สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
ขนมเบเกอรี่

สูตรบราวนี่ หน้ากรอบ เนื้อหนึบหนับ ทำเองได้ง่าย ๆ ไม่ง้อร้าน

บราวนี่

สวัสดีค่าาา ถ้าหากพูดถึงขนมยอดฮิตที่ถูกอกถูกใจวัยรุ่น หลายคนคงจะนึกถึงขนมบราวนี่ ขนมเบเกอรี่ที่เรามักจะเห็นตามร้านคาเฟ่ทั่วไป ซึ่งสูตรบราวนี่ของแต่ละร้านก็จะแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เฉพาะตัว บางคนชอบบราวนี่แบบเนื้อฉ่ำ หนึบหนับ หรือเนื้อนุ่มแบบเค้ก แต่ฉ่ำรสชาติเหมือนคาราเมล แล้วคุณล่ะ ชอบบราวนี่แบบไหน? แบบเนื้อเค้กฉ่ำ? หรือแบบหน้ากรอบเนื้อฉ่ำหนึบหนับ? ซึ่งวันนี้เราจะมาเผยความลับในการทำบราวนี่หน้ากรอบ เนื้อหนึบหนับแบบฉบับง่าย ๆ สามารถทำกินเองที่บ้าน หรือทำขายก็ดี มาแนะนำเหล่าสาวกผู้ชื่นชอบการกินบราวนี่ แต่จะมีส่วนผสมและวิธีทำอย่างไรบ้าง ติดตามได้ในบทความนี้เลยค่ะ 

บราวนี่

ส่วนผสมสำหรับสูตรบราวนี่หน้ากรอบ เนื้อหนึบหนับ 

ขนมบราวนี่เป็นอีกหนึ่งขนมเบเกอรี่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสูตรบราวนี่ที่ใช้ส่วนผสมและวิธีทำที่ถูกต้องยิ่งจะช่วยทำให้ขนมบราวนี่ของคุณมีเนื้อสัมผัสที่ดี โดยเนื้อบราวนี่ที่ดีควรจะหน้ากรอบเล็กน้อย เวลาเคี้ยวเนื้อหนึบหนับนิด ๆ ชุ่มฉ่ำหน่อย ๆ ซึ่งแน่นอนว่าการทำเนื้อบราวนี่ให้ได้รสสัมผัสแบบนี้ นั่นต้องเลือกใช้ส่วนผสมและวิธีทำที่ถูกต้อง ซึ่งหลังจากที่เราได้ค้นหาสูตรบราวนี่มาหลายแหล่ง จนในที่สุดเราก็พบสิ่งที่สำคัญ 2 ประการ สำหรับการทำบราวนี่ให้สมบูรณ์แบบ นั่นคือ

  1. การทำบราวนี่ด้วยผงโกโก้ คุณควรใช้การอบช็อกโกแลตหรือช็อกโกแลตชิปเพื่อให้ได้หน้าบราวนี่ที่กรอบอร่อย
  2. ควรตีครีมเนยและน้ำตาลก่อน จนกว่าส่วนผสมทั้งสองจะซีดและฟู (ใช้เวลาในการตีประมาณ 5-6 นาที) สิ่งสำคัญที่สุดคือ การผสมส่วนผสมของแป้งหลังจากใส่ไข่ลงไป (ประมาณ 5 นาที) เพื่อให้อากาศเข้าไปในส่วนผสมและทำให้เกิดชั้นเมอแรงค์กรอบ ๆ ก่อตัวบนบราวนี่

ส่วนผสมสำหรับทำบราวนี่ หน้ากรอบ

  1. แป้งอเนกประสงค์ 2/3 ถ้วย
  2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยครึ่ง 
  3. เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ (ที่อุณหภูมิห้อง)
  4. ดาร์กช็อกโกแลตหรือช็อกโกแลตละลาย 200 ml
  5. ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. ผงเอสเปรสโซ่ ½ ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำอุ่น 2 ช้อนโต๊ะ
  8. กลิ่นวานิลลาสกัด 1 ช้อนชา
  9. ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง 2 ฟอง 

สิ่งที่ต้องรู้

  • อย่าผสมส่วนผสมน้ำมากเกินไปหลังจากเพิ่มส่วนผสมแห้ง มิฉะนั้น เนื้อสัมผัสของบราวนี่จะเปลี่ยนไป!
  • อย่าอบนานเกินไป มิฉะนั้น ด้านในของบราวนี่จะกลายเป็นเหมือนเค้กมากกว่าที่จะหนึบหนับ
  • เนยต้องอยู่ในอุณหภูมิห้องเท่านั้น! 
บราวนี่

วิธีทำบราวนี่หน้ากรอบเนื้อหนึบหนับแบบง่าย

หลังจากที่เตรียมส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะเป็นการลงมือทำบราวนี่ โดยสูตรบราวนี่ สูตรนี้เป็นสูตรแบบง่าย อบด้วยไมโครเวฟ ซึ่งเป็นวิธีทำที่สามารถทำกินเองได้ที่บ้าน หรือจะทำขายเป็นอาชีพเสริมก็รุ่ง และนี่คือขั้นตอนการทำขนมบราวนี่หน้ากรอบเนื้อหนึบหนับแบบง่าย

วิธีทำบราวนี่หน้ากรอบเนื้อหนึบหนับ

  1. เตรียมชามผสมก้นลึก ใส่เนยจืดและน้ำตาล แล้วตีส่วนผสมให้เข้ากันใช้เวลาตีประมาณ 5-6 นาที หรือจนกว่าส่วนผสมทั้งหมดฟู
  2. จากนั้นใส่ไข่และกลิ่นวานิลลาสกัดลงไป แล้วตีส่วนผสมให้เข้ากัน โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที
  3. ใช้ชามผสมขนาดเล็ก ผสมผงเอสเปรสโซ่กับน้ำอุ่น 
  4. เตรียมชามผสมแป้ง ใส่แป้งอเนกประสงค์ลงไป แล้วเพิ่มส่วนผสมเอสเปรสโซ่ลงไปผสมกับแป้งจนเข้ากันดี
  5. จากนั้นใส่ดาร์กช็อกโกแลตหรือช็อกโกแลตละลายแล้วลงไปผสมจนเข้ากันดี
  6. ใช้ชามผสมแยกต่างหาก กรองส่วนผสมแป้งและผงโกโก้
  7. นำส่วนผสมแห้งนี้ใส่ลงไปผสมกับทุกอย่างให้เข้ากัน แต่อย่าผสมมากเกินไป!
  8. เทแป้งบราวนี่ลงในถาดสี่เหลี่ยมที่ปูด้วยกระดาษฟอยล์และพ่นด้วยน้ำมัน แล้วใช้ไม้พายเกลี่ยแป้งให้ทั่วถาด
  9. นำไปอบในไมโครเวฟด้วยอุณหภูมิ 350 องศาเป็นเวลาประมาณ 35-40 นาที หรือลองนำไม้จิ้มฟันไปจิ้มที่เนื้อบราวนี่ สังเกตว่าเนื้อเหนียวหนึบใช้ได้แล้วหรือไม่
  10. ปล่อยให้บราวนี่เย็นลง จากนั้นหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัดใส่จานพร้อมรับประทานแล้วค่ะ

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

แทงบอลออนไลน์

Categories
ขนมเบเกอรี่

สูตรขนมปังเนื้อนิ่ม ไขมันต่ำ ปราศจากน้ำตาล กินแล้วไม่อ้วน

ขนมปังเนื้อนิ่ม

ขนมปัง ถูกยกให้เป็นหนึ่งในอาหารเช้ายอดฮิตของประเทศทางฝั่งยุโรป ปัจจุบันขนมปังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเป็นอาหารที่เรียบง่าย มักถูกนำมารับประทานคู่กับกาแฟ เนย เนยถั่ว แยมผลไม้ น้ำผึ้ง หรือทำเป็นแซนด์วิช โดยทั่วไปขนมปัง ทำมาจากแป้งสาลีที่ผสมกับน้ำและยีสต์ หรือผงฟู นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่ช่วยแต่งสี รสชาติและกลิ่น ซึ่งสูตรขนมปังจะแตกต่างกันไปตามประเภทของขนมปัง และสูตรของแต่ละคน ส่วนสำหรับสาว ๆ คนไหนที่กังวลเกี่ยวกับเรื่องแป้งในขนมปัง วันนี้เราก็มีสูตรขนมปังแบบคีโต มาแนะนำทุกคน ขอบอกเลยว่าสูตรนี้เป็นสูตรขนมปังเนื้อนิ่ม ไขมันต่ำ ปราศจากน้ำตาล กินแล้วไม่อ้วนแน่นอนค่ะ ที่สำคัญมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย 

ขนมปังเนื้อนิ่ม

ส่วนผสมของสูตรขนมปังคีโต ขนมปังไขมันต่ำ ปราศจากน้ำตาล

ขนมปังแบบคีโตคืออะไร? ขนมปังคีโตเป็นอาหารทางเลือกที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ เป็นสูตรขนมปังที่ไม่มีส่วนผสมของแป้งขาวหรือแป้งสาลี เพราะขนมปังคีโตทำจากแป้งอัลมอนด์และมักไม่ใส่ยีสต์ ที่สำคัญปราศจากน้ำตาลอีกด้วย จึงเหมาะสำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนัก หรือกำลังลดน้ำหนัก โดยปกติขนมปังคีโตจะมีขายทั่วไปตามร้านเบเกอรี่ แต่อย่าลืมว่าถึงแม้ร้านจะบอกว่านี่คือขนมปังที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่เพื่อความมั่นใจของผู้บริโภคขนมปังสูตรโฮมเมดดีกว่าแน่นอนค่ะ และนี่คือส่วนผสมสำหรับทำขนมปังคีโต สูตรโฮมเมด ขนมปังแป้งนุ่ม กินแล้วไม่อ้วน ที่สำคัญมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยวัตถุดิบหลักก็คือแป้งอัลมอนด์ ที่ทำมาจากอัลมอนด์แท้ ๆ ใครที่เป็นสายคีโต ไม่ควรพลาดกับสูตรขนมปังนี้ค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำขนมปังคีโต 

  1. แป้งอัลมอนด์ 1¼ ถ้วยตวง
  2. เมล็ดแฟลกซ์บดละเอียด ¼ ถ้วยตวง
  3. เกลือ ½ ช้อนชา
  4. เบกกิ้งโซดา ½ ช้อนชา
  5. ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง 5 ฟอง
  6. น้ำเชื่อมกลิ่นเมเปิ้ลคีโต 1 ช้อนโต๊ะ
  7. แอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
  9. งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)
ขนมปังเนื้อนิ่ม

ขั้นตอนและวิธีทำขนมปังคีโต

หลังจากที่เตรียมส่วนผสมของสูตรขนมปังคีโตเรียบร้อยแล้ว ต่อไปคือวิธีทำขนมปังแบบคีโต ขนมปังเนื้อนิ่ม ไขมันต่ำ ปราศจากน้ำตาล สามารถทำตามได้ง่าย ๆ โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้

วิธีทำขนมปังคีโต

  1. เริ่มต้นด้วยการเตรียมชามผสมขนาดใหญ่ ใส่แป้งอัลมอนด์ เมล็ดแฟลกซ์บดละเอียด เบกกิ้งโซดา และเกลือ แล้วผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน 
  2. เตรียมชามผสมอีกชาม ใส่ไข่ไก่ น้ำเชื่อมกลิ่นเมเปิ้ลคีโต แอปเปิ้ลไซเดอร์ และน้ำมันมะกอก แล้วตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
  3. นำส่วนผสมแห้ง(ข้อ 1) และส่วนผสมเปียก(ข้อ 2) มาผสมกัน แล้วตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  4. วอร์มเตาอบด้วยไฟ 180 องศาเซลเซียส ระหว่างนั้นก็เตรียมถาดอบขนมปังขนาด 9 x 4 นิ้ว รองด้วยกระดาษ parchment 
  5. ใส่แป้งขนมปัง(ข้อ 3) ลงไปในถาดที่เตรียมไว้ โรยหน้าขนมปังด้วยงาดำ จากนั้นปิดถาดด้วยกระดาษฟอยล์ดีบุก แล้วนำไปเข้าเตาอบใช้เวลาอบประมาณ 40 นาที อย่าลืมเอากระดาษฟอยล์ออก 10 นาทีก่อนขนมปังจะสุก
  6. ปล่อยให้ขนมปังเย็นในถาดประมาณ 10 นาที ก่อนแล้วค่อยเอาขนมปังออกจากถาดมาวางไว้บนตะแกรงให้เย็นสนิท เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ขนมปังคีโตเนื้อนุ่ม แสนอร่อยแล้วค่ะ

สิ่งที่ควรรู้

  • คุณต้องปิดขนมปังด้วยกระดาษฟอยล์ดีบุกก่อนนำเข้าเตาอบ เพื่อป้องกันไม่ให้ขนมปังเป็นสีน้ำตาลเร็วเกินไป หรือไหม้
  • ควรวางกระดาษ parchment ให้ยื่นออกมาจากถาดประมาณ 1-2 นิ้ว เพราะเมื่อขนมปังสุกจะได้เอาขนมปังออกมาจากถาดได้ง่ายมากขึ้น
  • ยี่ห้อและรุ่นของเตาอบแตกต่างกัน ดังนั้นให้ลองใช้เวลาอบประมาณ 35 นาที หากสังเกตพบว่าขนมปังยังไม่สุกให้อบต่อไปอีกประมาณ 10 นาที

สูตรขนมปังคีโตนี้ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม และยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินเอ แคลเซียม และธาตุเหล็กที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งขนมปังคีโตยังสามารถนำไปทำเมนูอื่น ๆ ได้อีกมากมาย เช่น ขนมปังปิ้งทาแยมผลไม้ แซนด์วิช และเครื่องเคียงทานคู่กับสตูว์ แกง หรือซุปก็ได้ นอกจากนี้คุณควรเก็บขนมปังคีโตไว้ในถุงซิปล็อค แล้วนำไปแช่ตู้เย็นในช่องแช่แข็งจะสามารถเก็บขนมปังได้นานถึง 6 เดือน แต่หากเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ขนมปังจะเก็บได้นานถึง 2 สัปดาห์ค่ะ

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

Categories
ขนมเบเกอรี่

ชีสพายผลไม้รวม เมนูขนมหวานสุดคิ้วท์ เนื้อเนียนฉ่ำผลไม้รวม

ชีสพายผลไม้รวม

เอาใจคนที่ชื่นชอบกินชีสพายด้วยเมนูขนมหวานสุดคิ้วท์ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยผลไม้สดอย่างเมนู ชีสพายผลไม้รวม เป็นหนึ่งในขนมหวานที่หาซื้อทานได้ง่ายตามร้านขายขนมเบเกอรี่ หรือร้านคาเฟ่ทั่วไป ซึ่งชีสพายมีรสชาติที่อร่อยลงตัว ผสมผสานกับรสเปรี้ยวอมหวานของผลไม้รวม ทำให้ชีสพายผลไม้รวมไม่หวานเลี่ยนเกินไป แถมยังกรุบกรอบด้วยแครกเกอร์บดข้างล่าง จึงไม่แปลกที่เมนูขนมหวานชีสพายผลไม้รวมจะได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่น สำหรับใครที่ไม่อยากเดินทางไปกินถึงที่ร้านขายขนมเบเกอรี่ ในบทความนี้เราก็มีสูตรขั้นตอนการทำเมนูขนมหวานชีสพายผลไม้รวมมาแนะนำทุกคน ขอบอกเลยว่าสูตรนี้อร่อยครบรสไม่หวานเกินไป และอมเปรี้ยวหน่อย ๆ ได้กลิ่นหอมของชีสกับผลไม้สด ใครได้กินก็ต้องติดใจแน่นอนค่ะ

ส่วนผสมของเมนู ชีสพายผลไม้รวม เนื้อเนียนฉ่ำ ได้กลิ่นหอมของผลไม้รวม

เมนูขนมหวาน ชีสพายผลไม้รวม เป็นหนึ่งในเมนู ขนมเบเกอรี่ ยอดฮิตที่ไม่ว่าคุณจะไปร้านขายขนมเบเกอรี่ หรือร้านคาเฟ่คุณก็จะเห็นเมนูชีสพายวางขายอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์อย่างแน่นอน ซึ่งเมนูชีสพายผลไม้รวมจะมี ส่วนผสม ที่แตกต่างจากชีทเค้ก เนื่องจากชีสพายส่วนผสมของครีมชีสที่ไม่ผ่านการอบด้วยความร้อน และคงตัวได้ด้วยเจลาติน โดยทั่วไปเรามักจะนำชีสพายมาผสมผสานกับแยมผลไม้สำเร็จรูป และผลไม้สด ซึ่งก่อนที่เราจะไปดูขั้นตอนและวิธีทำชีสพายผลไม้รวม เรามาเริ่มต้นจัดเตรียมส่วนผสมกันก่อนดีกว่าค่ะ โดยส่วนผสมทั้งหมดมีดังต่อไปนี้

ส่วนผสมสำหรับทำเมนูขนมหวานชีสพายผลไม้รวม

  1. แครกเกอร์ 100 กรัม
  2. เนยจืดละลาย 160 กรัม
  3. ครีมชีส 200 กรัม
  4. นมข้นหวาน 45 มิลลิลิตร
  5. วิปปิงครีม 45 มิลลิลิตร 
  6. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 110 มิลลิลิตร 
  7. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  8. ซอสสตรอว์เบอร์รี่ 100 กรัม
  9. เจลลาตินผง 1 ช้อนโต๊ะ
  10. ผลไม้สดสำหรับตกแต่งตามความชอบ (สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และกีวี)
ชีสพายผลไม้รวม

ขั้นตอนและวิธีทำเมนูชีสพายผลไม้รวม

หลังจากที่เราเตรียมส่วนผสมทั้งหมดสำหรับทำ ชีสพายผลไม้รวม เรียบร้อยแล้ว เรามาดูขั้นตอนและวิธีทำเมนูชีสพายผลไม้รวมกันต่อเลยค่ะ ซึ่งสูตรการทำชีสพายผลไม้รวมที่เรานำมาแนะนำในวันนี้เป็นสูตรพิเศษที่มี วิธีทำ ที่ง่ายมาก ๆ เนื่องจากสูตรนี้เรา ไม่ใช้เตาอบ ก็สามารถทำเมนูขนมหวานชีสพายผลไม้รวม แสนอร่อยได้แล้ว ถึงแม้คุณจะไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการทำขนมมาก่อน คุณก็สามารถทำตามขั้นตอนที่เราแนะนำได้ โดยขั้นตอนและวิธีการทำชีสพายผลไม้รวม มีดังนี้

ขั้นตอนและวิธีทำเมนูชีสพายผลไม้รวม

  1. เริ่มต้นด้วยการทำฐาน โดยการนำแครกเกอร์มาปั่นให้พอหยาบ จากนั้นเทเนยจืดละลายลงไป แล้วปั่นอีกสักครู่พอให้เนยจืดละลายคลุกเคล้าจนทั่ว หรือจนกว่าส่วนผสมทั้ง 2 อย่างรวมเป็นเนื้อเดียวกันจนละเอียด
  2. จากนั้นนำมาใส่ในแม่พิมพ์ แล้วใช้ช้อนกดให้แน่น จากนั้นนำไปแช่เย็นให้มันเซตตัว ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
  3. ต่อมาเป็นการทำครีมชีส โดยการเตรียมชามผสมแล้วนำครีมชีสมาตีให้พออ่อนตัว จากนั้นนำนมข้นหวาน วิปปิงครีม โยเกิร์ตรสธรรมชาติ น้ำเลมอน และผิวเลมอนมาผสมรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกแบ่งปริมาณ ⅔ จากครีมชีสทั้งหมด และส่วนที่สองคือครีมชีสส่วนที่เหลือทั้งหมด
  4. นำครีมชีสส่วนแรกมาเทลงบนฐานพายที่แช่เย็นไว้ (ข้อ 2) แล้วนำไปแช่เย็นอีกครั้งให้เซตตัว
  5. นำครีมชีสส่วนที่สองมาผสมกับซอสสตรอว์เบอร์รี่แล้วตีให้เข้ากัน 
  6. จากนั้นเทครีมชีสซอสสตรอว์เบอร์รี่ลงไปด้านบนชีสพายให้เต็ม แล้วนำไปแช่เย็นอีกครั้งให้เซตตัว ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
  7. ตกแต่งชีสพายผลไม้รวม เมื่อครีมชีสซอสสตรอว์เบอร์รี่เซตตัวดีแล้วให้นำมาตกแต่งด้านบนด้วยผลไม้สด (สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และกีวี) เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เมนูขนมหวานชีสพายผลไม้รวม เนื้อเนียนฉ่ำผลไม้รวม ไว้รับประทานกันแล้วค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเมนูขนมหวานชีสพายผลไม้รวม สูตรง่าย ๆ ไม่ต้องใช้เตาอบ อร่อยกรุบกรอบด้วยแครกเกอร์บด มาพร้อมกับรสชาติหวามอมเปรี้ยวจากส่วนผสมของซอสสตรอว์เบอร์รี่และผมไม้สด แถมยังได้กลิ่นอายตะวันตกจากครีมชีส ทำให้เมนูขนมเบเกอรี่นี้หวานกลมกล่อมสมบูรณ์แบบ ใครได้ลิ้มลองก็ต้องตกหลุมรักเมนูชีสพายผลไม้รวมสูตรนี้แน่นอนค่ะ

Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

ufabetฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
ขนมเบเกอรี่

คัพเค้กเรดเวลเวต คัพเค้กเนื้อสีแดงกำมะหยี่ หน้าบัตเตอร์ครีม เนียนนุ่ม ฟู อร่อยเกินห้ามใจ 

คัพเค้กเรดเวลเวต

เค้กเรดเวลเวตเป็นขนมเค้กยอดฮิตที่หลายคนชื่นชอบ โดยทั่วไปแล้วเค้กเรดเวลเวตจะมีลักษณะเป็นเค้กสีแดงเข้ม สีแดงอ่อน และสีน้ำตาลแดง แต่วันนี้จะพิเศษหน่อย เพราะเราจะไม่ทำเค้กเรดเวลเวต แต่จะทำ คัพเค้กเรดเวลเวต คัพเค้กเนื้อสีแดงกำมะหยี่ เนียนนุ่ม ฟู และที่สำคัญนี่ไม่ใช่คัพเค้กเรดเวลเวตธรรมดา แต่เป็นคัพเค้กเรดเวลเวตหน้าบัตเตอร์ครีม

ในปัจจุบันคัพเค้กเรดเวลเวต เป็นอีกหนึ่งคัพเค้กที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ร้านเค้ก หรือร้านคาเฟ่หลายร้านต้องมีเมนูคัพเค้กเรดเวลเวตเป็นหนึ่งในเมนูแนะนำแน่นอนค่ะ แต่สำหรับใครที่อยากลองทำคัพเค้กเรดเวลเวตเองที่บ้าน คุณสามารถติดตามดูวิธีทำได้ในบทความนี้ ซึ่งเราจะเผยวัตถุดิบที่ใช้ทำและขั้นตอนวิธีทำคัพเค้กเรดเวลเวตยังไงให้เนียนนุ่ม ฟู อร่อยถูกปากทุกคน พร้อมกับสูตรการทำบัตเตอร์ครีมสำหรับตกแต่งหน้าคัพเค้ก ขอบอกเลยว่าสูตรนี้ทำง่ายมาก ๆ คนที่ไม่เคยประสบการณ์ทำเค้กก็สามารถทำตามได้

ส่วนผสมของเมนู คัพเค้กเรดเวลเวต หน้าบัตเตอร์ครีม เนียนนุ่ม ฟู

เมนู คัพเค้กเรดเวลเวต เป็นเมนู ขนมเบเกอรี่ ที่ถูกดัดแปลงมากจากเมนู เค้กเรดเวลเวต ซึ่งหาซื้อทานได้ตามร้านเค้ก หรือร้านคาเฟ่ทั่วไป เมื่อก่อน ส่วนผสม หลักของเค้กเรดเวลเวตที่ขาดไม่ได้เลย คือ ผงโกโก้และน้ำส้มสายชู เพราะวัตถุดิบทั้งสองอย่างนี้เมื่อนำมาผสมกัน จะทำให้เกิดการทำปฏิกิริยาสารแอนโธไซยานิน ส่งผลให้เนื้อเค้กกลายเป็นสีแดงอย่างที่เราเห็น แต่ในปัจจุบันผงโกโก้จะไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำส้มสายชู เพราะผงโกโก้ในปัจจุบันมีการปรับแต่งไปจากสมัยปี 1900 ดังนั้นสำหรับเมนูคัพเค้กเรดเวลเวตเราจะใช้สีผสมอาหารสีแดงแทน เพื่อเพิ่มสีแดงในเนื้อคัพเค้ก แต่ก่อนที่เราจะไปดูขั้นตอนและวิธีการทำคัพเค้กเรดเวลเวตเรามีเตรียมส่วนผสมกันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งสูตรนี้เรามีส่วนผสมทั้งหมด ดังนี้

ส่วนผสมสำหรับทำคัพเค้กเรดเวลเวต

  1. มาร์การีน สูตรเพิ่มกลิ่นเนยสด ตราเบสท์ฟู้ดส์ 100 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 80 กรัม
  3. เบกกิ้งโซดา ½ ช้อนชา
  4. แป้งเค้ก 80 กรัม
  5. ผงโกโก้ 8 กรัม
  6. ไข่ไก่เบอร์สอง 1 ฟอง
  7. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  8. สีผสมอาหารสีแดง 1-2 ช้อนชา
  9. บัตเตอร์มิลค์ 76 กรัม

ส่วนผสมสำหรับทำบัตเตอร์ครีม

  1. น้ำตาลทราย 250 กรัม
  2. ไข่ขาว 50 กรัม
  3. เกลือ 2 กรัม
  4. น้ำสะอาด 20 กรัม
  5. เนยจืด 150 กรัม
  6. มาร์การีน สูตรเพิ่มกลิ่นเนยสด ตราเบสท์ฟู้ดส์ 150 กรัม
คัพเค้กเรดเวลเวต

ขั้นตอนและวิธีทำคัพเค้กเรดเวลเวต

หลังจากที่เราเตรียมส่วนผสมทั้งหมดสำหรับทำ คัพเค้กเรดเวลเวต เรียบร้อยแล้ว เรามาดูขั้นตอนและ วิธีทำ คัพเค้กเรดเวลเวตกันต่อเลยค่ะ ซึ่งวิธีทำที่เรานำมาแนะนำในวันนี้มีขั้นตอนการทำที่ง่ายมาก ๆ และมี รสชาติ อร่อยไม่แพ้ใครแน่นอนค่ะ ส่วนใครที่ไม่มีพื้นฐานการทำคัพเค้กก็สามารถทำตามได้นะคะ โดยขั้นตอนการทำมีทั้งหมด ดังนี้

ขั้นตอนและวิธีทำคัพเค้กเรดเวลเวต

  1. เริ่มต้นด้วยการเตรียมชามผสมใส่มาร์การีน สูตรเพิ่มกลิ่นเนยสด ตราเบสท์ฟู้ดส์ กับน้ำตาล แล้วตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นทยอยใส่ไข่ กลิ่นวานิลลา และสีผสมอาหารสีแดงลงไปผสมให้เข้ากัน
  2. เตรียมชามผสมแล้วร่อนแป้ง เบกกิ้งโซดา และผงโกโก้ ผสมเข้าด้วยกัน
  3. จากนั้นเตรียมชามผสมอีกใบ แล้วทยอยใส่แป้งที่เตรียมไว้ (ข้อ 3) สลับกับบัตเตอร์มิลค์ ลงในชามผสม โดยเริ่มจากการใส่แป้งก่อน ตามด้วยบัตเตอร์มิลค์ แล้วก็จบด้วยแป้ง ใช้เครื่องตีไข่ไฟฟ้าตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี แล้วจึงหยุดเครื่อง
  4. ใช้พายยางปาดส่วนผสมที่อยู่ในชามผสม และตะล่อมให้ทั่วกัน จากนั้นนำส่วนผสมไปหยอดใส่ถ้วยคัพเค้กที่เตรียมไว้
  5. จากนั้นนำคัพเค้กเรดเวลเวตเข้าเตาอบที่ไฟ 180 องศาเซลเซียส โดยใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที 
  6.  เมื่อคัพเค้กเรดเวลเวตสุกแล้ว ให้นำออกมาจากเตาอบ แล้วพักไว้ให้เย็น แล้วจึงนำไปตกแต่งได้

ขั้นตอนและวิธีทำบัตเตอร์ครีม

  1. เริ่มต้นด้วยการผสมไข่ขาว กับเกลือ ในชามผสม พร้อมใช้หัวตีตะกร้อ ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  2. จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำเปล่ากับน้ำตาลจนน้ำตาลละลาย หรือจนถึงอุณหภูมิ 118 องศาเซลเซียส
  3. ทำเมอแร็งก์ โดยการเปิดเครื่องตีไข่ไฟฟ้าใช้ความเร็วสูงตีส่วนผสม (ข้อ 1) และค่อย ๆ เทน้ำเชื่อมให้เป็นสายเล็ก ๆ ลงไปผสมจนหมด
  4. จากนั้นใช้เครื่องตีไข่ไฟฟ้าตีต่อ จนอุณหภูมิของเมอแร็งก์อุ่นลง แล้วเปลี่ยนหัวตี เป็นใบพัด แล้วตีต่อด้วยความเร็วปานกลาง ระหว่างนั้นก็ทยอยใส่ เนยจืดกับมาร์การีนลงไป และตีต่อจนบัตเตอร์ครีมฟูขาวเนียน 
  5. นำได้บัตเตอร์ครีมไปใส่ถุงบีบครีม แล้วนำเป็นบีบตกแต่งบนหน้าคัพเค้กเรดเวลเวต เพียงเท่านี้คุณก็จะได้คัพเค้กเรดเวลเวตหน้าบัตเตอร์ครีม เนียนนุ่ม ฟู แสนอร่อย
Suwanna Preebunpul

Suwanna Preebunpul

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน นักเขียนออยนะคะ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป เขียนบทความแนวแนะนำสินค้า, เทคโนโลยี, สาระความรู้, แฟชั่น และGraphic Design ด้วยความที่ส่วนตัวชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีงานเขียนแนวใหม่ ๆ ออกมา ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

Contact >> Instagram, Facebook, Line

ufabetฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา

Categories
ขนมเบเกอรี่ อาหารสุขภาพ

สูตร บราวนี่คลีน อร่อยไม่อ้วนช่วง work from home

บราวนี่คลีน

อยากกินของหวานแต่ก็ไม่อยากอ้วน ไม่ยากเลยค่ะสาว ๆ วันนี้เราเลยมีขนมอร่อยมาแนะนำกันค่ะ รับรองว่าอร่อยและไม่อ้วนแน่นอนค่ะ! และวันนี้เราก็มี สูตร บราวนี่คลีน สูตรขนมคลีนง่าย ๆ ที่ใช้วัตถุดิบไม่เยอะมาให้สายเฮลท์ตี้หรือใครที่กำลังลดน้ำหนักได้ทำกินกันค่ะ มาดูกันเล้ยย ! 

สูตร บราวนี่คลีน อร่อยไม่อ้วน ดีต่อใจแถมดีต่อสุขภาพ

Work from home กันมาก็น๊านนานน! บางคนอาจรู้สึกเบื่อและเหงา เราลองมาให้บราวนี่เติมความหวานให้กันดีกว่ามั้ยคะ? มาอร่อยกับ สูตร บราวนี่คลีน ที่ทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน มีทั้งสูตรแบบใช้เตาอบและบราวนี่ ไม่ใช้เตาอบ เติมความหวานแบบดีต่อใจ อร่อยได้ ไม่อ้วน แน่นอนค่ะ

บราวนี่คลีน

สูตรที่ 1 บราวนี้ฟัดจ์เนื้อนุ่มหนึบ

ส่วนผสม

  • ดาร์กช็อกโกแลต 6 ออนซ์
  • น้ำมันมะพร้าว 6 ช้อนโต๊ะ
  • ผงโกโก้ ¼ ถ้วย
  • น้ำตาลมะพร้าว 1 ถ้วย
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
  • แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ ¼ ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา
  • ผงกาแฟ ¼ ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบ)

วิธีทำ

  • อุ่นเตาอบเตรียมไว้ ใช้อุณหภูมิ 350 องศา
  • ละลายช็อกโกแลตผสมกับน้ำมันมะพร้าวโดยใช้ไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 30 วินาที
  • นำผงโกโก้ผสมกับช็อกโกแลตที่ละลายแล้ว คนให้เข้ากันจนส่วนผสมทั้งหมดเย็นลง พักไว้
  • เตรียมส่วนผสมชามที่สอง ตอกไข่และตีให้เข้ากัน จากนั้นผสมน้ำตาลลงไปและตีให้เข้ากับไข่ ใช้เวลาประมาณ 20-30 วินาที ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องตีเพราะจะทำให้มีอากาศในเนื้อบราวนี่ของเรามากเกินไป
  • ใส่กลิ่นวานิลาและช็อกโกแลตลงในส่วนผสมชามที่สอง จากนั้นเติมเกลือ แป้งมันสำปะหลัง เบกกิ้งโซดา และผงกาแฟลงไป คนให้เข้ากันจนส่วนผสมเหนียวข้น
  • เทส่วนผสมใส่พิมพ์ นำไปอบ 20-25 นาทีจนบราวนี่สุกดี
  • รอให้เย็นจากนั้นตัดเป็นชิ้นเสิร์ฟ จัดเสิร์ฟ
บราวนี่คลีน

สูตรที่ 2 บราวนี่คลีนไม่ง้อเตาอบ

ส่วนผสม

  • วอลนัท 1 ถ้วย
  • อินทผลัมอบแห้ง 2 ถ้วย
  • ผงโกโก้ 4 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลา 1 ช้อนชา
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • ท็อปปิ้งอื่น ๆ ที่ชอบ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์, อัลมอนด์, ช็อกโกแลตชิพ, ไอซิ่ง ฯลฯ
  • ช็อกโกแลตชิพหรือดาร์กช็อกโกแลต 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำมันมะพร้าว ½ ช้อนชา (นำช็อกโกแลตไปละลายในไมโครเวฟเตรียมไว้)

วิธีทำ

  • นำวอลนัท อินทผลัม ผงโกโก้ กลิ่นวานิลา และเกลือใส่ลงในเครื่องผสมอาหาร ตีจนส่วนผสมเข้ากันละเอียดดี
  • เทส่วนผสมลงบนแม่พิมพ์ที่รองกระดาษไขเอาไว้ จัดเป็นรูปทรงตามชอบ
  • ราดช็อกโกแลตที่ละลายเตรียมไว้ลงไปบนหน้าบราวนี่ จากนั้นเติมท็อปปิ้งที่ชอบ ตกแต่งให้สวยงาม
  • นำเข้าตู้เย็นประมาณ 20-30 นาที จากนั้นนำออกมาตัดเป็นชิ้น จัดเสิร์ฟ



สรุป

เป็นยังไงบ้างคะ ? กับสูตร บราวนี่คลีน ที่เอามาฝากกันในวันนี้ ขอบอกว่าแต่ละสูตร อร่อย ได้แบบไม่ต้องรู้สึกอ้วนกันเลยล่ะค่ะ! ได้เติมความหวานให้ร่างกายแบบไม่ต้องรู้สึกผิดกันเลย ถ้าอย่างนั้นลองเอาไว้ทำกินเองช่วง work from home ได้เลย

เว็บสล็อต ฝากถอน ไม่มี ขั้น ต่ํา

Categories
ขนมเบเกอรี่

แจกสูตรโมจิ ขนมสุดนุ่มนิ่ม

โมจิ

ถ้าทุกคนนึกถึงขนมประเทศญี่ปุ่นจะนึกถึงขนมอะไรกัน ? ขนมที่ญี่ปุ่นมีหลากหลายมากมายแต่ที่เด่นและเป็นขนมที่ขึ้นชื่อของประเทศญี่ปุ่นอย่างหนึ่งก็คือ “ขนมโมจิ” นั่นเอง ขนมโมจิเป็นขนมที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว ซึ่งต้องนวดจนจับตัวเป็นก้อนเหนียวหรืออาจจะใช้เครื่องจักรในการนวดเพื่อความรวดเร็ว และขนมโมจินั้นมีลักษณะคล้ายข้าวเหนียวนึ่งสุก เป็นขนมที่นุ่มนิ่มทานง่าย ส่วนใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นจะนิยมกินไส้ถั่วแดงกัน แต่บ้านเรามีหลายไส้หลากสีสันให้ได้เลือกกินตามความชอบด้วย วันนี้เราจะมาแจกสูตรโมจิในแบบฉบับของคนญี่ปุ่นกัน

ส่วนผสมในการทำสูตรโมจิ

โมจิ

ารถทำได้เองง่ายๆ ในส่วนผสมสูตรโมจินี้สามารถทำได้ประมาณ 10 ลูก อาจใช้สีผสมอาหารหรือสีจากธรรมชาติ ช่วยเพิ่มสีสันให้โมจิดูน่ารับประทาน ส่วนไส้โมจินั้นที่นำมาแนะนำเป็นไส้ถั่วแดงแต่ถ้าใครที่ไม่ชอบก็สามารถเลือกส่วนผสมอื่นมาทดแทนตามความชอบได้เลย

1.ถั่วแดงต้มสุก 600 กรัม

2.แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง

3.แป้งชนิดอื่น 1 ถ้วยตวง

4.น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

5.เกลือป่น ¼ ช้อนชา

6.น้ำสะอาด 1 ถ้วยตวง

ขั้นตอนวิธีการทำขนมโมจิ

โมจิ

1.นำแป้งข้าวเหนียวไปล้างในหม้อ แช่ไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนำข้าวไปอบต่อประมาณ 40 – 50 นาที 

2.เอาข้าวไปใส่ในครก จากนั้นตำหรือโขลกข้าวเป็นเวลาประมาณ 10 – 20 นาที ในขณะที่ทำอยู่ให้เตรียมน้ำอุ่นวางไว้ข้างๆ เพื่อเอาไว้พรมไม่ให้ข้าวแห้งเกินไป ตำไปเรื่อยๆ จนกว่าข้าวจะเริ่มเหนียวข้นติดกันดี

3.นำแป้งอะไรก็ได้มาโรยบนโต๊ะสำหรับเตรียมทำโมจิ จากนั้นให้จุ่มมือในน้ำให้ชุ่มก่อนจะนำโมจิขึ้นมาบนโต๊ะ แล้วทำการนวดโมจิเบาๆ หากยังรู้สึกว่าเหนียวมืออยู่ให้โรยแป้งลงเพิ่มจนกว่าจะรู้สึกว่าโมจิจับแล้วไม่ติดมือ จากนั้นให้ทำการแบ่งออกเป็นก้อนละประมาณ 2 นิ้ว กลิ้งไปรอบๆ เพื่อให้มันเป็นรูปทรงตามต้องการ

4.ขั้นตอนวิธีการใส่ใส้ คือแผ่ลูกโมจิออกให้แบน ใช้ช้อนตักไส้ลงตรงกลาง จากนั้นพับมุมเข้าหากันก่อนที่จะกลิ้งเบาๆ เพื่อให้มีลักษณะคล้ายกับลูกบอล และค่อยๆ บีบลงให้แบนเล็กน้อย

5.ถ้าอยากเพิ่มความอร่อยสามารถนำไปปิ้งได้ โดยจะเก็บได้เป็นเวลา 12 ชั่วโมงหากใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำคลุมเอาไว้ แต่ถ้ายังไม่ได้ปิ้งสามารถเก็บได้นานถึง 24 ชั่วโมง 

เพียงทำตามสูตรโมจินี้เราก็จะได้โมจินุ่มนิ่มเหนียวหนึบหนับแบบฉบับดั้งเดิมมารับประทานกัน ทำได้ง่ายๆ ทุกคนสามารถทำตามได้ไม่ยาก วัตถุดิบไม่เยอะหาได้ง่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปเลย แถมใช้เวลาในการทำไม่นานอีกด้วย

สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา วอเลท

Categories
ขนมเบเกอรี่

ชีสเค้กทอมแอนด์เจอร์รี่ (Tom & Jerry Cheesecake) ชีสเค้กรูปชีสสุดคิ้วท์ จากการ์ตูนเรื่อง Tom & Jerry

ชีสเค้กทอมแอนด์เจอร์รี่

เมื่อช่วงปี 2020ที่ผ่านไม่ว่าจะเปิด youtube, twitter, facebook หรือ instragram หลายคนต่างเคยเห็นเค้กสีเหลืองสดใสรูปทรงสามเหลี่ยม หน้าตาเหมือนเนยแข็งนี้ ถูกแชร์ผ่านโลกโซเชียลเต็มไปหมด โดยเจ้าเค้กก้อนนี้มีชื่อเรียกว่า ชีสเค้กทอมแอนด์เจอร์รี่ (Tom & Jerry Cheesecake) เป็นเค้กที่ฮอตฮิตที่สุดในโลกโซเชียล โดยเฉพาะเกือบทุกคาเฟ่ หรือแม้แต่ร้านเบเกอรี่ต่างๆ ก็ทำชีสเค้กหน้าตาเหมือนชีสของเจ้าหนูเจอร์รี่ จากการ์ตูนสุดคลาสสิกเรื่อง Tom and Jerry โดยจุดเด่นของชีสเค้กนี้ด้านในจะมีส่วนผสมของชีสและครีมทำออกมาหน้าตาเหมือนชีสที่หั่นเป็นสามเหลี่ยม 

สำหรับใครที่ไม่รู้จัก Tom and Jerry วันนี้เราก็มีเรื่องย่อมาเล่าให้ฟัง โดยการ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนสุด classic เล่าเรื่องราวของแมวที่ต้องหงุดหงิดรำคาญใจกับหนูตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในบ้านของมัน และคิดหาหนทางกำจัดหนูตัวนี้ด้วยการวางกับดักโดยใช้ชีสก้อนโตเป็นเหยื่อล่อ ขณะที่เจ้าหนูตัวน้อยแสนฉลาดกลับรู้ทันแผนการของเจ้าเหมียว และฉกชีสไปกินได้อย่างอิ่มท้องและปลอดภัย ซึ่งการ์ตูนเรื่องนี้มีมานานแล้วและในปี 2020 ที่ผ่านมาการ์ตูนเรื่องนี้ก็มีอายุครบรอบ 80 ปี แล้วค่ะ

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีสเค้กทอมแอนด์เจอร์รี่ฮอตฮิตจนถึงทุกวันนี้เริ่มมาจากเกาหลีตั้งแต่กลางปีที่แล้ว จากเหล่า Influencer และยูทูปเบอร์เกาหลีที่ได้แชร์สูตรและกินโชว์แบบ ASMR โดยคาดว่าจุดเริ่มต้นของ Tom and Jerry Cheesecake เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้วจากคาเฟ่เล็กๆ ชื่อว่า La Douce ตั้งอยู่ย่าน Hapjeong กรุงโซล ประเทศเกาหลี โดยเชฟและทีมทำชีสเค้กนี้เป็นเจ้าแรกๆ เรียกกว่าเป็นออริจินอลที่ดูน่ากินมากๆ หลังจากนั้นเหล่ายูทูปเบอร์ไทยก็ได้เริ่มแชร์วิธีทำและกินชีสเค้กนี้เหมือนกัน ส่งผลให้เจ้าชีสเค้กนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยหน้าตาที่สุดคิ้วท์ที่คล้ายกับ ‘เอมเมนทอลชีส’ หรือ ‘สวิตชีส’ ชีสที่โด่งดังและผลิตจากหมู่บ้านในหุบเขาเอมเมนทัล ทางตะวันออกของกรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และยังคล้ายกับชีสของโปรดของเจ้าหนูเจอร์รี่ จากการ์ตูนสุดคลาสสิกเรื่อง Tom and Jerry จึงไม่แปลกที่ชีสเค้กนี้จะฮอตฮิตในหมู่วัยรุ่น ดังนั้นวันนี้เราจึงมีสูตรวิธีทำเจ้าชีสเค้กทอมเจอร์รี (Tom & Jerry Cheesecake) จาก youtube channel ช่อง VIPS Station มาฝากทุกคน จะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของชีสเค้กทอมแอนด์เจอร์รี่ (Tom & Jerry Cheesecake)

สูตรวิธีทำ ชีสเค้กทอมแอนด์เจอร์รี่ (Tom & Jerry Cheesecake) เป็นสูตรทำขนมโดยไม่ใช้เตาอบ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ หรือแม้แต่ร้านเบเกอรี่ต่างๆ ก็ต่างทำออกมาขายกันจำนวนมาก โดยชีสเค้กนี้มีลักษณะคล้าย Emmental Cheese ชีสชื่อดังที่มีถิ่นกำเนิดจากหุบเขาเอ็มเมนเทล รัฐแบร์นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งชีสชนิดนี้มีความโดดเด่นคือความแข็งนอกแต่นุ่มใน รสชาติก็จะมัน ๆ เค็ม ๆ มาพร้อมกลิ่นอันโดดเด่น ชีสชนิดนี้มักมาทำเป็นฟองดูจิ้มขนมปัง หรือสไลด์กินบาง ๆ ในแซนวิช หรือแฮมเบอเกอร์ และด้วยรูปร่างที่โดดเด่นนี้เอง จึงทำให้มันกลายเป็นต้นแบบของชีสของโปรดเจ้าหนูเจอรี่ สำหรับโลกของความจริงรูปร่างชีสเค้กนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ก่อนจะไปดูขั้นตอนการทำ เรามาดูส่วนผสมของเจ้าชีสเค้กก้อนนี้กันก่อนเลย

ส่วนผสมของไวท์ช็อคโกแลต

  1. ไวท์ช็อคโกแลต 200 กรัม
  2. สีเจลผสมอาหาร สีเหลืองไข่ 20 หยด

ส่วนผสมของครีมชีส

  1. ครีมชีส 100 กรัม
  2. วิปปิ้งครีม 100 กรัม
  3. ไวท์ช็อคโกแลต 50 กรัม
  4. กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา

ส่วนผสมของแครกเกอร์

  1. แครกเกอร์รสเค็ม 50 กรัม
  2. เนยจืดละลาย 25 กรัม
ชีสเค้กทอมแอนด์เจอร์รี่

ขั้นตอนวิธีการทำชีสเค้กทอมแอนด์เจอร์รี่ (Tom & Jerry Cheesecake)

หลังจากที่เตรียมส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว มาดูขั้นตอนการทำชีสเค้กทอมแอนด์เจอร์รี่ (Tom & Jerry Cheesecake) กันต่อเลย สำหรับวิธีทำชีสเค้กนี้ก็มีหลากหลายสูตรให้ได้ลองฝึกทำกัน ซึ่งสูตรชีสเค้กที่เราเลือกมาแนะนำทุกคนนี้มีขั้นตอนการทำที่ไม่ได้ยุ่งยากเลยค่ะ โดยเจ้าเค้กนี้มีเปลือกด้านนอกที่มีสีและหน้าตาเหมือนกับชีสไม่มีผิดเพี้ยนโดยส่วนของด้านนอกนี้ จะใช้แม่พิมพ์ก้อนชีสมาช่วยให้ทำง่ายขึ้น ในขณะที่ตัวเนื้อเค้กด้านในก็จะมีหลายรูปแบบ ซึ่งเราเลือกแบบเนื้อครีมชีสธรรมดาบวกกับไวท์ช็อคโกแลต ส่วนจะมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

  1. นำไวท์ช็อคโกแลตไปตุ๋น ประมาณ 5 นาที เพื่อให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน โดยใช้หม้อหรือกระทะใส่น้ำตั้งให้เดือด นำถ้วยภาชนะที่เป็นโลหะใส่ไวท์ซ็อคโกแลตแล้วนำลงไปตั้งในน้ำเดือดคนจนกว่าจะละลาย
  2. นำไวท์ช็อคโกแลตไปตุ๋นเสร็จ มาลดอุณหภูมิ ด้วยการนำโถมาแช่ในน้ำเย็น แล้วนำกลับไปตุ๋นซ้ำอีกรอบ จากนั้นใส่สีเจล (สีเหลืองไข่) ลงไปผสมกับไวท์ช็อคโกแลตที่ตุ๋นเสร็จ ให้ได้สีตามต้องการ
  3. นำไวท์ช็อคโกแลตมาหยอดในพิมพ์ซิลิโคนรูปชีส แล้วกลิ้งให้ไวท์ช็อคโกแลตเคลือบทั่วพิมพ์ดี แล้วเทไวท์ช็อคโกแลตส่วนเกินออก แล้วนำพิมพ์ไปแช่ตู้เย็นให้ไวท์ช็อคโกแลตเซ็ตตัว จากนั้นนำไวท์ช็อคโกแลต (ส่วนของชีสเค้ก) ไปตุ๋นให้ละลาย จากนั้นยกมาพักให้คลายความร้อน ระหว่างรอ ให้นำแคร็กเกอร์มาบด แล้วผสมกับเนยละลาย
  4. นำครีมชีสมาใส่ในชามผสม แล้วใช้ตะกร้อไฟฟ้าตีให้ครีมชีสอ่อนตัวลง จากนั้นเติมวิปปิ้งครีมลงไป แล้วตีต่อให้เนียน จากนั้นเติมกลิ่นวนิลลาลงไป ตามด้วยไวท์ช็อคโกแลต แล้วตีให้ส่วนผสมเข้ากันดี จากนั้นนำใส่ถุงบีบ
  5. ค่อยๆ บีบครีมชีสลงไปในพิมพ์ (ครี่งเดียว) จากนั้นใส่บิสกิตที่ผสมไว้ แล้วตามด้วยครีมชีสอีกชั้น
  6. นำไวท์ช็อคโกแลต (ส่วนที่เหลือจากการทำเปลือก) มาเคลือบปิดทับเป็นชั้นสุดท้าย แล้วปาดให้เรียบ จากนำไปเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ชีสเค้กเซ็ตตัวดี จากนั้นนำออกจากพิมพ์ เพียงแค่นี้ก็จะได้ “ชีสเค้กทอมแอนด์เจอร์รี่” พร้อมรับประทานแล้วค่ะ

เปิดบัญชีคาสิโนขั้นต่ำ100

Categories
ขนมเบเกอรี่

ทาร์ตนูเทลล่า ทาร์ตแป้งกรอบไส้ดาร์กช็อกโกแลต รสชาติอร่อยถูกปากกลิ่นหอมเตะจมูก

ทาร์ตนูเทลล่า

เชื่อว่าช็อกโกแลตเป็นของหวานที่หลายๆคนหลงรัก และช็อกโกแลตที่หลายคนมักซื้อติดบ้านไว้ คงหนีไม่พ้นช็อกโกแลตกระปุกใสแบรนด์จากอิตาลีที่โด่งดังไปทั่วโลกนามว่า นูเทลล่า (Nutella) ซึ่งตำนานของ Nutella เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1940s โดยนักอบขนมปังชาวอิตาเลียนที่มีชื่อว่า Pietro Ferrero ในช่วงแรกอกโกแลตนูเทลล่าถูกเรียกว่า Gianduja และหลังจากเพิ่มเลซิทินลงไป Ferreros ก็เริ่มออกช็อกโกแลตที่สามารถทาขนมปังได้ตั้งชื่อว่า Supercrema Gianduja และต่อมา Michele ได้เริ่มต้นเรียกว่า Nutella ในปี 1964 เป็นคนแรก ในช่วงแรกนิยมใช้ป้ายลงไปบนขนมปัง จากนั้นไม่นานโลกก็ยอมรับว่า “ช็อกโกแลต” ก็เป็นอาหารเช้าได้เช่นเดียวกับไข่ดาวและเบคอนได้ 

ปัจจุบันนูเทลล่าได้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบอาหารหลายอย่าง ซึ่งวันนี้เราก็อยากแนะนำสูตรขนมหวานที่ใช้ช็อกโกแลตเทลล่า (Nutella)เป็นส่วนประกอบที่สำคัญนั่นคือ ทาร์ตนูเทลล่า ทาร์ตแป้งกรุบกรอบอย่างน่าอัศจรรย์ และร่วนไส้ช็อกโกแลตนูเทลล่าที่เนียนนุ่ม เพิ่มความสวยงามด้วยอัลมอนด์คาราเมลหวานกรอบ รับรองว่านี้เป็นสูตรเด็ดที่มีรสชาติและกลิ่น อร่อยถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่แน่นอนค่ะ ส่วนจะใช้วัตถุดิบและวิธีทำอย่างไร ตามมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของทาร์ตนูเทลล่า

สำหรับใครที่กำลังมองหาขนมเบเกอรี่ใหม่ ๆ เราขอแนะนำขนมหวานทาร์ตนูเทลล่า ทาร์ตแป้งกรุบกรอบสอดไส้ช็อกโกแลตนูเทลล่า (Nutella) เนื้อนุ่มเนียน เป็นอีกหนึ่งเมนูเบเกอรี่ที่มีความสมบูรณ์แบบโดยเฉพาะสำหรับผู้คลั่งไคล้นูเทลล่าและช็อกโกแลตสามารถทานคู่กับน้ำชาหรือกาแฟได้อีกด้วยค่ะ ส่วนจะใช้วัตถุดิบอะไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำทาร์ตนูเทลล่า

  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 190 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 80 กรัม
  3. เกลือ ¼ ช้อนชา
  4. เนย 110 กรัม
  5. ไข่แดง 1 ฟอง
  6. ครีม 1 ช้อนโต๊ะ
  7. กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
  8. อัลมอนด์คาราเมล 90 กรัม
  9. อัลมอนด์ก้าน 80 กรัม
  10. น้ำตาลทราย 80 กรัม (ใช้ทำอัลมอนด์คาราเมล)
  11. น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
  12. ไส้นูเทลล่า
  13. ครีม 1½ ถ้วย
  14. ดาร์กช็อกโกแลต 180 กรัม
  15. เนย 90 กรัม
  16. นูเทลล่า 170 กรัม (ใช้ทำไส้)
ทาร์ตนูเทลล่า

ขั้นตอนวิธีการทำทาร์ตนูเทลล่า

หลังจากที่เตรียมส่วนผสมสำหรับทำทาร์ตนูเทลล่าเรียบร้อยแล้ว เรามาดูขั้นตอนการทำสูตรนี้กันต่อเลยค่ะ ซึ่งสูตรนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสูตรวิธีทำเบเกอรี่แบบง่ายๆ เหมาะสำหรับมือใหม่หัดทำครั้งแรก หรือคนที่ชื่นชอบการทำขนมเบเกอรี่ ซึ่งสูตรนี้จะใช้การอบเป็นครั้งที่สองเพื่อแก้ไขปัญหา Nutella ไหม้หรือเหนียวผิดปกติ โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้

  1. ก่อนอื่นต้องทำแป้งพายก่อน โดยผสมแป้ง น้ำตาลทราย เกลือ และเนยเย็นหั่นเต๋า แล้วนำลงไปใส่ในเครื่องบดอาหาร จากนั้นกดให้เครื่องทำงานแบบปั่นแล้วหยุด ให้แป้งและเนยจับตัวกันเป็นเม็ดเล็กๆ แล้วใส่ไข่แดง ครีมและกลิ่นวานิลาลงไป จากนั้นปั่นให้ทุกอย่างพอเข้ากัน นำออกมาห่อด้วยพลาสติกถนอมอาหาร นำไปแช่เย็นประมาณ 30 นาที
  2. เมื่อครบเวลาแล้วให้นำแป้งออกมาคลึง แล้วกรุลงในพิมพ์ทาร์ตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 9 นิ้ว แล้วนำไปพักในตู้เย็นอีกประมาณ 10 นาที จากนั้นใช้ส้อมเจาะให้ทั่วๆ ฐานพิมพ์ แล้ววางกระดาษไขภายในพิมพ์ ใส่โลหะเพื่อถ่วงน้ำหนักในทาร์ต
  3. นำทาร์ตเข้าอบด้วยอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที แล้วนำออกมาเอาโลหะถ่วงน้ำหนักออก แล้วอบต่ออีก 5 นาทีจนสุกดี จากนั้นนำออกจากเตาอบพักไว้จนเย็น
  4. จากนั้นเริ่มทำอัลมอนด์คาราเมล โดยนำน้ำตาลและน้ำไปตั้งไฟ พออุณหภูมิ 116 องศาเซลเซียสก็ใส่อัลมอนด์ดิบลงไป ใช้ช้อนไม้คนจนเป็นผลึกน้ำตาลสีขาว คนต่อจนกลายเป็นคาราเมลเคลือบถั่ว นำออกมาพักให้เย็นบนแผ่นทนความร้อนหรือกระดาษไข โดยเกลี่ยเป็นชิ้นเล็กเพื่อเอาไว้แต่งทาร์ต
  5. ลงมือทำไส้ โดยนำครีมใส่หม้อ ตั้งบนความร้อน พอร้อนดีก็ยกออกจากความร้อน จากนั้นสับช็อกโกแลตเป็นชิ้นเล็กๆ ตามด้วยนูเทลล่า และเนย คนให้เข้ากันดี แล้วใส่ลงในแป้งทาร์ตที่เตรียมไว้ จากนั้นนำไปแช่เย็นให้อยู่ตัวดี แล้วแต่งด้วยอัลมอนด์คาราเมลในสวยงาม เพียงแค่นี้ก็จะได้ “ทาร์ตนูเทลล่า” แสนอร่อยแล้วค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับเมนูขนมหวานทาร์ตนูเทลล่า นอกจากจะมีขั้นตอนวิธีทำที่ง่ายมากๆ และรสชาติอร่อยถูกปากคนที่ได้ลิ้มลองแล้ว แป้งทาร์ตที่ทำเสร็จแล้วยังสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้หลายวัน เมื่อไหร่ที่คุณอยากกินทาร์ตนูเทลล่าก็สามารถนำออกจากตู้เย็นแล้วทำแค่อัลมอนด์คาราเมล และไส้ช็อกโกแลตด้วยนูเทลล่าตามหลังได้ค่ะ สำหรับใครที่อยากลองทำเมนูนี้ก็อย่าลืมนำสูตรที่เราแนะนำนี้ไปลองทำกันดูนะคะ

บาคาร่าออนไลน์

Categories
ขนมเบเกอรี่

ช็อกโกแลตมูสเค้ก เนื้อละเอียดละลายในปาก ทำง่ายโดยไม่ต้องใช้เตาอบ

ช็อกโกแลตมูสเค้ก

หากพูดถึงเมนูขนมหวานเนื้อเนียนนุ่มฉ่ำ หลายคนคงนึกถึงช็อกโกแลตมูสเค้ก มูสเค้กรสช็อกโกแลตเข้มข้น พร้อมกับเนื้อสัมผัสนุ่มละมุมลิ้นของหน้ามูสที่ปรุงด้วยมาร์ชเมลโลว เป็นเมนูขนมหวานสุดพรีเมียมที่สามารถรังสรรค์ได้ง่ายๆด้วยมือคุณ ซึ่งช็อกโกแลตมูสเค้ก เป็นเค้กที่ทำจากการตีไข่ขาวหรือวิปปิ้งครีมให้ฟูก่อนจะนำไปผสมกับช็อคโกแลต (อาจจะใช้รสชาติอื่นๆก็ได้) และส่วนผสมอื่นๆ ทำให้เค้กนุ่ม เบา มักใส่เจลาตินเพื่อช่วยให้คงรูป และต้องแช่เย็นไว้จนกว่าจะได้ที่ถึงจะพร้อมรับประทานค่ะ

มูสช็อกโกแลตมีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศสในช่วงทศวรรษที่ 1700 โดยสูตรแรกที่เป็นที่รู้จักถูกคิดค้น โดย Menon นักเขียนชาวฝรั่งเศสในปี 1750 ในหนังสือ La science du maîtred’hôtel confiseur ซึ่งคำว่า ‘มูส’ เป็นคำจากภาษาฝรั่งเศสที่มีการแปลตามตัวอักษรว่า ‘โฟม’ ในขณะที่มูสช็อคโกแลตถูกเรียกว่า ‘mousse au chocolat’ ในภาษาฝรั่งเศส มูสช็อกโกแลตมักใช้เป็นของหวานและใช้เป็นไส้ข้างหรือตกแต่งในขนม อย่างไรก็ตามมูสสามารถทำเป็นอาหารคาวได้โดยปกติจะไม่รวมช็อกโกแลตและน้ำตาลและมีรสชาติที่แตกต่างกัน โดยปกติแล้วมูสช็อกโกแลตมักมีสีน้ำตาลและมีเนื้อฟูเบาบาง ความหนาแน่นอาจแตกต่างกันไปตามส่วนผสมและวิธีการปรุง มูสช็อกโกแลตเป็นเมนูของหวานที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะนอกจากที่มีรสชาติที่อร่อยเข้มข้น เนื้อสัมผัสนุ่มละมุมลิ้นแล้ว ยังเป็นแหล่งแคลเซียมวิตามินเอและวิตามินบี 12 ที่ดีแม้ว่าจะมีไขมันและน้ำตาลในปริมาณมากก็ตาม ซึ่งสูตรสำหรับทำช็อกโกแลตมูสเค้กตั้งแต่แบบเรียบง่ายไปจนถึงแบบซับซ้อนหรือแปลกใหม่ สำหรับใครที่กำลังอยากจะลองทำเมนูของหวานช็อกโกแลตมูสเค้ก วันนี้เราก็มีสูตรวิธีทำที่เรียบง่ายมาแนะนำทุกคน สูตรนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เมนูนี้อร่อยไม่แพ้ร้านขนมเลยค่ะ จะมีส่วนผสมและวิธีทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูเลยค่ะ

ส่วนผสมหลักของช็อกโกแลตมูสเค้ก

ช็อกโกแลตมูสเค้ก เป็นเมนูของหวานสุดพรีเมียม มูสช็อกโกแลตอร่อยเข้มข้น เข้ากับเนื้อเค้กให้เนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มฉ่ำ โดยสูตรช็อกโกแลตมูสเค้กที่เรานำมาแนะนำนี้มีความพรีเมียมตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพรวมไปถึงขั้นตอนการทำที่เรียบง่ายไม่ยุ่งยาก แต่รสชาติอร่อยไม่แพ้ร้านขนมทำขายเลยค่ะ แต่ก่อนจะไปดูว่ามีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง เรามาเตรียมวัตถุดิบและส่วนผสมกันก่อนเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำช็อกโกแลตมูสเค้ก

  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 245 กรัม
  2. น้ำตาลทราย 200 กรัม
  3. น้ำตาลทรายแดง 180 กรัม
  4. ผงโกโก้ 70 กรัม
  5. ผงโกโก้ (สำหรับโรยหน้าเค้ก)
  6. เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนชา
  7. ผงฟู 1 ช้อนชา
  8. เกลือ 1 ช้อนชา
  9. โยเกิร์ต 125 มิลลิลิตร
  10. นมสด 125 มิลลิลิตร
  11. น้ำมันรำข้าว 125 มิลลิลิตร
  12. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  13. กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
  14. น้ำร้อน 240 มิลลิลิตร

ส่วนผสมสำหรับทำมูสช็อกโกแลต

  1. มินิมาร์ชเมลโลว 90 กรัม
  2. ช็อกโกแลตชิพ 240 กรัม
  3. นมสด 100 มิลลิลิตร
  4. วิปปิ้งครีม 400 มิลลิลิตร
  5. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  6. เจลาตินผง 8 กรัม
  7. น้ำเย็น 40 กรัม
ช็อกโกแลตมูสเค้ก

ขั้นตอนวิธีการทำช็อกโกแลตมูสเค้ก

หลังจากที่เราเตรียมส่วนผสมของช็อกโกแลตมูสเค้กทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาเริ่มลงมือทำกันแล้วโดยสูตรนี้มีวิธีทำที่ง่ายไม่ยุ่งยากสามารถทำเองได้ที่บ้านค่ะ แถมเป็นสูตรการทำขนมที่ไม่ต้องใช้เตาอบอีกด้วย เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการทำขนมหวาน หรือคนที่เริ่มต้นทำขนมหวานนี้ครั้งแรก รับรองว่าสูตรนี้ถูกอกถูกใจสายขนมหวานอย่างแน่นอนค่ะ ส่วนจะมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้างมาลุยกันเลยค่ะ

  1. เตรียมถาดอบขนาด 9×13 นิ้ว ทาเนยรองกระดาษไขไว้ จากนั้นเริ่มทำส่วนผสมแห้ง โดยร่อนแป้งผงโกโก้ เบกกิ้งโซดา ผงฟู และเกลือ ลงในชามผสม แล้วใส่น้ำตาลทราย และน้ำตาลทรายแดงลงไป คนให้กระจายดี
  2. ทำส่วนผสมน้ำ โดยผสมโยเกิร์ต นมสด น้ำมันรำข้าว ไข่ไก่ และกลิ่นวานิลลา เข้าด้วยกัน
  3. ใส่ส่วนผสมของแห้งลงไปในผสมน้ำ แล้วคนให้เข้า ใส่น้ำร้อนตามลงไป แล้วใช้ตะกร้อคนให้เข้ากัน จากนั้นเทใส่ลงในพิมพ์ แล้วนำไปนึ่งด้วยไฟปานกลางเป็นเวลา 50 นาที หรือจนกว่าแป้งจะสุกดี จากนั้นพักเค้กในพิมพ์ให้เย็นสนิท
  4. โรยเจลาตินผง 8 กรัม ลงในน้ำเย็น 40 กรัม ใช้ช้อนคนให้เข้ากัน จากนั้นพักไว้ 7-8 นาที
  5. เตรียมทำมูสช็อกโกแลต โดยนำมินิมาร์ชเมลโลวและนมสดใส่หม้อต้มตั้งไฟ จนพอเริ่มละลาย ให้ใส่ช็อกโกแลตชิพตามลงไป แล้วคนให้ส่วนผสมทั้งหมดละลายดี มั่นคนเรื่อยๆ จากนั้นใส่เจลาตินที่เตรียมไว้ลงไป แล้วคนให้ละลายเข้ากัน จากนั้นปิดไฟ
  6. ตีวิปปิ้งครีมกับกลิ่นวานิลลาให้ตั้งยอดดี แล้วตีส่วนผสมช็อกโกแลตให้คลายตัว(ข้อ5) 
  7. นำวิปปิ้งครีมที่ตีไว้(ข้อ6) ไปตะล่อมกับส่วนผสมช็อกโกแลต
  8. นำเค้กออกจากพิมพ์ แล้วนำมูสช็อกโกแลตปาดให้ทั่วตัวเค้ก จากนั้นโรยหน้าเค้กด้วยผงโกโก้ เพียงแค่นี้เราก็จะได้ช็อกโกแลตมูสเค้กแสนอร่อย พร้อมรับประทานแล้วค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับเมนูขนมหวานช็อกโกแลตมูสเค้ก นอกจากจะมีความอร่อยและความเข้มข้นของช็อกโกแลตแล้ว ตัวเนื้อเค้กยังเนียนสวยนุ่มละมุนลิ้ม กลิ่นหอม สำหรับใครที่สนใจอยากจะช็อกโกแลตมูสเค้กเราแนะนำให้ใช้ใช้ช็อคโกแลตที่มีโกโก้แข็งไม่เกิน 40-50 เปอร์เซ็นต์ เพราะช็อกโกแลตชนิดที่เข้มข้นอาจทำให้ขนมนี้ขมเกินไปค่ะ แล้วอย่าลืมนำสูตรที่เราแนะนำไปลองทำกันนะคะ

Categories
ขนมเบเกอรี่

คุกกี้เนยสด แป้งกรอบอร่อย หอมกลิ่นเนยสด

คุกกี้เนยสด แป้งกรอบอร่อย หอมกลิ่นเนยสด
คุกกี้เนยสด แป้งกรอบอร่อย หอมกลิ่นเนยสด

หากใครที่เป็นพันธุ์แท้คุกกี้คงเคยได้ลิ้มลอง คุกกี้เนยสด เป็นขนมเบเกอรี่ทานง่าย ที่อร่อยกรุ๊บกรอบ หอมกลิ่นเนยสด มีลักษณะชิ้นเล็ก ๆ รูปร่างแบน ทำจากแป้งสาลี โดยการแบ่งแป้งขนม ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำเข้าเตาอบ เหมาะสำหรับทานคู่กับชา กาแฟ ได้ดีทีเดียวค่ะ คำว่าคุกกี้มีที่มาจากคำในภาษาดัตช์ koekje ซึ่งหมายถึง “เค้กชิ้นเล็กๆ” ซึ่ง คุกกี้ มีลักษณะและรสชาติที่หลากหลาย เป็นที่ชื่นชอบไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ และสามารถขายได้ในราคาที่ย่อมเยา คุกกี้เนยสด เป็นขนมประเภทที่มีลักษณะเฉพาะตัว และสามารถเก็บเอาไว้ได้ในระยะยาวนาน นิยมรับประทานทั้งเป็นอาหารว่าง และใช้เป็นของขวัญในเทศกาลต่าง ๆ เช่น เทศกาลปีใหม่ วาเลนไทน์ วันเกิด เป็นต้น เพราะมีลักษณะหน้าตาสวยงามชวนน่ารับประทาน และสามารถเก็บไว้ได้นานพอสมควร หลายคนจึงซื้อมาเป็นของฝากกันจำนวนมาก สำหรับใครที่อยากจะลองทำเอง วันนี้เราก็มีสูตรคุกกี้เนยสดมาฝาก แต่จะมีส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

คุกกี้เนยสด แป้งกรอบอร่อย หอมกลิ่นเนยสด
คุกกี้เนยสด แป้งกรอบอร่อย หอมกลิ่นเนยสด

ส่วนผสมหลักของคุกกี้เนยสด

คุกกี้เนยสด” เป็นคุกกี้กรอบ ที่มีส่วนผสมหลักคล้ายคลึงกับเค้ก เพราะมีส่วนประกอบเป็น แป้ง, เนย, นม, ไข่ และสิ่งที่ช่วยให้แป้งขึ้นฟู แต่จะมีส่วนผสมของ ของเหลวน้อยกว่าและแตกต่างกับเค้กตรงที่ใช้แป้งที่มีปริมาณโปรตีนสูงกว่าเค้ก แต่น้อยกว่าขนมปัง คุกกี้เนยสด เป็นอีกหนึ่งขนมเบเกอรี่ ที่นิยมนำไปอบทานคู่กับชา หรือกาแฟ และอบเพื่อเป็นของขวัญในเทศกาลต่าง ๆซึ่งสูตรคุกกี้เนยสดทำง่ายมากๆเลยค่ะ แถมยังอร่อยกรุบกรอบ หอมกลิ่นเนยสด ส่วนจะมีวัตถุดิบอย่างไรบ้างมาเตรียมกันเลยค่ะ

ส่วนผสมสำหรับทำคุกกี้เนยสด

  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 250 กรัม
  2. เบกกิ้งโซดา ½ ช้อนชา
  3. ผงฟู ¾ ช้อนชา
  4. เนยสดแช่เย็น 50 กรัม
  5. มาการีน 75 กรัม
  6. น้ำตาลไอซิ่ง 125 กรัม
  7. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  8. กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา

ขั้นตอนวิธีการทำคุกกี้เนยสด

หลังจากที่เตรียมส่วนผสมคุกกี้เนยสดเรียบร้อยแล้ว เรามาดูวิธีทำคุกกี้เนยสดกันต่อเลยค่ะ ขอบอกเลยว่าสูตรที่เรานำมาฝากนี้นอกจากส่วนผสมจะหาซื้อได้ง่ายแล้ว ยังมีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก สามารถทำตามได้ง่ายๆ ซึ่งคุกกี้เนยสด เป็นคุกกี้หยอด ที่ใช้ช้อนตักหยอดเป็นรูปร่างต่างๆ หรือใส่กรวยที่มีหัวบีบ จึงเหมาะสำหรับมือใหม่ที่เริ่มหัดทำขนมคุกกี้ครั้งแรก หรือคนที่ชื่นชอบการทำขนมหวานอยู่แล้ว แต่จะมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

คุกกี้เนยสด แป้งกรอบอร่อย หอมกลิ่นเนยสด
คุกกี้เนยสด แป้งกรอบอร่อย หอมกลิ่นเนยสด

วิธีทำคุกกี้เนยสด

  1. ตั้งเตาอบด้วยอุณหภูมิ 180 องศา จากนั้นเตรียมถาด ปูแผ่นรองอบ ถุงบีบหรือกระบอกบีบ
  2. เริ่มร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ผสม ผงฟู และเบกกิ้งโซดา แล้วคนให้เข้ากันพักไว้
  3. นำเนยสดแช่เย็นมาทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง 15 นาที แล้วหั่นเป็นสี่เหลี่ยม จากนั้นนำมาตีด้วยหัวตีใบไม้ความเร็วปานกลาง จนเนยสดกระจายตัว แล้วค่อยเติมมาการีนลงไปตีให้เข้ากัน
  4. จากนั้นใส่น้ำตาลไอซิ่งตีต่อให้ขึ้นฟู โดยสีของเนยสด มาการีน และน้ำตาลไอซิ่งเริ่มเป็นสีอ่อนขึ้น ไม่เกิน 7 นาที ระหว่างตีให้หยุดเครื่องใช้พายยางป่วยปาดอ่างสัก 2 ครั้ง แล้วใช้หัวตีใบไม้ความเร็วปานกลาง เพื่อตีจับอากาศ ช่วยทำให้คุกกี้กรอบอร่อย
  5. ตอกไข่ใส่ชามและใส่กลิ่นวานิลลาลงผสมให้เข้ากัน ตั้งพักไว้ เมื่อส่วนผสมของเนยได้ที่ดีแล้วค่อย ๆ เทไข่ลงไป แล้วตีโดยใช้ความเร็วปานกลาง
  6. จากนั้นเปลี่ยนความเร็วเป็นระดับต่ำ และเติมส่วนของแป้งที่พักไว้ใส่ลงไปตีพอเข้ากัน อย่าตีนานเพราะจะทำให้คุกกี้เหนียวแน่น ไม่กรอบ
  7. ใส่ส่วนผสมคุกกี้ในถุงบีบหรือกระบอกบีบ แล้วปั๊มลงบนถาด จากนั้นให้นำไปแช่ตู้เย็นซักพัก เมื่อส่วนผสมคุกกี้อยู่ตัว จึงมาบีบเป็นดอก แล้ว
  8. ใส่ส่วนผสมลงในถุงบีบหรือกระบอกบีบ ปั๊มลงบนถาดได้เลย ให้แช่ตู้เย็นซักพักพอส่วนผสมอยู่ตัว จึงมาบีบเป็นดอก จากนั้นนำเข้าเตาอบ 15 นาที หรือจนสุก แล้วนำออกจากเตาแซะวางบนตะแกรงทิ้งให้เย็นสนิท เก็บในขวดปิกฝาให้สนิท เพียงแค่นี้ก็จะได้คุกกี้เนยสดแสนอร่อย พร้อมรับประทาน

เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคนสำหรับสูตร คุกกี้เนยสด ที่เรานำมาฝาก นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยกรุบกรอบ หอมกลิ่นเนยสดแล้ว ยังมีขั้นตอนการทำนั้นง่ายมาก แต่จริงๆ แล้วก็ต้องอาศัยความชำนาญเหมือนกัน จึงจะทำให้ขนมออกมาดีครั้ง อุณหภูมิในขณะที่ทำก็มีส่วนเช่นกัน ถ้าร้อนเกินไปก็จะทำให้เนยเหลวได้ค่ะ คุกกี้เนยสด สามารถทำขายเป็นอาชีพเสริมได้ และการทำเป็นอาชีพเสริมก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยค่ะ สำหรับคนที่กำลังอยากลองทำขนมคุกกี้นี้ อย่าลืมนำสูตรที่เรานำมาฝากไปลองทำกันดูนะคะ