอาด 2 ลิตร
  3. น้ำตาล 35 กรัม หรือจะไม่ใส่ก็ได้
น้ำเต้าหู้

วิธีทำ

ขั้นตอนที่ 1 ควรซื้อถั่วเหลืองซีกแบบไม่มีเปลือก ทั้งนี้เพราะ ถั่วเหลืองที่มาพร้อมเปลือก เวลานำมาทำน้ำเต้าหู้ จะมีกลิ่น แล้วเวลากิน จะไม่อร่อย และเมื่อได้ถั่วเหลืองซีกมาแล้ว นำมาล้างน้ำเปล่าหลาย ๆ รอบ จนกว่า น้ำที่ล้างถั่วเหลืองซีกดูใส

ขั้นตอนที่ 2 เทถั่วเหลืองซีกลงในอ่าง จากนั้น เทน้ำสะอาดให้ท่วมเมล็ดถั่วเหลือง การแช่ ใช้เวลาแช่ประมาณ 5 ชั่วโมง หรือ จะแช่ข้ามคืน ก็ยังได้ ในกรณี แช่ถั่วเหลืองที่จะนำมาทำ สูตรน้ำเต้าหู้โบราณ ในช่วงหน้าร้อน ให้ระวังถั่วเหลืองซีกบูด เราใช้วิธี แช่ถั่วเหลืองเอาไว้ในตู้เย็น ก็จะช่วยแก้สถานการณ์ดังกล่าวได้

ขั้นตอนที่ 3 เมื่อได้ระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ เทน้ำทิ้ง แล้วนำถั่วเหลืองไปพักเพื่อสะเด็ดน้ำ จากนั้น แบ่งถั่วเหลืองออกเป็นกอง ๆ ตักถั่วเหลืองลงในโถปั่น ตามด้วยน้ำ 3 ลิตร จากนั้น นำมาปั่นให้ถั่วเหลืองละเอียด ค่อย ๆ ตักถั่วเหลืองใส่โถปั่นจนครบ เพื่อเตรียมทำ สูตรน้ำเต้าหู้เงินล้าน ในขั้นตอนต่อไป

น้ำเต้าหู้

ขั้นตอนที่ 4 ต้มทั้งกากและน้ำที่ปั่นประมาณ 10 นาที ขั้นตอนนี้ ต้องใช้ไฟอ่อนเท่านั้น ระหว่างต้ม ต้องคอยคนไปเรื่อย ๆ มิฉะนั้น กากและน้ำที่ปั่นจะไหม้ติดหม้อ

ขั้นตอนที่ 5 นำน้ำถั่วเหลืองที่ต้มมากรองกับผ้าขาวบางหรือตะแกรงที่มีรูถี่มาก ๆ อย่าบีบหรือคั้นถั่วมากจนเกินไป เพราะเศษผงจากถั่วจะเล็ดรอดออกมาจากผ้า เวลาดื่ม จะสากคอ

ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อกรองเสร็จแล้ว พร้อมดื่มรับประทานได้เลย 

น้ำเต้าหู้

น้ำเต้าหู้สูตรนี้เป็นสูตรเข้มข้นที่กินแล้วจะติดใจ สามารถนำมาเก็บไว้ภายในตู้เย็นได้ถึง 5 วัน และถ้าใครที่อยากลดความเข้มข้นของสูตรนี้ สามารถเพิ่มน้ำสะอาดได้อีก 1 ลิตร

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารสุขภาพ

สลัด โรล อร่อยและได้สุขภาพ วิธีทำไม่ยากเลย

สลัด โรล

สำหรับเมนูเพื่อสุขภาพวันนี้ เราขอเสนอเมนูทำเองได้ง่ายๆนั่นก็คือ สลัด โรล จัดไปเน้น ๆ สลัดโรลปูอัด พร้อมสูตรการทำน้ำจิ้มซีฟู๊ด อร่อยไม่ง้อร้าน

สลัด โรล ส่วนผสมในการทำ

สลัด โรล

สลัดโรลเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการรับประทานสลัดให้รับประทานง่ายขึ้น โดยที่ยังคงคุณค่าทางสารอาหารเอาไว้อย่างครบครัน ไม่ว่า จะเป็น ผัก เนื้อปูอัด แผ่นแป้งปอเปี้ยะ น้ำสลัด และอื่น ๆ ทำให้การกินสลัดนั้นง่ายขึ้น เพียงแค่ ใช้ส้อมจิ้มและตักเข้าปากเท่านั้น ก็อร่อยแล้ว ในส่วนของการเลือกน้ำจิ้ม จะเป็นแบบไหนก็ได้ ใครที่ชอบรสชาติจัดจ้าน เป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดหรือวาซาบิก็ได้ หรือ ใครที่ไม่ชอบน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มโยเกิร์ตเบาๆ ก็ถือว่าอร่อยแล้ว

สลัดโรล วัตถุดิบ

สลัด โรล
  • แผ่นแป้ง(หาซื้อที่แม็คโคร,ฟู้ดแลนต์ และห้างสรรพสินค้าทุกที่)
  • ผักสลัดสีเขียว green oak,สีแดง red coral (หาซื้อที่แม็คโคร,ฟู้ดแลนต์ และอื่น ๆ )
  • แครอทหั่นตามยาวแตงกวาหั่นตามยาว(เอาไส้ออก)
  • ปูอัดยี่ห้อเบนโตะ
  • น้ำจิ้มตามชอบ(น้ำจิ้มซีฟู้ด,น้ำสลัดวาซาบิ,น้ำสลัดต้มยำ และอื่น ๆ )

วิธีทำ

สลัด โรล

ขั้นตอนที่ 1 นำแผ่นแป้งที่เตรียมไว้ หลายคนเรียกแผ่นแป้งนี้ว่า แป้งปอเปี้ยะ นำมาจุ่มน้ำสะอาด ในส่วนของผักสลัด นำมาฉีกเป็นชิ้นเล็ก ทั้งนี้เพราะผักสลัดถือว่า ค่อนข้างมีความสำคัญอยู่พอสมควร ในการนำมาใช้ทำสลัดโรล

ขั้นตอนที่ 2 วางแป้งที่จุ่มน้ำแล้ว ตามด้วยการนำผักสลัดที่ฉีกแล้วมาเรียงทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ตามด้วยแครอทและแตงกวาที่นำไส้ออกไปแล้วและตบท้ายด้วยปูอัด

สลัด โรล

ขั้นตอนที่ 3 วิธีม้วนให้สลัดโรลออกมาสวย คือการนำแป้งมาคลุมไส้ กดเบาๆ ม้วนแป้งไปจนสุดทั้งนี้เพื่อให้ไส้สลัดดูแน่น พยายามให้เห็นช่อผัก จัดให้สวยเข้าไว้ จากนั้นนำมีดมาหั่นครึ่งหนึ่ง ทำแบบเดียวกันหลาย ๆ ชิ้น

ขั้นตอนที่ 4 นำมาจัดวางลงในจานจากนั้น เทน้ำจิ้มซีฟู้ดที่ซื้อสำเร็จรูปหรือจะทำน้ำจิ้มซีฟู้ดเองก็ได้ โดยการ โขลกพริกขี้หนูสวนประมาณ 30 กรัม กระเทียม 30 กรัม รากผักชี 2 ราก นำมาโขลกหรือปั่นให้พอหยาบ ๆ เติมรสด้วยน้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะและน้ำเปล่าประมาณ ¼ ถ้วยตวง คนให้น้ำตาลละลาย ก็สามารถนำมาจิ้มกินกับสลัดโรลที่เราเตรียมไว้ได้แล้ว

สลัด โรล

สลัดโรลเมนูเพื่อสุขภาพง่าย ๆ มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะ ใครที่กำลังจะลดน้ำหนัก สามารถเลือกเมนูนี้มารับประทานได้เลย เพราะกินยังไงก็ไม่อ้วน อีกทั้ง ในผักสลัดและแครอท ยังทำให้ผิวสวย เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในผักอยู่แล้ว อยากสวย และก็อร่อยด้วย ลองเข้าครัวทำดูนะคะ ไม่ผิดหวัง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารสุขภาพ อาหารไทย

ปลาราดพริก เข้มข้น รสเด็ดจนต้องกินเพิ่ม

ปลาราดพริก

ปลาราดพริก เนื้อปลาทอดกรอบ ๆ ราดด้วยน้ำจิ้มเข้มข้น จะอร่อยเหมือน วิธีทำปลาราดพริก ครัวคุณต๋อย หรือเปล่า ต้องลอง

ส่วนผสมในการทำ ปลาราดพริก

ปลาราดพริก

ปลาราดพริกอีกหนึ่งเมนูอาหารไทยสุดอร่อย เป็นปลาราดพริกสด ที่เต็มไปด้วยสมุนไพร ใครที่เบื่อรสชาติเดิม ๆ ลองเปลี่ยนมากินปลา 3 รสราดพริกกันดีกว่า แล้วจะรู้ว่า อาหารไทยอร่อยไม่แพ้อาหารอื่น ๆ ในโลก

วัตถุดิบปลาราดพริก

ปลาราดพริกเต็มไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร โดยเฉพาะโปรตีนจากเนื้อปลา จะเป็นปลาน้ำจืดหรือปลาทะเล ล้วนได้รับสารอาหารดังกล่าวข้างต้น เพราะฉะนั้น มาเริ่มต้นทำปลา 3 รส ราดพริกกันดีกว่าโดยมีส่วนผสมต้องเตรียมดังนี้

ปลาราดพริก

1.ปลากะพง 1 ตัว

2.น้ำมันสำหรับผัด 2 ชต.

3.น้ำมันสำหรับทอด 1 ลิตร

4.กระเทียมไทย 1 หัว

5.รากผักชี 3 ราก

6.น้ำมะขามเปียก 60 กรัม

7.พริกจินดาแดง 5 เม็ด

8.น้ำจิ้มเอโร่ 1 ถ้วย

9.เกลือป่น 1 ชช.

10.น้ำเปล่า ½ ถ้วย

11.ผักชีตามชอบ

วิธีทำ

ปลาราดพริก

ขั้นตอนที่ 1 การทอดปลากะพง ก่อนนำ ปลาราดพริก ไปทอด ให้นำปลากะพงมาบั้งทั้ง 2 ด้าน ใช้เกลือป่นทาปลาเพียงเล็กน้อย จากนั้น เทน้ำมันลงในกะทะ รอจนน้ำมันร้อน ให้นำปลาไปทอดได้เลย ทอดจนเหลือง แล้วตักใส่จานพักไว้

ขั้นตอนที่ 2  วิธีทำปลาราดพริก 3 รส ขั้นตอนทำซอสพริกราดบนตัวปลา ซอสพริกถือว่าสำคัญ จะทำอย่างไรให้อร่อยนั้น มาเริ่มจาก ตำพริก กระเทียม รากผักชี ตำให้ส่วนผสมทั้งหมดแหลกละเอียด

ขั้นตอนที่ 3 เทน้ำมันพืชสำหรับทอด ถ้าต้องการ

ความกรอบในตัวปลา ให้ใช้น้ำมันปาล์ม หลีกเลี่ยงน้ำมันถั่วเหลืองที่เหมาะสำหรับนำมาทำเมนูผัดเสียมากกว่าซึ่งถือเป็นเทคนิคที่แอดมินขอนำมาสอดแทรกความรู้ในส่วนนี้ไว้ สำหรับการนำ 3 เกลอมาผัด ใช้น้ำมันถั่วเหลืองซึ่งขั้นตอนนี้ให้รอจนน้ำมันในกะทะร้อน แล้วค่อยนำรากผักชี กระเทียม พริกไทยลงไปผัด ผัดไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเหลือง

ปลาราดพริก

ขั้นตอนที่ 4 ใส่น้ำเปล่าลงไปก่อน ตามด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำจิ้มไก่เอโร่ เคี่ยวจนกระทั่งข้น หลังจากนั้นถึงปรับชิมรสได้ตามใจชอบ 

ขั้นตอนที่ 5 ปลากะพงกรอบ ๆ จัดใส่จาน จากนั้นนำน้ำจิ้มที่เราเตรียมไว้ ราดลงบนตัวปลาได้เลย โรยผักชี ก็พร้อมนำมาเสริ์ฟแล้ว

ปลาราดพริก เมนูอาหารไทยที่เต็มไปด้วยโปรตีน

ปลาราดพริก

เนื้อปลาราดพริก นอกจากได้ประโยชน์แล้ว อาหารจานนี้ยังอร่อยรสจัดจ้านตามแบบฉบับอาหารไทย นำมากินกับข้าวสวยร้อน ๆ และแกงจืดสาหร่ายเต้าหู้หมูสับหรือจะเป็นเมนูต้มแซ่บ อร่อยเข้ากันดี๊ดี

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://sa-game.bet/ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ บริการฝากถอนไม่มีขั้นต่ำไม่ผ่านตัวแทน

Categories
อาหารนานาชาติ อาหารสุขภาพ

สูตรแซลมอนดอง เด้งฉ่ำ แซ่บโดนใจ

สูตรแซลมอนดอง

แซลมอนดอง แซ่บนัวโดนใจไม่ง้อร้านอาหาร ใครสนใจ สูตรแซลมอนดอง วิธีทำ  ปรุงอย่างไรให้อร่อย ต้องติดตาม

ส่วนผสมในการทำ สูตรแซลมอนดอง 

สูตรแซลมอนดอง

แซลมอนดอง เป็นอีกหนึ่งเมนูในการถนอมอาหารประเภทปลา ให้มีอายุที่ยาวนานขึ้น สำหรับการบริโภค อีกทั้ง ยังมีรสชาติแซ่บนัว ถูกปากถูกใจสาวกชาวแซลมอนทั้งหลาย ซึ่งโดยปกติแล้ว แซลมอน มักนำมากินคู่กับวาซาบิ หรือนำไปย่างเกลือ รวมถึง เอามาทำเมนูเสต็กปลาแซลมอนก็ยังเป็นที่ชื่นชอบ เป็นต้น ทว่า กระแสความนิยมในการกินปลาแซลมอน  ทำให้ในเวลาต่อมา มีการเพิ่มในส่วนเมนูอาหารเกี่ยวกับปลา แซลมอนมาเป็น กินแซลมอนดอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารที่มีอรรถรสการกินที่น่ารับประทานมากยิ่งขึ้นไปอีก วันนี้ ไม่ทำให้ผิดหวัง แอดมินมีแนวทางดี ๆ ในการปรุงแซลมอนเมนูนี้ให้อร่อยง่าย ๆ ไม่ยากมาฝากดังนี้

วัตถุดิบสำหรับทำ แซลมอนดอง

การเตรียมวัตถุดิบ ในการทำ สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่ว ๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นห้างค้าปลีกหรือห้างค้าส่ง  มาถึงในส่วนของ ต้นทุน แซลมอนดอง ไม่แพงเลย ซึ่งเมื่อทำไปแล้ว  คุ้มค่าเกินราคาแน่นอน

1.เนื้อปลาแซลมอนไม่ติดหนัง 300 กรัม

2.ซอสโชยุ ประมาณ 1 ถ้วยตวง

3.น้ำสะอาด 1 ถ้วยตวง

4.น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

5.ต้นหอม 2 ต้น หั่นเป็นท่อน ๆ

6.ขิงแก่หั่น 6 แว่น

7.กระเทียมจีนนำมาฝาน 6 กลีบ

8.พริกจินดาเขียวและแดง ซอยรวมกัน 10 เม็ด

9.สาหร่าย

10.งาขาว สำหรับโรยหน้า

11.ข้าวญี่ปุ่น

12.น้ำจิ้มซีฟู๊ด

ขั้นตอนและวิธีทำ 

สูตรแซลมอนดอง

ขั้นตอนแรก การทำน้ำดอง

รินโชยุลงไปในหม้อต้ม ตามด้วยน้ำเปล่า น้ำตาลทราย แล้วเปิดไฟอ่อน ๆ ต้มไปเรื่อย ๆ รอจนกระทั่งน้ำเดือดถึงหยิบต้นหอมและขิงแก่หั่นแว่นใส่ลงในหม้อต้ม รอกระทั่งกลิ่นเริ่มหอม ให้ยกลงจากเตาเพื่อเตรียมขั้นตอนต่อไปในการทำ แซลมอนดอง แสนอร่อยเมนูนี้ได้เลย

ขั้นตอนที่สอง การเตรียมแซลมอน

  • นำกระดาษทิชชูมาซับน้ำจากปลาแซลมอนให้แห้ง
  • เตรียมกล่องหรือถ้วยสำหรับดอง หรือบรรจุภัณฑ์คล้าย ๆแซลมอนดองกระป๋อง จากนั้นเทน้ำดองที่รอกระทั่งเย็นลงในบรรจุภัณฑ์หรือภาชนะที่เตรียมไว้
  • โรยกระเทียมฝาน พริกจินดาซอย ลงไปในภาชนะสำหรับดอง
  • ปิดฝาให้แน่นสนิท นำเข้าตู้เย็น ทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน ก็สามารถรับประทานได้ 

ขั้นตอนที่ 3 การเสริ์ฟ

นำปลาแซลมอนออกมาจากภาชนะสำหรับดอง แล้วจัดเสริ์ฟในจานสวย ๆ โดยไม่ลืม โรยงาขาวคั่ว เวลารับประทาน เตรียมสาหร่ายตามจำนวนที่ต้องการ รับประทานคู่กันไปกับข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ เพียงเท่านี้ ก็ฟินแล้ว

คุณค่าจากปลาแซลมอนนั้นมีมากล้น โดยเฉพาะโปรตีนคุณภาพสูงที่มาพร้อมโอเมก้า 3 ที่สร้างคุณค่าให้กับผู้ปรุงเมนูดังกล่าวมารับประทาน ใครอยากได้สารอาหารครบครัน รับประทานแล้วไม่อ้วน อีกทั้งยังแซ่บนัว อย่าลืมเมนูนี้ 

เครดิตภาพประกอบ

https://www.wongnai.com/recipes/korean-soy-sauce-pickled-salmon

ก๋วยจั๊บน้ำข้นหมูกรอบ อร่อยขั้นเทพ กินทุกวัน

สนับสนุนโดย :

ufaball.bet คาสิโนที่มาแรงที่สุด ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำผ่านระบบออโต้กับเว็บตรง ปลอดภัย 100% พร้อมรับโปรโมชั่นคืนยอดเสีย 5% ในทุกเดือน ไม่ว่าจะแทงบอลเต็ง หรือ บอลสเต๊ป ได้อัตราค่าน้ำสูงที่สุดในประเทศ

Categories
อาหารสุขภาพ อาหารไทย

ขนมจีนแกงเผ็ดไก่ รสชาติเหมือนคุณยายทำ อร่อย ถูกปาก

ขนมจีนแกงเผ็ดไก่

ขนมจีนแกงเผ็ดไก่ เมนูเส้นรสเด็ด อยากท้าให้ลองทำ จะอร่อยเทียบเท่า

น้ำยาแกงเผ็ดใต้ หรือไม่ มาพิสูจน์

ส่วนผสมในการทำขนมจีนแกงเผ็ดไก่

ขนมจีนแกงเผ็ดไก่ เมนูอร่อยและอิ่มอีกทั้งมีสารอาหารครบถ้วนทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตะมิน เกลือแร่ รวมถึงพลังงาน ที่จะได้รับจากการกินขนมจีนคู่กังแกงเผ็ดไก่

สำหรับรสชาติของแกงเผ็ดไก่ ความเผ็ดนั้นมีทั้งระดับกลางไปจนถึงรสเผ็ดจัด สำหรับสูตรแกงเผ็ดไก่ที่ให้ไป ตัวน้ำยาขนมจีนจะไม่เผ็ดมาก เพื่อที่ว่า ใครที่ต้องการจะลองฝึกทำขนมจีนสูตรนี้  จะสามารถปรับหรือเพิ่มเติมในส่วนของรสชาติ จะให้มีรสชาติที่เผ็ดขึ้นหรือกลาง ๆ ตามสูตร ก็ยังได้ ภายหลังรับประทานขนมจีน 

เคล็ดลับ สำหรับใครที่ต้องการเพิ่มเติมความเผ็ดให้มากไปกว่านี้ ทำได้โดยการเติมพริกแห้งลงไป หรือจะรับประทานขนมจีนแกงเผ็ดควบคู่ไปกับพริกแห้ง ก็ยังอร่อยและเข้ากันดี

วัตถุดิบ ขนมจีนแกงเผ็ดไก่

ขนมจีนแกงเผ็ดไก่เมนูอาหารไทยที่กินอย่างไร ก็ไม่อ้วน อีกทั้งวัตถุดิบในการเตรียม สามารถหาซื้อจากตลาดนัดใกล้บ้านได้เลย เห็นหรือยัง นอกจากซื้อสะดวก ยังอร่อยถูกปากอีกด้วย

1.เนื้อไก่ครึ่งกิโลกรัม

2. พริกแกงเผ็ด ประมาณ 100 กรัม

3. หัวกะทิ 300 กรัม

4. หางกะทิ 500 กรัม

5. น้ำตาลปี๊บ 1 ชต.

6. น้ำปลา 2 ชช.

7. มะเขือเปราะ 6 ลูก

8. มะเขือพวง 2 พวง

9. ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ

10. พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด

11. ใบโหระพา 

12 ขนมจีน 

วิธีทำ

ขนมจีนแกงเผ็ดไก่

ขั้นตอนที่ 1 ขนมจีนแกงเผ็ดไก่ถ้าจะให้อร่อยและหอม ต้องเทหัวกะทิลงในกะทะ จากนั้นผัดหรือเคี่ยวจนกว่ากะทิจะแตกมัน เมื่อกะทิแตกมันดีแล้ว ให้นำพริกแกงที่เตรียมไว้ลงไปผัดในกะทะจนกระทั่งได้กลิ่นหอม

ขั้นตอนที่ 2 จุดเริ่มต้นของความอร่อย 

น้ำยาแกงเผ็ด สำหรับราดลงบนเส้นขนมจีน เริ่มนำเนื้อไก่ที่หั่นแล้วรวมถึงตรงส่วนน่อง ผัดไปพร้อมเครื่องแกง ผัดให้เนื้อไก่ส่วนนอกสุก จากนั้น เทหางกะทิลงไปในกะทะ ขั้นตอนนี้ จะเป็นในส่วนของการปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปี๊บตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ ต้มไก่และกะทิประมาณ 20 นาที

ขั้นตอนที่ 3 ขั้นตอนนี้มีความคล้ายกับการทำ แกงกะทิไก่ ให้นำมะเขือเปราะ มะเขือพวง และใบมะกรูดฉีด ต้มกระทั่งสุก โรยโหระพาและพริกชี้ฟ้าแดงลงไป ยกออกจากเตาได้เลย

ขั้นตอนสุดท้าย นำเส้นขนมจีนจัดเรียงในจาน ราดน้ำยาแกงไก่ลงบนเส้นขนมจีน เวลารับประทาน สามารถกินร่วมกับผักสดที่ชอบ เช่น แตงกวา ใบแมงลัก ใบโหระพา ผักบุ้งหั่นต้ม ถั่วงอก หรือจะเพิ่มในส่วนของปลาแห้งทอดหรือไข่ต้ม

ขนมจีนแกงเผ็ดไก่

จะเห็นได้ว่า การเตรียมนั้นไม่ยุ่งยาก ทั้งนี้เพราะ เส้นขนมจีน ซื้อสำเร็จรูปมาได้เลย ที่เหลือเป็นการปรุงในส่วนของน้ำยาขนมจีนซึ่งก็ได้บอกเคล็ดลับความอร่อยไปแล้ว

เครดิตภาพประกอบ

https://www.wongnai.com/recipes/chicken-curry-with-rice-noodles

อ่านบทความ : ขนมจีบกุ้งต้ม ทำง่าย ขายก็คล่อง ท้าให้ลอง

สนับสนุนโดย : สมัครบาคาร่า กับ GCLUB เว็บบาคาร่า อันดับ1 เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ มั่นคง ปลอดภัย มาแรงที่สุด 2022 https://gclubspecial168.com/

Categories
อาหารสุขภาพ อาหารไทย

แกงขี้เหล็กสูตรโบราณ สูตรเด็ด กะทิหอม อร่อยต้องกินซ้ำ

แกงขี้เหล็กสูตรโบราณ

แกงขี้เหล็กสูตรโบราณ สูตรนี้ทำไม่ยาก ขอเพียงเตรียมวัตถุดิบให้พร้อม แอดมินมี วิธีทำแกงขี้เหล็กกะทิ มาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนค่ะ

ส่วนผสมในการทำแกงขี้เหล็กสูตรโบราณ

แกงขี้เหล็ก

แกงขี้เหล็กสูตรโบราณวัตถุดิบและวิธีการทำแกงขี้เหล็กมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน บางคน อาจเพิ่มในส่วนของใบย่านาง หรือในบางรายนำใบชะอมผสมลงไปในแกงรวมถึงการนำเนื้อสัตว์อย่างหมูย่าง มาเพิ่มความอร่อย อันเป็นอีกหนึ่งส่วนผสมในการทำ แกงขี้เหล็กใบย่านาง เป็นต้น ซึ่งการจะทำแกงขี้เหล็กแบบไหนนั้น ? ไม่มีผิดหรือถูก สามารถปรับให้เข้ากับความชอบรวมถึงวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่นได้เลย 

วัตถุดิบ แกงขี้เหล็กสูตรโบราณ

แกงขี้เหล็กสูตรโบราณเป็นอาหารไทยโบราณที่มีรสขาติและกลิ่นค่อนข้างเฉพาะตัว โดยมีวัตถุดิบต้องเตรียมดังนี้

1.ใบขี้เหล็ก ½ กิโลกรัม

2.พริกแห้งเม็ดเล็ก 5 กรัม

3.พริกแห้งเม็ดใหญ่ 20 กรัม

4.ตะไคร้ 2 ต้น

5.กระเทียม 15 กรัม

6.หอมแดง 20 กรัม

7.ผิวมะกรูด 2 กรัม

8.รากผักชี 2 ต้น

9.ข่าแก่ 3 แว่น

10.กระชาย 20 กรัม

11.กะปิ 1 ชต.

12.พริกไทย 1 ชช.

13.เกลือ ½ ชต.

14.น้ำปลา 2 ชต.

15.ซีอิ้วขาว 2 ชต.

16.ปลาทู แกะเอาแต่เนื้อ 2 ตัว

17.ปลาอินทรีย์เค็ม 1 ชิ้น

18.สันคอหมู 500 กรัม

19.กะทิ 500 กรัม

20.น้ำตาลมะพร้าว 1 ชต.

วิธีทำ

แกงขี้เหล็กสูตรโบราณ

1.คัดใบเหล็กที่เป็นส่วนก้านแข็งออกแล้วนำไปทิ้ง ล้างน้ำสะอาดประมาณ 1-2 ครั้ง เป็นการทำความสะอาดใบขี้เหล็กก่อนในเบื้องต้นก่อนนำมาทำ  แกงขี้เหล็กสูตรโบราณ จากนั้น นำใบขี้เหล็กมาบีบน้ำออก

2.เป็นขั้นตอนในการเอาความขมบางส่วนออกจากใบขี้เหล็ก โดยการรอน้ำต้มเดือด จากนั้น นำใบขี้เหล็กใส่ลงในหม้อ ต้มนานประมาณ 15 นาที เมื่อครบตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ เทน้ำเดือดทิ้งแล้วนำใบขี้เหล็กมาล้างผ่านน้ำประมาณ 1 ครั้ง โดยไม่ลืมเคล้าใบขี้เหล็กด้วยเกลือป่น จากนั้นล้างน้ำต่ออีก 1 ครั้ง แล้วบีบเอาน้ำออก เตรียมทำแกงขี้เหล็กในขั้นตอนต่อไป หรือใครที่อยากเพิ่มกลิ่นแกงให้มีความหอมเวลาเคี้ยว สามารถทำ

แกงขี้เหล็กใส่ชะอม เพิ่มในส่วนใบชะอมได้เลย

3.การตำพริกแกง ความเผ็ดเลือกตามชอบ ตามมาด้วยกระชาย หอมแดง ข่า กระเทียม ตะไคร้ รากผักชี ผิวมะกรูด พริกไทย เกลือป่น และกะปิ ตามด้วยน้ำสะอาด ลงในโถปั่น จากนั้นปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้แหลกละเอียด และท้ายสุด นำปลาทูและปลาอินทรีย์ที่เตรียมไว้ ปั่นให้เข้ากับเครื่องแกงอีกครั้ง 

4.เทเครื่องแกงออกจากโถปั่น นำกะทิตั้งไฟ  เคี่ยวหัวกะทิ รอจนกระทั่งแตกมัน วิธีสังเกตุ สีกะทิต้องดูสีเหลืองนวล ๆ และลอยขึ้นมาได้ ขั้นตอนถัดมาถึงใส่เครื่องแกงที่เราปั่นเมื่อสักครู่ ผัดส่วนผสมทั้งหมดในกะทะจนส่งกลิ่นหอม จากนั้น ทยอยเทน้ำกะทิส่วนที่เหลือลงไปให้หมด เคี่ยวจนสุก ตักใส่ชาม เตรียมรับประทานกับข้าวสวยร้อนได้เลย

แกงขี้เหล็กสูตรโบราณ เมนูนี้เหมาะสำหรับผู้สูงวัยด้วยรสชาติที่มีเป็นเอกลักษณ์ทำให้ผู้สูงวัย ไม่ว่าจะเป็น คุณปู่ คุณย่า คุณตาและคุณยาย ติดใจได้ไม่ยากอีกทั้งดีต่อสุขภาพของผู้สูงวัย ขอเพียงรสความเผ็ดลงมาสักเล็กน้อย เชื่อได้เลยว่า แกงขี้เหล็กใส่ปลาทู  จานนี้ดีต่อสุขภาพในบุคคลที่เรารักได้ไม่ยาก

เครดิตภาพประกอบ
https://www.suaheew.com/แกงขี้เหล็ก-ใส่หมูย่าง/

อ่านบทความ >> ก๋วยเตี๋ยวเรือ น้ำซุปเข้มข้น เส้นนุ่ม ๆ อร่อยล้ำ

สนับสนุนโดย >> sa-game เว็บบาคาร่า อันดับ1 เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ มั่นคง ปลอดภัย บริการอย่างมืออาชีพ มีทีมงานให้คำปรึกษาในการเข้าใช้งาน

Categories
อาหารสุขภาพ

ผัดผักรวมมิตร เมนูที่ทั้งอร่อย ทั้งได้สุขภาพ 

เมนู ผัดผักรวมมิตร เป็นเมนูที่คนไทยชื่นชอบรับประทานอีกเมนูหนึ่ง เพราะเป็นเมนูที่สามารถหาวัตถุดิบทำรับประทานได้ง่าย มีประโยชน์ต่อสุขภาพ รับประทานได้ทุกเพศทุกวัย สำหรับเมนูผัดผักรวมมิตรนั้นสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ สามารถนำผักชนิดใดก็ได้ที่อยากรับประทานมาผัดรวมกัน และวิธีหนึ่งที่จะทำ ผัดผักรวมมิตรให้อร่อย และมีรสชาติดี คือการใส่เนื้อสัตว์

ส่วนใหญ่นิยมรับประทานคู่กับข้าวสวย และกับข้าวชนิดต่าง ๆ อาทิแกง และรับประทานคู่กับน้ำพริกต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นเมนูอาหารที่สามารถรับประทานได้หลากหลาย วันนี้ทางเว็บไซต์ของเราจึงจะมาชวนเข้าครัวทำเมนูผัดผักรวมมิตรง่าย ๆ สไตล์คนไทยกันค่ะ 

ผัดผักรวมมิตร
ผัดผักรวมมิตร

ขอบคุณภาพจาก Pixabay

ผัดผัดรวมมิตร เนื้อหมู เตรียมวัตถุดิบง่าย ๆ พร้อมวิธีการทำ 

1.น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ (ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับเมนูผัดผักรวมมิตรจานใหญ่ 1 จาน) 

2.ข้าวโพดอ่อน 1 ถ้วยตวง (หั่นชิ้น) 

3.เห็ดนางฟ้า 2 ถ้วยตวง 

4.ถั่วลันเตา 1 ถ้วยตวง 

5.แครอท  ½ ถ้วยตวง 

6.พริกหวาน  ½ ถ้วยตวง 

7.เนื้อหมูชิ้น ½ ถ้วยตวง  (สามารถใช้เนื้อสัตว์ชนิดอื่นแทนได้) 

8.กระเทียมไทยสับ 10 กลีบ (เพิ่มความหอมให้เมนู ผัดผักรวมมิตรหมู )

9.ผงปรุงรส 2 ช้อนชา

10.น้ำปลา 2 ช้อนชา 

11.ซีอิ้วขาว 2 ช้อนชา 

12.น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา 

ผัดผักรวมมิตร
ผัดผักรวมมิตร

ขอบคุณภาพจาก Pixabay

1.ขั้นตอนแรกของเมนู ผัดผักรวมมิตร 5 ชนิด  ได้แก่ ตั้งกระทะบนเตา เปิดไฟระดับปานกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไป ใส่กระเทียมไทยสับลงไปผัดจนหอม จามด้วยเนื้อหมูชิ้นลงไปผัด (การผัดหมูชิ้น ไม่ผัดนานเพราะจะทำให้หมูแข็ง และกระด้าง ) 

2.จากนั้นใส่ผักเรียงระดับจากที่สุกยากลงไปผัดก่อน เริ่มจากใส่แครอท และข้าวโพดอ่อน ลงไปผัดสักพัก จากนั้นตามด้วยพริกหวาน ถั่วลันเตา และใส่เห็ดนางฟ้าเป็นชนิดสุดท้ายลงไป ผัดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน 

3.ปรุงรสด้วยน้ำปลา ผงปรุงรส ซีอิ้ว น้ำตาลทราย จากนั้นชิมรสชามชอบใจ ผัดผักสุกทุกชนิดแล้วตักขึ้นใส่จาน 

ผัดผักรวมมิตรรับประทานกับอะไรได้บ้าง พร้อมประโยชน์ต่อสุขภาพ

สำหรับเมนูผัดผักรวมมิตรนั้นสามารถรับปประทานได้กับหลากหลายเมนุ สำหรับคนไทยเรานิยมรับประทานเมนูผัดผักเป็นกับข้าว รับประทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ เติมความนัวด้วยน้ำปลาพริก มะนาว เป็นเมนูที่สามารถทำได้หลากหลายสามารถปรับเปลี่ยนวัตถุดิบผักได้ตามความชอบ ไม่ตายตัวว่าจะต้องเป็นผักอะไร และสำหรับประโยชน์ของ เมนูผัดผักรวมมิตรชนิดต่าง ๆ นั้นก็อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย อาทิวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี อีกทั้งในผักบางชนิดยังมีสารอาหารประเภาโปรตีนอีกด้วย อาทิ ผัดผักรวมมิตรใส่เห็ด บล็อกโคลี่เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพอย่างมากเลยทีเดียว และสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มสารอาหารลงในเมนูนี้อีกก็สามารถเพิ่มวัตถุดิบใข่ลงไปเป็น เมนูผัดผักรวมมิตรใส่ไข่ เรียกได้ว่าทั้งอร่อย ทั้งดีต่อสุขภาพเลยทีเดียวค่ะ 

ผัดผักรวมมิตร
ผัดผักรวมมิตร

ขอบคุณภาพจาก Pixabay 

เว็บ บา คา ร่า อันดับ 1

Categories
อาหารสุขภาพ

สเต็กอกไก่นุ่ม ซอสมะนาว อิ่มอร่อย สไตล์คนรักสุขภาพ 

สเต็กอกไก่  เป็นเมนูที่คนรักสุขภาพนั้นรู้กันดี โดยเฉพาะเมนู สเต็กอกไก่พริกไทยดำ เพราะเป็นเมนูที่นำส่วนของบริเวณอกไก่ปราศจากไขมัน มาทำแล้วเพิ่มอรรถรสความอร่อยได้มากกว่าเมนูอื่น ๆ มากกว่าเมนูต้ม ผัด มากเลยทีเดียว 

และสิ่งที่สำคัญที่สุดของเมนูอกไก่นั่นก็คือการเปลี่ยนความกระด้าง ความแข็ง ความฝืดของส่วนอกไก่ให้นุ่มละมุน ไม่แข็ง ไม่ฝืด ฉ่ำ ๆ ในทุกคำที่รับประทานนั้นคือหัวใจที่สำคัญอย่างมากเลยทีเดียว วันนี้เว็บไซต์ของเราจะพาทุกคนไปเปิดประสบการณ์ความอร่อย และลบล้างความคิดของอกไก่ ไม่เท่ากับกระด้าง กันค่ะ 

อกไก่

ขอบคุณภาพจาก Pixabay 

สเต็กอกไก่นุ่ม ซอสมะนาว เตรียมวัตถุดิบ และขั้นตอนการย่างอกไก่ ดังนี้ 

1.เนื้ออกไก่ 3 ชิ้น (สำหรับเมนู สเต็กอกไก่ ต้องเลาะหลังไก่ออกให้หมด) 

2.แป้งข้าวโพด 2 ช้อน 

3.เกลือป่น 2 ช้อนชา 

4.น้ำส้มสายชู ½  ช้อนโต๊ะ 

5.น้ำสะอาด 1 ลิตร 

6.เนยสด 100 กรัม 

7.พริกไทยดำป่น 1 ช้อนโต๊ะ 

8.ผักบล็อคโครี่ 1 ถ้วยตวง (สามารถเลือกผักที่ชอบได้ อาทิข้าวโพด ,ถั่ว , มันฝรั่ง ) 

9.กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ 

10.มายองเนส 3 ช้อนโต๊ะ 

11.น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ 

12.ขนมปัง (จำนวนตามชอบ) 

1.ขั้นตอนแรกของการทำสเต็กอกไก่ให้นุ่มนั้น โดยมีสูตรสเต็กอกไก่นุ่ม ที่ง่ายในการหมักอกไก่ให้นุ่ม โดยทำการล้างส่วนของอกไก่ให้สะอาดที่สุด จากนั้นใส่เกลือป่น น้ำสมสายชู แป้งข้าวโพด น้ำสะอาด ใส่ส่วนผสมดังกล่าวลงในอกไก่จากนั้นทำการผสมให้เข้ากันทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที 

2.เมื่อหมักอกไก่ครบตามเวลาแล้ว นำขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำมาคลุกเคล้ากับเกลือป่น พริกไทยดำป่น เนยสด จากนั้นคลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้าเนื้ออกไก่ หมักทิ้งไว้ 30 นาทีก็จะได้ สเต็กอกไก่นุ่มกันอย่างไม่น่าเชื่อ

3.ใช้กระทะเทปล่อนตั้งไฟทำการย่างผักบล็อกโคลี่ จากนั้นนำเนื้ออกไก่ลงไปย่าง โดยจับเวลาในการย่างประมาณ 2 นาที จากนั้นนำ สเต็กอกไก่ย่าง ที่ทำเสร็จแล้วนำขึ้นวางพักไว้ในภาชนะ 

สเต็กอกไก่

ขอบคุณภาพจาก Unsplash 

วิธีซอสมะนาวรสเข้มข้น รับประทานกับสเต็กอกไก่เนื้อนุ่ม

ขั้นตอนการทำซอสมะนาวที่รับประทานกับสเต็กอกไก่ นั้นง่ายมาก เริ่มจากการผสมครีมมายองเนส กระเทียมสับละเอียด พริกไทยดำ เกลือป่น น้ำมะนาว ผสมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้นชิมรสชาติตามชอบใจ หากชอบความเปรี้ยวมากสามารถเพิ่มน้ำมะนาวได้ และหากชอบความเข้มข้นของครีมมายองเนสมากสามารถเพิ่มได้ตามใจชอบ 

สเต็กอกไก่

ขอบคุณภาพจาก Pixabay 

สำหรับเมนูสเต็กอกไก่นี้ สามารถรับประทานพร้อมผัก ขนมปัง  และ ซอสสเต็กอกไก่ ที่ใส่มะนาวเข้มข้นจี้ดจ้าดได้ตามความชอบ สามารถเพิ่มความสดชื่น ความละมุนโดยรับประทานพร้อมผักที่ย่างพน้อมอกไก่ หรือเพิ่มเป็นผักสด มันบดได้ เรียกได้ว่าเป็นเมนูอีกหนึ่งเมนูที่คนรักสุขภาพห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด เรียกได้เมนู สเต็กอกไก่ซอสมะนาว จะเป้นเมนูเด็ดในดวงใจสำหรับคนรักสุขภาพแน่นอน หากทำตามขั้นตอนดังที่กล่าวมาแล้วเนื้ออกไก่จะไมท่แข้งกระด้าง มีความนุ่มชุ่มฉ่ำละมุนอย่างแน่นอน  

สมัครบาคาร่า