สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล
ปลาทับทิมสามรส
ปลาทับทิมสามรส
Categories
ขนมหวานไทย

ย้อนรอย! ชวนทำขนม เปียกปูนกะทิสด ใบเตย เนื้อเนียน นุ่มเด้ง หวานอร่อย

เปียกปูนกะทิสด

เชื่อว่าหลายคนคงชอบทานขนมหวานไทยๆ เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แต่มีอีกหนึ่งขนมหวานที่อยากแนะนำคือ ขนม เปียกปูนกะทิสด สีเขียวสดใส หอมกลิ่นใบเตยสด ราดด้วยน้ำกะทิรสชาติหวานมัน อร่อยกลมกล่อมละมุนละไม อีกทั้งเนื้อขนมเนียนนุ่มละลายในปากฟินจนอยากลองทำทานเองเลยทีเดียว สำหรับเปียกปูนใบเตยกะทิสดใครๆ ก็ว่าทำยากมากๆ แต่จริงๆ แล้วขนมเปียกปูนทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด ดังนั้นวันนี้เราจึงมีสูตรเปียกปูนกะทิสดสามารถทำตามง่ายๆ และที่สำคัญทำออกมาแล้วรสชาติอร่อยไม่แพ้ที่ทำขายแน่นอน

แชร์วิธีทำขนม เปียกปูนกะทิสด เนื้อเนียนเด้ง หวานมัน น้ำกะทิเข้มข้น 

เปียกปูนกะทิสด

อีกหนึ่งมีขนมที่รสชาติอร่อยอยากแนะนำให้ลองทานอย่างขนมเปียกปูนกะทิสด เป็นขนมไทยโบราณ เนื้อเนียนเด้ง นุ่มนิ่ม ราดหน้าด้วยกะทิสดหอมชื่นใจ อีกทั้งยังมีเนื้อมะพร้าวอ่อนเนื้อกรุบกรอบ หากใครได้ลองทานรับรองจะต้องติดใจอยากทานเพิ่มอีกแน่นอน นอกจากขนมจะรสชาติหวานอร่อยแล้ววิธีทำขนมก็ง่ายนิดเดียว มือใหม่ก็สามารถทำตามได้ไม่ยาก และแน่นอนว่าวันนี้เรามีสูตรขนมเปียกปูนกะทิสดมะพร้าวอ่อนโบราณมาให้ได้ทำตามได้ที่บ้าน 

วัตถุดิบ และส่วนผสมของแป้งขนมเปียกปูน

เปียกปูนกะทิสด
  1. แป้งท้าวยายม่อม 100 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  4. น้ำตาลโตนด 150 กรัม
  5. เกลือ ½ ช้อนชา
  6. น้ำมะพร้าว 100 กรัม
  7. น้ำปูนใส 300 กรัม
  8. หัวกะทิ 250 กรัม
  9. น้ำใบเตย 500 กรัม

วัตถุดิบ และส่วนผสมของน้ำกะทิ

เปียกปูนกะทิสด
  1. กะทิ 300 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
  3. เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ
  4. เนื้อมะพร้าวอ่อน 150 กรัม
  5. งาคั่ว ½ กรัม

ในขั้นตอนการทำขนมเปียกปูนกะทิสดจะต้องเตรียมวัตถุดิบ และส่วนผสมแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ต้องทำแป้งขนม และส่วนที่ทำน้ำราดหน้าขนม สำหรับใครที่ชอบทานเนื้อมะพร้าวอ่อนสามารถเพิ่มปริมาณได้ตามใจชอบ และในลำดับต่อมาจะเป็นวิธีทำขนมไทยแสนอร่อยอย่างขนมเปียกปูนกัน

เปียกปูนกะทิสด
  1. นำแป้งท้าวยายม่อม และแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย น้ำตาลโตนด น้ำกะทิ และน้ำเกลือ ใส่ลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นมือนวดส่วนผสมให้เข้ากัน
  2. ใส่น้ำมะพร้าว น้ำปูนใส น้ำใบเตย เสร็จแล้วใช้ตะกร้อคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นนำมากรองใส่ในกระทะที่จะทำการกวนแป้ง ต่อมาให้นำกระทะไปตั้งเตา ใช้ไฟปานกลาง กวนแป้งให้สุก เมื่อแป้งสุกแล้วให้มาหลอดใส่ถ้วยพิมพ์ 
  3. ต่อมาเตรียมน้ำกะทิ โดยการนำกะทิเทลงในหม้อ ใส่แป้งข้าวเจ้า และเกลือ นำไปตั้งเตาคนให้ส่วนผสมละลายหมด ยกออกจากเตา นำมาราดหน้าขนมเปียกปูน โรยด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน และงาคั่ว
เปียกปูนกะทิสด

จบไปแล้วกับวิธีการทำขนมเปียกปูนกะทิสด เนื้อเนียน เด้งนุ่ม รสชาติหวานละมุนอร่อยสูตรขนมชาววัง นอกจากนี้เนื้อมะพร้าวอ่อนหวานกรุบกรอบอีกด้วย สำหรับใครที่อยากลองทำเมนูขนมไทยแสนอร่อยอย่างขนมเปียกปูน แนะนำให้ทำตามสูตรที่เรานำมาแชร์ได้เลยรับรองทำแล้วต้องติดอกติดใจแน่นอน

สุดยอดของเคล็ดลับความอร่อย ขนม เปียกปูนกะทิสด ชาววัง ทำง่าย อร่อยไม่มีเบื่อ

เปียกปูนกะทิสด

เปียกปูน กะทิสด เป็นเมนูขนมไทยโบราณที่ทำได้ด้วยตัวเอง ถึงแม้จะไม่เคยทำขนมมาก่อนก็สามารถทำตามได้ สำหรับเคล็ดลับในการทำขนมเปียกปูนให้อร่อยตามสูตรขนมไทยจะต้องนำน้ำปูนใสมาแช่น้ำอย่างน้อย 3 วัน เพราะจะทำให้น้ำปูนใสแจ๋ว และอีกหนึ่งเคล็ดลับคือ ในขั้นตอนกวนแป้งขนมจะต้องกวนไปในทิศทางเดียวกันจะทำให้แป้งเหนียวมากขึ้น

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมหวานไทย

ขนมมงคลชาววัง หยกมณี สีเขียวก้อนกลม เนื้อเหนียวนุ่มหนึบหนับ

หยกมณี

ขนม หยกมณี มีลักษณะเป็นขนมก้อนกลมสีเขียวสวยงามคล้ายหยก และในสมัยออีตขนมชนิดนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมมงคลมักทำทานในงานเทศกาลต่างๆ อย่างเช่น งานบวช งานแต่ง หรืองานขึ้นบ้านใหม่ เพราะว่าขนมหยกมณี ความหมายในเรื่องความเจริญก้าวหน้า มั่งมีศรีสุขนั่นเอง ในสมัยก่อนขนมชนิดนี้นิยมใช้สีเขียวจากใบเตยเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบันมีการปรับแต่งขนมให้มีหลากหลายสี อาทิ สีเหลือง ม่วง น้ำเงิน โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น เผือก ฟักทอง ดอกอัญชัญ เป็นต้น 

ขั้นตอนทำขนมมงคล หยกมณี นุ่มนิ่ม กรุบกรอบ หวานละมุนลิ้น 

หยกมณี

หากใครชอบทานขนมมงมล เนื้อแป้งเม็ดสาคูเนื้อนุ่มเหนียวหนึบหนับต้องไม่พลาดกับขนมหยกมณี หนึ่งในขนมไทยโบราณที่มีรสชาติหวาน เนื้อนุ่มนิ่ม หากทานคู่กับมะพร้าวทึนทึกอร่อยย่าบอกใครเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามปัจจุบันขนมหยก มณีสีสวยงามถือว่าเป็นขนมที่หาทานค่อนข้างยาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำทานเองไม่ได้ ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาลองทำขนมหยกมณีมะพร้าวอ่อนแสนอร่อยกัน ว่าแต่ต้องเตรียมวัตถุดิบอะไรบ้างตามไปดูกันเลย 

  1. แป้งสาคู 1 ½ ถ้วยตวง
  2. น้ำเปล่า 1 ½ ถ้วยตวง
  3. น้ำใบเตย 1 ถ้วยตวง
  4. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
  5. มะพร้าวอ่อนทึนทึกขูดเป็นฝอย 1 ถ้วยตวง
  6. เกลือป่น ½ ช้อนชา

เมื่อได้วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องทำขนมหยกมณีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งสำคัญในการทำขนม หยกมณีคือ แป้งสาคูจะต้องนำมาต้มให้สุก และเม็ดใสเหนียวหนืดจึงทำให้ขนมนุ่มอร่อยนั่นเอง ว่าแต่จะต้องต้มเม็ดสาคูยังไงถึงจะอร่อยตามสูตรโบราณ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาไปดูกันเลย

หยกมณี
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรก โดยการนำแป้งสาคูมาล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำประมาณ 15 นาที ในระหว่างนี้ให้นำมะพร้าวอ่อนทึนทึกมาขูดเป็นฝอย และนำไปคลุกกับเกลือให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นนำไปนึ่งประมาณ 3 นาที เสร็จแล้วนำมาเทใส่ถาดพักไว้ให้เย็น ต่อมาเตรียมน้ำใบเตยด้วยการนำไปใบเตยมาล้างทำความสะอาด หลังจากนั้นนำไปปั่นให้ละเอียด ใช้ผ้าขาวบางกรองเอาแต่น้ำใบเตย
  2. นำกระทะใส่น้ำเอาไฟตั้งเตา เปิดไฟปานกลาง รอให้น้ำเดือด จากนั้นใส่สาคูที่เตรียมไว้ลงไป ซึ่งในขั้นตอนนี่จะต้องรีบคนสาคูให้กระจายตัวไม่จับเป็นก้อน หลังจากคนไปสักพักเม็ดสาคูจะเริ่มจับตัวเป็นก้อน หรือมีลักษณะที่เป็นตากบที่มีลักษณะเป็นจุดสีขาวตรงกลางข้างใน จากนั้นใส่น้ำใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป ทำการคนเม็ดสาคูให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำตาลทราย กวนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และคนจนกว่าน้ำตาลจะละลาย เมื่อส่วนผสมทั้งมหดหนืด และเข้มข้นขึ้นแล้ว ให้ปิดไฟ พร้อมยกออกจากเตา เทใส่ถาดให้สาคูเย็นลง
  3. หลังจากที่สาคูเย็นลงแล้วให้นำช้อนมาตักสาคูขนาดพอดีคำ เสร็จแล้วนำมาคลุกเคล้ากับมะพร้าวที่เตรียมไว้ เพียงแค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
หยกมณี

สำหรับคนที่ชอบขนมหยกมณีแบบเม็ดสาคูใสแจ๋วตามสูตรขนมไทย ให้ต้มเม็ดสาคู และกวนจนกระทั่งน้ำแห้งแล้วค่อยใส่น้ำตาลลงไป หรือถ้าชอบเม็ดสาคูแบบตากบสามารถใส่น้ำตาลลงไปได้เลย และหลังจากทำเมนูขนมไทยโบราณหยกมณีเสร็จเรียบร้อยแล้วจะได้ขนมก้อนกลมสีสวยชวนทานไม่น้อยเลยทีเดียว

แนะนำขนมหยกมณี หลากหลายสีสันสวยงาม รสชาติหวานอร่อย 

หยกมณี

หยก มณี เป็นขนมไทยที่สามารถทำมีหลากหลายสัสันที่น่าทานได้ด้วย โดยสีที่ใช้สามารถหาได้จากธรรมชาติอย่างเช่น ดอกอัญชัญ ฟักทอง แครอท โดยนำวัตถุดิบเหล่านี้ล้างทำความสะอาดแล้วนำไปปั่นกรองเอาแต่น้ำ จากนั้นสามารถทำตามสูตรขนมหยกมณีเมนูขนมไทยแสนอร่อยได้เลย เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมชาววัง รสชาติหวาน นุ่มละมุน อร่อยไม่จำเจ

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
ขนมหวานไทย

เปิดสูตร สาคูข้าวโพด แสนอร่อย เม็ดสาคูหนึบหนับ ข้าวโพดกรุบกรอบ

สาคูข้าวโพด

ขนม สาคูข้าวโพด ถือว่าเป็นขนมที่มีเนื้อสัมผัสที่เปลือกใหม่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งรสชาติหวาน หอม มัน เค็มอร่อยครบรส นอกจากกนี้ยังมีวิธีการทำที่ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก แถมยังสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องไปซื้อทานไห้เปลืองเงิน และที่สำคัญสามารถทำขนมสาคูได้ในปริมาณที่ต้องการอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นขนมที่ทำง่าย และอิ่มอร่อยสุดๆ ดังนั้นสำหรับใครอยากทำขนมสาคูทานเองในครอบครัว เรามีสูตรสาคูข้าวโพดมะพร้าวอ่อน รสชาติหวานละมุน หอมกลิ่นกะทิสดเข้มข้น และเนื้อมะพร้าวอ่อนกรุบกรอบจัดเต็มแบบไม่อั้นมาให้ได้ลองทำตามด้วยตัวเอง รับรองว่าทำได้แน่นอน

สอนทำขนม สาคูข้าวโพด มะพร้าวอ่อน รสชาติหวาน หอมกลิ่นกะทิ ชื่นใจ 

สาคูข้าวโพด

มาต่อกันที่เมนูขนมหวานที่หาทานได้ง่าย และสามารถทำทานได้ง่ายๆ เช่นกัน และนั่นก็คือ ขนมสาคูข้าวโพดกรุบกรอบ เนื้อสาคูเหนียวหนึบหนับ รสชาติหวาน หอมกลิ่นกะทิละมุนละไม่ชื่นใจ โดยในปัจจุบันขนมสาคูมีหลากหลายสูตร ไม่ว่าจะเป็นสาคูใบเตยข้าวโพด สาคูรวมมิตร เป็นต้น แต่วันนี้เรามีหนึ่งเมนูขนมไทยสาคูแสนอร่อยมาให้ได้ลองทำตามอย่าง ขนมสาคูมะพร้าวข้าวโพดกรุบกรอบอร่อย หวาน มัน ซึ่งสาคูเปียกข้าวโพด วิธีทำง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเอง แต่ก่อนลงมือทำขนมสาคูข้าวโพด วัตถุดิบที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อน

  1. สาคูต้น หรือสาคูแท้ 400 กรัม
  2. ใบเตย 3 ใบ
  3. เนื้อมะพร้าว 1 ถ้วยตวง
  4. น้ำตาลทราย 400 กรัม
  5. กะทิสด 500 กรัม

สำหรับสูตรสาคูข้าวโพด มะพร้าวอ่อนนั้นจะใช้แป้งสาคูต้น หรือสาคูแท้ เพราะสาคูต้นเมื่อนำมาทำขนมจะมีรสชาติอร่อย หอมละมุน และเนื้อแป้งเหนียวหนึบหนับ แต่สำหรับบ้านไหนที่ไม่มีสาคูแท้สามารถใช้แป้งสาคูเทียมก็ได้เช่นกัน ต่อมาจะเป็นวิธีทำสาคูข้าวโพด มะพร้าวอ่อนอย่างง่ายๆ ดังนี้

สาคูข้าวโพด
  1. ขั้นตอนแรกให้นำหม้อมาตั้งเตา ใส่น้ำที่เตรียมไว้ลงไปเปิดไฟปานกลาง รอให้น้ำเดือดใส่ข้าวโพดลงไปต้มจนสุก ตักออกมาพักไว้ก่อน 
  2. นำหม้อมาตั้งเตา และใส่น้ำลงไป เสร็จแล้วเปิดไฟแรง รอให้น้ำเดือดใส่ใบเตยลงไป รอให้ใบเตยมีกลิ่นหอม จากนั้นตักใบเตยออก ใส่แป้งสาคูลลงไป ทำการคนสาคูแบบไวๆ และคนไปเรื่อยๆ ตนกว่าสาคูจะข้นหนืด และเหนียว จากนั้นใส่น้ำตาลทรายลงไป ทำการคนให้เข้ากัน เมื่อน้ำตาลละลายดีแล้ว ให้ใส่เนื้อข้าวโพดที่เตรียมไว้ลงไป ตามด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนขูด เป็นอันเสร็จเรียบร้อย จากนั้นปิดไฟได้เลย
  3. ขั้นตอนต่อมานำหม้อขนาดเล็กมาตั้งเตา ใส่น้ำกะทิลงไป ตามด้วยใบเตย รอให้น้ำกะทิเดือด ตักใบเตยออก ปิดไฟ และยกหม้อออกจากเตา ตักสาคูต้มใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิเข้มข้น พร้อมทานได้เลย
สาคูข้าวโพด

เป็นอย่างไรบ้างกับวิธีการทำสาคูข้าวโพดมะพร้าวอ่อนหนึ่งในสูตรขนมไทยอย่างง่ายๆ รสชาติหวาน หอมกลิ่นใบเตยละมุนละไม เม็ดสาคูเหนียวหนึบหนับอร่อยเหมือนซื้อทานที่ร้าน และที่สำคัญขนมไทยสาคูทำเองยังสามารถใส่มะพร้าวอ่อนได้ตามใจชอบ อีกทั้งยังสามารถทำทานได้ทั้งครอบครัว หรือจะทำฝากเพื่อนบ้าน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ก็ได้เช่นกัน เพราะสูตรขนมสาคูที่เรานำมาแชร์นั้นเป็นสูตรโบราณอร่อยแน่นอน

สูตร (ไม่) ลับ การทำสาคูข้าวโพด อร่อย เหนียวหนับกำลังดี 

สาคูข้าวโพด

ขนมสาคูข้าวโพด เป็นเมนูขนมไทยโบราณที่ทำง่ายนิดเดียว แต่จะทำให้อร่อยเหมือนขายในร้านขายขนมจะต้องต้มสาคูไม่ให้สุกมากเกินไป โดยจะต้องต้มให้เหลือไตขาวๆ ที่เม็ดสาคู ไม่เช่นนั้นขนมจะเละเหมือนทานแป้งเปียก และในส่วนข้าวโพดอย่าต้มนาน ควรต้มให้เนื้อข้าวโพดพอสุกเนื้อสัมผัสกรุบกรอบอร่อย นอกจากนี้หากใครชอบทานเผือกสามารถนำมาทำขนมสาคูเผือกหนึ่งในขนมไทยโบราณเนื้อหอมหนึบหนับอร่อยจนต้องทานเพิ่มอีกถ้วยเลยทีเดียว

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

Categories
ขนมหวานไทย

แจกสูตรขนม บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน รสชาติหวาน เนื้อมะพร้าวกรุบกรอบ

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักขนม บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน แน่นอน เพราะเป็นขนมโบราณที่มีรสชาติหวาน หอม เนื้อมะพร้าวกรุบกรอบหนึบหนับอร่อยกำลังดี แถมยังสามารถหาซื้อทานได้ง่ายตามตลาดนัดหรือตามร้านขนมหวานไทยๆ ที่มีขายอยู่ทั่วไป ที่สำคัญยังเป็นขนมไทยโบราณที่กำลังมาแรงมาก และคนต่อคิวซื้อแน่นร้านจนต้องแจกบัตรคิวกันเลยทีเดียว สำหรับขนมชนิดนี้มีหลากหลายสูตร ไม่ว่าจะเป็นสูตรโบราณ มะพร้าวอ่อน บ้าบินโบราณผงมันม่วง เป็นต้น แต่วันนี้เราจะมาทำสูตรบ้าบิ่น มะพร้าวอ่อนกรุบกรอบ รสชาติหวานละมุน เนื้อขนมหนึบหนับกำลังดี

ขั้นตอนการทำขนม บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน เนื้อนุ่มหนึบหนับ หวานกำลังดี 

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

สำหรับใครที่ชอบทานขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน และอยากลองทำทานเองในครอบครัวในช่วงวันหยุดยาว วันนี้เราจะมาแชร์สูตรบ้าบิ่นกรอบนอกนุ่มใน รสชาติหวานหอม อัดแน่นด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนกรุบกรอบเคี้ยวเพลิน นอกจากนี้เรายังมีวิธีการทำที่ง่ายๆ ไม่ยากอย่างคิดมาให้ได้ลองทำตามได้ เหมาะสำหรับคนที่กำลังเรียนทำขนมครั้งแรกอีกด้วย หรือถ้าใครอยากลองทำขนมบ้าบิ่นขายตามตลาดนัดก็สามารถลองทำสูตร และวิธีทำตามที่เรานำมาแชร์ได้เลย รับรองไม่ผิดหวัง

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน
  1. แป้งข้าวเหนียวดำ 50 กรัม
  2. แป้งข้าวเหนียวขาว 300 กรัม
  3. เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำเปล่า 150 กรัม
  5. หัวกะทิ 200 กรัม
  6. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  7. มะพร้าวขูดขาว 300 กรัม
  8. เนื้อมะพร้าวอ่อน 300 กรัม

ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อนจะมีส่วนผสมไม่มากนัก ดังนั้นใครที่ยังกังวลว่าขนมสูตรบ้าบิ่นโบราณมะพร้าวอ่อนทำยาก ขั้นตอนเยอะเกินไป ต้องบอกเลยว่าวิธีทำขนมชนิดนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ว่าแล้วเราไปลงมือทำพร้อมๆ กันเลย 

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน
  1. มาเริ่มแป้งกันเลย โดยนำแป้งข้าวเหนียวดำ และแป้งข้าวเหนียวขาวมาใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นผสมให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลทราย เกลือป่น ไข่ไก่ น้ำเปล่า เสร็จแล้วใช้มือคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนกว่าน้ำตาลจะละลายหมด เมื่อน้ำตาลละลายหมดแล้วให้ใส่น้ำกะทิ ผงฟู และเนื้อมะพร้าวขูด ใช้มือขยำแรงๆ ให้น้ำกะทิในเนื้อมะพร้าวออกมา ตามด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง นำแป้งขนมไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้แป้งเชตตัวดี 
  2. ต่อมาให้ตั้งกะทะ ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย เปิดไฟอ่อนๆ พอให้กะทิร้อน จากนั้นนำแป้งออกจากตู้เย็น ตักใส่กระทะเกลื่ยให้แป้งมีความหนาที่เสมอกัน ปิดฝารอให้ขนมเริ่มส่งกลิ่นหอมแล้วกลับด้านปิดฝาอีกครั้ง เมื่อขนมสุกเกรียมเรียบร้อยให้ตักพักไว้บนตะแกรง ตัดขนมเป็นชิ้นๆ ขนาดตามใจชอบ พร้อมทานได้
บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

สำหรับบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อนที่ทำเสร็จแล้วจะมีสีม่วงใสของแป้ง เนื้อนุ่มหนึบหนับ และมีกลิ่นหอมกะทิสด พร้อมทั้งรสชาติขนมไทยบ้าบิ่นหวานละมุนอร่อยเพลิดเพลินสุดๆ และหากทานคู่กับเครื่องดื่มจำพวกชาจะยิ่งเพิ่มความอร่อยมากขึ้น หรือจะทานคู่กับกาแฟสักแก้วในวันว่างๆ พร้อมกับเสียงเพลงอันไพเราะละมุนละไมผ่อนคลายมากเลยทีเดียว 

แชร์ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน สูตรใบเตย หอมกลิ่นงา แสนอร่อย

บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน

ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน หนึ่งในเมนูขนมไทยโบราณที่มีรสชาติอร่อย และมีเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ยังมีหนึ่งสูตรที่อยากแนะนำนั่นก็คือ ขนมบ้าบิ่นใบเตยมะพร้าวอ่อน รสชาติอร่อย เนื้อมะพร้าวกรุบกรอบ โรยด้วยงาขาวแสนอร่อย สำหรับสูตรขนมไทยบ้าบิ่นใบเตยสามารถใช้สูตรมะพร้าวอ่อนบ้าบิ่นเมนูขนมไทยดั้งเดิมได้เลย แต่ไม่ใส่แป้งข้าวเหนียวดำ เพียงแค่นี้ก็สามารถทำขนมบ้าบิ่นใบเตยใส่มะพร้าวอ่อนได้ง่ายๆ แถมอร่อยด้วยนะ

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
ขนมหวานไทย

เปิดเมนูขนมหวานโบราณน่าทาน สูตร ขนมตะลุ่ม เนื้อสังขยา หวานฉ่ำ ชื่นใจ

ขนมตะลุ่ม

สำหรับ ขนมตะลุ่ม ในสมัยก่อนคนไทยจะนิยมทำแค่เฉพาะงานเทศกาล อาทิ งานบุญ งานแต่ง หรืองานบวชเท่านั้น เพราะขนมชนิดนี้ต้องทำอย่างประณีต และใช้คนทำจำนวนมาก อีกทั้งจะต้องทำอย่างบรรจงที่สุด เนื่องจากขนม ตะลุ่มเป็นขนมชาววังที่แตกต่างจากขนมอื่นๆ ทั่วไป แต่ในปัจจุบันขนมชนิดนี้สามารถหาซื้อทานได้ในร้านขนมหวานแถวภาคกลาง หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวในเขตภาคกลางเท่านั้น เนื่องจากขนมชนิดนี้ค่อนข้างหาทานได้ยากมาก สำหรับคนที่กำลังหาเมนูขนมหวานทำง่ายๆ แต่ไม่รู้ว่าจะทำขนมชนิดไหนดี ขอแนะนำสูตรขนมตะลุ่มชาววังทำง่าย ไม่ยุ่งยาก มาให้ได้ลองทำตามกัน

วิธีทำ ขนมตะลุ่ม ฉบับมือใหม่ ทำง่ายๆ รสชาติอร่อยแบบชาววัง 

ขนมตะลุ่ม

ขนม ตะลุ่ม ถือว่าเป็นชาววังที่มีรสชาติหวานฉ่ำ หอมกลิ่นสังขยา ที่มาพร้อมกับเนื้อแป้งนุ่มนิ่มอร่อยจนหยุดทานไม่ได้ สำหรับคนที่สงสัยว่าขนมตะลุ่ม ต่างจาก ขนมถ้วย อย่างไร ต้องบอกเลยว่าหน้าขนมถ้วยตะไลเป็นกะทิ ในส่วนหน้าขนมตะลุ่มเป็นสังขยานั่นเอง นอกจากนี้วิธีทำขนมก็แตกต่างกันอีกด้วย ดังนั้นถ้าอยากลองทำขนมตะลุ่มจะต้องเตรียมส่วนผสมของหน้าสังขยา โดยมีวัตถุดิบดังนี้

  1. ไข่เป็ด 5 ฟอง
  2. หัวกะทิ 150 กรัม
  3. ใบเตย 5 ใบ
  4. น้ำตาละพร้าว 200 กรัม
ขนมตะลุ่ม

ส่วนผสม และวัตถุดิบของแป้งขนมที่ต้องเตรียม

  1. แป้งท้าวยายม่อม 50 กรัม
  2. กะทิ 30 กรัม
  3. เกลือ ¼ ช้อนชา
  4. น้ำปูนใส 10 กรัม
  5. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม

เมื่อได้เตรียมส่วนผสมของขนมตะลุ่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อมาจะเป็นในส่วนของวิธีทำขนมตะลุ่มตามฉบับมือใหม่ แต่เป็นสูตรชาววังอย่างง่ายที่มาพร้อมกับรสชาติ หวานฉ่ำของหน้าสังขยาที่อร่อยโดนใจคนชอบขนมไทยแน่นอน 

ขนมตะลุ่ม
  1. เริ่มแรกมาเตรียมแป้งกันก่อน โดยนำแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม หางกะทิ น้ำเปล่า เกลือ และน้ำปูนใส มาผสมในภาชนะที่เตรียมไว้ เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้ว พักไว้ก่อน
  2. ต่อมาเราจะมาทำหน้าสังขยา โดยให้ใส่ไข่เป็ด น้ำตาลมะพร้าว หัวกะทิ และใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป หลังจากนั้นใช้มือขยำส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง 
  3. นำหม้อนึ่งใส่น้ำแล้วนำไปตั้งเตาให้เรียบร้อย เปิดไฟแรง เมื่อน้ำเดือดให้ใส่ส่วนผสมที่เป็นแป้งลงไปในถ้วยตะไลประมาณครึ่งถ้วยปิดฝา นึ่งไว้ประมาณ 5 นาที เมื่อแป้งสุกแล้วให้ใส่หน้าสังขยาลงไปในถ้วยตะไล และทำการนึ่งต่อประมาณ 15 นาที
  4. หลังจากที่ครบกำหนดเวลานึ่งแล้วให้ทำการยกหม้อออกมาจากเตา พักไว้ให้เย็นก่อนนำไปเสิร์ฟ โดยสามารถเสิร์ฟได้ทั้งถ้วย หรือจะแคะขนมออกมาจัดวางไว้บนจานให้สวยงามก็ได้ตามใจชอบ
ขนมตะลุ่ม

หลังจากที่ได้ลองทำขนมตะลุ่มไปเรียบร้อยแล้วจะเห็นว่าวิธีทำขนมตะลุ่มโบราณชาววังนั้นไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งยังใช้เวลาในการทำขนมไทยโบราณไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าขนมชนิดนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมไทยที่มีขั้นตอนการทำที่ง่าย และใช้เวลาเพียงน้อยนิด เหมาะสำหรับคนมือใหม่ฝึกทำขนมทานเองสุดๆ นอกจากนี้รสชาติขนมหวาน หอมละมุน นุ่มลิ้นทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ 

แนะนำขนมตะลุ่ม สูตรใบเตย รสชาติอร่อย หอมกลิ่นใบเตย

ขนมตะลุ่ม

สำหรับคนที่ชอบขนมกลิ่นใบเตย ต้องไม่พลาดกับขนมตะลุ่ม สูตรใบเตย เป็นสูตรขนมไทยที่มีรสชาติหวาน หอมกลิ่นใบเตยตัดกับกลิ่นสังขยาได้อย่างลงตัว เรีกยได้ว่า ขนมตะลุ่มคือ ขนมแสนอร่อยหาซื้อยาก แต่มีขั้นตอนการทำที่ง่ายๆ คล้ายกับสูตรดั้งเดิม เพียงใส่น้ำใบเตยลงไปผสมกับส่วนผสมที่เป็นแป้ง จากนั้นนำมานึ่งให้สุก และใส่ส่วนผสมที่เป็นหน้าสังขยาลงไปนึ่งต่อจนขนมสุก พักไว้ให้เย็นเป็นอันเสร็จสิ้น เพียงแค่นี้ก็จะได้ขนมตะลุ่มสูตรใบเตยเมนูขนมไทยโบราณที่มีรสชาติอร่อย เนื้อขนมนุ่มละลายในปากทานได้ตลอดวัน

อ่านบทความอื่นๆ: 

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
ขนมหวานไทย

เปิดเมนูขนมหวานโบราณน่าทาน สูตร ขนมตะลุ่ม เนื้อสังขยา หวานฉ่ำ ชื่นใจ

ขนมตะลุ่ม

สำหรับ ขนมตะลุ่ม ในสมัยก่อนคนไทยจะนิยมทำแค่เฉพาะงานเทศกาล อาทิ งานบุญ งานแต่ง หรืองานบวชเท่านั้น เพราะขนมชนิดนี้ต้องทำอย่างประณีต และใช้คนทำจำนวนมาก อีกทั้งจะต้องทำอย่างบรรจงที่สุด เนื่องจากขนม ตะลุ่มเป็นขนมชาววังที่แตกต่างจากขนมอื่นๆ ทั่วไป แต่ในปัจจุบันขนมชนิดนี้สามารถหาซื้อทานได้ในร้านขนมหวานแถวภาคกลาง หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวในเขตภาคกลางเท่านั้น เนื่องจากขนมชนิดนี้ค่อนข้างหาทานได้ยากมาก สำหรับคนที่กำลังหาเมนูขนมหวานทำง่ายๆ แต่ไม่รู้ว่าจะทำขนมชนิดไหนดี ขอแนะนำสูตรขนมตะลุ่มชาววังทำง่าย ไม่ยุ่งยาก มาให้ได้ลองทำตามกัน

วิธีทำ ขนมตะลุ่ม ฉบับมือใหม่ ทำง่ายๆ รสชาติอร่อยแบบชาววัง 

ขนมตะลุ่ม

ขนม ตะลุ่ม ถือว่าเป็นชาววังที่มีรสชาติหวานฉ่ำ หอมกลิ่นสังขยา ที่มาพร้อมกับเนื้อแป้งนุ่มนิ่มอร่อยจนหยุดทานไม่ได้ สำหรับคนที่สงสัยว่าขนมตะลุ่ม ต่างจาก ขนมถ้วย อย่างไร ต้องบอกเลยว่าหน้าขนมถ้วยตะไลเป็นกะทิ ในส่วนหน้าขนมตะลุ่มเป็นสังขยานั่นเอง นอกจากนี้วิธีทำขนมก็แตกต่างกันอีกด้วย ดังนั้นถ้าอยากลองทำขนมตะลุ่มจะต้องเตรียมส่วนผสมของหน้าสังขยา โดยมีวัตถุดิบดังนี้

  1. ไข่เป็ด 5 ฟอง
  2. หัวกะทิ 150 กรัม
  3. ใบเตย 5 ใบ
  4. น้ำตาละพร้าว 200 กรัม

ส่วนผสม และวัตถุดิบของแป้งขนมที่ต้องเตรียม

ขนมตะลุ่ม
  1. แป้งท้าวยายม่อม 50 กรัม
  2. กะทิ 30 กรัม
  3. เกลือ ¼ ช้อนชา
  4. น้ำปูนใส 10 กรัม
  5. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม

เมื่อได้เตรียมส่วนผสมของขนมตะลุ่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อมาจะเป็นในส่วนของวิธีทำขนมตะลุ่มตามฉบับมือใหม่ แต่เป็นสูตรชาววังอย่างง่ายที่มาพร้อมกับรสชาติ หวานฉ่ำของหน้าสังขยาที่อร่อยโดนใจคนชอบขนมไทยแน่นอน 

ขนมตะลุ่ม
  1. เริ่มแรกมาเตรียมแป้งกันก่อน โดยนำแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม หางกะทิ น้ำเปล่า เกลือ และน้ำปูนใส มาผสมในภาชนะที่เตรียมไว้ เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้ว พักไว้ก่อน
  2. ต่อมาเราจะมาทำหน้าสังขยา โดยให้ใส่ไข่เป็ด น้ำตาลมะพร้าว หัวกะทิ และใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป หลังจากนั้นใช้มือขยำส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง 
  3. นำหม้อนึ่งใส่น้ำแล้วนำไปตั้งเตาให้เรียบร้อย เปิดไฟแรง เมื่อน้ำเดือดให้ใส่ส่วนผสมที่เป็นแป้งลงไปในถ้วยตะไลประมาณครึ่งถ้วยปิดฝา นึ่งไว้ประมาณ 5 นาที เมื่อแป้งสุกแล้วให้ใส่หน้าสังขยาลงไปในถ้วยตะไล และทำการนึ่งต่อประมาณ 15 นาที
  4. หลังจากที่ครบกำหนดเวลานึ่งแล้วให้ทำการยกหม้อออกมาจากเตา พักไว้ให้เย็นก่อนนำไปเสิร์ฟ โดยสามารถเสิร์ฟได้ทั้งถ้วย หรือจะแคะขนมออกมาจัดวางไว้บนจานให้สวยงามก็ได้ตามใจชอบ
ขนมตะลุ่ม

หลังจากที่ได้ลองทำขนมตะลุ่มไปเรียบร้อยแล้วจะเห็นว่าวิธีทำขนมตะลุ่มโบราณชาววังนั้นไม่ยากอย่างที่คิด อีกทั้งยังใช้เวลาในการทำขนมไทยโบราณไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าขนมชนิดนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมไทยที่มีขั้นตอนการทำที่ง่าย และใช้เวลาเพียงน้อยนิด เหมาะสำหรับคนมือใหม่ฝึกทำขนมทานเองสุดๆ นอกจากนี้รสชาติขนมหวาน หอมละมุน นุ่มลิ้นทานได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ 

แนะนำขนมตะลุ่ม สูตรใบเตย รสชาติอร่อย หอมกลิ่นใบเตย

ขนมตะลุ่ม

สำหรับคนที่ชอบขนมกลิ่นใบเตย ต้องไม่พลาดกับขนมตะลุ่ม สูตรใบเตย เป็นสูตรขนมไทยที่มีรสชาติหวาน หอมกลิ่นใบเตยตัดกับกลิ่นสังขยาได้อย่างลงตัว เรีกยได้ว่า ขนมตะลุ่มคือ ขนมแสนอร่อยหาซื้อยาก แต่มีขั้นตอนการทำที่ง่ายๆ คล้ายกับสูตรดั้งเดิม เพียงใส่น้ำใบเตยลงไปผสมกับส่วนผสมที่เป็นแป้ง จากนั้นนำมานึ่งให้สุก และใส่ส่วนผสมที่เป็นหน้าสังขยาลงไปนึ่งต่อจนขนมสุก พักไว้ให้เย็นเป็นอันเสร็จสิ้น เพียงแค่นี้ก็จะได้ขนมตะลุ่มสูตรใบเตยเมนูขนมไทยโบราณที่มีรสชาติอร่อย เนื้อขนมนุ่มละลายในปากทานได้ตลอดวัน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
ขนมหวานไทย

แนะนำขนมโบราณ ขนมถ้วย เมนูแสนหวาน เนื้อนุ่ม หวาน มัน

ขนมถ้วย

หากพูดถึงขนมหวานที่สามารถหาซื้อทานได้ง่ายต้องยกให้ ขนมถ้วย เพราะเป็นขนมที่คนไทยชอบทานมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นขนมไทยโบราณที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน และคาดว่าจะนิยมไปตลอดกาล นอกจากนี้ขนมถ้วยโบราณยังสามารถทำทานได้ด้วยตัวเอง แถมขั้นตอนต่างๆ ยังไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องเตรียมวัตถุดิบเยอะแยะมากมายก็สามารถทำทานได้ที่บ้าน แถมรสชาติอร่อยด้วย 

ชวนเข้าครัวไทย สอนทำ ขนมถ้วย หวาน มัน ทำง่าย อร่อยสไตล์ชาววัง

ขนมถ้วย

หากใครกำลังหาขนมแสนอร่อยทาน แต่ไม่รู้ว่าจะทานขนมอะไรดี ขอแนะนำขนมถ้วย ขนมหวานสุดคลาสสิกที่มีหาซื้อได้ง่าย รสชาติขนมยังอร่อยไม่จำเจ อีกทั้งเนื้อแป้งนุ่มสุดๆ แต่ถ้าหากอยากลองทำทานด้วยตัวเอง วันนี้เรามีสูตรขนมถ้วยโบราณที่มีรสชาติหวาน มัน เค็ม อร่อยสุดๆ แถมทำออกมาแล้วน่าทานแน่นอน ที่สำคัญวิธีทำขนมถ้วย ง่าย ๆ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมายก็สามารถทำขนมทานเองได้ที่บ้าน แถมไม่ต้องไปหาซื้อทานให้เสียเวลาอีกด้วย 

วัตถุดิบ และส่วนผสมของแป้งที่เตรียม

  1. แป้งมัน 150 กรัม
  2. แป้งข้าวจ้าว 250 กรัม
  3. น้ำตาลปิ๊ป 250 กรัม
  4. น้ำเปล่า 400 กรัม
  5. ใบเตย 2 ถ้วยตวง
  6. กะทิ 200 กรัม
ขนมถ้วย

ส่วนผสม และวัตถุดิบของหน้าขนม

  1. หัวกะทิ 900 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 50 กรัม
  4. เกลือ 2 ช้อนชา

ขนมถ้วยเป็นขนมประเภทนึ่งที่มีเนื้อแป้งนุ่ม หวาน อร่อยฟินทุกคำ ดังนั้นคนที่ไม่ชอบขนมทอดสามารถลองทำขนมไทยชนิดนี้ทานได้ รับรองว่าอร่อยถูกใจแน่นอน และในลำดับต่อมาเราจะมาดูขั้นตอนการทำขนมหวานง่ายกัน

ขนมถ้วย
  1. เริ่มต้นด้วยการนำใบเตยมาล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ นำไปใส่ในเครื่องปั่นใส่น้ำเล็กน้อย ปั่นให้ละเอียด นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อเอาน้ำใบเตยไปใช้ต่อไป
  2. ขั้นตอนต่อมา เราจะนำแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน ใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นใส่น้ำปิ๊ปลงไป ใช้มันขยำให้เข้ากัน เทน้ำใบเตยที่เตรียมไว้ลงไป ผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำมากรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อให้น้ำแป้งเนื้อเนียน 
  3. หลังจากที่เตรียมส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อมาจะเป็นการเตรียมหม้อใส่น้ำนพไปตั้งเตา ใช้ไฟแรง และขนมถ้วยเปล่าๆ มานึ่งรอประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นใส่น้ำแป้งขนมลงไปให้เต็มถ้วย ทำการนึ่งต่อไปประมาณ 10 นาที
  4. ในระหว่างที่รอขนมสุก เรามาทำหน้าขนมโดยการนำ แป้งมัน หัวกะทิ เกลือ น้ำตาล และน้ำเปล่า คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใช้ตะแกรงกรองน้ำกะทิอีกครั้ง
  5. นำน้ำราดกะทิมาหยอดใส่ในขนมถ้วยที่กำลังนึ่งอยู่ จากนั้นรอประมาณ 5 นาที เสร็จแล้ว ยกออกจากเตา และรอให้ขนมเย็นสักพัก แล้วค่อยนำออกมาใส่จานพร้อมทาน
ขนมถ้วย

เป็นอย่างไรบ้างกับขนมถ้วยชาววังที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน แถมรสชาติหวาน มัน เค็ม อร่อยกำลังดี และข้อดีของการทำขนมทานเองคือ ได้ทานขนมรสชาติตามที่เราต้องการ และยังได้ทานขนมสดใหม่ อีกทั้งวิธีทำขนมถ้วยก็ทำได้ไม่ยากอีกด้วย สำหรับคนที่อยากลองทำเมนูขนมไทยๆ ขายตามท้องตลาดก็สามารถทำตามสูตรขนมไทยที่เรานำมาแชร์ได้ รับรองกำไรปังแน่นอน 

สูตรลับ ขนมถ้วย ชาววัง เนื้อนุ่มนิ่ม ทานง่าย อร่อยด้วย 

ขนมถ้วย

ขนม ถ้วย ขึ้นชื่อว่าเป็นเมนูขนมไทยโบราณชาววังที่สามารถทำทานได้ทั้งครอบครัว แถมยังสามารถทำได้ในปริมาณที่ต้องการอีกด้วย สำหรับเคล็ดลับในการทำขนมถ้วยให้นุ่มนั้น ในขั้นตอนผสมแป้งจะต้องนำแป้งมาร่อนก่อนแล้วค่อยนำไปผสมกับส่วนผสมอื่นๆ เพราะจะทำให้ขนมมีเนื้อเนียนสวยน่าทาน 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
ขนมหวานไทย

สูตร ข้าวเหนียวมะม่วง เนื้อหวานฉ่ำ รสชาติอร่อย อิ่มท้องนาน

ข้าวเหนียวมะม่วง

ขนมหวานถือว่าเป็นเมนูที่ต้องจัดเตรียมคู่กับอาหารคาวในสำรับเสมอ เพราะคนไทยนิยมทานอาหารคาว และตบท้ายด้วยของหวาน ซึ่งขนมหวานจะต้องเป็นขนมที่สามารถหาซื้อง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก สำหรับขนมที่ได้รับความนิยมทุกบ้านเลยก็คือ ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นขนมไทย รสชาติหวาน มัน เค็ม ที่มาพร้อมกับข้าวเหนียวนุ่ม หอมกลิ่นกะทิสดได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเป็นขนมไทยโบราณที่ทำง่ายๆ เพียงแค่มีมะม่วง และข้าวเหนียวก็สามารถทำทานได้ที่บ้านพร้อมทานได้ทั้งครอบครัว

เผยขั้นตอนการทำ ข้าวเหนียวมะม่วง อย่างง่าย รสชาติอร่อย 

ข้าวเหนียวมะม่วง

สำหรับคนชอบทานข้าวเหนียวมะม่วงเป็นประจำ และอยากลองทำทานเอง วันนี้เรามีสูตร ข้าวเหนียวมะม่วง รสชาติหวานฉ่ำ เนื้อมะม่วงเน้นๆ ที่มาพร้อมกับข้าวนุ่มนิ่มละมุนละไมมาฝากทุกคนได้ลองทำตามกันได้ นอกจากนี้วิธี ทํา ข้าวเหนียว มะม่วงง่ายๆ คนที่ไม่เคยทำขนมก็สามารถทำได้ อีกทั้งส่วนผสมในการทำขนมก็มีน้อยนิดดังนี้

ข้าวเหนียวมะม่วง
  1. ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 1 กิโลกรัม
  2. หัวกะทิ 5 ถ้วยตวง
  3. เกลือ ½ ช้อนชา
  4. น้ำตาลทรายขาว 3 ถ้วยตวง
  5. มะม่วงสุก 3 ลูก
  6. ถั่วเหลือง ½ ถ้วยตวง
  7. ใบเตย 5 ใบ

เมื่อเตรียมวัตถุดิบ และส่วนผสมของข้าวเหนียวมะม่วงเรียบร้อยแล้วจะเห็นว่าใช้วัตถุดิบเพียงนิดเดียว และไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมายก็สามาถทําข้าวเหนียวมะม่วง ง่ายๆ มือใหม่ทำได้สบายมาก โดยมีขั้นตอนดังนี้

ข้าวเหนียวมะม่วง
  1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรกกันเลย นำข้าวเหนียวมาล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นนำไปแช่น้ำทั้งไว้ประมาณ 1 คืน เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วให้นำข้าวเหนียวมานึ่ง โดยการวางผ้าข้าวบางไว้บนหม้อนึ่ง จากนั้นใส่ใบเตย และข้าวเหนี่ยวลงไป นำไปนึ่งให้สุกใช้เวลาประมาณ 30 นาที
  2. ขั้นตอนต่อมาให้นำหัวกะทิมาผสมกับเกลือ น้ำตาลทรายผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ จนละลาย เสร็จแล้วให้นำไปผสมกับข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้ว ให้ทิ้งไว้สักประมาณ 30 นาที เพื่อให้น้ำกะทิซึมเข้าไปในข้าวเหนียวมูน
  3. ในลำดับต่อมาจะเป็นการทำน้ำราดกะทิ โดยการนำหัวกะทิ น้ำตาลทราย เกลือ และแป้งมัน นำไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ จนกว่าน้ำกะทิจะเดือด เสร็จแล้วให้ยกหม้อออกจากเตา พักไว้ก่อน
  4. นำมะม่วงมาล้างทำความสะอาด เสร็จแล้วปอกเปลือกออก นำมาสับในแนวยาว ตักข้าวเหนียวมูนใส่จานที่เตรียมไว้ จากนั้นใส่มะม่วงสุกลงไป ตามด้วยน้ำราดกะทิสด โรยหน้าด้วยถั่วเหลือง พร้อมเสิร์ฟ
ข้าวเหนียวมะม่วง

สำหรับมะม่วงที่ใช้ในการทำข้าวเหนียวมะม่วงจะใช้มะม่วงน้ำดอกไม้ เพราะมีรสชาติหวานหอม เมื่อทานคู่กับข้าวเหนียวมูนจะได้รสชาติของขนมที่อร่อย หวานฉ่ำสุดๆ ไปเลย อีกทั้งยังได้กลิ่นหอมของกะทิสดละมุนละไมมากขึ้นเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นเมนูขนมไทยโบราณที่อร่อย และอิ่มท้องนาน แถมยังทำเองได้ ไม่ต้องไปซื้อร้านก็สามารถทำได้ทานข้าว เหนียวมะม่วงแสนอร่อยถูกปาก และสามารถทานได้แบบไม่อั้นอีกด้วย

เปิดเคล็ด (ไม่) ลับ ข้าวเหนียว มะม่วง ข้าวนุ่ม อร่อยโดนใจ

ข้าวเหนียวมะม่วง

วันนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับการทำข้าวเหนียวมะม่วง หนึ่งในเมนูขนมไทยให้น่าทาน โดยเริ่มจากขั้นตอนการทำข้าวเหนียว เมื่อนึ่งข้าวเหนียวสุกแล้ว พักไว้ 15 นาที หรือให้ข้าวเหนียวอุ่นๆ แล้วค่อยนำมาทำข้าวเหนียวมูน เพราะหากนำมาทำทันทีจะทำให้ข้าวเหนียวมูนนิ่มเกินไป และอีกหนึ่งเทคนิคการทำข้าวเหนียวมูนให้ใช้ไม้พายกวนจะทำให้เมล็ดข้าวไม่หัก จากนั้นตะล่อมอย่างเบามือ และทยอยเทน้ำกะทิมูนทีละน้อย เพื่อให้น้ำกะทิค่อยๆ ซึมเข้าสู่ข้าวเหนียวนั่นเอง 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/ 

Categories
ขนมหวานไทย

บัวลอย หลากสีสัน โดนใจ ขนมนุ่ม ๆ มัน ๆ กินอร่อย

บัวลอย

เมนูขนมไทย ที่เราจะมาบอกต่อสูตรความอร่อยก็คือ บัวลอย สูตรเด็ดทำขายได้ สูตรนี้บอก วิธีทำแป้งบัวลอยให้เหนียวนุ่ม ทำแบบไหน ต้องลอง

ส่วนผสมในการทำ บัวลอย

บัวลอย

บัว ลอย ขนมไทยที่มีส่วนผสมของน้ำกะทิเป็นหลัก เป็นขนมไทยที่ทำง่าย แต่อร่อย อีกทั้งยังนำมาดัดแปลง ทำเป็นขนมสีต่าง ๆ ดังที่กำลังจะรีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำขนมดู เชื่อว่า ถ้าทำด้วยตัวเองแล้ว มัดใจใครได้ไม่ยาก

วัตถุดิบในการทำบัวลอย

บัวลอย
  1. แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
  2. แป้งมัน 10 กรัม
  3. สีผสมอาหาร อย่างละ 4 หยด (สีม่วง / สีฟ้า/ สีเขียว / สีเหลือง / สีแดง)
  4. น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ 8 ช้อนโต๊ะ 
  5. กะทิ 4 ถ้วย (หางกะทิ 2 ถ้วย + หัวกะทิ 2 ถ้วย)
  6. น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
  7. น้ำตาลทราย 80 กรัม
  8. เกลือป่น 1/4 ช้อนโต๊ะ
  9. มะพร้าวอ่อนหั่นชิ้นพอคำ 50 กรัม
  10. ไข่ไก่ 2 ฟอง

วิธีทำ

บัวลอย

ขั้นตอนที่ 1 เป็นขั้นตอนการเตรียมแป้งบัวลอย นำแป้งข้าวเหนียวกับแป้งมันมาผสมในชามผสม ตามด้วยสีผสมอาหาร จากนั้นเทน้ำลงไป คราวละ 1 ชต. ระหว่างนั้น ทำการนวดแป้งไปด้วย ใส่น้ำจนกระทั่งครบ 8 ชต.สังเกตุดู ก็จะพบว่า แป้งมีความเนียนละเอียดและไม่เหลว จากนั้นหาผ้าขาวหรือนำฟิล์มมาแร็ปปิดไว้ เตรียมแป้งทำบัวลอยสีอื่นต่อไป

ขั้นตอนที่ 2 หลังจากผสมและนวดแป้งจนครบทุกสีแล้วนำแป้งมาปั่นเป็นก้อนกลม ๆ ประมาณ 1 ซม. รอน้ำในหม้อต้มเดือดก่อน หยอดแป้งลงไปในหม้อ รอจนแป้งลอยขึ้นมา จากนั้นช้อนแป้งขึ้นมาจากหม้อ พักไว้ในน้ำเย็น อันเป็นวิธีง่าย ๆ ในการทำ บัว ลอย วิธีทำง่าย ๆ

บัวลอย

ขั้นตอนที่ 3 เตรียมหม้อสำหรับต้มน้ำกะทิ จากนั้นตั้งบนเตา เทหางกะทิในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือ น้ำตาลปี๊บ ขั้นตอนนี้ให้ใช้ไฟกลาง คนส่วนผสมทั้งหมดที่เตรียมไว้ให้เข้ากัน ตอกไข่ใส่กะทิ รอไข่สุก ช้อนขึ้นมาจากหม้อ เตรียมไว้ใส่บัวลอย เป็นสูตรบัวลอย ที่มีส่วนผสมของไข่ต้ม

ขั้นตอนที่ 4 ภายหลังตักไข่ขึ้นมาจากกะทิ ให้เทหัวกะทิที่เหลือลงในหม้อที่ได้ต้มหางกะทิไว้แล้ว คนส่วนผสมดังกล่าวให้เข้ากัน ใส่บัวลอยและมะพร้าวอ่อน ต้มต่อ 10 นาที ทั้งนี้เพื่อให้ความหวานและมันที่มาจากกะทิซึมเข้าไปในเนื้อขนม ครบ 10 นาทีเมื่อไหร่ ตักใส่ถ้วย ท็อปด้วยไข่ต้ม และเนื้อมะพร้าว ก็สามารถรับประทานได้แล้ว

บัวลอย

Trick: ช่วงที่กำลังปั้นแป้ง ขนาดแป้งที่นำมาปั้นไม่ควรเกิน 1 ซม. เพราะถ้าขนาดแป้งเกินกว่านั้น เวลาต้ม ตัวขนมจะขยายตัวจนใหญ่เกินไป ทำให้ดูไม่น่ารับประทาน

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
ขนมหวานไทย

ขนมตาล สีเหลืองสวย นุ่มและฟู อร่อยจัง

ขนมตาล

ขนมไทยโบราณ ขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อน ขนมตาล ขนมพื้นบ้านแสนอร่อย ลูกตาลสุกทำอะไรได้บ้าง วันนี้มีคำตอบ นำมาทำขนมดังนี้

ส่วนผสมในการทำ ขนมตาล

ขนมตาล

ขนม ตาล เป็นเมนูขนมไทยสีเหลือง ที่มีเนื้อขนมค่อนข้างฟูนุ่ม กินง่าย เคี้ยวกับมะพร้าวขูดโรยเกลือนิด ๆ ออกรสเค็มปะแล่มตัดหวานจากเนื้อขนม เป็นรสชาติที่ค่อนข้างอร่อยและลงตัวยิ่งนัก อีกทั้งยังใช้ผลตาลสุกเพียงไม่กี่ผล ก็สามารถนำมาทำขนมได้แล้ว ถ้าถามว่า ระหว่างเบเกอรี่กับขนมดังกล่าว แบบไหนอร่อย กว่ากัน อยู่ที่ความชอบ จะขนมแบบไหนก็อร่อยทั้งนั้น ถ้าทำกินเอง

วัตถุดิบในการเตรียมเนื้อลูกตาลที่สุกแล้วทำยังไง

  • ลูกตาลสุก 2 ลูกพร้อมน้ำสะอาดสำหรับล้างเนื้อตาล
  • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
ขนมตาล

วัตถุดิบในการทำหน้ามะพร้าว

  • แป้งข้าวเจ้า 300 กรัม
  • เนื้อตาลยี 200 กรัม
  • หัวกะทิ 600 กรัม 
  • ยีสต์ 2 ช้อนชา
  • ผงฟู 1+1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทรายขาว 300 กรัม
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูดเส้น ปริมาณตามชอบ

วิธีทำ

ขั้นตอนที่ 1 นำลูกตาล 2 ผลไปล้างให้สะอาด เอาเฉพาะเนื้อตาลใส ๆ ใส่ไว้ในชาม ซึ่งจะเป็นวัตถุดิบในการทำขนมตาล

ขนมตาล

ขั้นตอนที่ 2 ใช้น้ำเกลือล้างเนื้อตาล เพราะเกลือสามารถลดความขมของเนื้อตาลได้ จากนั้นคั้นโดยใช้มือ แล้วยีเนื้อตาลออกมาให้มากที่สุด นำเนื้อตาลไปกรองกับตะแกรง จากนั้นนำมาใส่ในชามอีกใบเพื่อลดความเฝื่อนของ เนื้อลูกตาลสุก

ขั้นตอนที่ 3 ภายหลังวิธียีลูกตาล เรียบร้อยแล้วจนถึงขั้นนำเนื้อตาลมากรองด้วยตะแกรง ก็ยังคงต้อง เทใส่ผ้าขาวบาง 2 ชั้นที่รองด้วยตะแกรงตามด้วยนำชามผสมมารองอีกครั้ง รวบผ้าเข้าหากัน มัดไว้ ทิ้งระยะเวลาประมาณ 1 คืน เพื่อให้น้ำที่อยู่ในเนื้อตาล ไหลออกให้มากที่สุด รอกระทั่งครบเวลา นำเนื้อตาลมาเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่มีฝาปิด

ขั้นตอนที่ 4 ใส่หัวกะทิลงในหม้อตามด้วยเกลือป่น น้ำตาลทราย ขั้นตอนนี้ใช้ไฟอ่อนเท่านั้น รอจนส่วนผสมละลายแล้วปิดเตา พักไว้ให้เย็น

ขนมตาล

ขั้นตอนที่ 5 นำยีสต์และแป้งข้าวเจ้าผสมกัน ใส่เนื้อตาลที่ยีแล้วลงไปคลุกให้ได้ลักษณะคล้ายเม็ดทราย ใช้น้ำกะทินวด ต้องค่อย ๆ เท นวดจนแป้งเนียนและจับตัวเป็นก้อน และนำน้ำกะทิที่เหลือ ละลายแป้งจนเหนียวข้นกระทั่งน้ำกะทิหมดจริง ๆ แล้วนำฟิล์มใสสำหรับแร็ปอาหารมาห่อชามผสมไว้ พักไว้ตรงบริเวณที่มีแดดจัด 3 ชม.

ขั้นตอนที่ 6 เมื่อครบ 3 ชั่วโมง ร่อนผงฟูลงไป คนให้เข้ากัน พักไว้ 10 นาที ตักใส่ถ้วยตะไลแล้วนำไปนึ่งได้เลย ซึ่งก่อนจะนึ่งให้นำพิมพ์ใบตองไปนึ่งก่อน 1 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งติดกับใบตอง จากนั้นถึงหยอดแป้ง แล้วนำไปนึ่ง ใช้เวลานึ่งประมาณ 20 นาที ยกลงจากเตา โรยมะพร้าวทึนทึกขูดฝอยลงบนหน้าขนม แล้วยกเสริ์ฟเพื่อรับประทานได้เลย

ขนมตาล

ขนมตาลเป็นการนำผลลูกตาลสดมาทำขนมสูตรเด็ดให้สมาชิกในครอบครัว รวมถึงเพื่อนและคนรักได้ลองกินขนมอร่อยที่นำผลตาลสุกมาทำขนม ไม่แน่ ถ้าทำขนมตาลเก่ง ๆ สามารถต่อยอดนำมาสร้างอาชีพ ขายขนมได้

อ่านบทความอื่นๆ: