สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
อาหารนานาชาติ อาหารสุขภาพ อาหารไทย

ข้าวผัดแซลมอน เมนูที่คนชอบสาวกแซลมอนห้ามพลาด 

ข้าวผัดแซลมอน เมื่อกล่าวถึงเมนูนี้หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นหู จะคุ้นกับเมนูแซลมอนที่เป็นเมนูรับประทานกันแบบดิบ จริง ๆ แล้วปลาชนิดหนึ่งที่สามารถรับประทานแบบดิบได้ เพราะรสชาติดี สามารถนำมาดัดแปลงทำเป็นเมนูอาหารอื่น ๆ แบบสุกได้ อีกทั้งยัง ข้าวผัดแซลมอนประโยชน์ ต่อสุขภาพมากมาย  อย่างที่เราได้เห็นคนทำเมนูน่ารับประทาน เช่นกัน โดยที่รสชาตินั้นก็มีความอร่อยคนละรูปแบบกับปลาดิบ จะรอช้าอยู่ทำไม วันนี้เรามาชวนเข้าครัวทำเมนูอินเตอร์ผสมผสานแบบไทย ไว้รับประทานง่าย ๆ ในครอบครัวค่ะ 

ขอบคุณภาพจาก Unsplash 

ข้าวผัดแซลมอน ทำง่ายมีวัตถุดิบ และขั้นตอนดังนี้ 

1.กระเทียมไทยหั่น 15 กลีบ 

2.เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ (เคล็ดลับจาก ข้าวผัดแซลมอน Tiktok )

3.ข้าวสวย 3 ถ้วยตวง  (ข้าวสวยหุงค้างคืนจะเหมาะในการนำมาทำข้าวผัดที่สุด) 

4.เนื้อปลาแซลมอนหั่นชิ้นสำหรับทำ ข้าวผัดแซลมอน 1 ถ้วยตวง 

5.ซีอิ้วขาว 2 ช้อนชา 

6.น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

7.ต้นหอมซอย 2 ข้อนโต๊ะ 

8.น้ำปลา 2 ช้อนชา 

9.แครอทหั่น ½ ถ้วยตวง 

10.หอมหัวใหญ่หั่น ¼ ถ้วยตวง

11.มะนาว 1 ซีก 

12.พริกขี้หนู (หั่น ) 10 เม็ด 

13.ไข่ไก่ 2 ฟอง 

14.ผงปรุงรส 1 ช้อนชา 

15.แตงกวาหั่นชิ้น 1 ถ้วยตวง

16.มะเขือเทศหั่น 1 ถ้วยตวง 

17.โชยุ 2 ช้อนชา เพื่อเพิ่มรสชาติความเป็น ข้าวผัดแซลมอนแบบญี่ปุ่น

ขอบคุณภาพจาก Unsplash

1.ขั้นตอนแรกของการทำเมนู ข้าวผัดแซลมอน เริ่มจากนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่เนยสด กระเทียมไทยสับ ผัดจนหอม จากนั้นใส่แครอทลองไปผัด ขั้นตอนนี้จะผัดสักพัก 1- 2 นาทีเพื่อให้แครอทสุก 

2.เมื่อผัดจนแครอทเริ่มสุก ให้เร่งระดับไฟแรงขั้น จากนั้นใส่ไข่ไก่ และหัวหอมใหญ่ซอยลงไปผัด ตามด้วยเนื้อปลาแซลมอนลงไปผัด (ขั้นตอนนี้ผัดแค่พอแซลมอนสลบ) สำหรับใครที่ชอบสไตล์ ข้าวผัดแซลมอนเทอริยากิ สามารถเปลี่ยนจากวิธีผัดเนื้อปลา เป็นย่างกับซีอิ้วหวานแทน แล้วค่อนนำมาผัดรวมกับข้าวทีหลังก็ได้ค่ะ  

3.ใส่ข้าวสวยลงไปผัดให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ตามด้วยมะเขือเทศหั่น จากนั้นปรุงรสชาติด้วยน้ำปลา โชยุ ซีอิ้วข้าว น้ำตาลทราย ผงปรุง ชิมรสชาติตามชอบใจ จากนั้นผัดต่อจนส่วนผสมเข้ากัน 

4.เมื่อผัดข้าวผัดจนได้ที่ให้ใส่หอมซอยลงไปตบท้ายจากนั้นผัดต่ออีกนิดหน่อย เป็นอันเสร็จขั้นตอนกสนทำเมนูข้าวผัดแซลมอน 

วิธีการเสิร์ฟข้าวผัดแซลมอล และวิธีการรับประทานเพื่อให้ได้อรรถรส

ข้าวผัดแซลมอนนั้นรับประทานแบบเปล่า ๆ ก็อร่อย สามารถเสิร์ฟได้ทั้งแบบแยกเนื้อปลาแซลมอน หรือเสิร์ฟแบบรวมกันก็ได้ อีกทั้งยังเพิ่มฉ่ำได้เพียงแค่เติมมายองเนส จะกลายเป็น ข้าวผัดแซลมอนมายองเนส  ทันทันทีและหากใครที่ยังคงติกรสชาติในแบบสไตล์ไทย ๆ โดยรับประทานแกล้มด้วยแตกกวาชิ้น สำหรับคนชอบความจัดจ้าน สามารถเพิ่มพริกขี้หนูหั่น บีบมะนาวลงไปตัดความมันความเลี่ยนของรสชาติเนื้อปลา 

สำหรับเมนูข้าวผัดแซลมอนนี้ เป็นเมนูที่ทำง่าย รับประทานได้ทุกเพศทุกวัย เป็นเมนูที่เหมาะอย่างยิ่งในการทำรับประทานกันในครอบครัว อีกทั้งสำหรับคนที่ทำเมนูอาหารขาย ก็สามารถนำเมนูนี้เพิ่มเป็นเมนูอีกหนึ่งเมนูให้ลูกค้าได้ลองรับประทานกัน รับรองได้ว่าเป็นเมนุที่ทำกินก็ง่าย ทำขายก็รวยอย่างแน่นอน 

และหากว่าใครอยากจะลองดัดแปลงปรับเปลี่ยนวิธีการทำให้มีความหลากหลายขึ้นก็สามาเข้าไปดูวิธีทำเมนู ข้าวผัดแซลมอน Pantip ได้เลย รับลองได้ว่าได้เมนูข้าวผัดแซลมอนหลากหลายเมนูมาทำกันอย่างแน่นอน 

ขอบคุณภาพจาก Pixabay 

จีคลับ

Categories
อาหารสุขภาพ

สลัดอกไก่ย่างอะโวคาโด เมนูอาหารคลีน เสริมโปรตีนเน้น ๆ รสชาติอร่อย

สลัดอกไก่ย่างอะโวคาโด

ทุกวันนี้เทรนด์การกินอาหารคลีนกำลังมาแรง เนื่องจากผู้คนเริ่มหันมารักสุขภาพกันมากขึ้น ซึ่งเทรนด์การกินอาหารคลีนนี้มีมานานแล้วในกลุ่มคนรักสุขภาพ แต่เพิ่งมาได้รับความนิยมเมื่อ 2-3 ปีก่อน โดยการอาหารคลีนก็เหมือนกับการได้ดีท็อกซ์ลำไส้ และมีประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ซึ่งในบนความนี้เราก็มีสูตรวิธีทำเมนูอาหารคลีนอย่าง สลัดอกไก่ย่างอะโวคาโด มาฝากทุกคน 

เมนูสลัดอกไก่ย่างอะโวคาโดนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดฮิตในหมู่คนดัง นางแบบ และคนที่กำลังลดหนัก เพราะอะโวคาโด ถือเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยไขมันที่ดีต่อร่างกาย และมีประโยชน์ช่วยลดระดับไขมันเลวได้เป็นอย่างดี ส่วนอกไก่นี้หลายคนคงทราบกันดีว่ามันเป็นวัตถุดิบที่สำคัญ สำหรับคนที่ชื่นชอบออกกำลังกาย หรือคนที่กำลังลดน้ำหนัก พวกเขานิยมรับประทานอกไก่แทนเนื้อสัตว์ชนิดอื่น เนื่องจากอกไก่อุดมไปด้วยโปรตีนที่สำคัญต่อร่างกายและมีไขมันน้อย ถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในโปรตีนไขมันต่ำที่ดีต่อสุขภาพมากเลยทีเดียว 

ส่วนผสมของเมนู สลัดอกไก่ย่างอะโวคาโด สูตรเสริมโปรตีนเน้น ๆ 

เมนู สลัดอกไก่ย่างอะโวคาโด เป็นอีกหนึ่งเมนู อาหารสุขภาพ สายกินคลีนที่มีส่วนผสมหลักคือ อกไก่ย่าง และอะโวคาโด เป็นเมนู อาหารคลีน ที่อร่อยและถูกปากคนรักสุขภาพแน่นอน ซึ่งสูตรที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้มีขั้นตอนและวิธีทำที่ง่ายมาก ๆ ที่สำคัญใช้เวลาในการทำไม่นาน ส่วนผสมทั้งหมดหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป แต่ก่อนที่เราจะไปดูขั้นตอนและวิธีทำ เรามาดูรายการของส่วนผสมทั้งหมดกันก่อนเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำเมนูสลัดอกไก่ย่างอะโวคาโด

  1. อะโวคาโด 1 ผล
  2. มะเขือเทศราชินี 3 ผล
  3. อกไก่ลอกหนัง 300 กรัม
  4. พริกไทย ½ ช้อนชา
  5. เกลือ Low Sodium ½ ช้อนชา
  6. น้ำมะนาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  7. พาร์สลีย์ (สำหรับตกแต่ง)
สลัดอกไก่ย่างอะโวคาโด

ขั้นตอนและวิธีการทำเมนูสลัดอกไก่ย่างอะโวคาโด

การกินอาหารคลีนอย่างเมนู สลัดอกไก่ย่างอะโวคาโด ถือว่าเป็นเมนูทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่กำลัง ลดน้ำหนัก เนื่องจากเมนูนี้ใช้ส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันดี ไม่อ้วน เป็นอาหารที่มีขั้นตอนและ วิธีทำ ที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะที่จะเป็นอาหารเช้าสำหรับคนที่ต้องเร่งรีบออกไปทำงานมาก ๆ เลยค่ะ และหลังจากที่เราเตรียมส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เรามาดูขั้นตอนและวิธีทำเมนูสลัดอกไก่ย่างอะโวคาโดกันต่อเลยค่ะ

ขั้นตอนและวิธีการทำเมนูสลัดอกไก่ย่างอะโวคาโด

  1. เริ่มต้นด้วยการนำอกไก่ลอกหนังมาทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด จากนั้นนำอกไก่ไปหมักด้วยเกลือ Low Sodium และพริกไทยดำ ทาให้ทั่วทั้ง 2 ด้าน แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน และพักไว้
  2. นำอกไก่ที่หมักไว้แล้ว ไปย่างบนเตา โดยใช้ไฟกลาง เมื่ออกไก่สุกได้ที่แล้วให้กลับด้านย่างให้อีกด้านสุกเหมือน ๆ กัน ระวังอย่าให้ไหม้นะคะ เมื่ออกไก่ทั้ง 2 ด้านสุกได้ที่แล้ว ให้นำขึ้นใส่จาน แล้วทำการฉีกเนื้ออกไก่เป็นเส้น ๆ และพักไว้
  3. จากนั้นให้หั่นอะโวคาโดที่เตรียมไว้ โดยนำอะโวคาโดไปปอกเปลือกออกแล้วผ่าครึ่ง จากนั้นหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าพอดีคำ ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป
  4. นำมะเขือเทศราชินีไปล้างทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด จากนั้นผ่าครึ่ง มะเขือเทศ ราชินี
  5. ต่อมานำอกไก่ย่างที่ฉีกเรียบร้อยแล้วมาจัดใส่จาน ตามด้วยอะโวคาโดที่หั่นไว้วางลงบนเนื้ออกไก่ย่าง และตามด้วยมะเขือเทศราชินีผ่าครึ่งแล้ว ให้จัดเรียงตามความสวยงามเลยค่ะ
  6. ทำน้ำสลัดโดยการนำมะนาวที่เตรียมไว้ราดลงไปให้ทั่ว และโรยเกลือ Low Sodium และพริกไทยดำ จากนั้นคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  7. ตกแต่งด้วยพาสเลย์ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เมนูสลัดอกไก่ย่างอะโวคาโดที่สวยงามและน่าทานพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับเมนูสลัดอกไก่ย่างอะโวคาโด ซึ่งเมนูนี้นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยแล้ว มันยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายโดย อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ดีต่อร่างกาย มีกากใยอาหารสูง และมีโฟเลตสูง ส่วนอกไก่ย่างเป็นอาหารที่ให้โปรตีนสูง ทั้งยังเป็นโปรตีนที่มีไขมันน้อย ช่วยในการลดน้ำหนัก และมะเขือเทศราชินี มีโปรโยชน์เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณและสายตา รักษาสิว ควบคุมความดัน ป้องกันโรคหัวใจและอื่น ๆ อีกมากมายเลยค่ะ

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

เว็บตรง สล็อต ฝากถอน ไม่มี ขั้นต่ำ

Categories
อาหารนานาชาติ อาหารสุขภาพ

สลัดนิซัวส์แซลมอน อาหารเพื่อสุขภาพ สไตล์ฝรั่งเศส 

สลัดนิซัวส์แซลมอน

ตอนนี้เราจะเห็นว่าเทรนด์การกินอาหารคลีนกำลังมาแรงในกลุ่มคนวัยทำงาน และผู้สูงอายุ เนื่องจากอาหารคลีนมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนั้นวันนี้เราเอาใจคนรักสุขภาพด้วยเมนู สลัดนิซัวส์แซลมอน เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ สุดหรูหรา สไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งสลัดนิซัวส์ เป็นอาหารจานเดียวประจำท้องถิ่นเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองเล็ก ๆ แถบชายหาดเมดิเตอร์เรเนียน เมนูอาหารส่วนใหญ่ก็จะมีคุณค่าทางคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน เพราะพื้นที่แถบนั้นอุดมไปด้วยผักสด ผลไม้สด น้ำมันมะกอก และอาหารทะเลอีกมากมาย นี่จึงเป็นที่มาของสลัดนิซัวส์ หรือสลัดของชาวนีซ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีการทำเมนูสลัดนิซัวส์ พร้อมกับเพิ่มคุณค่าให้กับสลัดจานนี้ด้วยการนำเอาเนื้อแซลมอนชิ้นหนา ๆ มาจี่ในกระทะพอเหลืองทองทั้ง 2 ด้าน เพื่อเพิ่มรสชาติและรสสัมผัสที่อร่อยไม่แพ้สลัดจานอื่นเลยค่ะ

ส่วนผสมของเมนู สลัดนิซัวส์แซลมอน สไตล์ฝรั่งเศส

เมนู สลัดนิซัวส์แซลมอน เป็นอีกหนึ่งเมนู อาหารสุขภาพ สไตล์ฝรั่งเศส ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมายทั้งจาก ส่วนผสม หลักอย่าง ผัก ผลไม้ ไข่ไก่ และแซลมอน ซึ่งความจริงแล้วต้นตำรับเมนูสลัดนิซัวส์ของชาวนีซจะใช้เนื้อปลากะตักหรือปลาทูน่า แต่วันนี้เราจะเลือกใช้เนื้อปลาแซลมอน เพราะเราอยากให้เมนูนี้สามารถรับประทานได้ทุกวัย หากคุณไม่ชอบเนื้อปลาแซลมอนสามารถใช้เนื้อปลากะตักหรือปลาทูน่าแทนได้ แต่ก่อนที่คุณจะไปดูขั้นตอนและวิธีทำสลัดนิซัวส์แซลมอน เรามาเตรียมส่วนผสมทั้งหมดกันก่อนดีกว่าค่ะ

ส่วนผสมสำหรับเมนูสลัดนิซัวส์แซลมอน

  1. ไข่ไก่ 3 ฟอง
  2. มันฝรั่งเปลือกแดง 6 หัว
  3. ถั่วแขก 150 กรัม
  4. เนื้อปลาแซลมอนชิ้นใหญ่ 2 ชิ้น
  5. น้ำส้มสายชูหมักไวน์แดง 3 ช้อนโต๊ะ
  6. ดิจองมัสตาร์ด 1 ช้อนชา
  7. มะเขือเทศสีดา 150 กรัม
  8. มะกอกสีดำไร้เมล็ด ¼ ถ้วยตวง
  9. น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
  10. เกลือป่น เล็กน้อย
  11. พริกไทยดำบด เล็กน้อย
  12. น้ำเปล่า
สลัดนิซัวส์แซลมอน

ขั้นตอนและวิธีทำเมนูสลัดนิซัวส์แซลมอน

หลังจากที่เราได้เตรียมส่วนผสมทั้งหมดของเมนู สลัดนิซัวส์แซลมอน เรียบร้อยแล้ว ต่อมาจะเป็นขั้นตอนและ วิธีทำ เมนูสลัดนิซัวส์ แซลมอน ซึ่งขั้นตอนการทำก็ง่ายมาก ๆ เลยค่ะ แถวยังใช้เวลาในการทำไม่นาน เพียงแต่เราต้องใส่ใจกับทุกขั้นตอนที่สำคัญต้องรักษาความสะอาดด้วย โดยมีขั้นตอนและวิธีทำ ดังนี้

ขั้นตอนและวิธีทำเมนูสลัดนิซัวส์แซลมอน

  1. ตั้งหม้อต้มไข่ไก่ในน้ำเปล่าจนเดือด จากนั้นปิดไฟและปิดฝาพักไว้ 15 นาที เทน้ำร้อนทิ้งแล้วเติมน้ำเย็นแช่ไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่จานพักไว้
  2. ตั้งหม้อต้มมันฝรั่งเปลือกแดง และถั่วแขก จนสุก หรือจนเนื้อเริ่มนิ่ม จากนั้นนำมันฝรั่งเปลือกแดงมาหั่นผ่าครึ่ง ใส่จานพักไว้
  3. ตั้งกระทะไฟร้อนปานกลาง แล้วใส่น้ำมันมะกอกพอเคลือบกระทะ จากนั้นโรยเกลือป่น และพริกไทยดำบดบนเนื้อปลาแซลมอน จี่ปลาในกระทะด้านละ 1 นาที หรือให้สุกตามที่ต้องการ
  4. นำเนื้อปลาแซลมอนสุกแล้ว ออกมาหั่นเป็นแผ่นบาง ๆ ตามขวาง 
  5. เริ่มเตรียมน้ำสลัด โดยการใส่เกลือป่น พริกไทยดำบด น้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชูหมักไวน์แดง และดิจองมัสตาร์ดในชามผสม จากนั้นตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  6. ใส่มะเขือเทศและมะกอกสีดำลงไปเคล้าให้เคลือบน้ำสลัด จากนั้นตักลาดบนเนื้อปลาแซลมอนที่หั่นแล้ว พร้อมเสิร์ฟคู่กับไข่ต้ม มันฝรั่งเปลือกแดงต้มสุก และถั่วแขกลวกสุก

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเมนูสลัดนิซัวส์แซลมอน หรือ Nicoise Salad เมนูนี้ครบถ้วนไปด้วยรสชาติและรสสัมผัสของดินแดนชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามินที่หลากหลาย มีประโยชน์แก่ร่างกายไม่ว่าจะเป็น เนื้อปลาแซลมอนที่ย่อยง่าย ป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง หรือ หัวใจ เหมาะกับสำหรับผู้สูงอายุ หรือคุณที่มีโรคประจำตัวเยอะ ๆ เช่น เบาหวาน ความดัน และไขมัน ไข่ต้ม เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสมอง มีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือดได้เป็นอย่างดี และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณ เส้นผม และเล็บมีสุขภาพดี ยิ่งได้ทานคู่กับน้ำสลัดนิซัวส์ก็จะได้รสชาติที่อร่อยอมเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชูหมักไวน์แดง นอกจากนี้สลัดยังปรุงด้วยน้ำมันมะกอก ช่วยลดคอเลสเทอรอลได้อีกด้วย เมนูสลัดนิซัวส์แซลมอนจึงเหมาะสำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพ

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

pg slot ฝากถอน ไม่มี ขั้นต่ำ เว็บตรง

Categories
ขนมเบเกอรี่ อาหารสุขภาพ

สูตร บราวนี่คลีน อร่อยไม่อ้วนช่วง work from home

บราวนี่คลีน

อยากกินของหวานแต่ก็ไม่อยากอ้วน ไม่ยากเลยค่ะสาว ๆ วันนี้เราเลยมีขนมอร่อยมาแนะนำกันค่ะ รับรองว่าอร่อยและไม่อ้วนแน่นอนค่ะ! และวันนี้เราก็มี สูตร บราวนี่คลีน สูตรขนมคลีนง่าย ๆ ที่ใช้วัตถุดิบไม่เยอะมาให้สายเฮลท์ตี้หรือใครที่กำลังลดน้ำหนักได้ทำกินกันค่ะ มาดูกันเล้ยย ! 

สูตร บราวนี่คลีน อร่อยไม่อ้วน ดีต่อใจแถมดีต่อสุขภาพ

Work from home กันมาก็น๊านนานน! บางคนอาจรู้สึกเบื่อและเหงา เราลองมาให้บราวนี่เติมความหวานให้กันดีกว่ามั้ยคะ? มาอร่อยกับ สูตร บราวนี่คลีน ที่ทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน มีทั้งสูตรแบบใช้เตาอบและบราวนี่ ไม่ใช้เตาอบ เติมความหวานแบบดีต่อใจ อร่อยได้ ไม่อ้วน แน่นอนค่ะ

บราวนี่คลีน

สูตรที่ 1 บราวนี้ฟัดจ์เนื้อนุ่มหนึบ

ส่วนผสม

  • ดาร์กช็อกโกแลต 6 ออนซ์
  • น้ำมันมะพร้าว 6 ช้อนโต๊ะ
  • ผงโกโก้ ¼ ถ้วย
  • น้ำตาลมะพร้าว 1 ถ้วย
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
  • แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ ¼ ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา
  • ผงกาแฟ ¼ ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบ)

วิธีทำ

  • อุ่นเตาอบเตรียมไว้ ใช้อุณหภูมิ 350 องศา
  • ละลายช็อกโกแลตผสมกับน้ำมันมะพร้าวโดยใช้ไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 30 วินาที
  • นำผงโกโก้ผสมกับช็อกโกแลตที่ละลายแล้ว คนให้เข้ากันจนส่วนผสมทั้งหมดเย็นลง พักไว้
  • เตรียมส่วนผสมชามที่สอง ตอกไข่และตีให้เข้ากัน จากนั้นผสมน้ำตาลลงไปและตีให้เข้ากับไข่ ใช้เวลาประมาณ 20-30 วินาที ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องตีเพราะจะทำให้มีอากาศในเนื้อบราวนี่ของเรามากเกินไป
  • ใส่กลิ่นวานิลาและช็อกโกแลตลงในส่วนผสมชามที่สอง จากนั้นเติมเกลือ แป้งมันสำปะหลัง เบกกิ้งโซดา และผงกาแฟลงไป คนให้เข้ากันจนส่วนผสมเหนียวข้น
  • เทส่วนผสมใส่พิมพ์ นำไปอบ 20-25 นาทีจนบราวนี่สุกดี
  • รอให้เย็นจากนั้นตัดเป็นชิ้นเสิร์ฟ จัดเสิร์ฟ
บราวนี่คลีน

สูตรที่ 2 บราวนี่คลีนไม่ง้อเตาอบ

ส่วนผสม

  • วอลนัท 1 ถ้วย
  • อินทผลัมอบแห้ง 2 ถ้วย
  • ผงโกโก้ 4 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • ท็อปปิ้งอื่น ๆ ที่ชอบ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์, อัลมอนด์, ช็อกโกแลตชิพ, ไอซิ่ง ฯลฯ
  • ช็อกโกแลตชิพหรือดาร์กช็อกโกแลต 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำมันมะพร้าว ½ ช้อนชา (นำช็อกโกแลตไปละลายในไมโครเวฟเตรียมไว้)

วิธีทำ

  • นำวอลนัท อินทผลัม ผงโกโก้ กลิ่นวานิลา และเกลือใส่ลงในเครื่องผสมอาหาร ตีจนส่วนผสมเข้ากันละเอียดดี
  • เทส่วนผสมลงบนแม่พิมพ์ที่รองกระดาษไขเอาไว้ จัดเป็นรูปทรงตามชอบ
  • ราดช็อกโกแลตที่ละลายเตรียมไว้ลงไปบนหน้าบราวนี่ จากนั้นเติมท็อปปิ้งที่ชอบ ตกแต่งให้สวยงาม
  • นำเข้าตู้เย็นประมาณ 20-30 นาที จากนั้นนำออกมาตัดเป็นชิ้น จัดเสิร์ฟ



สรุป

เป็นยังไงบ้างคะ ? กับสูตร บราวนี่คลีน ที่เอามาฝากกันในวันนี้ ขอบอกว่าแต่ละสูตร อร่อย ได้แบบไม่ต้องรู้สึกอ้วนกันเลยล่ะค่ะ! ได้เติมความหวานให้ร่างกายแบบไม่ต้องรู้สึกผิดกันเลย ถ้าอย่างนั้นลองเอาไว้ทำกินเองช่วง work from home ได้เลย

เว็บสล็อต ฝากถอน ไม่มี ขั้น ต่ํา

Categories
อาหารสุขภาพ

ยำไข่ต้มตาหวาน ตาหว๊านหวาน เยิ้มเลย 

ยำไข่ต้มตาหวาน

ไหนใครชอบกินไข่ต้มบ้างยกมือขึ้น! แต่ก็เบื่อ ๆ เมนูเดิมใช่มั้ยล่ะคะ? วันนี้เราเลยมีสูตรเด็ดแซ่บ ๆ มาฝากทุกคนกัน เป็นเมนูที่ไข่แดงเยิ้มกำลังดี ที่ทำไม่ยากอย่างที่คิด หน้าตาสวยงามเหมือนเชฟมาทำเอง พร้อมสูตรยำไข่ตาหวานรสแซ่บ กินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ เข้ากั๊นเข้ากัน! เป็นเมนูง่าย ๆ ที่อร่อยได้ไม่มีเบื่อ เสิร์ฟแบบไม่ธรรมดา แถมอร่อยไม่เหมือนใครกับไข่เป็ดเยิ้ม รวมกับน้ำยำแซ่บ ๆ จะฟินขนาดไหน ไปดูวิธีทำ ยำไข่ต้มตาหวาน กันเล้ย

วัตถุดิบเมนู ยำไข่ต้มตาหวาน 

ยำไข่ต้มตาหวาน

เป็นเมนูค้นตู้เย็นกันเลยก็ว่าได้ กับ “ยำไข่ต้มตาหวานเมนูไข่ง่าย ๆ แต่รสเด็ด เผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน แซ่บถึงใจ ทานพร้อมกับไข่ต้มตาหวาน เนื้อนุ่ม หิวกันแล้วใช่ไหมล่ะคะ มา เข้าครัว ทำเมนูนี้ไปพร้อมกันเลย 

วัตถุดิบ

  1. ไข่เป็ด 10 ฟอง 
  2. หมูสับ 200 กรัม 
  3. พริกขี้หนูสับหยาบ 10 เม็ด 
  4. หอมแดงซอย 3 หัว 
  5. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ 
  6. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ 
  7. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  8. มะเขือเทศราชินี 10 ลูก
  9. ผักชี ตามชอบ 
  10. น้ำเปล่า สำหรับต้มไข่
  11. เกลือ
  12. น้ำส้มสายชู 



ขั้นตอนการทำ ยำไข่ต้มตาหวาน

ยำไข่ต้มตาหวาน

STEP 1 : การต้มไข่

นำไข่เป็ดใส่ลงไปในหม้อ เทน้ำเปล่าลงไปประมาณ ⅔ ของไข่เป็ดจนท่วม ใส่เกลือ และน้ำส้มสายชู จากนั้นนำขึ้นตั้งไฟปานกลาง และต้ม 7 นาที พอครบ 7 นาทีแล้ว ตักไข่เป็ดใส่ในน้ำเย็น และแกะเตรียมไว้

TIPS : วิธีต้มไข่เป็ดให้ไข่แดงทะลุออกมา คือให้นำไข่เป็ดไปตากแดดก่อนนำมาต้ม จะทำให้ไข่แดงลอยเหนือไข่ขาว พอต้มออกมาก็จะเยิ้ม ๆ แบบนี้เลยจ้า ใส่เกลือ และน้ำส้มสายชู จะช่วยให้ไข่เป็ดไม่แตก และแกะง่าย 

STEP 2 : ทำน้ำยำ 

  1. เทน้ำ ½ ถ้วยลงในหม้อ ตั้งไฟ ใส่หมูบดลงไป ตามด้วยน้ำปลา 1 ช้อนชา คนให้เนื้อหมูสุกเท่ากัน พักไว้
  2. เทน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลทรายแดง คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน ใส่เนื้อหมูบดที่พักไว้ลงไป ตามด้วยพริกขี้หนูสับหยาบ หอมแดง ขึ้นฉ่าย ผักชี มะเขือเทศราชินี คลุกเคล้าให้เข้ากัน
  3. ตักน้ำยำราดบนไข่ตาหวานที่จัดวางไว้บนจาน พร้อมเสิร์ฟ

เห็นมั้ยคะว่าทำไม่ยากเลย! กับเมนู “ยำไข่ต้มตาหวานอร่อยยันฟองสุดท้าย! อิ่มง่าย ๆ ด้วยเทคนิคดี ๆ ที่ใครก็สามารถ ทำเองได้ ที่บ้าน บวกกับน้ำยำรสแซ่บ กินแล้วเข้ากันมาก ๆ ค่ะ สำหรับใครอยากเพิ่มเติมส่วนผสมอื่นลงไป เช่น ปลาหมึก หรือกุ้ง ก็ทำได้ไม่ว่ากันจ้า ทำอย่างเดียวคงไม่พอต้องลองทำสูตรเมนู “ขนมจีนแกงเผ็ดไก่” กินด้วย ฟินแน่นอน! 

สล็อต joker ฝาก-ถอน ไม่มี ขั้นต่ำ

Categories
อาหารสุขภาพ

ยำเต้าหู้ขาว รสชาติจัดจ้าน ประโยชน์ครบถ้วน

ยำเต้าหู้ขาว

ยุคนี้หันไปทางไหนก็เห็นแต่อาหารแซ่บๆ ประเภทส้มตำและยำ แต่ความแซ่บอย่างเดียวคงไม่พอต้องรู้จักกินแต่พอดีและต้องมีเคล็ดลับในการเลือกวัตถุดิบให้พอเหมาะด้วย เพราะเมนูยำเป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนดูแลหุ่นเลือกรับประทาน เพราะเมนูยำนี้นอกจากจะอร่อยมีทั้งเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวาน ครบรสความแซ่บแล้ว ยังเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำและมีประโยชน์ครบถ้วน แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกใช้วัตถุดิบอะไรบ้างด้วยค่ะ ซึ่งเมนูยำส่วนใหญ่ไม่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ จึงไม่แปลกที่เป็นเมนูที่ถูกอกถูกใจคนไทยทั้งชายและหญิง จะกินเป็นอาหารจานหลักก็ได้หรือกินเล่นเป็นอาหารว่างก็ดีงาม เพราะทั้งอิ่มท้องและไม่ทำให้อ้วน แถมช่วยเรื่องการขับถ่ายได้อีกด้วยค่ะ อีกทั้งยำรสจัดจ้านยังช่วยแก้เบื่ออาหารได้ดี เห็นประโยชน์ครบถ้วนแบบนี้ทางเราเลยไม่พลาดที่จะนำสูตรเมนูยำมาฝากทุกคน ซึ่งสูตรที่เรานำมาเป็นสูตรการยำเต้าหู้ขาว รสชาติจัดจ้าน โดยส่วนผสมที่เราเลือกมาก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และวิธีการทำก็ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ที่บ้าน จะเป็นอย่างไรบ้างตามเรามาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูยำเต้าหู้ขาว

เอกลักษณ์ของอาหารประเภทยำ คือ รสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ไขมันต่ำ เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ ซึ่งวัตถุดิบที่เราคัดสรรมาทำเมนูยำเต้าหู้ขาวก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ คนที่กำลังลดความอ้วนสามารถทานได้ค่ะ รับรองว่าเมนูนี้ไม่ทำให้อ้วน แต่อิ่มท้องแน่นอนค่ะ ถ้าทุกคนพร้อมกันแล้วเรามาดูวัตถุดิบและขั้นตอนการทำกันเลยค่ะ

วัตถุดิบและส่วนผสมสำหรับเต้าหู้ขาว

  1. เต้าหู้ขาวชนิดแข็ง 300 กรัม 
  2. น้ำมันมะกอกสำหรับทอด 10 มิลลิลิตร

วัตถุดิบและส่วนผสมสำหรับน้ำยำ

  1. น้ำมะนาว 40 มิลลิลิตร 
  2. น้ำปลาลดโซเดียม 30 มิลลิลิตร 
  3. พริกขี้หนูแดง 5 เม็ด
  4. น้ำซุป 1 ถ้วยตวง 
  5. น้ำตาลจากหญ้าหวาน 20 กรัม
  6. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  7. ขึ้นฉ่ายซอย 30 กรัม 
  8. หอมใหญ่ซอย 30 กรัม 
  9. หอมแดงซอย 30 กรัม 
  10. เนื้อแตงกวา แครอต หัวผักกาด และพริกชี้ฟ้าหั่นเป็นเส้นตามความชอบ
ยำเต้าหู้ขาว

ขั้นตอนวิธีการทำยำเต้าหู้ขาว

สำหรับวิธีทำเมนูยำเต้าหู้ขาวก็ง่ายมากๆแล้วค่ะ ทุกคนสามารถทำทานกันเองที่บ้านได้ เพียงแต่เราต้องใส่ใจกับทุกขั้นตอนที่สำคัญต้องรักษาความสะอาดด้วย ซึ่งนี่ถือเป็นหลักใจหลักในการทำอาหารเลยค่ะ หลังจากที่เรารู้แล้วว่ามีวัตถุดิบอะไรบ้าง ต่อมาเรามาดูขั้นการตอนการทำกันเลยค่ะ รับรองว่าทั้งทำง่ายและใช้เวลาไม่นานค่ะ

  1. เริ่มแรกต้องเตรียมเต้าหู้ก่อน โดยการเทน้ำมันมะกอกลงในกระทะเล็กน้อยรอให้น้ำมันร้อน แล้วนำเต้าหู้ขาวลงไปทอดให้เปลี่ยนสีแล้วปิดไฟ นำเต้าหู้สุกออกจากกระทะ หลังจากนั้นนำมาหั่นให้เป็นชิ้นลูกเต๋าขนาดเท่า ๆ กัน แล้วพักไว้
  2. ต่อมาเตรียมภาชนะทำน้ำยำ โดยใส่น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาล และน้ำซุปลงไปเล็กน้อย แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นใส่หอมใหญ่ซอย ขึ้นฉ่ายซอย และหอมแดงซอยมาคลุกเคล้ากับน้ำยำ 
  3. นำเนื้อแตงกวา แครอต หัวผักกาด และพริกชี้ฟ้าที่หั่นเป็นเส้นใส่ลงไปคลุกเคล้ากับน้ำยำ
  4. นำเต้าหู้ที่พักไว้ ลงไปคลุกเคล้ากับน้ำยำพอเข้ากัน (ควรคลุกเคล้าเต้าหู้อย่างเบามือ ไม่งั้นเต้าหู้ของเราจะแตกได้นะคะ)แล้วจัดเสิร์ฟใส่จานให้สวยงามได้เลยค่ะ

สำหรับเมนูยำเต้าหู้ขาวมีประโยชน์มากมายอย่างน้ำยำที่มีรสชาติเผ็ดจัดจ้าน ช่วยเรื่องการขับของเสียออกจากร่ายกายทางผิวหนัง ออกมาเป็นเหงื่อ พริกขี้หนูแดงช่วยเจริญอาหารและรักษาอาการอาเจียน มะนาวมีวิตามินเอและซี อีกทั้งขึ้นฉ่ายที่ทำให้เมนูยำมีกลิ่นหอม เป็นผักที่มีโพแทสเซียมสูง ช่วยในการขยายหลอดเลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ช่วยในการปรับสมดุลของกรดและด่างในเลือดได้อีกด้วย ที่สำคัญต้องเลือกใช้วัตถุดิบที่สดใหม่และสะอาดด้วยนะคะ และคนเราไม่ควรกินเมนูยำทุกวัน เพราะยำเป็นอาหารรสเผ็ดจัดจ้าน หากกินทุกวันจะทำให้ระบบทางเดินอาหารระคายเคือง อาจเกิดอาการท้องเสียได้ 

ฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา วอเลท

Categories
อาหารสุขภาพ

อาหารนักเพาะกาย อะไรควรกิน และอะไรที่ควรหลีกเลี่ยง

อาหารนักเพาะกาย
https://www.facebook.com/thaibbm/posts/297605013711845/

การเพาะกายมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่การสร้างกล้ามเนื้อของร่างกายผ่านการยกน้ำหนักและโภชนาการ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนหย่อนใจหรือการแข่งขันการเพาะกายมักเรียกว่าไลฟ์สไตล์เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเวลาที่คุณใช้ในและนอกโรงยิม ในการเพิ่มผลลัพธ์จากการออกกำลังกายให้ได้มากที่สุดคุณต้องให้ความสำคัญกับอาหารนักเพาะกาย เนื่องจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผลเสียต่อเป้าหมายในการเพาะกายของคุณ บทความนี้จะอธิบายถึงสิ่งที่ควรกินและหลีกเลี่ยงในอาหารเพาะกายและมีเมนูตัวอย่างหนึ่งสัปดาห์

ความต้องการแคลอรี่และธาตุอาหารหลัก

เป้าหมายสำหรับนักเพาะกายที่แข่งขันได้คือการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อในระยะการเปรียบเทียบและลดไขมันในร่างกายในระยะตัด ดังนั้นคุณใช้แคลอรี่ในช่วงการเปรียบเทียบมากกว่าในช่วงการตัด

อาหารนักเพาะกาย
http://body-buildersite.blogspot.com/2016/01/blog-post.html

อาหารนักเพาะกายต้องการแคลอรี่เท่าไหร่ ?

วิธีที่ง่ายที่สุดในการกำหนดจำนวนแคลอรี่ที่คุณต้องการคือการชั่งน้ำหนักตัวเองอย่างน้อยสัปดาห์ละสามครั้งและบันทึกสิ่งที่คุณกินโดยใช้แอปติดตามแคลอรี่ หากน้ำหนักของคุณยังคงเท่าเดิมจำนวนแคลอรี่ต่อวันที่คุณกินคือแคลอรี่ในการบำรุงรักษาของคุณกล่าวคือคุณไม่ได้ลดหรือเพิ่มน้ำหนัก แต่ยังคงรักษาไว้

ในช่วงที่คุณกำลังพะรุงพะรังขอแนะนำให้เพิ่มปริมาณแคลอรี่ 15% ตัวอย่างเช่นหากแคลอรี่ในการบำรุงรักษาของคุณคือ 3,000 ต่อวันคุณควรกิน 3,450 แคลอรี่ต่อวัน (3,000 x 0.15 = 450) ในช่วงการเปรียบเทียบ (6 แหล่งที่เชื่อถือได้) เมื่อเปลี่ยนจากการพะรุงพะรังไปสู่ขั้นตอนการตัดคุณจะลดแคลอรี่ในการบำรุงรักษาลง 15% แทนซึ่งหมายความว่าคุณจะกิน 2,550 แคลอรี่ต่อวันแทนที่จะเป็น 3,450

ในขณะที่คุณมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นในช่วงการเปรียบเทียบหรือลดน้ำหนักในช่วงการตัดคุณจะต้องปรับปริมาณแคลอรี่ของคุณอย่างน้อยทุกเดือนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก เพิ่มแคลอรี่ของคุณเมื่อคุณเพิ่มน้ำหนักในช่วงการเปรียบเทียบและลดแคลอรี่ของคุณเมื่อคุณลดน้ำหนักในช่วงการลดน้ำหนักเพื่อความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงทั้งสองขอแนะนำว่าอย่าลดหรือเพิ่มเกิน 0.5–1% ของน้ำหนักตัวต่อสัปดาห์ วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณจะไม่สูญเสียกล้ามเนื้อมากเกินไปในระหว่างขั้นตอนการตัดหรือได้รับไขมันในร่างกายมากเกินไปในช่วงการเปรียบเทียบ (แหล่งที่เชื่อถือ 7)

อัตราส่วนธาตุอาหารนักเพาะกายหลัก ที่นักเพาะกายจำเป็นต้องมี

อาหารนักเพาะกาย เมื่อคุณกำหนดจำนวนแคลอรี่ที่ต้องการได้แล้วคุณสามารถกำหนดอัตราส่วนธาตุอาหารหลักซึ่งเป็นอัตราส่วนระหว่างปริมาณโปรตีนคาร์โบไฮเดรตและไขมันของคุณ

ไม่เหมือนกับความแตกต่างของความต้องการแคลอรี่ระหว่างขั้นตอนการเปรียบเทียบและขั้นตอนการตัด แต่อัตราส่วนธาตุอาหารหลักของคุณจะไม่เปลี่ยนแปลง

  • 30–35% ของแคลอรี่จากโปรตีน
  • 55–60% ของแคลอรี่จากการทานคาร์โบไฮเดรต
  • 15–20% ของแคลอรี่จากไขมัน
  • อาหารนักเพาะกาย
    http://www.napanil.org/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%
    E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%
    B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%A7%
    E0%B8%81%E0%B9%82%E0%
    B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B5%
    E0%B8%99%E0%B8
    %AB%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%
    B9%89%E0%B8%AD/

    โภชนาการนักเพาะกาย อาหารที่ควรกินและหลีกเลี่ยง มีอะไรบ้าง

    เช่นเดียวกับการฝึกอบรมอาหารนักเพาะกายเป็นส่วนสำคัญของการเพาะกาย


    การรับประทานอาหารที่เหมาะสมในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้กล้ามเนื้อของคุณได้รับสารอาหารที่จำเป็นในการฟื้นตัวจากการออกกำลังกายและมีขนาดใหญ่ขึ้นและแข็งแรงขึ้น ในทางกลับกันการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้องหรือบริโภคอาหารที่ถูกต้องไม่เพียงพอจะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน


    นี่คืออาหารที่คุณควรเน้นและอาหารที่ควร จำกัด หรือหลีกเลี่ยง:

    อาหารที่ควรเน้น อาหารที่คุณกินไม่จำเป็นต้องแตกต่างกันระหว่างขั้นตอนการพะรุงพะรังและขั้นตอนการตัด – โดยทั่วไปแล้วจะเป็นปริมาณที่เท่ากัน


    อาหารที่ควรกิน ได้แก่ 

    • เนื้อสัตว์สัตว์ปีกและปลา: สเต็กเนื้อสันนอกเนื้อสันในหมูเนื้อกวางอกไก่ปลาแซลมอนปลานิลและปลาคอด
    • ผลิตภัณฑ์นม: โยเกิร์ตชีสกระท่อมนมไขมันต่ำและชีส
    • ธัญพืช: ขนมปังซีเรียลแครกเกอร์ข้าวโอ๊ตควินัวป๊อปคอร์นและข้าว
    • ผลไม้: ส้มแอปเปิ้ลกล้วยองุ่นลูกแพร์พีชแตงโมและเบอร์รี่
    • ผักที่มีแป้ง: มันฝรั่งข้าวโพดถั่วลันเตาถั่วลิมาเขียวและมันสำปะหลัง
    • ผัก: บรอกโคลีผักโขมผักสลัดผักใบเขียวมะเขือเทศถั่วเขียวแตงกวาบวบหน่อไม้ฝรั่งพริกและเห็ด
    • เมล็ดพืชและถั่ว: อัลมอนด์วอลนัทเมล็ดทานตะวันเมล็ดเจียและเมล็ดแฟลกซ์
    • ถั่วและพืชตระกูลถั่ว: ถั่วชิกพีถั่วเลนทิลถั่วไตถั่วดำและถั่วพินโต
    • น้ำมัน: น้ำมันมะกอกน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์และน้ำมันอะโวคาโด

    อาหารนักเพาะกายที่ จำกัด แม้ว่าคุณควรรวมอาหารที่หลากหลายไว้ในอาหาร แต่ก็มีบางอย่างที่คุณควร จำกัด


    ซึ่งรวมถึง

    • แอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์อาจส่งผลเสียต่อความสามารถในการสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณบริโภคมันมากเกินไป (แหล่งที่เชื่อถือ 8)
    • น้ำตาลที่เพิ่ม: มีแคลอรี่มากมาย แต่มีสารอาหารน้อย อาหารที่มีน้ำตาลเพิ่มสูง ได้แก่ ขนมคุกกี้โดนัทไอศกรีมเค้กและเครื่องดื่มที่มีรสหวานเช่นโซดาและเครื่องดื่มเพื่อการกีฬา (แหล่งที่มา 5)
    • อาหารทอด: สิ่งเหล่านี้อาจส่งเสริมการอักเสบและ – เมื่อบริโภคมากเกินไป – โรค ตัวอย่างเช่นปลาทอดเฟรนช์ฟรายหัวหอมเส้นไก่และชีสเคอร์ด (9 แหล่งที่เชื่อถือได้)

    นอกเหนือจากการ จำกัด สิ่งเหล่านี้แล้วคุณอาจต้องการหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดก่อนไปโรงยิมซึ่งอาจทำให้การย่อยอาหารช้าลงและทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนระหว่างออกกำลังกาย


    ซึ่งรวมถึง


    • อาหารที่มีไขมันสูง: เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูงอาหารที่มีเนยและซอสหรือครีมหนัก ๆ
    • อาหารที่มีเส้นใยสูง: ถั่วและผักตระกูลกะหล่ำเช่นบรอกโคลีหรือกะหล่ำดอก
    • เครื่องดื่มอัดลม: น้ำอัดลมหรือโซดาอาหาร

    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับอาหารนักเพาะกายที่ดีที่สุด

    เวย์โปรตีน: การบริโภคเวย์โปรตีนผงเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกในการเพิ่มปริมาณโปรตีนของคุณ

    Creatine: Creatine ช่วยให้กล้ามเนื้อของคุณมีพลังงานที่จำเป็นในการทำซ้ำเพิ่มเติมหรือสองครั้ง แม้ว่าจะมีครีเอทีนหลายยี่ห้อให้มองหาครีเอทีนโมโนไฮเดรตเนื่องจากมีประสิทธิภาพมากที่สุด (แหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ 12 แหล่ง)

    คาเฟอีน: คาเฟอีนช่วยลดความเหนื่อยล้าและช่วยให้คุณทำงานหนักขึ้น พบได้ในอาหารเสริมก่อนออกกำลังกายกาแฟหรือชา (13 แหล่งที่เชื่อถือได้)

    อาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดอาจมีประโยชน์หากคุณกำลัง จำกัด ปริมาณแคลอรี่เพื่อลดไขมันในร่างกายในระหว่างขั้นตอนการตัด


    ตัวอย่างเมนูอาหารนักเพาะกาย สำหรับหนึ่งสัปดาห์หนึ่งสัปดาห์

    วันจันทร์

    • อาหารเช้า: ไข่คนกับเห็ดและข้าวโอ๊ต
    • อาหารว่าง: คอทเทจชีสไขมันต่ำกับบลูเบอร์รี่
    • อาหารกลางวัน: เบอร์เกอร์เนื้อกวางข้าวขาวและบรอกโคลี
    • สแน็ค: โปรตีนเชคและกล้วย
    • อาหารเย็น: แซลมอนควินัวและหน่อไม้ฝรั่ง

    วันอังคาร

    • อาหารเช้า: แพนเค้กโปรตีนพร้อมน้ำเชื่อมเนยถั่วและราสเบอร์รี่
    • สแน็ค: ไข่ลวกและแอปเปิ้ล
    • อาหารกลางวัน: สเต็กเนื้อสันนอกมันเทศและสลัดผักโขมพร้อมไวน์
    • สแน็ค: โปรตีนเชคและวอลนัท
    • อาหารเย็น: ไก่งวงบดและซอสมารินารากับพาสต้า

    วันพุธ

    • อาหารเช้า: ไส้กรอกไก่กับไข่และมันฝรั่งย่าง
    • สแน็ค: กรีกโยเกิร์ตและอัลมอนด์
    • อาหารกลางวัน: อกไก่งวงข้าวบาสมาติและเห็ด
    • สแน็ค: โปรตีนเชคและองุ่น
    • อาหารเย็น: ปลาทูข้าวกล้องและสลัดใบกับ vinaigrette

    วันพฤหัสบดี

    • อาหารเช้า: ไก่งวงบดไข่ชีสและซัลซ่าในตอร์ตียาทั้งเมล็ด
    • สแน็ค: โยเกิร์ตกับกราโนล่า
    • อาหารกลางวัน: อกไก่มันฝรั่งอบซาวครีมและบรอกโคลี
    • สแน็ค: โปรตีนเชคและมิกซ์เบอร์รี่
    • อาหารเย็น: ผัดกับไก่ไข่ข้าวกล้องบรอกโคลีถั่วลันเตาและแครอท

    วันศุกร์

    • อาหารเช้า: บลูเบอร์รี่สตรอเบอร์รี่และโยเกิร์ตกรีกวานิลลาบนข้าวโอ๊ตค้างคืน
    • สแน็ค: ถั่วกระตุกและผสม
    • อาหารกลางวัน: เนื้อปลานิลกับน้ำมะนาวถั่วดำและปิ่นโตและผักตามฤดูกาล
    • สแน็ค: โปรตีนเชคและแตงโม
    • อาหารเย็น: เนื้อบดพร้อมข้าวโพดข้าวกล้องถั่วลันเตาและถั่วเขียว

    วันเสาร์

    • อาหารเช้า: ไก่งวงบดและไข่พร้อมข้าวโพดพริกหยวกชีสและซัลซ่า
    • สแน็ค: ทูน่ากระป๋องกับแครกเกอร์
    • อาหารกลางวัน: เนื้อปลานิลมันฝรั่งทอดและพริกหวาน
    • สแน็ค: โปรตีนเชคและลูกแพร์
    • อาหารเย็น: เนื้อหั่นเต๋าพร้อมข้าวถั่วดำพริกหยวกชีสและปิโกเดอกัลโล

    วันอาทิตย์

    • อาหารเช้า: ไข่ด้านบนและขนมปังปิ้งอะโวคาโด
    • สแน็ค: ลูกโปรตีนและเนยอัลมอนด์
    • อาหารกลางวัน: เนื้อสันในหมูชิ้นกับมันฝรั่งกระเทียมย่างและถั่วเขียว
    • สแน็ค: โปรตีนเชคและสตรอเบอร์รี่
    • อาหารเย็น: ลูกชิ้นไก่งวงซอสมารินาราและชีสพาร์เมซานบนพาสต้า

สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
อาหารสุขภาพ

พาสต้าอโวคาโดครีมซอส เมนูอาหารสำหรับคนรักสุขภาพ สไตล์ยุโรป

พาสต้าอโวคาโดครีมซอส

วันนี้เอาใจคนที่รักเมนูเส้นสุดเข้มข้นด้วยเมนูอาหารสไตล์ยุโรปอย่างพาสต้าอโวคาโดครีมซอส เมนูเส้นสปาเก็ตตี้นุ่ม ๆ คลุกเคล้ากับอะโวคาโดครีมซอส ถือเป็นอีกหนึ่งอาหารเพื่อสุขภาพ โดยสูตรที่เรานำมาฝากนี้เป็นสูตรเร่งด่วนทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน รสชาติอร่อยสุดฟินเหมือนได้ไปนั่งรับประทานที่ร้านอาหารโปรด ซึ่งเมนูนี้มีไฮไลท์อยู่ที่ซอสอะโวคาโดครีมมี่สุดเข้มข้นเข้ากันได้ดีกับรสชาติของกระเทียมที่อยู่ในส่วนผสม เป็นเมนูที่เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี

พาสต้า เป็นอาหารอิตาลีที่ประกอบด้วยเส้นที่ทำจากแป้งสาลี น้ำ ไข่ เกลือ และ น้ำมันมะกอก จากนั้นจึงนำมารีดเป็นแผ่นและตัดเป็นเส้น แล้วนำไปประกอบอาหารโดยการต้ม รับประทานกับซอสหลากหลายประเภท ปัจจุบันมีการผลิตเส้นสำเร็จรูปแบบอบแห้งในลักษณะอุตสาหกรรม ถูกใช้แพร่หลายมากกว่าเส้นแบบสดเนื่องจากสะดวกไม่ต้องใช้เวลาและความชำนาญมากในการจัดเตรียม ซึ่งวันนี้เราจะเลือกอะโวคาโดครีมซอสมาคลุกเคล้ากับเส้นพาสต้า เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ เพราะผลอะโวคาโด มีคุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น จึงถือว่าเป็น “อาหารเพื่อสุขภาพ” เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ส่วนจะมีวัตถุดิบและขั้นตอนการทำเมนูพาสต้าอะโวคาโดครีมซอสอย่างไรบ้าง ตามเข้าครัวมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูพาสต้าอโวคาโดครีมซอส

เมนูพาสต้าอโวคาโดครีมซอส มีส่วนประกอบที่สำคัญอย่าง “อะโวคาโด” (Avocado) หรือ “ลูกเนย” ผลไม้พื้นเมืองของเม็กซิโก และมิชชันนารี ได้ถูกนำมาปลูกในประเทศไทยครั้งแรกที่จังหวัดน่าน จนตอนนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก โดยเฉพาะกับสาวกสาย “สุขภาพ” ผลอะโวคาโดนั้นนิยมนำมาใช้ประกอบอาหารเนื่องจากมีกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ผสมอะไรอร่อย และที่สำคัญมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากๆ แถมยังมีประโยชน์ด้านความสวยความงามอีกด้วยค่ะ จึงไม่แปลกที่เมนูอะโวคาโดนี้จะถูกใจคนรักสุขภาพหลายคน แต่ก่อนจะไปดูวิธีการทำเมนูพาสต้าอโวคาโดครีมซอส เรามาดูวัตถุดิบและส่วนผสมของเมนูนี้กันก่อนเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำเมนูพาสต้าอโวคาโดครีมซอส

  1. เส้นสปาเก็ตตี้ 2 ถ้วยตวง
  2. กุ้งปอกเปลือก 100 กรัม
  3. อะโวคาโด 2 ถ้วยตวง
  4. น้ำมันมะกอก ¼ ถ้วยตวง
  5. ชีสพาร์เมซาน 2 ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือ 1 ช้อนชา
  7. เกลือเล็กน้อย สำหรับต้มเส้นสปาเก็ตตี้
  8. นมสด 3 ถ้วยตวง
  9. พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ
  10. กระเทียบสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
  11. ใบพาร์สลีย์สับ 2 ช้อนโต๊ะ
พาสต้าอโวคาโดครีมซอส

ขั้นตอนวิธีการทำเมนูพาสต้าอโวคาโดครีมซอส

หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบในการทำเมนูพาสต้าอโวคาโดครีมซอส เสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อมาถึงขั้นตอนการทำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพนี้แล้วโดยวิธีทำของแต่ละขั้นตอนก็ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้าน ซึ่งใช้เวลาในการทำซอสอะโวคาโด และทำเส้นเส้นสปาเก็ตตี้ให้สุกประมาณ 15-20 นาทีเองค่ะ เหมาะสำหรับคนที่เร่งรีบไปทำงานในตอนเช้าสุดๆเลย จะมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้างมาดูกันเลย

ขั้นตอนการทำเมนูพาสต้าอโวคาโดครีมซอส

  1. ตั้งหม้อต้มน้ำผสมเกลือเล็กน้อย พอน้ำเดือดให้ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ต้มประมาณ 7 นาที เมื่อครบเวลาแล้วตักขึ้นไปแช่น้ำเย็น เพื่อไม่ให้เส้นสุกจนเกินไป 
  2. นำกระเทียมสับลงไปผัดกับน้ำมันมะกอกสักครู่ จนเริ่มได้กลิ่นหอม จากนั้นนำเนื้ออะโวคาโด ใบพาร์สลีย์สับ ชีสพาร์เมซาน และนมสดใส่ลงไป แล้วผัดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน
  3. จากนั้นปรุงรสด้วย เกลือ พริกไทย และเติมกุ้งปอกเปลือกตามลงไป ผัดจนกระทั่งกุ้งสุก จึงค่อยเติมเส้นสปาเก็ตตี้ลงไปคลุกเคล้าให้อะโวคาโดครีมซอสเคลือบเส้นจนทั่ว โดยเราสามารถปรับเปลี่ยนความเข้นข้นของอะโวคาโดครีมซอสได้ หากใครชอบแบบที่มีน้ำซอสขลุกขลิกก็สามารถเติมนมสดเพิ่มได้ หรือสำหรับใครที่ชอบแค่พอมีซอสเคลือบเส้นก็สามารถลดปริมาณนมสดลงได้ค่ะ
  4. เพียงแค่นี้ก็จะได้พาสต้าอโวคาโดครีมซอสที่เสร็จแล้ว พร้อมจัดเสิร์ฟใส่จาน โดยโรยหน้าเมนูด้วยชีสพาร์เมซาน และพาร์สลีย์ ก็พร้อมรับประทานแล้วค่ะ

คุณค่าทางโภชนาการ

เมนูพาสต้าอโวคาโดครีมซอส เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่คุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ เพราะมีส่วนผสมที่สำคัญอย่างผลอะโวคาโด ที่ประกอบไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุมากมาย เหมาะสำหรับเป็นผลไม้ของคนที่รักสุขภาพ โดยพบว่าในอะโวคาโดมีวิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยงามไม่แก่เร็ว ป้องกันหวัด และเลือดออกตามไรฟัน วิตามินเอบวกกับสารเบต้าแคโรทีนบำรุงสายตา มีสารต้านอนุมูลอิสระชะลอความแก่ และมีโปรตีนสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น แต่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ ประกอบกับมีวิตามินบีแก้อาการเหน็บชา โพแทสเซียมและโฟเลสช่วยลดความดันโลหิต ที่สำคัญคือเป็นไขมันดี ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในเลือด มีเส้นใยอาหารสูง กินแล้วลดน้ำหนักได้ดี และที่สำคัญสามารถนำอะโวคาโดมาดัดแปลงเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารคลีนได้ตามที่ต้องการเลยค่ะ

Categories
อาหารสุขภาพ

ผักกาดขาวม้วนยัดไส้ เมนูอาหารคลีนกินแล้วไม่อ้วน พร้อมสูตรน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด

ผักกาดขาวม้วนยัดไส้

เอาใจสาวๆที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก วันนี้เรามีเมนูง่ายๆอย่างผักกาดขาวม้วนยัดไส้ เมนูอาหารคลีนที่ทำรับประทานในวันหยุด หรือทำเพื่อพกไปรับประทานที่ออฟฟิศหรือที่ทำงานก็ได้ แถมยังอร่อย กินแล้วไม่อ้วนอีกด้วยมาแนะนำทุกคนค่ะ เมนูผักกาดขาวม้วนยัดไส้ ใช้ผักกาดขาวในการห่อ โดยผักกาดขาวมีก้านใบใหญ่อวบ สีขาว ใบฉ่ำน้ำ เส้นใบนูนชัดเจน เมื่อกินสดให้รสหวานอ่อน ๆ เนื้อกรอบ ช่วยตัดรสที่จัดจ้านของเมนูอาหาร แต่เมื่อผ่านการปรุงสุก จะได้ผักเนื้ออ่อน นุ่ม รสหวาน ส่วนไส้ที่ห่อนิยมใช้กุ้งหรือหมู ใส่เห็ดใส่ผัก ซึ่งเห็ดที่นำมาใช้มักเป็นเห็ดเข็มทองให้รสสัมผัสที่เหนียวนุ่ม ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด รสเผ็ด เปรี้ยว เค็มนำ เพิ่มความอร่อยให้กับเมนูนี้เป็นอย่างมาก รับรองว่าใครที่ได้ลิ้มลองรสชาติจะต้องถูกอกถูกใจกับเมนูผักกาดขาวม้วนยัดไส้นี้แน่นอน และยังได้รับประทานผักอีกด้วย เหมาะสำหรับสาวๆที่ต้องการรักษาหุ่น จะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูผักกาดขาวม้วนยัดไส้

เมนูผักกาดขาวม้วนยัดไส้ เป็นอาหารคลีน อีกหนึ่งในเมนูผักกาดขาวเพื่อสุขภาพ ที่ค่อนข้างจะได้รับความนิยมอย่างมาก แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้สูตรและวิธีการทำของเมนูนี้จริงๆ อีกทั้งเมนูนี้ต้องกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดถึงจะอร่อยถึงใจ ซึ่งน้ำจิ้มซีฟู้ด ควรมีรสเผ็ด เปรี้ยว เค็มนำถึงจะอร่อยเข้ากับเมนูผักกาดขาวม้วนยัดไส้ แต่ก่อนจะไปดูขั้นตอนการทำ เรามาเตรียมวัตถุดิบส่วนผสมกันก่อนเลยค่ะ 

ส่วนผสมสำหรับทำผักกาดขาวม้วนยัดไส้

  1. หมูบด 450 กรัม
  2. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
  3. น้ำมันงา ½ ช้อนชา
  4. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  5. แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนชา
  6. พริกไทยขาวป่น ¼ ช้อนชา
  7. ผักกาดขาว 1 หัว
  8. เห็ดเข็มทอง 100 กรัม

ส่วนผสมสำหรับทำน้ำจิ้มซีฟู้ด

  1. พริกขี้หนูสวน 10-15 เม็ด
  2. กระเทียมไทย 10 กลีบ 
  3. ก้านผักชีสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำมะนาว 3½ ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ
ผักกาดขาวม้วนยัดไส้

ขั้นตอนวิธีการทำผักกาดขาวม้วนยัดไส้

หลังจากที่คุณทราบถึงวัตถุดิบที่ต้องเตรียมแล้ว จะเห็นได้ว่าวัตถุดิบไม่ได้เยอะอะไรมากเลย เป็นวัตถุดิบที่เราสามารถหาซื้อได้ปกติทั่วไป ส่วนวิธีทำเมนูผักกาดขาวม้วนยัดไส้และวิธีทำน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ไม่ได้ยาก เพราะแต่ละขั้นตอนสามารถทำต้องได้ง่ายมากๆเลยค่ะ ขั้นตอนการลงมือทำจะเป็นอย่างไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

ขั้นตอนสำหรับการทำน้ำจิ้มซีฟู้ด

  1. ขั้นตอนแรกทำน้ำจิ้มซีฟู้ด โดยการนำพริกขี้หนูสวน กระเทียมไทย และก้านผักชีสับ มาโขลกให้มันละเอียดเข้ากัน
  2. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลมะพร้าว แล้วคนให้ทุกอย่างเข้ากัน จากนั้นตักใส่ถ้วยพักเอาไว้

ขั้นตอนสำหรับการทำผักกาดขาวม้วนยัดไส้

  1. เริ่มแรกให้นำหมูบด มาปรุงรส โดยนำหมูบดใส่ถ้วยผสมกับซีอิ๊วขาว น้ำมันงา น้ำมันหอย แป้งมันและพริกไทยขาว หลังจากนั้นก็คลุกเคล้าทุกอย่างให้มันเข้ากัน แล้วนำไปแช่ตู้เย็นเอาไว้
  2. หลังจากที่เตรียมหมูเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อไปใช้หม้อต้มน้ำนำผักกาดขาวลงมาลวกให้มันพอสุกๆ นุ่มๆ หลังจากนั้น ตักลงใส่น้ำเย็นทันทีให้ผักกาดยังคงความเขียวสด เพื่อความน่ากินเอาไว้ แล้วนำมาพักบนตะแกรงให้มันสะเด็ดน้ำ
  3. วางผักกาดขาวที่เตรียมไว้ลงบนเขียง จัดท่าให้มันเรียบร้อย นำหมูบดที่เตรียมไว้ในตู้เย็นออกมาวางบนผักกาดขาว แล้วใส่เห็ดเข็มทองลงไปผสมกัน ม้วนใบผักกาดขาว จัดให้มันน่ากิน
  4. นำใบผักกาดขาวที่ยัดไส้แล้วไปจัดวางไว้ในหม้อนึ่ง แล้วนำไปนึ่งด้วยไฟกลางจนกว่าหมูจะสุก จากนั้นก็นำมาจัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่เตรียมไว้ แนะนำให้กับคนที่อยากจะลดความอ้วนได้ลองทำเมนูนี้นี้ทานดู บอกเลยว่าอร่อยอย่างมาก แถมกินแล้วไม่อ้วนอีกด้วย

คุณค่าทางโภชนาการ

เมนูผักกาดขาวม้วนยัดไส้ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการมากมายอย่างผักกาดขาวที่เป็นส่วนผสมที่สำคัญมีสรรพคุณช่วยบำรุงระบบย่อยอาหารและลำไส้ รักษาสมดุลของน้ำในร่างกายรวมถึงระบบขับถ่าย ลดความเสี่ยงของมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูกและฟัน อีกทั้งยังช่วยให้เจริญอาหารรวมถึงดับกระหายอีกด้วย จึงเป็นผักที่เหมาะกับนำมาทำอาหาร อีกทั้งเห็ดเข็มทองยังมีคุณค่าทางอาหารสูงไม่แพ้เห็ดชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะปริมาณวิตามินบีที่มีมากมายอันเป็นคุณค่าทางโภชนาการพื้นฐานของพืชตระกูลเห็ดเลยก็ว่าได้ แถมมีปริมาณไฟเบอร์ที่สูง แคลอรีต่ำเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้อิ่มเร็ว อิ่มนาน ส่วนน้ำจิ้มซีฟู้ดยังให้ประโยชน์ด้วย พริก กระตุ้นน้ำย่อย ช่วยให้เจริญอาหาร ลดระดับไขมันในเลือด กระเทียม ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดเส้นเลือดอุดตัน รากผักชี เป็นเครื่องเทศที่ช่วยดับกลิ่นคาวเพิ่มความหอม น้ำตาลมะพร้าว มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงขึ้นเร็ว และยังให้พลังงานน้อยกว่าน้ำตาลทรายอีกด้วยค่ะ

Categories
อาหารสุขภาพ

ซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับ เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ไส้แน่น อร่อยถูกปากทุกเพศทุกวัย

ซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับ

สาวๆ หนุ่มๆ คนไหนที่กำลังลดน้ำหนัก และออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ สิ่งที่ต้องระมัดระวังที่สุดนั่นคือเรื่องการกินค่ะ โดยหนึ่งในส่วนผสมอาหารคลีนที่มีโปรตีนสูงและมีประโยชน์ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่หลายคนเคยได้ยินมาบ้างคงหนีไม่พ้น “อกไก่” ดังนั้นวันนี้เราจึงมีเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่มีส่วนผสมหลักเป็นอกไก่มาแนะนำทุกคน โดยเมนูนี้มีชื่อเรียกว่า “ซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับ” จัดเป็นเมนูอาหารคลีนไร้แป้งโปรตีนสูง ไขมันต่ำ รับประทานแล้วไม่อ้วน มาพร้อมวิธีทำที่ง่ายแสนง่าย แถมยังเป็นอาหารที่มีรสชาติไม่ได้จัดจ้านมาก เพราะการทานอาหารแบบนี้เราจะนึกถึงสุขภาพเป็นหลัก 

สำหรับใครที่อยากเพิ่มความจัดจ้านให้กับเมนูซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับ สามารถทำได้ง่ายด้วยการนำเอาน้ำจิ้มสุกี้มาทานคู่กับเมนูซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับก็เข้ากันมากๆเลยล่ะค่ะ โดยปกติแล้วน้ำจิ้มสุกี้นั้นมีหลายสูตรให้เราได้เลือก มีทั้งสูตรแบบดั้งเดิม (แบบโบราณ), สูตรกวางตุ้ง และสูตรเจ เพื่อตอบโจทย์การรับประทานที่หลากหลาย และน้ำจิ้มสุกี้มีให้เลือกหลายหลากยี่ห้อ บางคนก็จะมียี่ห้อน้ำจิ้มสุกี้ที่ชอบกันอยู่แล้ว แต่วันนี้เราจะมาพาทำน้ำจิ้มสุกี้ที่รสชาติถูกใจเราสุด ๆ เพื่อเอาไว้ทานคู่กับเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่เรานำมาฝาก จะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของเมนูซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับ

การทำอาหารเมนูซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับถือว่าว่าง่ายเลยที่เดียว เพราะเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่หาซื้อวัตถุดิบในการทำไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ไปซื้อที่ตลาดก็มีให้เลือกเยอะแยะไปหมด อย่างแรกที่ขาดไม่ได้เลยคือ ผักกาดขาว หรือหากใครไม่ชอบทานผักกาดขาวก็สามารถใช้ผักอื่นมาห่อแทนได้ค่ะ อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็ต้องเป็นเนื้อไก่หรืออกไก่ แต่หากใครไม่ชอบทานอกไก่ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์อย่างอื่นได้ค่ะอย่างเช่นเนื้อหมูสับ สำหรับใครที่อยากทานเพื่อสุขภาพ เราแนะนำให้ใช้เนื้ออกไก่เพราะเนื้ออกไก่จะให้โปรตีนแก่ร่างกายสูง แคลอรี่ต่ำ ส่วนน้ำจิ้มสุกี้ทานคู่กับซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับนั้นมีหลายสูตรให้เลือก ซึ่งวันนี้เราเลือก “สูตรน้ำจิ้มสุกี้แบบดั้งเดิมหรือแบบโบราณ” เพราะเป็นสูตรที่ส่วนผสมของเต้าหู้ยี้ในปริมาณจำนวนมาก เพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติตามแบบฉบับดั้งเดิม แต่ก่อนจะไปดูขั้นตอนการทำเมนูซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับกับน้ำจิ้มสุกี้แบบดั้งเดิม เรามาดูวัตถุดิบส่วนผสมทั้งหมดกันก่อนเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับ

  1. อกไก่สับ 100 กรัม
  2. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
  3. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
  4. ผักกาดขาว 3 ใบ
  5. แครอทสับ 1 ช้อนโต๊ะ 

ส่วนผสมสำหรับทำน้ำจิ้มสุกี้

  1. ซอสพริก 250 กรัม
  2. ซอสมะเขือเทศ 50 กรัม
  3. กระเทียม 50 กรัม
  4. พริกแดงจินดา 30 กรัม
  5. น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ 
  6. ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ 
  8. กระเทียมดอง 3 หัว พร้อมน้ำ 3 ช้อนโต๊ะ 
  9. เต้าหู้ยี้ 30 กรัม พร้อมน้ำ 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  10. น้ำเปล่า 100 มิลลิลิตร 
  11. งาขาว 40 กรัม 
  12. น้ำมันงา 3 ช้อนโต๊ะ
ซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับ

ขั้นตอนวิธีการทำซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับ

หลังจากที่เตรียมส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เรามาดูวิธีทำเมนูซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับ กับวิธีทำน้ำจิ้มสุกี้แบบดั้งเดิมกันต่อเลยค่ะ สำหรับขั้นตอนการทำก็ง่ายมากๆเลยค่ะ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการทำอาหารกินเอง และกำลังลดน้ำหนัก หรือคนที่เริ่มทำเมนูนี้ครั้งแรก รับรองว่าอร่อยถูกปากคนที่ได้ลิ้มลองแน่นอนค่ะ 

ขั้นตอนวิธีการทำน้ำจิ้มสุกี้แบบดั้งเดิม

  1. คั่วงาขาวด้วยไฟอ่อนจนงาขาวสุก และมีกลิ่นหอม จากนั้นนำมาโขลกพอให้แตกแล้วพักใส่ชามเตรียมไว้
  2. เครื่องน้ำจิ้มสุกี้ โดยนำกระเทียม พริกแดงจินดา น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย กระเทียมดองพร้อมน้ำ เต้าหู้ยี้พร้อมน้ำ และน้ำเปล่า ใส่ลงไปในเครื่องปั่นแล้วปั่นให้ทุกอย่างละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นเทใส่หม้อที่ใช้สำหรับเคี่ยวไว้
  3. นำซอสพริก ซอสมะเขือเทศ และน้ำมันงาเทลงไปในหม้อที่ใส่เครื่องน้ำจิ้มสุกี้ไว้แล้ว จากนั้นคนจนทุกอย่างเข้ากัน
  4. นำหม้อขึ้นตั้งไฟกลางแล้วคนไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ติดก้นหม้อ เมื่อน้ำจิ้มสุกี้เดือด และหมดกลิ่นน้ำส้มสายชูแล้ว ให้ใส่งาคั่วที่โขลกพอแตกลงไป แล้วคนทุกอย่างผสมให้เข้า จากนั้นพักให้เย็นแล้วเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิทแช่ตู้เย็นไว้ เมื่อต้องการกินค่อยนำออกมา

ขั้นตอนวิธีการทำซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับ

  1. นำอกไก่ใส่ชามผสม ปรุงรสด้วย ซีอิ๊ว และพริกไทยป่น แล้วหมักทิ้งไว้เป็นเวลา 10 นาที จากนั้นลวกผักกาดในหม้อ พอผักกาดสุกได้ที่ก็ตักพักไว้ในน้ำเย็น 
  2. วางผักกาดลงในถ้วยที่จะนำเข้าหน้อนึ่ง โดยวางผักกาดให้เป็นหลุมตรงกลาง จากนั้นใส่ไก่สับลงไป แล้วนำไปนึ่งด้วยไฟปานกลางเป็นเวลาประมาณ 15 นาที หากใครสะดวกใช้ไมโครเวฟ ให้ใส่น้ำเปล่าลงไปในถ้วยเล็ก ช่วยให้ไก่และผักกาดไม่แห้ง แล้วนำเข้าไมโครเวฟ โดยใช้ความร้อน 1,100 วัตต์ เป็นเวลา 5 นาที
  3. นำซาลาเปาผักออกจากหน้อนึ่ง แล้วนำมาจัดใส่จากพร้อมเสิร์ฟ โดยการคว่ำถ้วยลงไปในจานที่ต้องการจัดเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยแครอทให้สวยงาม ทานคู่กับน้ำจิ้มสุกี้แบบดั้งเดิม

คุณค่าทางโภชนาการ

เมนูซาลาเปาผักกาดยัดไส้อกไก่สับ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ให้โปรตีนแก่ร่างกายสูง แคลอรี่ต่ำ ทานแล้วไม่อ้วน โดยผักกาดขาวมีสรรพคุณช่วยบำรุงระบบย่อยอาหารและลำไส้ รักษาสมดุลของน้ำในร่างกายรวมถึงระบบขับถ่าย ลดความเสี่ยงของมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูกและฟัน อีกทั้งยังช่วยให้เจริญอาหารรวมถึงดับกระหายอีกด้วย จึงเป็นผักที่เหมาะกับนำมาทำอาหาร, แครอท ช่วยบำรุงสายตา, พริกไทยป่น มีสรรพคุณทางการแพทย์แผนไทย สามารถใช้เป็นยาขับลม ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ เจริญอาหาร ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ กระตุ้นประสาท รักษาไข้มาลาเรีย และอหิวาตกโรค อีกทั้งอกไก่ที่เป็นส่วนผสมสำคัญยังอุดมไปด้วยประโยชน์ ได้แก่

  • มีโปรตีนสูงแต่พลังงานต่ำ ช่วยควบคุมน้ำหนัก เหมาะสำหรับปรุงอาหารของผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก 
  • ช่วยเพิ่มสมรรถภาพกล้ามเนื้อ ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่ฉีกขาดเสียหาย
  • มีสารแอนคาร์โนซีน และสารแอนเซอรีนสูง ช่วยลดความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อ
  • มีฟอสฟอรัสสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • มีโพแทสเซียม ช่วยเสริมสร้างการทำงานของหัวใจและกล้ามเนื้อ
  • มีซีลีเนียม ช่วยลดการอักเสบของเซลล์ ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
  • มีวิตามินบี 3 ช่วยเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตมาเป็นพลังงาน ทำให้ร่างกายนำไปใช้ได้มากขึ้น
  • มีลิวซีน ช่วยเพิ่มสมรรถภาพของกล้ามเนื้อ ช่วยให้ออกกำลังกายได้นาน และลดการสลายตัวของกล้ามเนื้อ